"เข้า-กัน-ได้"
ถ้อยคำสั้น ๆ นั้นสื่อความหมายได้อย่างชัดเจน ใบหน้าสวยหวานขึ้นสีระเรื่อจางๆ เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ทั้งร้ายกาจและเจ้าเล่ห์ของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เจ้าจันทร์รู้สึกว่ามือของเธอชื้นเหงื่อขึ้นมา
คนที่รู้แต่ภาคทฤษฎีอย่างเธอจะทำได้ถูกใจเขาหรือเปล่านั้น...ข้อนี้เธอไม่แน่ใจเลย
ที่ผ่านมาตอนทำงานในผับก็เคยเห็นหนังสดมาบ้าง เคยได้ยินได้ฟังทริกต่าง ๆ จากทั้งลูกค้าและพนักงานด้วยกัน
เหมือนจะรู้มามากแต่ก็ไม่เคยทำกับคนจริง ๆ สักที อย่างมากก็แค่มีซื้อของเล่นมาลองทำดูเท่านั้น
และของเล่นของเธอมันก็ไม่ได้ใหญ่เท่าน้องชายที่ใต้กางเกงของคุณสิงหราชเสียด้วย
"คุณจะเปลี่ยนใจก็ได้นะ"
ชายหนุ่มแสร้งทำเป็นยอมอ่อนข้อ แต่เจ้าจันทร์กลับรู้ดีว่าเขากำลังเร่งเร้าให้เธอตกลงต่างหาก
"ถ้าเราเข้ากันได้ คุณต้องเพิ่มข้อตกลงว่าคุณจะไม่มีเซ็กซ์กับคนอื่นอีก ไม่ว่าคุณจะกลับมารู้สึกเป็นปกติหรือเปล่า เพราะฉันไม่ต้องการใช้ของร่วมกับใคร ไม่อยากสกปรกและติดเชื้อโรคที่คุณอาจได้รับมาจากการนอนกับคู่นอนของคุณ ทางเดียวที่คุณจะนอนกับคนอื่นได้คือเราต้องยกเลิกสัญญาก่อน ถ้าคุณผิดสัญญาข้อนี้…"
"ถ้าผมผิด ผมให้คุณร้อยล้าน อีกอย่าง คุณห้ามผม งั้นคุณเองก็ต้องห้ามนอนกับคนอื่นเหมือนกัน"
เจ้าจันทร์ยอมรับในข้อตกลงนี้ "นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ฉันไม่ควงคู่นอนเข้าโรงแรมวันละสี่ห้าคนเหมือนคุณหรอกนะ จริงสิ คุณได้ตรวจโรคบ้างหรือเปล่า ถึงจะใช้แค่นิ้วฉันก็ไม่เสี่ยงด้วยหรอกนะคะ"
พลันสิงหราชขมวดคิ้วขึ้นมา ฟังคำพูดของเลขาแล้วก็พบว่าในสายตาของเธอ เขาดูจะเป็นพวกมักมากเสียเหลือเกิน ดูเป็นคนสกปรกและอาจถึงขั้นเป็นตัวแพร่เชื้อโรคอะไรทำนองนั้น ทั้งที่สิบกว่าปีมานี้เขายังไม่เคยได้จิ้มใครเลยสักคน!
เห็นอย่างนี้เขาก็ใช้ถุงยางสำหรับสวมนิ้วตอนเบ็ดให้พวกสาว ๆ เหมือนกันนะ
"ให้ตายเถอะเจ้าจันทร์ คุณมองผมแย่ขนาดไหนกันเนี่ย"
เขากล่าวออกมาก่อนจะหยิบเอกสารในลิ้นชักขึ้นมาโยนให้เธอรับไปอ่าน
"ที่จริงผมตรวจทุกอาทิตย์อยู่แล้ว แต่ของอาทิตย์นี้ผมตรวจเลทไปวันหนึ่งพอดี นี่ผลที่ผมไปตรวจโรคมาเมื่อวาน"
เจ้าจันทร์รับเอกสารทางการแพทย์ไปอ่าน เน้นดูที่ผลการตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์ของเขา ไล่อ่านทีละบรรทัดจนแน่ใจว่าเขาไม่มีโรคติดต่ออะไรจึงยอมพยักหน้ารับรู้
"หลังจากตรวจแล้วคุณก็ยังไม่ได้นอนกับใครใช่ไหมคะ" เธอถามย้ำเพื่อความแน่ใจอีกหน
"ใช่ แต่ตอนนี้กำลังจะลอง"
สิงหราชตอบหน้าตายทำเอาคนฟังอย่างเธอถึงกับใจเต้นครึกโครม
"ว่าแต่ ในประวัติคุณบอกว่าไม่มีสามี แล้วพวก…คู่นอนล่ะ"
"ไม่มีค่ะ ที่จริงก็ยังไม่เคยมีเซ็กซ์ เอ่อ...คุณคนแรก"
"ว้าวว!" สิงหราชตาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย "ผมไม่รู้เลยว่าคุณจะไม่เคย"
"แล้วมันแปลกตรงไหนคะ"
"ไม่แปลกเลย ดีออกด้วยซ้ำ" ชายหนุ่มยิ้มมาทีใจของคนมองก็สั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่ "ถ้าอย่างนั้นคุณโอเคหรือเปล่าถ้าจะต้องเสียครั้งแรกให้กับคู่นอนแบบผม"
"มันก็ไม่เชิงว่าครั้งแรกหรอกคะ"
"หือ?"
