เพราะดันไปล่วงรู้ความลับของประธานหนุ่มเข้าทำให้เลขาสาวอย่างเธอต้องถูกดึงเข้าไปวังวนแสนหวามของเขา สิงหราช ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงแห่งบริษัทแอลกรุ๊ป เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ฐานะ และการศึกษา ทว่าเขากลับมีความลับบางอย่างที่มิอาจให้ใครล่วงรู้ได้ เจ้าจันทร์ เลขาสาวสุดเนี้ยบ และฉลาดเป็นกรดที่ดันไปล่วงรู้ความลับของท่านประธานเข้าโดยบังเอิญทำให้เธอต้องถูกดึงตัวมาอยู่ใกล้ ๆ ท่านประธานจอมหื่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
Lihat lebih banyak"Mom, aku ingin menjadi seperti Papa!"
Mataku mengerjap beberapa kali ketika mendengar suara yang penuh semangat itu. Apa aku baru saja melamun, lagi?
"Lihat, Mom! Papa terlihat sangat gagah," Kale menyender manja pada pangkuanku. Tersenyum mengusap wajah Pria yang berada dalam Frame tua dengan ibu jari kecilnya.
Bibirku tersenyum. Mengusap rambut pirang Kale di sela-sela jemari. "Kau merindukan Papa, Kale?"
"Sangat."
Perlahan aku sadar, senyuman itu berubah menjadi masam. Kale, kalimat itu selalu terucap dari bibir putra kecilku ketika ia melihat Seragam berpangkat Mayor yang tergantung di lemari kaca. Selalu bertanya, bagaimana sosok Papanya. Aku hanya bisa mengatakan, bahwa ia adalah Pria yang luar biasa. Menyelamtkan Negara, demi membuat Kale kami hidup dengan nyaman hingga saat ini.
Kale kembali tersenyum ceria, sedikit tertawa. Entah apa yang membuatnya seperti itu. Hingga tak lama, Kale menaruh kembali Frame tersebut dan berlarian keluar. Bermain di halaman, menikmati udara Brooklyn yang memasuki musim semi.
Aah, maafkan aku. Karena hanyut dengan senyum Kale, aku lupa memperkenalkan diri. Maaf, akhir-akhir ini pikiranku sedikit terganggu.
Namaku Selene. Selene Sapphire. Sapphire seperti bola mataku yang berwarna biru. Umurku saat ini menginjak tiga puluh empat tahun. Masih bekerja sebagai Dokter di salah satu rumah sakit.
Aku tak perlu menjelaskan tentang tinggi dan berat badanku, bukan?
Anak lelaki tadi adalah putra pertamaku. Kale Cadfael. Tahun ini ia berusia enam tahun. Yha, aku memang mengandungnya saat masih muda. Lebih tepatnya, saat perang masih melanda hebat perbatasan kota Brooklyn. 1942.
Sementara, foto yang di lihat oleh Kale dan menjadi sosok Papa baginya, adalah suamiku. Kale Cadfael. Lebih tepatnya, Mayor Kale Cadfael. Seorang pilot pada Angkatan Udara kami.
Benar, aku sengaja memberi nama Kale, gabungan antara Selene dan Kane. Sangat mirip dengan nama Papanya. Tak apa, agar nama itu bisa mengenang sosok pria itu.
Lagi, tanpa di berikan izin, titik kristal ternyata jatuh kembali pada pipiku. Teringat cerita lama nan singkat, namun sangat berkesan dalam.
Aku tentu akan menceritakannya setelah ini. Bagaimana gagahnya sosok Kale Cadfael. Kalian tahu, apa arti namanya? Pangeran penguasa Langit. Cocok sekali, bukan, dengan pekerjaan yang di milikinya?
Kale..
Seolah terhipnotis, tanganku menggapai kembali frame foto lama itu. Tersenyum kecil, betapa aku merindukan sosok tangguh nan murah senyum tersebut.
Kale, aku sangat ingat ketika kau berkata akan menghukum siapa saja yang membuatku menangis. Aku ingat pula, ketika seorang pemuda berkata bahwa ia mencintaiku. Apa saat ini kau sedang menghukum dirimu sendiri, Kale?
