ตอนที่ 9 ขอฝากเพื่อนฉันด้วยนะคะ
ตะวันบ่ายคล้อยวันนี้ท้องฟ้าอึมครึมเหมือนฝนจะตก ลูกค้าไม่ค่อยมีเท่าไหร่นักเสี่ยวหลิงออกมานั่งเล่นหน้าร้าน แม้ว่าไป๋เทียนเฉินไม่ได้มารบกวนเธอ แต่หยางฟงเพื่อนของเขาก็ยังคอยมาหาเธออยู่บ่อย ๆ ครั้งทว่าช่วงหลังมานี้เหมือนเขาจะเดินทางไปต่างประเทศเพื่อทำงานทำให้เธอไม่ได้เจอเขาหลายเดือน และเขายังไม่รู้ว่าเธอนั้นกำลังท้องอีกด้วย
“เสี่ยวหลิงคิดอะไรอยู่นั่งเหม่อเชียวนะ ฉันคิดถึงเธอจังเลยช่วงนี้ฉันวุ่นวายทำให้สองเดือนที่ผ่านมาไม่ได้มาหาเธอ สบายดีหรือเปล่าเอ๊ะ! นี่เธออ้วนขึ้นหรือเปล่านะดูสิสะโพกของเธอหนาขึ้นมากกว่าเดิมอีก” เสียงสูงดังขึ้นสายตาของเธอจ้องมองเสี่ยวหลิงตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้ว่าจะอวบอ้วนขึ้นใบหน้าของเธอกลับผ่องใสมากกว่าเดิมเสียอีก
“หรูเหยามาตั้งแต่เมื่อไหร่ นั่งลงก่อนสิเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำกับขนมมาให้”
“นี่! เสี่ยวหลิงเธอไม่ได้อ้วนใช่มั้ย? ทำไมหน้าท้องของเธอถึงได้ใหญ่เหมือนคนท้องหรือว่าเธอท้อง!!” หรูเหยาคิดตามตั้งแต่ครั้งก่อนที่อาการของเสี่ยวหลิงเหมือนคนแพ้ท้องและตอนนี้ท้องเธอใหญ่ขึ้นเหมือนท้องหลายเดือนแล้ว ดวงตาของหรูเหยาเบิกโพลงอ้าปากค้างก่อนจะยิ้มออกมาระรื่น
“ใช่ เหมือนที่ฉันใช่มั้ย? ฉันดีใจด้วยนะ แต่ทำไมเธอไม่บอกฉันเลยล่ะว่าเธอมีคนรักแล้วเธอไปแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันเป็นเพื่อนคนเดียวของเธอนะ น่าน้อยใจจังที่เธอแต่งงานแต่ไม่ยอมให้ฉันไปร่วมงานแต่งเลย ทั้ง ๆ ที่ฉันคิดถึงเธอตลอด”
“เอ่อ..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ ฉันไม่ได้แต่งงานและไม่มีคนรัก ฉันท้องจริง แต่ท้องเพราะความผิดพลาดนะแต่ฉันไม่อยากทำบาปเลยเก็บเด็กคนนี้เอาไว้” ในเมื่อปิดบังไม่ได้อีกต่อไปเสี่ยวหลิงเลือกที่จะบอกความจริงเรื่องที่เธอท้อง
“อะไรนะ เธอท้องไม่มีพ่อเหรอ? น่าสงสารจังเลยเรื่องมันเป็นมายังไงช่วยเล่าให้ฟังได้มั้ย” หรูเหยาจับมือของเสี่ยวหลิงประคองให้เธอนั่งลงด้วยความเห็นใจ เสี่ยวหลิงเล่าเรื่องของเธอให้แก่หรูเหยาฟังแต่ไม่ได้เล่าความจริงทั้งหมดว่าใครเป็นพ่อของเด็ก เพียงแค่บอกว่าเธอเจอเขาในผับเท่านั้น
“โธ่ ๆ ชีวิตของเธอช่างน่าสงสารจริง ๆ ถ้าเธอเดือดร้อนอะไรบอกฉันได้นะ ฉันพร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอรู้ใช่มั้ยว่าไม่มีใครหวังดีกับเธอเท่าฉันแล้ว”
