“เหมยรู้ค่ะว่าหมอไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคน เหมยอาจจะอคติกับอาชีพนี้มากไปหน่อยแต่จะให้ทำยังไงได้ล่ะคะ ในเมื่อมันรู้สึกแบบนั้นไปแล้ว”
“แล้วที่ผ่านมานอกจากรุ่นน้องของผมแล้วเคยมีหมอเข้ามาจีบบ้างไหม”
“ก็พอมีบ้างค่ะ”
“แล้วคุณปฏิเสธเขาไปทันทีเลยเหรอ”
“เปล่าหรอกค่ะถึงเหมยจะไม่ชอบ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเหมยจะปฏิเสธและไม่คุยกับเขา แต่สถานะแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหมยกับพวกเขามันก็เป็นได้แค่เพื่อน แล้วผู้ชายที่ไหนเขาอยากจะมาเป็นเพื่อนกับผู้หญิงกันล่ะคะ พอเหมยบอกไปแบบนั้นพวกเขาถอยห่างค่ะ ผู้หญิงกับผู้ชายมันยากค่ะที่จะเป็นเพื่อนกันได้”
“แต่ตอนนี้เราก็เป็นเพื่อนกันอยู่ไง”
“เราอาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานค่ะแต่ไม่ใช่เพื่อนในชีวิตจริง แต่บางทีหมออาจจะเป็นข้อยกเว้นก็ได้ค่ะ”
“เพราะอะไรผมถึงเป็นข้อยกเว้นล่ะครับ”
“เพราะหมอตุลย์เป็นหมอเด็กมั้งคะ”
“ผมเป็นหมอเด็กแล้วมันแตกต่างจากหมออื่นยังไง”
“เหมยมองหมอเด็กว่าเป็นหมอที่จิตใจดีและอ่อนโยนกว่าสาขาอื่นค่ะ”
“ในเมื่อคุณคิดว่าผมจิตใจดีแล้วทำไมเราสองคนไม่ลองคบกันดูล่ะ” เมื่อสบโอกาสตุลธรก็รีบคว้ามันไว้
“อะไรนะคะ หมอกินเบียร์ไปแค่กระป๋องเดียวเมาแล้วเหรอ”
“เมาที่ไหนกันล่ะ เบียร์แค่กระป๋องเดียวทำอะไรผมไม่ได้หรอก” ถึงเขาดูสุภาพอ่อนโยนแต่เรื่องดื่มก็ไม่เคยแพ้ใคร
“แล้วหมอมาขอเหมยคบทำไม หมออยากทำลายกำแพงที่เหมยตั้งไว้ใช่ไหมคะ หมออยากรู้ใช่ไหมว่าหมอจะทำให้เหมยเปลี่ยนใจมาชอบอาชีพนี้ได้หรือเปล่า มันไม่ตลกเลยนะคะ” ปณิชารู้สึกผิดหวังที่เขาเอาความรู้สึกของเธอมาล้อเล่น
“ผมก็ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องตลกนะเหมย เอาจริงๆ นะเราก็โตกันแล้วเปิดอกคุยกันไปเลยก็ดี ผมรู้สึกดีกับคุณรู้สึกชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่เห็นคุณคุยกับคนไข้ที่ชื่อน้องข้าว ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณไม่ชอบอาชีพนี้เพราะฉะนั้นเรื่องที่ผมจะขอคบกับคุณเพราะอยากให้คุณทำลายกำแพงนั้นมันไม่เกี่ยวกันเลย”
“แล้วถ้าเหมยปฏิเสธล่ะคะ”
“ผมรู้ว่าพยาบาลแผนกพยาบาลเด็กอย่างคุณไม่ใจร้ายหรอกนะ อีกอย่างมันก็ไม่ยุติธรรมกับผมนะถ้าคุณจะเอาเรื่องในอดีตมาตัดสินผม ซึ่งผมกับเขาไม่ใช่คนคนเดียวกัน”
“การที่เหมยไม่ชอบอาชีพนี้เพราะคนเพียงแค่คนเดียวมันไม่มีเหตุผล แต่หมอไม่กลัวเหรอคะว่าสิ่งที่ติดอยู่ในใจเหมยมันจะให้เราคบกันไม่นาน เหมยอาจมองว่าหมออยู่ใต้เงาของเขา”