Mari, ku ceritakan pada kalian. Kisah manis antara Sang Kapten Militer dengan Perawat pada tahun 1942 lalu.
Namun, maafkan aku. Kali ini, akan ku serahkan seluruh cerita pada si penulis. Sebab, aku merasa tidak akan mampu untuk menguraikannya pada kata-kata.
Selamat membaca, aku harap, cerita ini sampai pada sang pemilik nama. Kale Cadfael.
☀️☀️☀️
คู่รักกำลังจะหยอกล้อกันบนเตียงอีกสักหน่อย ริมฝีปากกำลังจะสัมผัสกันอยู่แล้วเชียวถ้าไม่มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น มันคือเสียงโทรศัพท์มือถือของสิงหราชที่แผดเสียงดังอยู่ไม่ไกล จนเขาทนหัวเสียไม่ไหวยื่นมือไปคว้ามากดรับสาย โดยที่เจ้าจันทร์ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมแขน รับฟังปลายสายไปพร้อมๆ กันเมื่อเขากดสปีกเกอร์โฟน "ไง มีอะไร" "โอ้โห ถามมาได้ พี่ให้พ่อโยนวีกรุ๊ปมาให้ผมดูแลใช่ไหม ฝีมือพี่ใช่ไหมวะ!" ปลายสายคือเหมราชที่โวยวายกลับมา "อ่า ใช่ ถ้าแกไม่ชอบก็ปฏิเสธไปสิ" สิงหราชบอกไปอย่างไม่ทุกข์ร้อน เจ้าจันทร์เองก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ท่าทางน่ารักของเธอทำเอาสีหราชหมันเขี้ยวก้มหน้าลงมาหอมไปอีกฟอดใหญ่ "ปฏิเสธบ้าอะไรล่ะ พ่อยอมที่ไหน อีกอย่าง ผมอยากทำเกี่ยวกับอุปกรณ์กีฬามาตั้งนานพี่ก็รู้ พี่แม่ง ไม่บอกกันล่วงหน้าบ้างเลย คุณเจ้าอีกคน ก็นึกว่าจะควบรวมกิจการเฉย ๆ ใครจะรู้ว่าจะยกให้ผมวะ" "อ้าว ๆ นี่ตกลงชอบหรือไม่ชอบกันแน่วะ งงแล้วนะโว้ย" "ชอบ แต่ไม่ชอบที่พี่ไม่บอกก่อนไงวะ!" "ฮ่าๆ ไอ้บ้านี่" สิงหราชหัวเราะใส่น้องชาย เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นมันจะบอกชอบอะไรเลยที่เขาหยิบยื่นให้ "ถูกใจก็ดีแล้วไง ทีนี้ก็
เจ้าจันทร์มองคนเสนอความตื่นเต้นอย่างนึกสนุก ใครกันแน่ที่ร้ายปากเขาบอกยอมลงให้เธอ แต่สุดท้ายราชสีห์ก็ร้ายอยู่ดี แต่ก็เอาเถอะ ไม่ว่าครั้งนี้ หรือครั้งไหน ๆ เธอก็จะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่เหนือเขา ก็เขาบอกเองนี่ อยากอยู่ใต้เท้าเธอ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นตลอดไป "ยิ้มอะไรครับ ไม่อยากเห็นผมเจ็บเหรอ" "เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าจะข่วนให้เลือดซิบตรงส่วนไหนดีต่างหากล่ะ" "ฮ้าาา...