บทที่ 9 ความฝัน
ตึกตัก ตึกตัก
‘ไม่ว่าจะกี่ปีผู้หญิงคนนี้ยังคงงดงามไม่เปลี่ยน หัวใจฉันเองก็เหมือนกันยังคงเต้นแรงเสมือนครั้งแรกที่ได้พบเจอกัน นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้เข้าใกล้เธอขนาดนี้แถมครั้งนี้เธอไม่แม้จะต่อว่ากลับกลายเป็นใบหน้าที่เขินอายแดงระเรื่อแทน หรือว่าตอนนี้เธอเริ่มมีใจให้ฉันบ้างแล้ว เวลาที่ฉันรอคอยจะเข้ามาใกล้แล้วสินะหัวใจที่เป็นดั่งหินผาฉันจะทำลายมันเอง’ ยั่วถงมองหญิงสาวในอ้อมกอดหัวใจของเขาเต้นแรงตึกตักตลอดทาง วันนี้เธอช่างงดงามที่สุดในสายตาของเขาจริง ๆ และเหมือนโชคชะตาจะเข้าข้างเขาให้เขาได้ใกล้ชิดกับจื่อเหยาและมีเวลาร่วมกัน แม้แต่เจ้อหยูร์ยังเปิดโอกาสให้เขาได้อยู่กับเธอ เขาค่อย ๆ อุ้มเธอวางลงบนเตียงนอนในห้องของเธอร่างเล็กใบหน้าแดงระเรื่อราวมะเขือเทศยังไม่จาง เขายื่นมือไปถอดรองเท้าให้เธออย่างเบามือ
“ข้อเท้าคุณบวมแดงมากเลย เดี๋ยวผมจะไปเอายามาให้กินยาแล้วนอนพักเถอะพรุ่งนี้น่าจะดีขึ้นอย่าเดินมากนักเข้าใจมั้ย” จื่อเหยาทำตัวไม่ถูกตอบเขากลับอย่างขัดเขิน
“อะ..อืม…” เขาเดินออกไปจากห้องของเธอเพื่อไปเอายาไม่นานเขากลับเข้ามาพร้อมน้ำเปล่า นั่งลงบนเตียงยื่นยาให้เธอกินก่อนจะลุกเดินออกไป
“คุณนอนพักเถอะ เดี๋ยวผมจะไปดูเจ้อหยูร์กับคุณแม่ก่อนว่ามาหรือยัง” เขาพูดขึ้นสองมือจับไปยังลูกบิดที่ประตูสองเท้ากำลังจะก้าวเท้าออก จู่ ๆ จื่อเหยาได้เอ่ยโพลงออกมาเสียงดัง
“ขอบใจนะ ที่คุณดูแลฉันวันนี้แต่อย่าคิดเข้าข้างตัวเองว่าฉันจะดีกับคุณนะ มันคนละเรื่องกัน” ยั่วถงชะงักเล็กน้อยก่อนจะแสยะยิ้มออกมาที่มุมปาก และปิดประตูห้องให้แก่จื่อเหยาเมื่อเขาออกไปเธอแทบจะมุดผ้าห่มหนี
“อ๊ากก นี่ฉันทำอะไรลงไป ….ฉันจะต้องไม่สนใจและแยแสต่อให้เขาทำดีขนาดไหนก็อย่าไปรู้สึกดีด้วยสิ อย่าลืมนะว่าเขาพรากจื่อเหยามาจากคนรักนะ” ร่างเล็กโน้มตัวลงนอนดิ้นไปมาบนเตียงนอนใบหน้าแดงก่ำทว่าจู่ ๆ ความรู้สึกเขินอายกลับหายไปเป็นคิ้วขมวดแทน
“เอ๊ะ เดี๋ยวสิ! หรือว่าเขาทำแบบนี้เพื่อให้ฉันตายใจและหาทางกำจัดฉันอีกครั้ง ไม่แน่นะอาจจะเป็นแบบที่ฉันคิดก็ได้” เธอเริ่มครุ่นคิดเรื่องปริศนาของจื่อเหยาอีกรอบจนไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับไปเมื่อไหร่
เปรี้ยง! เสียงคำรามบนท้องฟ้าเสียงสว่างวาบเข้ามาในห้องนอนที่มืดสนิทจนมีแสงสว่างร่างเล็กนอนหลับ ๆ ตื่น ๆ กระสับกระส่าย ในความมืดมิดม่านหมอกอึกครึมเธอเดินไปที่สะพานตรงสระน้ำหลังบ้าน เห็นคลับคลายคลับคลาเหมือนว่ากำลังมีคนทะเลาะวิวาทกันอยู่ สองเท้าของเธอรีบเดินเข้าไปใกล้ ๆ แต่เหมือนว่าหมอกจะหนามากกว่าเดิมภาพข้างหน้าเริ่มไม่ชัดเจน หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้างสระนั่นคือจื่อเหยาไม่ใช่หรือ? เธอรีบเดินสาวเท้าไปเร็วมากกว่าเดิม แต่ทว่าเธอกลับไม่ได้ยืนอยู่คนเดียวยังมีคนยืนอยู่ตรงนั้นอีกสองคน สีหน้าของเธอเริ่มตึงเคียดไม่ว่าจะก้าวเท้ามากเท่าไหร่เหมือนมันยิ่งช้าลง จนกระทั่งสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจื่อเหยาผลักเธอตกน้ำ แม้จะมีสีหน้าตื่นตระหยกแต่ก็ไม่ยอมแม้จะยื่นมือไปช่วยเธอด้วยซ้ำ พากันยืนมองอยู่พักใหญ่เมื่อไม่เห็นร่างของจื่อเหยาโผล่ขึ้นมาทั้งสองรีบพากันวิ่งหนีทันที
“จื่อเหยา จื่อเหยาอย่าเป็นอะไรนะ ฉันกำลังไปช่วยเธอแล้ว” หลินชิงเสียงเดินกึ่งวิ่งไปหาจื่อเหยาทว่าตอนนั้นเสียงฟ้าร้องสายฟ้าร้องโครมครามทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนจะได้เข้าไปช่วยจื่อเหยาด้วยซ้ำ
“เปรี้ยง!!!.”
“เฮือก! นี่ฉันฝันหรอกหรือ? เดี๋ยวสิเมื่อครู่ที่ฉันฝันทำไมเหมือนความจริงเสียจริง หรือว่าจื่อเหยาอยากให้ฉันรู้เร็ว ๆ ว่าใครกันที่เป็นคนทำร้ายเธอ คนร้ายมีสองคนน่าเสียดายที่ความฝันของฉันมองไม่เห็นใบหน้าของทั้งสองอย่างชัดเจน น่าเสียดายจริง ๆ ” เธอลุกขึ้นนั่งปาดเหงื่อก่อนจะลุกขึ้นดื่มน้ำ ข้อเท้าของเธอเริ่มดีขึ้นมากแล้ว ทว่าเธอกลับมานอนไม่หลับอีกต่อไปไม่ว่าจะเป็นเสียงฟ้าเสียงฝนและความฝันเมื่อครู่
ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมีแสงสว่างฟ้าฝนที่ตกเมื่อคืนนี้กลับเงียบสนิท วันนี้เธอจะต้องสืบเรื่องหาคนร้ายให้ได้ สิ่งแรกที่เธอจะทำคือเข้าหาแม่หลี่ดูการพูดการจาและนิสัยในความฝันมีคนร้ายอยู่สองคนไม่แน่เรื่องนี้แม่หลี่กับยั่วถงอาจจะวางแผนร่วมกันก็ได้
ก๊อก ๆ เสียงประตูห้องของเธอดังขึ้นระหว่างที่เธอแต่งตัวเสร็จพอดี
“ผมเอง คุณตื่นหรือยังข้อเท้าเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงทุ่มต่ำของยั่งถงที่เอ่ยถามเธออยู่ด้านนอก เธอเดินออกมาเปิดประตูพร้อมออกไปหาเขา
“ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่เห็นจะมีอะไรให้เป็นห่วงตอนนี้ฉันหิวแล้วลงไปข้างล่างกันเถอะ” เธอพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้คล้ายจื่อเหยาให้มากที่สุดแม้ว่าหัวใจของเธอจะเต้นแรงกับเขามากแค่ไหนเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนนี้
“คุณหายดีผมก็โล่งอก ตอนนี้คุณแม่ให้สาวใช้ทำกับข้าวไว้รอแล้วเจ้อหยูร์ก็นั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วลงไปพร้อมกันเถอะจะให้ผมช่วยจับมือเดินลงบันได้มั้ย”
“ไม่ต้องฉันเดินเองได้ เมื่อคืนนี้ฉันเปลืองตัวให้คุณใกล้ชิดมากพอแล้ว อย่าหวังว่าจะเข้าใกล้ฉันมากไปกว่านั้นเลย” จื่อเหยาเดินลงมาอย่างคล่องแคล้วตรงไปที่โต๊ะอาหารเห็นเจ้อหยูร์นั่งอยู่ตรงนั้นใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสไม่เหมือนที่เธอเจอครั้งแรก
“คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างครับได้ยินจากคุณพ่อว่าคุณแม่เจ็บที่ข้อเท้า ”
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะ ลูกคงสนุกมากสินะดูจากสีหน้าแล้วสดใสเชียว”
“ครับมื้อคืนนี้คุณย่าพาเดินเล่นทั่วทั้งงานเลย” เด็กชายดวงตาเป็นประกายเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน แม้ว่าอยากจะเดินเล่นกับคุณพ่อคุณแม่ทว่าเขาก็อยากให้ทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันใช้เวลาร่วมกันบ้าง ตั้งแต่จำความได้นี่เป็นครั้งแรกที่คุณแม่ยอมออกไปข้างนอกพร้อมกับคุณพ่อ
“เอาล่ะ ๆ มานั่งลงเถอะถึงเวลากินข้าวแล้ววันนี้ยั่วถงต้องออกไปทำงานเดี๋ยวจะสายแม้จะเป็นเจ้าของโรงงานเราจะต้องทำตัวให้ลูกน้องเห็นเป็นตัวอย่างที่ดี เธอไปตามพี่ใภ้ใหญ่กับซืออี้ลงมากินข้าวพร้อมกัน ป่านนี้ยังไม่ลงมาจะไปทำธุรกิจกับเพื่อน ๆ ได้ยังไงกัน เฮ้อ คิดแล้วก็ปวดหัว” แม่หลี่สั่งให้สาวใช้ไปตามลูกชายคนโตกับลูกสะใภ้ให้มากินข้าวเช้าพร้อมกัน เพราะเธออยากจะพูดเรื่องการลงทุนทำธุรกิจต่อหน้าทุกคนในครอบครัว อีกทั้งวันนี้เป็นวันที่ต้องจ่ายเงินกงสีให้ทุกคนอีกด้วย
บทที่ 27 เข้าที่เข้าทาง3 เดือนต่อมาหลังจากวันนั้นซืออี้ถูกจับขังคุกตลอดชีวิต ข้อหาวางแผนพยายามฆ่า ส่วนมือปืนรับจ้างถูกจับคุก 10 ปี เพราะยังไม่ได้ลงมือทำร้ายและให้การเป็นประโยชน์แก่ตำรวจจึงถูกสั่งจำคุกเพียงแต่ 10 ปี โดยมียั่วถงไปเยี่ยมเพื่อแจ้งข่าวเรื่องครอบครัวเขาบ่อย ๆ ส่วนหลันเหย่ หลังจากที่เธอฟื้นเธอเสียสติเสียใจที่เสียลูกและเห็นภาพหลอนเฝ้าตามหลอกหลอนเธอไม่หยุด ทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็นหญิงสติไม่ดี บางวันมีนิสัยดุร้ายบางวันก็ร้องไห้เสียใจ บางวันก็เกิดอาการหวาดกลัวกรี๊ดร้องทั้งวัน หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล ทางครอบครัวของเธอไม่รับเธอเป็นลูกเพราะความอับอายตัดขาดและทิ้งเธอเอาไว้จนมีหน่วยงานต้องเอาตัวเธอเข้าไปเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลจิตเวช“เธอได้ยินข่าวคุณหลันเหย่มั้ย ? ฉันไปตลาดมาเมื่อเช้าได้ยินเขาคุยกันว่าสติไม่ดี คงเป็นเพราะทำเรื่องร้าย ๆ กับคนอื่นจนหวาดระแวงและคิดไปเองจนเห็นภาพหลอน”“นั่นคงเป็นผลกรรมของเธอนะสิ ที่คิดทำร้ายคุณหญิงใหญ่และทุกคนในครอบครัวไม่เว้นแม้กระทั่งคุณชายเจ้อหยูร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไร ทำให้เธอเสียลูกในท้อง ฉันคิดแล้วก็สงสัยตั้งแต่ตอนที่เธอหลอนครั้งแรก คงเป็นเพราะทำความ
บทที่ 26 กรรมตามสนองบ้านตระกูลหลี่แฮ่ก แฮ่ก !!“อย่ามานะฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”“สะใภ้ใหญ่เธอมันชั่วร้ายจริง ๆ ฉันจะพาเธอมาอยู่ด้วยไปอยู่ด้วยกันเถอะนะ ฉันจะไม่ยอมให้เธอได้ใช้ชีวิตสุขสบายกับสมบัติของฉันหรอกอย่าหวังไปเลย” แม่หลี่เดินเข้ามาสภาพที่คอหักเลือดอาบหน้าเดินใกล้เข้ามาหาหลันเหย่ที่นอนอยู่“ไม่!! ฉันไม่ไป ฉันไม่ได้ทำ” เธอเริ่มใช้มือปัดไล่ไม่ให้ทุกคนเข้ามาใกล้ก่อนที่จะมีอีกคนเดินตามมา ใบหน้าของยั่วถงเละจนดูไม่ได้ยิ่งทำให้เธอขวัญกระเจิงไปกันใหญ่“พี่สะใภ้ อย่ากลัวสิครับขนาดตอนที่พี่สะใภ้รวมหัวกับพี่ซืออี้ยังไม่เห็นจะมีความกลัวอะไรเลย”“คุณป้าครับ ผมยังไม่อยากตายทำไมคุณป้าถึงทำแบบนี้กับผม คุณป้ากำลังท้องอยู่ไม่นึกสงสารผมหรือไง ผมเหงาไม่มีเพื่อนเล่นผมจะเอาน้องในท้องของคุณป้าไปเป็นเพื่อนเล่นของผม”เจ้อหยูร์ร่างกายอืดบวมชี้นิ้วมาที่ท้องของหลันเหย่เธอรีบใช้มือปิดหน้าท้องด้วยความเป็นห่วงลูกทันที“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าฉันจะตามหลอกหลอนไม่ว่าจะหลับหรือตื่น หลันเหย่เธอไม่เกรงกลัวอะไรอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง มาสิมาด้วยกันฉันจะพาเธอไปเอาสมบัติที่มากกว่านี้อีก” ทุกคนต่างพากันเดินตรงเข้ามายื่นมือจั