“คนอย่างผมไม่ยอมอยู่ใต้เงาของใครหรอกนะ แล้วผมก็จะไม่ยอมถอยเพราะเรื่องในอดีตของคุณเหมือนกัน ผมก็คือผม ไม่ใช่เขา แล้วผมก็จะทำให้เหมยรู้ว่าผมแตกต่างจากเขายังไง”
“หมอไม่กลัวเสียเวลาเปล่าเหรอคะ ถ้าเกิดคบกันไปแล้วเหมยยังเอาคิดถึงแต่เรื่องเดิม เหมยไม่อยากเอาเปรียบคุณหรอกนะคะ” ปณิชาไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่เธอจะลืมความรู้สึกนั้นได้และกลัวว่ามันจะเป็นการเอาเปรียบตุลธรมากเกินไป
“ไม่หรอกผมเพราะคิดว่าผมมีดีกว่าเขาเยอะ ผมเชื่อว่าผมจะทำให้ทั้งหัวใจของเหมยมีแค่ผมเพียงคนเดียว”
“ขอถามตรงๆ ได้ไหมคะที่หมอตุลย์อยากจะคบกับเพราะอยากเอาชนะความรู้สึกของเหมยใช่ไหม”
“ก็บอกแล้วไงผมไม่เคยรู้เรื่องที่คุณไม่ชอบหมอมาก่อนผมชอบคุณตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกัน”
ปณิชานึกไปถึงวันแรกที่เธอได้เจอกับเขา ซึ่งตอนนี้มันก็ผ่านมานานเกือบจะสามเดือนแล้วตลอดสามเดือนที่ผ่านมาทำไมเธอถึงไม่รู้เลยว่าเขาคิดอะไรกับอยู่
“หมอเก็บความรู้สึกได้ยังไง หมอบอกว่าหมอรู้สึกชอบหมายถึงแต่วันแรกที่เห็นแล้วหมอเริ่มจีบใหม่ตั้งแต่ตอนไหน”
“ผมก็จีบคุณตั้งแต่วันนั้นเลยไง””
“ตลกแล้วเหมยไม่เห็นรู้เลยว่าคุณจีบ”
“ก็บอกแล้วไงครับว่าผู้ชายทุกคนไม่เหมือนกัน ผมก็ไม่เหมือนใครขนาดผมจีบคุณมาตั้งสามเดือนคุณยังไม่รู้ตัวเลยนะ”
“ทำไมหมอเจ้าเล่ห์จังเลยล่ะคะ แบบนี้สงสัยเหมยจะตามหมอไม่ทันแน่ๆ”
“เขาไม่ได้เรียกเจ้าเล่ห์ครับเขาเรียกว่าการจีบอย่างมีชั้นเชิงแล้วคุณจะตกลงคบกับผมไหมล่ะ”
“หมอลองบอกข้อดีมาสิว่าคบกับหมอแล้วมีอะไรดีบ้าง”
“ข้อแรกเลยนะอาชีพของเราสองคนเกี่ยวข้องกันผมเข้าใจการทำงานของคุณในขณะที่คุณก็เข้าใจการทำงานของผม”
“ข้อนี้เหมยไม่เถียงหรอกค่ะ”
“ข้อสองนะผมเป็นหมอเด็กจิตใจอ่อนโยน อันนี้คุณบอกเอง ข้อสามหน้าตาผมก็ไม่ได้ขี้เหร่นะออกจะหล่อด้วยซ้ำ แพรวาบอกว่าคุณชอบคนหล่อ”
“หมอแอบไปสืบเรื่องของเหมยกับคนอื่นเหรอคะ”
“ไม่ได้แอบสืบครับผมถามตรงๆ เลยแหละ”
“คุณนี่ร้ายไม่ใช่เล่น ข้อต่อไปล่ะคะมีไหม”
“มีสิ ข้อสี่คือผมไม่เจ้าชู้รักใครรักจริงคบใครก็คบทีละคน”
“เหมยขอถามหน่อยค่ะตอนนี้หมอมีสาวๆ อยู่ในสต๊อกกี่คนคะ”
“ผมบอกแล้วไงล่ะว่าผมไม่เจ้าชู้ ผมจะมีสาวๆ ในสต๊อกได้ยังไง”
“แต่ที่เหมยได้ยินมาพยาบาลที่โรงพยาบาลเดิมบอกว่าหมอมีสาวๆ เข้าหาเยอะ หมอเปลี่ยนผู้หญิงควงแทบไม่ซ้ำหน้า”
“ควงกับคุณคบมันต่างกันนะเหมย”
“ผู้หญิงบางคนก็เข้ามาเพื่ออยากจะสนุกด้วยกัน”