ร้ายไม่เบา" "ก็มีแฟนเจ้าเล่ห์อย่างคุณ เจ้าก็ต้องเป็นยิ่งกว่าสิคะ" "ฮ่าๆๆ ผมชอบคุณจัง" "ไม่เอาค่ะ คุณต้องรักเจ้าให้มากกว่าชอบสิ" สิงหราชยกมุมปากขึ้นยิ้ม ก่อนจะจับมือของเธอมาวางลงที่แผงอก เขากดนิ้วเธอที่มีเล็บยาวๆ ลงกลางร่องอกของตัวเอง เจ้าจันทร์มองการกระทำนั้นอย่างพอใจ แฟนของเธอมีมุมดิบเถื่อนเช่นนี้ด้วยเหรอ ความแบบนี้ก็ไม่บอก "อ่าส์...คุณเจ้า เล็บคุณทำผมเสียวจัง" ยิ่งเขาพูดแบบนั้น เจ้าจันทร์ก็ยิ่งสนุก คราวนี้เป็นเธอเองที่กดปลายเล็บลากยาวไปบนแผงอกกว้าง ก่อนกดลึกเรื่อยลงมาถึงหน้าท้อง ร่างบางถอยต่ำลง เพื่อให้นิ้วลากไปถึงจุดหมาย เธออยากจะกดปลายเล็บลงกลางรูเล็กๆ นั่นเหลือเกิน "ซี้ดดด...ที่รัก" สิงหราชครางออกมาทันทีท
เจ้าจันทร์กลับมาถึงห้องพักในคอนโดมิเนียมที่สิงหราชเป็นเจ้าของ เปิดประตูเข้าไปได้ไม่ทันไรก็ได้กลิ่นหอมของครีมอาบน้ำแบรนด์หรูลอยฟุ้งไปทั่วห้อง อาาา...แฟนของเธอน่ารักเสมอ เขารู้ว่าเธอชอบกลิ่นนี้ถึงได้อาบน้ำรอไว้ก่อนเลย หญิงสาวยิ้มหวานพลางสูดดมกลิ่นหอมๆ นั้นจนชุ่มปอด ก่อนเดินเข้าไปยังห้องนอน แล้วพบสีหราชเดินออกมาจากห้องน้ำพอดี "กลับมาแล้วเหรอกระต่ายน้อยของผม" ถึงจะจั๊กจี้กับคำเรียกแทนตัวแบบนั้น แต่เจ้าจันทร์ก็ยิ้มแก้มแทบปริรีบโผกายเข้าสวมกอดเขาแน่นจะว่าไป เป็นกระต่ายน้อยในอ้อมกอดราชสีห์ก็ถือว่าโอเคนะ อย่างน้อยก็ได้เปลี่ยนบทบาทมาอ่อนแอดูบ้าง ก็เธอน่ะ เพิ่งฟาดฟันกับวิสาลีนีมาหมาด ๆ หมดพลังเปลื้องน้ำลายไปเยอะเชียวกว่าอีกฝ่ายจะยอมสงบปากสงบคำอยู่ในที่ของตัวเอง อีกอย่าง เธอเองก็อยากได้กอดอุ่นๆ มาเติมกำลังใจสักหน่อย เพราะเรื่องนี้มันคงไม่จบลงง่าย ๆ แค่นี้ ในเมื่อวิลาสินียังมีหุ้นเหลืออยู่ยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์ คงไม่ต้องบอกเลยว่าการประชุมบอร์ดบริหารรอบหน้าจะมีการเปลี่ยนตำแหน่งภายในกันอย่างไรบ้าง แม้การจะเปลี่ยนก็ยังต้องฟังผลโหวตในที่ประชุมอีกครั้งอยู่ดี แต่ใครจะสนกันล่ะอีกไม่กี่วันนี้คนร
เจ้าจันทร์นึกสงสารอีกฝ่ายอยู่บ้างเช่นกัน แต่พอนึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้เคยตั้งใจอ่อยสิงหราช ตั้งใจแบล็กเมล์คนรักของเธอ เจ้าจันทร์ก็แทบไม่หลงเหลือความเห็นใจอะไรอีก ในตอนนั้นถ้าปล่อยให้วิลาสินีทำสำเร็จ ก็คงเป็นแอลกรุ๊ปนั่นแหละที่จะต้องเดือดร้อนเสียหาย ถึงเวลานั้นความสงสารจะช่วยอะไรได้ คนเราไม่ได้กินความสงสารเป็นอาหารสักหน่อย ในเมื่อเงินก่อตั้งและเงินหมุนเวียนในบริษัทนี้ก็มาจากสามีของวิลาสินีมาตั้งแต่ต้น กับคนที่วัน ๆ เอาแต่วางท่าเป็นนางพญา