เขาทำสีหน้าแปลกใจเจ้าจันทร์ก็รีบอธิบายต่อทันที
"ฉันเคยมีใช้เซ็กซ์ทอยมาก่อน ถึงของเล่นพวกนั้นจะขนาดไม่เท่า เอ่อ ของคุณก็เถอะ"
"อ่าา...คุณนี่น่าทึ่งดีจริง ๆ" สิงหราชถึงกับหัวเราะหึหึในลำคอ แววตามาดร้ายของเขายังคงจ้องมองเธอมาอย่างอยากจะกลืนกิน
"เรื่องแบบนี้ใคร ๆ เขาก็ทำกัน หรือคุณจะบอกว่าไม่เคยช่วยตัวเอง"
พอต้องมาพูดเรื่องใต้สะดือ เจ้าจันทร์ก็อดไม่ได้ที่จะเขินอายขึ้นมาแปลก ๆ ยิ่งพูดถึงเรื่องขนาดด้วยแล้ว มันก็อดจะนึกไปถึงตอนที่มือของเธอคว้าจับเจ้าสิ่งนั้นไว้ไม่ได้
"หึ ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ ผมแค่นึกว่าคุณจะเป็นพวกเนิร์ดซะอีก"
"ไม่ใช่คนทุกคนที่ใส่แว่นแล้วจะต้องเนิร์ดนี่คะ" เธอบอกอย่างมีอารมณ์ฉุนนิดหน่อย
"โอเค ๆ ผมรู้แล้ว แล้ว…ทีนี้เราจะลองทดสอบกันได้หรือยัง?"
สิงหราชเอ่ยถามพลางส่งสายตามาให้ แววตาของเขามันร้ายเหลือทน เจ้าจันทร์ไม่เคยพ่ายแพ้ต่อสายตาใครมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจที่ต้องดีลงานด้วย หรือแม้แต่คนหล่อมากหน้าหลายตาที่บังเอิญมีโอกาสได้สบตากัน ทุกคนล้วนแต่ทำลายกำแพงของเธอไม่ได้
แต่กับคนคนนี้นี่สิ เหตุใดถึงต่างจากคนอื่นกันนะ
"ว่ายังไง คิดนานจัง"
พอถูกกระทุ้งถามมา เจ้าจันทร์ก็ผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ
"คุณจะรูดซิปเอง หรือจะให้ฉันรูดให้ล่ะคะ?"