“แต่ไม่อยากสนุกกับหมอนะคะ ถึงเหมยจะไม่สวยจะไม่มีเสน่ห์มากกับผู้หญิงคนก่อนๆ ของหมอแต่เหมยก็ไม่ยอมหรอกค่ะถ้าหมอจะคบกับเหมยในขณะที่คบกับคนอื่นด้วย”
“ตอนนี้ผมยังไม่คบใครอย่างจริงจัง ส่วนใหญ่ก็แค่สนุกเท่านั้น และผมคิดว่าผมสนุกมากพอแล้วนะ”
“เชื่อได้เหรอคะ”
“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคำพูดของผมเชื่อได้หรือเปล่า” ตุลธรอยากจะลองคบกับปณิชาอย่างจริงจังถ้าเขากับเธอไปกันได้ดีเขาก็พร้อมที่จะหยุดอยู่ที่เธอ
“หมดแล้วใช่ไหมคะข้อดีในการคบกับหมอ”
“ยังมีอีกสองข้อนะ ข้อที่หกผมเป็นหนุ่มสายเปย์ไม่ว่าคุณอยากได้อะไรผมหาให้ได้ทุกอย่าง”
“เรื่องนี้ไม่ว้าวค่ะ เหมยรู้สึกเฉยๆ ค่ะเพราะเหมยมีงานทำถึงแม้เงินเดือนจะไม่เยอะเท่าหมอก็ตาม”
“ผมไม่ได้ดูถูกเงินเดือนคุณนะ แต่ถ้าหากคบกันจริง ผมก็อยากจะซื้อของให้กับเหมยบ้าง แต่รับรองว่าไม่ซื้อให้พร่ำเพรื่อหรอกน่ามันก็แค่ตามเทศกาลตามโอกาสเท่านั้นเอง”
“เอาเงินไปซื้อของให้สาวเยอะแบบนี้นี่เองถึงทำงานหลายที่ทั้งเปิดคลินิกทั้งตรวจที่โรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน”
“หมอคืออาชีพที่รักอาชีพที่ทำด้วยใจครับเงินเดือนมันไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับความเหนื่อย แต่ผมมีหุ้นส่วนในบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์การแพทย์ของเพื่อนอีกมันเลยทำให้ผมมีเงินมากพอที่จะใช้ชีวิตได้อย่างสบาย”
“นี่กำลังเอาเงินมาล่อเหมยใช่ไหมคะ”
“เปล่าผมก็แค่อยากเล่าให้เหมยฟังว่าผมทำอะไรบ้าง ในเมื่อเราคิดจะคบกันแล้วผมก็อยากให้คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม แต่ผมไม่ได้บังคับนะว่าเหมยจะต้องเล่าเรื่องของตัวเองให้ผมฟังทุกอย่างเพราะบางเรื่องมันก็เป็นเรื่องส่วนตัว”
“แล้วหมอตุลย์อยากรู้อะไรเกี่ยวกับเหมยบ้างล่ะ ถามมาได้เลยถ้าอะไรตอบได้เหมยก็จะตอบค่ะ”
“ผมไม่ได้ดูถูกคุณนะเหมยแต่ ผมอยากรู้ว่าคนโดห้องนี้คุณซื้อหรือเช่า”
“หมอถามทำไมคะ”
“ก็ถ้าคุณเช่าอยู่ผมก็อยากให้คุณเลิกเช่าแล้วก็ย้ายไปอยู่ด้วยกัน”
“หมอจะชวนเหมยย้ายไปอยู่ด้วยตั้งแต่วันแรกที่เริ่มคุยกันเลยเหรอคะ”
“แน่นอนสิผมเป็นคนชัดเจน”
“ห้องนี้ไม่ใช่ของเหมยหรอกค่ะเป็นของพ่อเลี้ยงเหมยเขาให้มาอยู่”
“แต่ถึงเหมยจะได้อยู่ฟรีแต่ค่าน้ำค่าไฟก็ต้องจ่ายนะ ถ้าย้ายไปอยู่ด้วยกันคงช่วยโลกประหยัดพลังงานได้เยอะเลย”
“เพิ่งรู้นะคะว่าหมอเด็กนอกจากอ่อนโยนแล้วยังรักโลกอีกด้วย” ปณิชาพูดแล้วก็หัวเราะอย่างผ่อนคลาย