“อืม ขอบใจเธอมากนะหรูเหยาเธอช่างดีกับฉันจริง ๆ” เสี่ยวหลิงดีใจจริง ๆ ที่เจอเพื่อนที่แสนดีอย่างหรูเหยานี่สินะนางเอกนิยายตัวจริง ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือจิตใจสดใสบริสุทธิ์เสียจนเธอละอายใจจะให้บอกความจริงได้อย่างไรว่าใครเป็นพ่อของเด็กในท้อง เธอจะไม่ยอมทำให้เพื่อนของเธอต้องเสียใจ เธอเองที่จะเลือกเดินออกไปให้หรูเหยามีความสุขกับไป๋เทียนเฉิน และไม่ได้บอกเรื่องที่เธอจะย้ายไปอยู่ที่อื่นหากในอนาคตหรูเหยาแต่งงานกับไป๋เทียนเฉินจริง ๆ คงมีเรื่องให้เธอได้พบเจอเขาอีก เสี่ยวหลิงจึงเลือกที่จะหายไปอย่างเงียบ ๆ ทั้งสองพูดคุยกันอยู่พักใหญ่จนหรูเหยาขอตัวกลับเพราะเย็นนี้มีงานเลี้ยงที่เธอจะต้องไปกับคุณพ่อคุณแม่
ณ โรงแรมหรูแห่งหนึ่งวันนี้มีงานเปิดตัวบริษัทใหญ่นักธุรกิจต่างพากันมาร่วมงานเพื่อแสดงความยินดี ครอบครัวของไป๋เที่ยนเฉินก็ได้มาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้ด้วย หรูเหยาแต่งตัวมาในชุดราตรีสีสมพูอ่อนที่เข้ากับสีผิวของเธอผู้ชายในงานต่างพากันจ้องมองไม่กระพริบตาเพราะตอนนี้เธอเป็นที่จับจ้องของลูกชายเศรษฐีมากมาย แต่ทว่าสายตาของเธอกลับมีเพียงชายคนเดียวคือไป๋เทียนจิน เธอเห็นเขาเดินแยกออกจากคุณแม่เธอถือโอกาสนี้เข้าไปหาเขาทันที
“พี่ไป๋เทียนเฉินสบายดีมั้ยคะ ฉันดีใจจังเลยที่ได้เจอพี่ที่นี่ช่วงนี้พี่คงงานยุ่งสินะขนาดการเตรียมงานหมั้นของเราพี่ยังไม่เคยมาช่วยเลือกของเลย”
“คิดว่าใคร เธอนี่เองเรื่องงานหมั้นฉันบอกไปแล้วไม่ว่าจะจัดที่ไหนจะเลือกอะไรก็ตามใจเธอเถอะ ฉันไม่ว่างที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องอย่างนั้นหรอกนะ”
“แต่ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญของเรานะคะ ทำไมพี่เทียนเฉินดูเหมือนไม่ดีใจเลย”
“เฮ้อ! ฉันมีงานมากมายที่จะต้องทำ แค่งานหมั้นไม่ใช่งานแต่งสักหน่อย อีกอย่างฉันเคยบอกแล้วใช่มั้ย ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่ใจจู้จี้จุกจิกจนน่ารำคาญ”
“ฉันรู้ค่ะ ฉันคิดถึงพี่นี่น่า กว่าจะได้เจอพี่ไม่ใช่เรื่องง่าย จริงสิพี่หยางฟงช่วงนี้ไปไหนคะฉันไม่ค่อยเห็น ฉันมีเรื่องอยากจะแสดงความเสียใจกับเขาเสียหน่อย” หรูเหยาเห็นท่าทีของเทียนเฉินที่แสดงสีหน้าออกมาอย่างชัดเจนที่เริ่มเบื่อและหงุดหงิดใจจึงเริ่มเปลี่ยนเรื่องพูดทันที แม้จะเจ็บลึก ๆ ที่หัวใจที่เขาไม่สนใจเธอเหมือนเมื่อก่อนคงเป็นเพราะช่วงนี้เขางานยุ่ง เธอพยายามที่จะเข้าใจเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็กำลังจะได้เป็นคู่หมั้นอนาคตตำแหน่งภรรยาและคอยเคียงข้างเขาจะเป็นของเธอในที่สุด
“แสดงความเสียใจกบหยางฟง มีเรื่องอะไรที่เธอต้องแสดงความเสียใจกับเพื่อนของฉัน”