ชูคอว่าเป็นเจ้าของบริษัทแต่กลับไม่เคยบริหารอย่างจริงจัง คนแบบวิลาสินีมองอย่างไรก็ไม่เป็นประโยชน์ต่อบริษัทเลยสักนิด สู้จ้างคนเก่ง ๆ มานั่งบริหารยังจะเข้าท่ากว่า "คุณสิงหราชไม่รู้เรื่องนี้หรอกค่ะ ส่วนคนที่ช่วยฉันคุณต้องไม่เชื่อแน่ว่าเป็นใคร" เจ้าจันทร์ยกยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตา "บังเอิญจังเลยนะคะที่ฉันรู้จักคนค่อนข้างเยอะ ทีแรกก็ไม่มั่นใจหรอกว่าวิลาสินีที่ว่าจะใช่คุณหรือเปล่า แต่พอสืบไปสืบมานิดเดียวก็ได้รู้ความจริงเข้าจนได้" "เลิกอ้อมค้อมซะที! รีบ ๆ บอกมาซะ ฉันจะไปเล่นงานมัน ฉันไม่เอามันไว้แน่!" "คนคนนี้เขาก็รอคุณอยู่เหมือนกันค่ะ คุณจำ
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถัดมาสิงหราชก็นั่งเซ็นสัญญากับวิลาสินี เขาได้หุ้นสิบห้าเปอร์เซ็นต์พร้อมกับแผนงานดี ๆ ที่คนรักของเขาเตรียมไว้ให้ เซ็นไปยิ้มไปไม่ได้สนใจสีหน้าอมทุกข์ของวิลาสินีเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อทางนั้นเองก็ใช่วิธีสกปรก คิดจะแบล็กเมล์เขา ถ้าอย่างนั้นเจ้าตัวก็ควรรู้ไว้ด้วยว่า กล้าที่จะทำผิดก็ต้องยอมรับผลที่จะตามมาให้ได้ ในเมื่อวิลาสินีมีโอกาสแต่ดันทำพลาดไปแล้ว ต่อไปก็ลองเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบดูบ้าง ให้เหมือนกับตอนที่เธอคิดทำลายคนอื่นนั่นแหละ "ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะครับ คุณวิลาสินี" สีหราชกล่าวทั้งใบหน้าประดับรอยยิ้ม "หวังว่าต่อไปนี้คุณจะรู้ว่าควรวางตัวยังไง อยู่รอรับผลประโยชน์อย่างเงียบๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง" "คุณ…หมายความว่ายังไง" "ผมก็แค่พูดเผื่อเอาไว้ คุณก็รู้ไม่ใช่เหรอครับ ว่าแฟนของผมค่อนข้างที่จะ…กัดไม่ปล่อย คนเก่ง ๆ แบบนั้นอาจจะไม่หยุดแค่นี้ก็ได้นะครับ" "คุณ! นี่พวกคุณรวมกันทำอะไร หรือว่าพวกคุณคิดจะผิดข้อตกลง คุณจะแฉฉันใช่ไหม!" เห็นท่าทีราวกับคนจิตตกของวิลาสินีแล้วสิงหราชก็ได้แต่ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าโดนเจ้าจันทร์ขู่อะไรไปบ้าง เพราะตอนนั้นเขาเองก็ฟังไม่ได้ชัดทุกคำ แต่ดูไปแล้