แล้วก็ถึงวันที่ปณิชาจะต้องเดินทางไปเที่ยวคนเดียวตามลำพังเธอตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้มาก ถึงแม้ว่าก่อนการเดินทางเธอจะเตรียมพร้อมเรื่องภาษามาอย่างดีแต่ก็ยังกังวลว่าจะสื่อสารให้คนอื่นฟังไม่รู้เรื่องตั๋วเครื่องบินที่พี่ชายให้มาเป็นตัวบินตรงจากกรุงเทพมายังสนามบินปรากวาคลาฟฮาเวลซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองปรากไม่ถึง 20 กิโลเมตร พี่ชายของเธอบอกว่าพอลงจากเครื่องก็จะมีรถของโรงแรมมารับให้เธอคอยสังเกตเพราะเขาจะถือป้ายชื่อมาคอยต้อนรับปณิชามองหาคนจากโรงแรมที่พี่ชายบอกว่าจะมารัก แต่มองเท่าไหร่ก็ยังไม่เจอป้ายชื่อของตัวเอง หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อเห็นป้ายหนึ่งเขียนว่า Will you marry me? เธอรู้สึกว่าไม่มันเป็นอะไรที่โรแมนติกมากที่ขอแต่งงานกลางสนามบินแบบ ปณิชา รู้สึกอิจฉาผู้หญิงคนนั้นเหลือเกินที่มีคนทำเรื่องเซอร์ไพรซ์แบบนี้หญิงสาวกำลังเดินมาใกล้จุดที่คนถือป้ายเรื่อยๆ และพอเดินเข้าใกล้ด้านหน้าหน้าก็มีอีกป้ายหนึ่งปรากฏขึ้นซึ่งมันเขียนด้วยภาษาไทยตัวโตๆ ว่า “เหมย” หญิงสาวเลยรีบเดินเข้าไปเพราะคิดว่าเป็นคนจากโรงแรมและบังเอิญมายืนผิดตำแหน่ง“เหมยแต่งงานกันนะ” เสียงที่พูดขึ้นมาทำให้หญิงสาวหยุดชะงักแล
ปณิชาไม่ต้องไปทำงานที่คลินิกของหมอตุลธรแล้วเย็นนี้เธอจึงมีเวลาออกมาเดินซื้อของใช้จำเป็นที่ห้างสรรพสินค้า ระหว่างที่ปณิชากำลังเดินเอาของมาเก็บที่รถก็ได้รับสายจากศุภกิจพอดี “สวัสดีค่ะพี่ใหญ่”“สวัสดีจ้ะเหมย ตอนนี้อยู่ที่ไหนทำไมเสียงดังจังเลย”“เหมยออกมาซื้อของที่ห้างค่ะ พี่ใหญ่มีธุระอะไรกับเหมยหรือเปล่าหรืออยากให้เหมยช่วยอะไรไหมคะ”“อยู่ห้างแถวไหนล่ะ”ปณิชาบอกชื่อห้างสรรพสินค้าที่ตนเองกำลังเดินอยู่ให้กับพี่ชายฟังอีกฝ่ายก็ถามกลับ“รีบไปไหนหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ พี่ใหญ่จะให้เหมยทำอะไรหรือเปล่า”“เปล่าหรอกพี่เพิ่งเลิกงาน เรานัดเจอกันหน่อยดีไหม พี่กำลังอยากหาเพื่อนกินข้าวอยู่พอดีเลย”“ได้ค่ะเดี๋ยวเหมยเอาของไปเก็บที่รถถ้าพี่ใหญ่มาถึงก็โทรบอกนะคะเดี๋ยวมเหมยจะไปหาพี่เองค่ะ”“ได้ครับ เหมยรอพี่ไม่น่าจะเกิน 20 นาทีนะ”“แล้วพี่ใหญ่จะมายังไงคะ”“พี่นั่งวินหน้าโรงพยาบาลไปก็ได้”“ให้เหมยไปรับดีกว่าไหมคะ”“ไม่เป็นไรหรอกพี่ไปเองแบบนี้มันน่าจะสะดวกกว่า”“ก็ได้ค่ะพี่ใหญ่”ปณิชาเดินเอาของไปเก็บที่รถจากนั้นก็เดินไปเตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าห้างพอศุภกิจลงจากวินมอเตอร์ไซด์เธอก็รีบเข้าไปทักทายทั