บทที่ 25 จัดการหลันเหย่ฝั่งหลันเหย่เธอนั่งเล่นอยู่โต๊ะต้อนรับกลางบ้าน นั่งหยิบจับเครื่องประดับชื่นชมดวงตาเป็นประกาย“ฮึ ๆ ในที่สุดของพวกนี้ก็เป็นของฉัน ดีนะที่พี่ซืออี้ไม่เอาไปขายหมด ส่วนนี้ฉันจะเก็บเอาไว้เวลาใส่ออกงาน นี่เธอนะช่วยเอาของพวกนี้ขึ้นไปไว้ที่ห้องให้ฉันแล้วก็กลับไปพักผ่อนได้ พรุ่งนี้ฉันอยากกินไก่ดำตุ๋น รีบตื่นมาทำให้ฉันตั้งแต่เช้าตรู่ด้วยล่ะอย่าทำให้ฉันอารมณ์เสียไม่อย่างนั้นฉันจะไล่ออกให้หมด” หลันเหย่ชี้นิ้วสั่งสาวใช้จนพวกเธอรีบก้มหน้ารับคำของเธอทันที“ได้ค่ะคุณหลันเหย่”“ไม่ใช่ต่อจากนี้ฉันไม่ใช่สะใภ้ใหญ่บ้านหลังนี้ ต่อจากนี้ต้องเรียกฉันว่านายหญิงใหญ่ เรียกใหม่สิ”“ค่ะนายหญิงใหญ่” สาวใช้พูดจบรีบพากันยกกล่องที่ใส่เครื่องประดับขึ้นไปไว้ที่ห้องตามสั่ง ส่วนหลันเหย่เธอหัวเราะออกมาอย่างชอบใจก่อนจะลุกขึ้นยืนกวาดสายตามองแสยะยิ้มพร้อมพูดออกมาอย่างมีความสุข“ฮ่า ฮ่า นี่สินะความสุขที่แท้จริง ในที่สุดบ้านหลังนี้ก็เป็นของฉัน พรุ่งนี้ฉันคงต้องให้สาวใช้เก็บของใช้นังแก่หนังเหนียว ยั่วถงกับนังจื่อเหยาพร้อมของลูกชายเธอเอาไปเผาทิ้งให้หมด ป่านนี้ศพจะหาพบหรือยังนะ คงจะขึ้นอืดอยู่ในน้ำทะเลหรือ
บทที่ 24 สะใจจริง ๆฝั่งด้านซืออี้เมื่อได้รับโทรเลขจากคนที่เขาว่าจ้าง เขาแทบจะคุมอารมณ์แสดงความดีใจเอาไว้ไม่ได้ รีบเดินกึ่งวิ่งไปหาภรรยาทันที“หลันเหย่ภรรยาที่รักของพี่ วันนี้เป็นวันดีของเขาจริง ๆ เราออกไปกินข้าวนอกบ้านเพื่อเฉลิมฉลองกันเถอะ ”“พี่ซืออี้แผนของเราสำเร็จแล้วใช่มั้ยคะ”“ใช่แล้ว ต่อจากนี้จะไม่มีใครมาคอยต่อว่าเราอีกต่อไป วันนี้หลันเหย่ของพี่อยากได้อะไรเสื้อผ้าของใช้หรือเครื่องประดับอะไรพี่จะตามใจเธอทุกอย่าง ฮ่า ฮ่า มีความสุขจริงโว้ย” หลันเหย่ยิ้มระรื่นเมื่อได้ยินข่าวดีจากสามี รีบเข้ากอดสามีด้วยความดีใจ“ฉันดีใจที่สุดเลย พี่ซืออี้ต่อจากนี้เราจะรวยกันแล้วใช่มั้ยฉันจะได้เป็นนายหญิงใหญ่ของบ้านตระกูลหลี่ ไหนจะโรงงานเย็บผ้าอีก เราไม่ต้องรอเงินกงสีอีกต่อไป อย่างนั้นฉันจะแต่งตัวสวย ๆ เราจะได้ออกไปกินข้าวของนอกกัน” หลันเหย่ผละออกจากสามีรีบเดินไปหน้ากระจกแต่งใบหน้าให้สวยงามทั้งสองพากันออกไปกินข้าวนอกบ้านอย่างสุขสบายใจ นำเงินของแม่หลี่ไปถลุงใช้อย่างไม่เสียดาย จนถึงช่วงหัวค่ำ จู่ ๆ ทีวีได้มีข่าวด่วน ที่ร้านอาหารดังขึ้น“ข่าวด่วนตอนนี้มีรายงานเข้ามาว่ามีรถเก๋งทะเบียนXXX เกิดอุบัติเหตุพ