ในเช้าวันนี้ สิงหราชได้รับรายงานจากเลขาบอกว่า วิลาสินียอมขายหุ้นให้กับเขา ทั้งยังมีแผนงานใหม่ที่น่าสนใจส่งแนบท้ายมาด้วย การที่อยู่ ๆ วิลาสินียอมอย่างง่ายดายเช่นนี้ สำหรับสิงหราชแล้ว เขาไม่แปลกใจใด ๆ เหตุผลนั้นมีแค่ข้อเดียว... เหตุผลที่ทำให้เขาอึ้งจนพูดไม่ออกเมื่อได้เห็นมันด้วยตาตนเอง ชายหนุ่มบิดมุมปากขึ้นยิ้ม วันนี้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อนึกไปถึงเรื่องเมื่อวาน อาาา... ไม่ใช่เรื่องที่เขาจับเจ้าจันทร์แอบแซ่บในห้องทำงานหรอก หากแต่เป็นเรื่องอื่นที่ดีมากไปกว่านั้นมากกว่า ไม่คิดเลย...ว่าเขาจะเจอเพชรแท้ ไม่คิดอีกล่ะ...ว่าเขาจะโชคดีมากขนาดนี้ สิงหราชนั่งทำงานอย่างสบายอารมณ์ รออยู่เกือบครึ่งวันข้อมูลทุกอย่างก็ถูกส่งเข้ามาที่อีเมล์ส่วนตัว เขาไล่เปิดอ่านทั้งหมด รอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฎขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาคนรักของเขาที่คงจะทำงานอยู่ที่ห้อง เจ้าจันทร์รับสายเขาในทันทีก่อนจะทักทายกลับมาเสียงใส "คุณเจ้า ขึ้นมาหาผมหน่อยสิ พอดีมีเรื่องด่วน อยากให้คุณช่วยดูอะไรหน่อย" สิงหราชวางสายลงหลังจากปลายสายตอบกลับมา เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้อ่านข้อความในเอกสารนั่นอีก
ภายในโรงแรมหรูชื่อดัง เสียงเคาะประตูห้องพักดังขึ้น หญิงสาวภายในห้องรีบก้าวเดินมาที่ประตูทันที เธอมิทันระวังใด ๆ ก็เปิดประตูออกต้อนรับ "คุณสิงหราชคะ วี…" แต่แล้วเสียงหวาน ๆ ก็แผ่วลงก่อนจะแทนที่ด้วยเสียงตื่นตกใจ "นี่เธอ!" วิลาสินีชี้หน้าคนที่ก้าวเข้ามาในห้อง "ยัยเจ้าจันทร์ทำไมถึงเป็นเธอ! แล้ว แล้วเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่นี่" พอถูกเรียกชื่อด้วยคำสรรพนามที่ไม่น่ารัก เจ้าจันทร์ก็หันกลับมามองหญิงสาวในชุดคลุมอาบน้ำของโรงแรม เจ้าจันทร์ตวัดสายตาขึ้นมองคนกำลังโมโห พลางยกให้ดูโทรศัพท์เครื่องหรูในมือ "ก็ใช้มือถือของประธานสิงหราชตอบคุณไงคะ แหม...บอกทางละเอียดยิบยันกระทั่งเบอร์ห้อง จะมาไม่ถูกได้ยังไง" วิลาสินีตาลุกวาวขณะมองโทรศัพท์ในมือเจ้าจันทร์ "นี่แกกล้าขโมยมือถือเจ้านายเลยเหรอ" "ว่าอย่างนั้นก็ได้" เจ้าจันทร์ยอมรับก่อนจะหย่อนตัวนั่งอย่างสบายอารมณ์ "แต่สำหรับคุณสิงหราช ต่อให้ฉันขโมยกางเกงในเขา เขาก็ยังไม่โกรธเลยค่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่า ไม่มีผู้ชายคนไหนโกรธเมียตัวเองลงเพียงแค่เรื่องนี้หรอกมั้งคะ คุณว่าจริงไหม" "!!!" วิลาสินีส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ เมียอย่างนั้นน่ะหรือ! หญิง