ตุลธรมองนาฬิกาข้อมือซึ่งขณะนี้เป็นเวลาเที่ยงตรง วันนี้เป็นวันอาทิตย์ซึ่งเขาจะต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลเอกชนที่ปณิชาทำงานอยู่ ชายหนุ่มไม่อยากไปเลยแต่วันนี้หมอปรียาภัทรไม่ว่างจึงไปออกตรวจแทนเขาไม่ได้ตั้งแต่คุยกับปณิชาเมื่อเย็นวันพุธเขากับเธอก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย และนี่เป็นครั้งแรกที่จะเผชิญหน้ากับหญิงสาว ตุลธรไม่รู้ว่าตัวเองจะมองหน้าเธอได้หรือเปล่าเนื่องจากเขากลัวว่าตัวเองจะใจอ่อนและกลับไปรักเธออีกครั้งเมื่อมาถึงโรงพยาบาลตุลธรก็เห็นว่าปณิชานั้นยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนไข้อย่างเคย หัวใจเขากระตุกวูบและรู้สึกหวั่นไหวจนต้องเบือนหน้าหนี“สวัสดีค่ะหมอตุลย์” ปณิชากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มอย่างเคย หากแต่แววตาที่มองนั้นมันว่างเปล่าไม่มีความรักหลงเหลืออยู่ในนั้นอีกแล้ว ตุลธรรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เขาเป็นคนตัดสัมพันธ์กับเธอเองแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นทำผิดพลาด“สวัสดีครับ”“หมอมีคนไข้รออยู่ 4 คนนะคะ เดี๋ยวเหมยจะให้แพรวาเรียกไปรอหน้าห้องตรวจค่ะ”“ขอบคุณครับ” ตลอดทั้งบ่ายอาทิตย์ชายหนุ่มมักจะมองออกไปยังห้องตรงข้ามซึ่งเป็นห้องสำหรับฉีดวัคซีนเขาเห็นปณิชาทำงานด้วยรอยยิ้มก็เผลอมองอยู่นาน ตุลธ
ปณิชานั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถจนกระทั่งถึงเวลาสองทุ่ม เมื่อเห็นตุลธรเดินออกมาจากคลินิกเธอก็รีบเปิดประตูออกแล้วเดินเข้าไปหาเขาทันที“หมอตุลย์คะ เหมยว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่อง”“ผมเหนื่อยมากนะเหมยเอาไว้คุยกันวันหลังได้ไหม”“หมอจะบ่ายเบี่ยงไปถึงไหนมีอะไรก็พูดมาตรงๆ”“คุณอยากให้ผมพูดตรงๆ กับคุณมากใช่ไหม”หญิงสาวรู้สึกแปลกเพราะสรรพนามที่เขาใช้เรียกเธอนั้นมันเปลี่ยนไปแต่ก่อนเขาเรียกชื่อเล่นแต่ตอนนี้เขาแทนชื่อเธอด้วยคำว่าคุณซึ่งมันแสดงออกถึงความห่างเหิน“ค่ะ เหมยอยากรู้ว่าระหว่างเรามันเกิดอะไรขึ้นทำไมหมอถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”“ผมก็เป็นของผมแบบนี้แหละ”“แล้วที่ผ่านมาคืออะไรคะ หมอหลอกเหมยมาตลอดเหรอคะว่ารักเหมย”“มันก็แค่คำพูดของผู้ชายน่ะเจ้าชู้” ตุลธรยิ้มมุมปากแววตาที่มองเธอวันนี้มันต่างไป มันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรในนั้นเลย“เหมยไม่คิดเลยนะคะว่าหมอที่จิตใจดีและอ่อนโยนจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้”“แล้วคุณคาดหวังจะให้ผมเป็นยังไงล่ะ”“เหมยก็คิดว่าคุณแตกต่างจากผู้ชายคนอื่นแต่จริงๆ แล้วก็ไม่เลยสักนิด”“คุณอย่าเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนรักเก่าของคุณ”“ทำไมจะเปรียบเทียบไม่ได้ล่ะคะ ในเมื่อคุณก็ไ