คราวนี้ชายหนุ่มถึงกับยิ้มออกมาด้วยความถูกใจ ทั้งที่เลขาคนเก่งของเขาทำหน้าเรียบเฉยขนาดนั้น แต่ดูใบหน้ากับใบหูแดงก่ำของเธอนั่นสิ นี่มันโคตรจะน่าเอ็นดูเลยไม่ใช่หรือไง แล้วคำพูดคำจาของเธอนี่อีก จะทำตัวน่าฟัดไปถึงไหนกัน
ให้ตายเถอะ เจ้าจันทร์ทำให้เขาตื่นเต้นและอดใจรอแทบจะไม่ไหวแล้ว
"คุณมารูดออกเองสิ คนที่ต้องกินมันเข้าไปคือคุณนี่ครับ คุณเจ้าจันทร์"
คู่รักกำลังจะหยอกล้อกันบนเตียงอีกสักหน่อย ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงหราชที่แผดเสียงดังอยู่ไม่ไกล จนเขาทนหัวเสียไม่ไหวยื่นมือไปคว้ามากดรับสาย โดยที่เจ้าจันทร์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขน รับฟังปลายสายไปพร้อมๆ กันเมื่อเขากดสปีกเกอร์โฟน "ไง มีอะไร" "โอ้โห ถามมาได้ พี่ให้พ่อโยนวีกรุ๊ปมาให้ผมดูแลใช่ไหม ฝีมือพี่ใช่ไหมวะ!" ปลายสายคือเหมราชที่โวยวายกลับมา "อ่า ใช่ ถ้าแกไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ" สิงหราชบอกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เจ้าจันทร์เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ท่าทางน่ารักของเธอทำเอาสีหราชหมันเขี้ยวก้มหน้าลงมาหอมไปอีกฟอดใหญ่ "ปฏิเสธบ้าอะไรล่ะ พ่อยอมที่ไหน อีกอย่าง ผมอยากทำเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬามาตั้งนานพี่ก็รู้ พี่แม่ง ไม่บอกกันล่วงหน้าบ้างเลย คุณเจ้าอีกคน ก็นึกว่าจะควบรวมกิจการเฉย ๆ ใครจะรู้ว่าจะยกให้ผมวะ" "อ้าว ๆ นี่ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่วะ งงแล้วนะโว้ย" "ชอบ แต่ไม่ชอบที่พี่ไม่บอกก่อนไงวะ!" "ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่" สิงหราชหัวเราะใส่น้องชาย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะบอกชอบอะไรเลยที่เขาหยิบยื่นให้ "ถูกใจก็ดีแล้วไง ทีนี้ก็
เจ้าจันทร์มองคนเสนอความตื่นเต้นอย่างนึกสนุก ใครกันแน่ที่ร้ายปากเขาบอกยอมลงให้เธอ แต่สุดท้ายราชสีห์ก็ร้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เหนือเขา ก็เขาบอกเองนี่ อยากอยู่ใต้เท้าเธอ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป "ยิ้มอะไรครับ ไม่อยากเห็นผมเจ็บเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าจะข่วนให้เลือดซิบตรงส่วนไหนดีต่างหากล่ะ" "ฮ้าาา...ร้ายไม่เบา" "ก็มีแฟนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ เจ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าสิคะ" "ฮ่าๆๆ ผมชอบคุณจัง" "ไม่เอาค่ะ คุณต้องรักเจ้าให้มากกว่าชอบสิ" สิงหราชยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงที่แผงอก เขากดนิ้วเธอที่มีเล็บยาวๆ ลงกลางร่องอกของตัวเอง เจ้าจันทร์มองการกระทำนั้นอย่างพอใจ แฟนของเธอมีมุมดิบเถื่อนเช่นนี้ด้วยเหรอ ความแบบนี้ก็ไม่บอก "อ่าส์...คุณเจ้า เล็บคุณทำผมเสียวจัง" ยิ่งเขาพูดแบบนั้น เจ้าจันทร์ก็ยิ่งสนุก คราวนี้เป็นเธอเองที่กดปลายเล็บลากยาวไปบนแผงอกกว้าง ก่อนกดลึกเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง ร่างบางถอยต่ำลง เพื่อให้นิ้วลากไปถึงจุดหมาย เธออยากจะกดปลายเล็บลงกลางรูเล็กๆ นั่นเหลือเกิน "ซี้ดดด...ที่รัก" สิงหราชครางออกมาทันทีท
เจ้าจันทร์กลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมที่สิงหราชเป็นเจ้าของ เปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำแบรนด์หรูลอยฟุ้งไปทั่วห้อง อาาา...