“ก็เรื่องเพื่อนของฉันอย่างไรละคะ เหยียนเสี่ยวหลิงคนที่พี่หยางฟงถูกชะตาตอนนี้เธอท้องแถมยังท้องไม่มีพ่อด้วย เธอเป็นคนใจง่ายมันจะปล่อยตัวไปกับผู้ชายไปทั่ว ไปมั่วจนไม่รู้ว่าลูกในท้องมีใครเป็นพ่อ พูดไปแล้วก็น่าสงสารนะคะเธอเองก็เป็นเด็กกำพร้าไม่น่าทำแบบนี้เลย แค่ตัวเองคนเดียวก็พอแล้วแต่เธอกลับทำแบบนี้กับลูกอีก อยากให้ลูกเหมือนตัวเองหรือไง ไม่เข้าใจสักนิดอีกอย่างผู้ชายที่ทำเธอและไม่รับผิดชอบนิสัยไม่ดีสักนิดไร้ความเป็นคนจริง ๆ ” เทียนเฉินได้ยินคำพูดของหรูเหยาใจของเขาเต้นแรงตึกตัก เพราะคนที่เป็นพ่อของเด็กคือเขาที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอ เขาให้ซ่งเถาตรวจสอบก่อนหน้าที่เธอจะนอนกับเขาในคืนนั้น เธอไม่เคยคบหาหรือนอนกับชายอื่นเลย ฉะนั้นเขาจึงมั่นใจว่าลูกในท้องของเสี่ยวหลิงต้องเป็นลูกของเขาแน่นอน และนั่นก็ทำให้เขาสับสนและคิดมากตลอดมาเพราะเธอทำตามที่เธอเขียนในกระดาษจริง ๆ เธอไม่เคยมาหาหรือมาเรียกร้องอะไรจากเขาเลย มีแต่เขาที่คอยเฝ้าตามเธออยู่ไม่ห่าง
“อะไร! ที่พูดเมื่อครู่เรื่องจริงเหรอ” จู่ ๆ เสียงของหยางฟงได้ดังขึ้น
“พี่หยางฟงมาร่วมงานนี้ด้วยหรือคะ”
“ใช่..แต่ว่าเรื่องที่หรูเหยาพูดเมื่อครู่นั่นเรื่องจริงเหรอ”
“ใช่ค่ะ ฉันต้องขอโทษด้วยนะคะที่ตอนนี้เสี่ยวหลิงไม่ได้โสดอย่างที่ฉันเคยแนะนำ”
“ไม่โสดฉันก็ไม่แคร์หรอกนะ ชีวิตของเธอช่างน่าสงสารฉันเองก็เคยมีครอบครัว เรื่องแค่นี้ฉันรับได้เพราะฉันถูกกชะตากับคุณเสี่ยวหลิงจริง ๆ เอาไว้พรุ่งนี้ต้องไปหาที่ร้านหน่อยแล้ว”
“อย่าบอกนะว่านายรับได้ไม่ว่าเธอจะท้องลูกของใคร” เทียนเฉินพูดน้ำเสียงเรียบเฉยสะกดอารมณ์หงุดหงิดใจเอาไว้จนเส้นเลือดที่ใบหน้าปรากฎขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ใช่นะสิ เธอน่าสงสารยิ่งท้องไม่มีพ่อ ชีวิตของเธอเคยเป็นเด็กกำพร้าคงไม่อยากให้ลูกเป็นเด็กกำพร้าเหมือนตัวเองหรอก เพียงแค่โชคไม่ดีเจอผู้ชายชาติชั่วที่ไม่สนใจชีวิตคนอื่น สนใจแค่ชีวิตตัวเองทั้ง ๆ ที่ไข่เอาไว้แต่ไม่รับผิดชอบ ฉันจะยอมรับเป็นพ่อของเด็กเองหากคุณเสี่ยวหลิงเปิดโอกาสให้ ขอบคุณหรูเหยาที่บอกเรื่องนี้นะ” หยางฟงพูดด้วยความแน่วแน่ใบหน้าจริงจังจนหรูเหยาต้องยกมือมาทาบอกทราบซึ้งแทนเพื่อนของตัวเอง
“ฉันดีใจจริง ๆ ที่เสี่ยวหลิงจะได้พบเจอคนที่ดีเหมือนพี่หยางฟง ฉันฝากเพื่อนของฉันด้วยนะคะ” หยางฟงยิ้มรับก่อนจะเดินไปที่อื่นเพราะเขาคือหุ่นส่วนบริษัทที่จัดงานเลี้ยงในคืนนี้ ส่วนเทียนเฉินเขากำแก้วไวน์ในมือแน่น กระดกเข้าปากรวดเดียวในใจร้อนรุ่มยิ่งกว่าเดิม ที่ได้ยินคำพูดของเพื่อนรัก
ตอนที่ 32 ความเจ็บปวดที่งดงามเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้วเสียอีก ความเจ็บปวดของการเบ่งลูกเป็นการเจ็บปวดเจียนตายจริง ๆ แต่ทว่าเมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกน้อย เธอแทบลืมความเจ็บปวดนั้นไปจนหมดสิ้น“ตื่นแล้วหรือ? เป็นอย่างไรบ้างเจ็บแผลมากหรือเปล่า” “แม่ไป๋มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”“ฉันมาตั้งแต่เธอเข้าห้องคลอดแล้วล่ะ เหนื่อยมากสินะเธอหลับตั้งแต่คลอดลูกเสร็จและตื่นขึ้นในอีกวันเลย ฉันเฝ้าเธอทั้งคืนกลัวว่าเธอจะไม่ตื่นมาซ่ะแล้ว เกือบจะออกไปตามหมอมาตรวจดูเธอดีนะที่เธอตื่นขึ้นมาก่อน”“แล้วลูกละคะ เด็กเป็นอย่างไรบ้าง”“นี่ไงเล่าเจ้าตัวเล็ก ดีที่มีพยาบาลมาคอยช่วยดูและป้อนนมให้ไม่อย่างนั้นคงร้องทั้งคืน ส่วนเทียนเฉินเขาจะเฝ้าเธออยู่ที่นี่แต่ฉันไม่ไว้ใจกลัวจะดูแลกันไม่ดี แถมยังไม่เคยเลี้ยงเด็กอีกด้วยเลยให้กลับไปพักที่บ้านนะ นี่ก็คงจะเดินทางมาแล้วล่ะคงนอนไม่หลับทั้งคืนแน่ ๆ” แม่ไป๋อุ้มเด็กทารกตัวเล็กแต่เนื้อหนังเต็มไม้เต็มมือแถมยังมีแก้มที่ใหญ่จนแทบปิดจมูกหน้าตาน่าเกียจน่าชังมาวางไว้ที่แขนของเสี่ยวหลิงให้เธอได้กอดลูกสาว วินาทีนั้นน้ำตาของเธอไหลรินออกมาด้วยความตื้นตันเมื่อเห็น
ตอนที่ 31 หนีไม่พ้นกฎหมายเทียนเฉินเห็นมู่หวางฉีหลบเขารีบพาเสี่ยวหลิงมาหลบหลังรถเช่นเดียวกัน พวกพ้องของคุณพ่อก็รีบพากันหลบกระสุนกลัวจะโดนลูกหลง เสียงรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าทุกคนพร้อมทหารหลายนายถืออาวุธมาเต็มมือไปหมด“ฉันคือนายพลเว่ยถิงชิง ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดของเขตมณฑลเจียงซีและมณฑลเติ่งหัว วางอาวุธและยอมจำนนแต่โดยดีหากไม่อยากสูญเสียไปมากกว่านี้ ไม่ว่าจะหนีไปทางไหนก็ไม่สามารถหนีรอดไปได้ทหารของหน่วยเราล้อมรอบไว้หมดแล้ว” นายพลเว่ยเดินลงรถมาอย่างไม่เกรงกลัว เทียนเฉินเริ่มมีสีหน้าดีขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนของเขามาช่วยทันเวลาพอดี“ฮ่า ฮ่าคิดว่าใครที่แท้ก็นายพลเว่ยนี่เอง เรื่องที่เกิดขึ้นมันแค่เรื่องเข้าใจผิดและเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่เห็นต้องให้ท่านนายพลมาที่นี่ด้วยตัวเองเลย”“เลิกพูดจาไร้สาระยังไม่รู้ตัวอีกหรือที่ฉันมาที่นี่เพราะอะไร อาวุธที่ถืออยู่เป็นอาวุธที่ไม่มีใครสามารถมีได้ง่าย ๆ มองจากสายตาแล้วไม่ใช่มีแค่อันเดียวลูกน้องด้านหลังก็ยังถืออาวุธสงครามครบมือ แบบนี้เรียกเล็กน้อยหรือ ? ตอนนี้ทางการมีหลักฐานที่คุณไปจับมือกับองค์กรมืด ฉันได้ดำเนินการจัดการตัดแขนตัดขาทุกเส้นทางแล้ว ยอมจำนนเสียเถอะอย่า
ตอนที่ 30 ช่วยเสี่ยวหลิงตอนนี้ทุกคนรู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงผ่านซ่งเถา บอดี้การ์ดที่มีฝีมือต่างพากันเดินทางไปช่วยเหลือเสี่ยวหลิงไป๋ฟู่หนานสั่งให้คุณนายไป๋รออยู่ที่บ้านเผื่อว่านายพลเว่ยจะเข้ามาจะได้บอกเขาว่าเกิดอะไรขึ้นให้เขารีบตามไปช่วยอีกแรง ส่วนเขารีบไปหาเพื่อนที่ร้านบะหมี่ ความเป็นเพื่อนเมื่อเห็นเพื่อนเดือดร้อนขอความช่วยเหลือรีบสั่งให้ภรรยาปิดร้านเขากับพรรคพวกแก๊งมังกรบะหมี่ไฟพากันยกพวกไปช่วยเสี่ยวหลิงอีกแรงโกดังร้าง“นังเสี่ยวหลิงเป็นยังไงบ้างอดข้าวอดน้ำมาทั้งวันยังแรงดีอยู่มั้ย”“เมื่อครู่ผมเข้าไปดูเหมือนว่าตอนนี้จะดูอิดโรยหมดแรงไปแล้วครับ” “เอาน้ำไปสาดมันสิ เมื่อเช้ายังปากดีอยู่เลย”“ได้ครับท่าน” มู่หวางฉีเดินเข้ามาเห็นสภาพของเสี่ยวหลิงที่นั่งพิงเสาอยู่ริมฝีปากแห้งเหือดขาดน้ำ เขาเดินไปเอาเท้าเขี่ยเธอเพื่อเรียกให้เธอตื่น“นี่นังเสี่ยวหลิงอย่ามาสำออย อดน้ำอดข้าวยังไม่ถึงวันเลยจะมาตายง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไง” แท้ที่จริงเสี่ยวหลิงไม่ได้อดอย่างที่มู่หวางฉีเข้าใจแต่เธอแค่แสร้งเท่านั้น มีมิติจะปล่อยให้ตัวเองอดอยากทำไมกัน เธอวางแผนที่จะหนีในคืนนี้ด้วยการนำยาสลบแบบควันโยนใส่ชายฉกรรจ์ที่เ
ตอนที่ 29 รู้ที่อยู่ของเสี่ยวหลิงร้านบะหมี่เก่า ๆ แต่มีคนเข้าตลอดทั้งวัน ขายดิบขายดีเพราะความอร่อย ไป่ฟู่หนานนั่งลงที่เก้าอี้หมางเฟยเดินออกมาต้อนรับเมื่อเห็นใบหน้าของสหายเก่าเขายิ้มกว้างพูดเสียงดังเดินเข้ามากอดด้วยความคิดถึง“โฮ๊ะ ๆ คิดว่าใครที่แท้ก็สหายเก่าของฉันนี่เอง สบายดีมั้ยเป็นยังไงมายังไงถึงได้มาที่นี่ได้”“ฉันสบายดีแต่ตอนนี้เริ่มไม่สบายแล้วที่มาวันนี้เพราะอยากขอความช่วยเหลือจากนายสักหน่อย”“นายต้องการให้พ่อค้าขายบะหมี่ช่วยเหลืออะไร นายมันร่ำรวยเป็นเจ้าของโรงงานใหญ่โตคงมิใช่มายืมเงินหรอกนะ ฮ่า ฮ่า” ตามประสาเพื่อนหมางเฟยพูดทีเล่นทีจริงแต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเคลียดของเพื่อนกลับหุบยิ้มทันทีและเรียกหาภรรยา“เว่ยเว่ยช่วยดูหน้าร้านให้ฉันสักครู่ก่อนนะ ส่วนนายตามเข้ามา” เนื้อเสียงเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเรียบเดินนำหน้าไป๋ฟูหนานเข้าไปด้านใน"เรื่องอะไรที่ทำให้นายไม่สบายใจ"“ตอนนี้ลูกสะใภ้ของฉันถูกจับตัวไป ฉันไปแจ้งความก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไร ก่อนหน้านี้ครอบครัวของฉันีปัญหากับตระกูลมู่ นายรู้บ้างมั้ยว่าตระกูลมู่ติดต่อกับองค์กรมืดฉันอยากจะให้นายช่วยตามหาลูกสะใภ้ฉันที ตอนนี้เธอท้องแก่ใกล้คลอดฉัน