ระหว่างที่ตุลธรไปประชุมที่สิงคโปร์ปณิชาก็มีเรื่องวุ่นเกิดขึ้นเพราะลูกชายของลุงสุพจน์ย้ายมาทำงานที่เมืองไทยเขาอยากได้คอนโดมิเนียมที่เธออาศัยอยู่ในตอนนี้เนื่องจากชายหนุ่มยังไม่ชินกับถนนเมืองไทยจึงอยากย้ายมาอยู่คอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าการเดินทางมาทำงานก็สะดวกกว่าคอนโดมิเนียมของตนเองศุภกิจหรือพี่ใหญ่จึงยื่นข้อเสนอให้ปณิชาย้ายไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมของตัวเอง โดยจะซื้อรถยนต์คันใหม่ให้เธอพร้อมกับให้เงินเธออีกก้อนหนึ่งเป็นค่าน้ำมันที่ต้องเพิ่มขึ้นเนื่องจากคอนโดที่จะต้องย้ายไปนั้นอยู่ไกลกว่าที่เดิมประมาณ 5 กิโลเมตรปณิชาคิดว่ามันไม่ได้ลำบากอะไรถ้าหากหญิงสาวจะต้องตื่นเช้าอีกสักนิดเพื่อจะขับรถมาทำงานเพราะเธอเองก็คุ้นเคยกับถนนเส้นนี้ดีต่างจากศุภกิจที่ไปอยู่อเมริกานานนับสิบปี เธอจึงตอบตกลงโดยไม่คิดอะไรมากปณิชาไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับตุลธรเพราะมันเรื่องภายในครอบครัวอีกทั้งตอนนี้เขาก็กำลังยุ่งอยู่กับการประชุมเธอคิดจะบอกคนรักในวันที่เขากลับมาถึงเมืองไทยแล้วปณิชาใช้เวลาไม่นานก็ย้ายของทั้งหมดของตัวเองไปยังคอนโดมิเนียมแห่งใหม่โดยครั้งนี้มีอารดาและพาขวัญมาช่วย“ที่นี่น่าอยู่ไม่แพ้ที่เ
หลังจากส่งคนรักถึงขอบสวรรค์ไปแล้วตุลธรก็พลิกให้เธอลงมาอยู่ด้านล่าง เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนา ก่อนจะบดจูบลงบนริมฝปากบางอยางดูดดื่ม ฝ่ามือร้อนคลึงเคลาสองปทุมอวบอิ่มอย่างมันมือ ปลายนิ้วสะกิดยอดปทุมถันปลุกเร้าจนเสียงหวานครางระงม“อื้อ....หมอตุลย์”จูบจนพอใจเขาก็ลากไล้ความเปียกชื้นไปตามซอกคอหอมกรุ่น ขบเม้มดูดดึงไปตามแรงอารมณ์ที่กำลังพุ่งสูง ผิวเนียนนุ่มขึ้นรอยแดงไปทั่วทุกจุดที่ปากร้อนเลื่อนผ่านและมาหยุดที่ยอดถันสีสวย ตุลธรไม่รอช้าที่จะดูดกินอย่างหิวกระหายขณะที่ท่อนเอ็นร้อนก็กำลังกดเข้าหาความอุ่นของโพรงสวาทอีกครั้ง“อ๊ะ....”“เจ็บเหรอ”ปณิชาส่ายหน้า เธอมองหน้าคนรักแล้วยิ้มยั่วขณะขมิบช่องทางรักทักทายท่อนเอ็นของเขาเป็นจังหวะ“อ้าห์.....จะฆ่าผมให้ตายคาอกเลยใช่ไหม” ตุลธรกัดกรามแน่นแล้วเขาก็เริ่มขยับสะโพกเป็นจังหวะอีกครั้งเพราะถ้ายังอยู่นิ่งปณิชาคงใช้ความอ่อนนุ่มรัดเขาจนแตกเร็วแน่ๆ “อื้ม...หมอขาเหมยเสียว” เธอครางหวานร่างกายสั่นสะท้านเมื่อเขากระแทกกระทั้นตัวเข้าหา ท่อนเอ็นแข็งร้อนเคลื่อนเข้าออกโพรงอุ่นสุดความยาวครั้งแล้วครั้งเล่า เสี