บทที่ 23 ซ้อนแผนรุ่งเช้าวันถัดมาทุกอย่างเป็นไปตามที่ซืออี้วางแผนเอาไว้ ตอนนี้รถของน้องชายกำลังเคลื่อนตัวออกจากบ้าน ใบหน้าสองคนผัวเมียยิ้มออกมาด้วยความสุข“ขอให้ทุกคนพักผ่อนให้สบายนะ ต่อจากนี้ทุกอย่างในบ้านหลังนี้ฉันจะดูแลเอง” หลันเหย่พูดขึ้นเมื่ออยู่กับสามีเพียงสองคน สาวใช้หลังส่งเจ้านายเสร็จก็พากันกลับเข้าไปในบ้านทำหน้าที่ของตัวเอง“หลันเหย่ของพี่ต่อจากนี้ไม่ว่าจะตรงไหนของบ้านหลังนี้จะเป็นของเธอทั้งหมด ลูกจ้าเมื่อไหร่ที่ลูกลืมตาขึ้นมาดูโลก พ่อจะเตรียมทุกอย่างไว้ให้ลูกเอง ตอนนี้เธอไปนอนเล่นกินของอร่อย ๆ ให้สบายใจเถอะนะไม่เกินเย็นวันนี้เราจะได้รับข่าวดีเมื่อนั้นไม่ว่าอะไรหรือของในบ้านจะตกเป็นของเราสองคน” ซืออี้เข้าไปโอบเอวของภรรยาพาเธอเดินเข้าบ้าน ก่อนที่เขาจะขึ้นไปที่ห้องของคุณแม่เพื่อดูสมบัติทั้งหมดที่คุณแม่มียิ่งทำให้ความโลภของเขามีมากกว่าเดิม“เย็นวันนี้ของพวกนี้จะเป็นของฉันทั้งหมด ฮ่า ฮ่า มีความสุขจริง ๆ ต่อจากนี้จะไม่มีคุณแม่ที่คอยบ่นและต่อว่าไม่ต้องมียั่วถงที่คอยทำอะไรขัดหูขัดตา ฉันจะใช้เงินทั้งหมดอย่างมีความสุขเลยคอยดู” เขาหัวเราะออกมาด้วยความคึกคะนองหากวันนี้มีข่าวออกมาเมื่อไ
บทที่ 22 แปลกใจหลายวันต่อมา ตั้งแต่ที่จื่อเหยาปรับความเข้าใจความรักของทั้งสองเริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างเบิกบาน ซืออี้ก็ออกไปทำงานทุกวันเช่นเดียวแต่แผนของเขายังคงดำเนินต่อไปเมื่อทุกอย่างที่เขาเตรียมการเอาไว้พร้อมแล้ว อีกอย่างนี่ก็ใกล้จะถึงเวลาส่งดอกให้ต้าหลง เช้าวันนี้เขาจึงเริ่มแผนที่วางเอาไว้ทันทีในระหว่างบนโต๊ะอาหาร“ช่วงนี้บรรยากาศบ้านของเราดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน จริงสินี่ก็ใกล้ถึงวันที่หลานชายจะเข้าเรียนแล้ว ลุงคิดว่าย่ากับคุณพ่อต้องพาหลานไปเที่ยวพักผ่อนก่อนจะเข้าเรียนแล้วล่ะ อีกอย่างยั่วถงทำงานทุกวันอย่างเหน็ดเหนื่อย เหนื่อยล้าลองพาคุณแม่ เจ้อหยูร์กับน้องสะใภ้ไปเที่ยวทะเลจางชุ่ยสิ ตอนนี้เป็นช่วงฤดูร้อนมีนกมากมายที่โผบินเต็มท้องฟ้า นักท่องเที่ยวชอบไปเที่ยวกัน ตอนนั้นที่ฉันขอเงินทุนคุณแม่ไปลงทุนกับเพื่อนเปิดโรงแรมที่ท่องเที่ยวติดทะเลฉันจะโทรเลขไปแจ้งเพื่อนให้ หากอยากจะไปพักที่นั่นไม่ต้องเป็นกังวลที่พักและค่าใช้จ่ายเรื่องห้อง ฉันจะจัดการเอง”“ทะเลหรือครับ ผมอยากไปจังคุณพ่อพาผมไปได้มั้ยครับ”เจ้อหยูร์ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงซืออี้บอก“แม่ก็คิดว่าดีเหมือ