ในวันหนึ่งขณะที่สีหราชกำลังนั่งทำงานอยู่ในห้อง เขากลับไม่รู้เลยว่าเลขาของเขาจะติดต่อกับอดีตเลขาที่ควบตำแหน่งแฟนคนปัจจุบันอยู่ เจ้าจันทร์วางสายลงหลังจากได้รับรายงานว่าวิลาสินีโทรมาขอนัดสิงหราชเพื่อเจรจานอกรอบ ฝ่ายนั้นเขาที่ร้านอาหารในโรงแรมที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง แค่สถานที่นัดหมายเจ้าจันทร์ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำอะไร คงเห็นว่าสิงหราชเคยมีข่าวควงสาวไม่ซ้ำหน้ามาก่อนล่ะมั้ง ก็เลยคิดว่าคงไม่ทิ้งลายเจ้าชู้ อย่างไรก็คงกินเรียบหมดถ้าได้อ่อยสักหน่อย เอาเถอะ อยากทำอะไรก็ทำ เธอจะไม่ขัดขวาง เจ้าจันทร์คิดเช่นนั้นจริง ในเมื่อวิลาสินีอยากทำเพื่อความอยู่รอด เธอก็จะให้อีกฝ่ายลองทำดูสักตั้ง "คุณเจ้า รู้หรือยังว่าพี่เลมันมีนัดกับสาว" เหมราชเดินเข้ามานั่งบนขอบโต๊ะทำงานของเจ้าจันทร์ เลขาสาวเงยหน้ามองเจ้านายที่ยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างคนมีแผนอะไรในใจ "อย่ายิ้มแบบนี้นะคะคุณเหม เจ้าไม่เป็นไปตามสิ่งที่คุณคิดหรอกค่ะ" "ว้าาา... ไม่หึงสักหน่อยเหรอครับ ผมอุตส่าห์มาบิ้วถึงที่แน่ะ" เจ้าจันทร์อดจะหัวเราะอีกฝ่ายไม่ได้ รู้หรอกว่าพี่น้องไม้เบื่อไม้เมากันขนาดไหน และเธอก็รู้มากกว่านั้นด้วยว่าจริง ๆ แล้ว สองพี่สอง
หลายชั่วโมงผ่านไปกระทั่งถึงเวลานัดหมาย วันนี้มีประชุมย่อยที่ทั้งสิงหราชและเหมราชจะต้องเข้าประชุมกับบริษัทคู่ค้าที่ต้องการจะมาขอดีลด้วย ดังนั้นเจ้าจันทร์จึงเป็นอีกคนที่ต้องตามเข้าประชุมเพื่อช่วยเหมราชสรุปข้อมูล ทว่าทันทีที่ได้เห็นหน้าคนที่เป็นตัวแทนของบริษัทตรงข้ามแล้ว เธอกลับสังหรณ์ใจไม่ดีเอาเสียเลย เดิมทีบริษัทนี้ก็ไม่น่าร่วมงานอยู่แล้วด้วย "ผมคิดว่าเรทราคาที่คุณเรียกร้องมามันมากไปหน่อย" สิงหราชพูดเปิดประเด็นในเรื่องที่เขามองเห็นถึงจุดไม่คุ้มทุน "ในเมื่อคุณอยากให้ทางเราเป็นคนจัดการเรื่องการผลิตสินค้าทั้งหมด แต่เรทราคาที่คุณให้ทางเรามันต่ำเกินไปเมื่อเทียบกับจำนวนสินค้าที่สั่งผลิต ส่วนเรื่องวัตถุดิบที่คุณรับปากว่าจะเป็นฝ่ายทางคุณจัดหามา ผมต้องการแหล่งที่แน่นอนและตรวจสอบได้มากกว่านี้" "เรื่องแหล่งวัตถุดิบเดี๋ยววีให้คนส่งเอกสารเพิ่มเติมมาอีกทีก็ได้ค่ะ" หญิงสาวผู้มาขอเจรจากันในวันนี้เอ่ยขึ้น เธอคือวีนัส หรือ วิลาสินี เจ้าของบริษัทวีกรุ๊ปคนปัจจุบัน ดวงตาสวยคมโฉบเฉี่ยวคู่นั้นเอาแต่จับจ้องใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นประธานอย่างไร้ซึ่งความเขินอาย วิลาสินีก้มหน้าลงมาเล็กน้อย พอให้เสื้อ
Komen