ตอนที่ 28 ค่อย ๆ ทรมานตึง ตึง ตึงเจี้ยวจ้าว ๆเสียงฝีเท้าคนมากมายเดินไปมาพร้อมกับเสียงพูดกันมากมาย ทำให้ร่างบางสะลึมสะลืมยกเปลือกตาที่หนักอึ้งกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เธอจำได้ว่าตัวเองอยู่ในห้องน้ำกำลังจะเดินออกมาจากนั้นทุกอย่างดับวูบไปหมด ทว่าตอนนี้เธอกลับปวดเนื้อปวดตัวเหมือนระบมไปทั้งตัว‘อึดอัดจังเหมือนฉันโดนมัดยังไงอย่างนั้น’ เสี่ยวหลิงคิดในใจก่อนที่จะลืมตามองชัด ๆ เธอถูดมัดเอาไว้ติดเสาขนาดใหญ่ ในโกดังร้างที่มองไปทางไหนมีแต่ฝุ่นคละคลุ้มเต็มอากาศ ชายฉกรรจ์น่ากลัวมากมายหลายคนที่ยืนเฝ้าอยู่ล้อมรอบไปหมด“อะไรกันอย่าบอกนะว่าฉันถูกหลักพาตัว” เสี่ยวหลิงตระหนักได้ถึงเรื่องน่าเกลงกลัว ร่างเล็กสั่นสะท้านไปถึงด้านในหรือว่านี่จะเป็นจุดจบของเธอ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อหาในนิยายตอนจบยังไงเธอก็หนีไม่พ้นความตายอยู่ดี ใจของเธอเต้นแรงมากกว่าเดิม ความกลัวเริ่มโหมกระหน่ำเข้ามาภายในจิตใจ“ฟื้นแล้วสินะ ใบหน้าก็สวยไม่น่าเลือกที่จะขัดใจคุณหนูของเราเลย เสียดายเสียจริง” เสียงเข้มขรึมดังขึ้นเมื่อเห็นเสี่ยวหลิงลืมตาขึ้นมา“พวกแกเป็นใครจับฉันมาทำไมฉันไปทำอะไรให้ หรือว่านี่เป็นฝีมือของหรูเหยา”“ฉลาดดีนิแต่นี่ไ
ตอนที่ 27 ลักพาตัวบ้านตระกูลไป๋เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสระหว่างสองวันที่ผ่านมาเสี่ยวหลิงอยู่กับครอบครัวของเทียนเฉินได้รับการเอาอกเอาใจ การเคลื่อนไหวของฝั่งนั้นก็เงียบสงบ จนวันนี้คุณนายไป๋ชักชวนเสี่ยวหลิงออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อเตรียมของใช้เด็กอ่อนเข้าบ้าน“เสี่ยวหลิววันนี้เราออกไปข้างนอกกันมั้ย? ฉันคิดว่าเราควรซื้อของเตรียมเอาไว้ได้แล้ว ยังไม่มีของใช้เด็กอ่อนเลยหากไม่เตรียมไว้เกิดจู่ ๆ คลอดคืนนี้จะทำยังไง”“ไม่ได้ฉันไม่ให้ออกไปยิ่งตอนนี้เทียนเฉินไม่อยู่ด้วย ความปลอดภัยของทุกคนสำคัญมากกว่าเอาไว้เทียนเฉินกลับมาค่อยออกไป” ไป๋ฟู่หนานพูดขึ้นทันควันไม่อยากให้ทั้งสองออกไปข้างนอกเพราะเป็นห่วง“กลางวันแซก ๆ ไม่มีใครเขาลงมือกันหรอกนะ อีกอย่างเราไม่ได้ออกไปสองคนสักหน่อยยังมีบอดี้การ์ดตั้งหลายคนคอยตามประกบหน้าประกบหลัง หรือไม่อย่างนั้นคุณก็ออกไปด้วยกันสิ” คุณนายไป๋ยังไม่ยอมดึงดันที่จะไปข้างนอก จนพ่อของเทียนเฉินใจอ่อน“เอาย่างนั้นก็ได้ แต่ห้ามทั้งสองเดินเพ่นพ่านให้เดินจับกลุ่มกันไว้ เพิ่มบอดี้การ์ดสิบคนกำลังดี”“ดีเลย หนูเสี่ยวหลิงอยากได้อะไรหยิบได้เต็มที่เลยนะอะไรที่เป็นของใช้หลานฉันจะจ่ายเอง”