แฟนของเธอน่ารักเสมอ เขารู้ว่าเธอชอบกลิ่นนี้ถึงได้อาบน้ำรอไว้ก่อนเลย หญิงสาวยิ้มหวานพลางสูดดมกลิ่นหอมๆ นั้นจนชุ่มปอด ก่อนเดินเข้าไปยังห้องนอน แล้วพบสีหราชเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี "กลับมาแล้วเหรอกระต่ายน้อยของผม" ถึงจะจั๊กจี้กับคำเรียกแทนตัวแบบนั้น แต่เจ้าจันทร์ก็ยิ้มแก้มแทบปริรีบโผกายเข้าสวมกอดเขาแน่นจะว่าไป เป็นกระต่ายน้อยในอ้อมกอดราชสีห์ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาอ่อนแอดูบ้าง ก็เธอน่ะ เพิ่งฟาดฟันกับวิสาลีนีมาหมาด ๆ หมดพลังเปลื้องน้ำลายไปเยอะเชียวกว่าอีกฝ่ายจะยอมสงบปากสงบคำอยู่ในที่ของตัวเอง อีกอย่าง เธอเองก็อยากได้กอดอุ่นๆ มาเติมกำลังใจสักหน่อย เพราะเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ ในเมื่อวิลาสินียังมีหุ้นเหลืออยู่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ คงไม่ต้องบอกเลยว่าการประชุมบอร์ดบริหารรอบหน้าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งภายในกันอย่างไรบ้าง แม้การจะเปลี่ยนก็ยังต้องฟังผลโหวตในที่ประชุมอีกครั้งอยู่ดี แต่ใครจะสนกันล่ะอีกไม่กี่วันนี้คนร
เจ้าจันทร์นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่บ้างเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยตั้งใจอ่อยสิงหราช ตั้งใจแบล็กเมล์คนรักของเธอ เจ้าจันทร์ก็แทบไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรอีก ในตอนนั้นถ้าปล่อยให้วิลาสินีทำสำเร็จ ก็คงเป็นแอลกรุ๊ปนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเสียหาย ถึงเวลานั้นความสงสารจะช่วยอะไรได้ คนเราไม่ได้กินความสงสารเป็นอาหารสักหน่อย ในเมื่อเงินก่อตั้งและเงินหมุนเวียนในบริษัทนี้ก็มาจากสามีของวิลาสินีมาตั้งแต่ต้น กับคนที่วัน ๆ เอาแต่วางท่าเป็นนางพญา ชูคอว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่กลับไม่เคยบริหารอย่างจริงจัง คนแบบวิลาสินีมองอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเลยสักนิด สู้จ้างคนเก่ง ๆ มานั่งบริหารยังจะเข้าท่ากว่า "คุณสิงหราชไม่รู้เรื่องนี้หรอกค่ะ ส่วนคนที่ช่วยฉันคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าเป็นใคร" เจ้าจันทร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา "บังเอิญจังเลยนะคะที่ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่าวิลาสินีที่ว่าจะใช่คุณหรือเปล่า แต่พอสืบไปสืบมานิดเดียวก็ได้รู้ความจริงเข้าจนได้" "เลิกอ้อมค้อมซะที! รีบ ๆ บอกมาซะ ฉันจะไปเล่นงานมัน ฉันไม่เอามันไว้แน่!" "คนคนนี้เขาก็รอคุณอยู่เหมือนกันค่ะ คุณจำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาสิงหราชก็นั่งเซ็นสัญญากับวิลาสินี เขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พร้อมกับแผนงานดี ๆ ที่คนรักของเขาเตรียมไว้ให้ เซ็นไปยิ้มไปไม่ได้สนใจสีหน้าอมทุกข์ของวิลาสินีเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทางนั้นเองก็ใช่วิธีสกปรก คิดจะแบล็กเมล์เขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวก็ควรรู้ไว้ด้วยว่า กล้าที่จะทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ในเมื่อวิลาสินีมีโอกาสแต่ดันทำพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ลองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบดูบ้าง ให้เหมือนกับตอนที่เธอคิดทำลายคนอื่นนั่นแหละ "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณวิลาสินี" สีหราชกล่าวทั้งใบหน้าประดับรอยยิ้ม "หวังว่าต่อไปนี้คุณจะรู้ว่าควรวางตัวยังไง อยู่รอรับผลประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง" "คุณ…หมายความว่ายังไง" "ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าแฟนของผมค่อนข้างที่จะ…กัดไม่ปล่อย คนเก่ง ๆ แบบนั้นอาจจะไม่หยุดแค่นี้ก็ได้นะครับ" "คุณ! นี่พวกคุณรวมกันทำอะไร หรือว่าพวกคุณคิดจะผิดข้อตกลง คุณจะแฉฉันใช่ไหม!" เห็นท่าทีราวกับคนจิตตกของวิลาสินีแล้วสิงหราชก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าโดนเจ้าจันทร์ขู่อะไรไปบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็ฟังไม่ได้ชัดทุกคำ แต่ดูไปแล้
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก