Share

7

Penulis: 橙花
last update Terakhir Diperbarui: 2025-05-24 07:00:33

ทั้งสองแยกย้ายกันไปแจ้งข่าวอย่างรวดเร็ว ซิ่วหลานใช้วิชาตัวเบารีบไปยังกระท่อมด้านหลังซึ่งเป็นที่พักของโจวเมี่ยวเมี่ยว

“ท่านอาจารย์!!”

“หืม? เจ้าเป็นอันใด เหตุใดจึงได้เสียงดังเช่นนี้เล่า”

“แย่แล้วเจ้าค่ะ! ที่ตีนเขาตอนนี้มีจอมยุทธ์มากกว่าพันคนมาพักอยู่ ข้าไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพราะเหตุใดเจ้าค่ะ”

“เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน ส่งคนไปวางยาพิษที่ทางขึ้นหุบเขาเสีย หากพวกเขาคิดร้ายกับพวกเราจริง ๆ พวกเขาจะต้องขึ้นเขามาแน่ ตอนนี้เจ้ารีบสั่งคนไปป้องกันไว้”

“เจ้าค่ะอาจารย์ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ซิ่วหลานรีบคำนับอาจารย์และจากไป

โจวเมี่ยวเมี่ยวนั่งจิบชาคิดว่าเหตุใดจึงมีจอมยุทธ์มากมายมาที่นี่ แถมพวกเขายังไม่คิดจะปิดบังการมาแม้แต่น้อย โจวเมี่ยวเมี่ยวไม่อยากให้ศิษย์ของนางล้มตายหลังจากที่นางสั่งสอนมาอย่างยากลำบาก การส่งคนไปวางยาพิษตามทางเป็นแค่แผนการป้องกันเท่านั้น หากนางต้องการให้ศิษย์ของนางปลอดภัย นางจะต้องส่งพวกเขาหลบออกจากหุบเขาพิษแห่งนี้โดยเร็ว ส่วนนางนั้นไม่ต้องการจากลูกชายนางไป ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น นางจะอยู่กับลูกของนางที่นี่

บนหุบเขาพิษตอนนี้ผู้คนต่างวุ่นวายไปหมด คำสั่งให้วางยาพิษตามทางขึ้นหุบเขาแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว ศิษย์ของโจวเมี่ยวเมี่ยวทั้ง 12 หลังสั่งการแล้วก็มารวมตัวกันที่กระท่อมของโจวเมี่ยวเมี่ยวในช่วงค่ำ

“อาจารย์ พวกเราจะทำอย่างไรต่อไปดีเจ้าคะ” หยูเฟินถามอย่างกังวล

“ข้าอยากให้พวกเจ้าหลบหนีไปทางหลังเขาเสีย เจ้าคงจำได้ว่าภูเขาอีกลูกไม่ห่างจากที่นี่อุดมสมบูรณ์นัก ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าต้องตกตายอยู่ที่นี่กับข้า” โจวเมี่ยวเมี่ยวยิ้มอย่างอาทรให้ศิษย์ทั้งหมด

“ไม่ได้นะเจ้าคะท่านอาจารย์ หากจะไปเราต้องไปด้วยกันเจ้าค่ะ” เป่าจู้รีบค้าน

“ข้าก็ไม่ไปเจ้าค่ะ หากอาจารย์จะอยู่ที่นี่ ข้าก็จะอยู่ด้วย” จิงฟางกล่าว

“พวกเจ้าอย่าได้ดื้อดึง ข้าสั่งสอนพวกเจ้ามาหลายปี เห็นพวกเจ้าเหมือนดั่งบุตรหลาน ใยข้าจะไม่อยากปกป้องพวกเจ้าเล่า”

“ฮึก… อาจารย์… ข้าไม่อยากไปจากท่าน” ฉิวจู้กล่าวไปร้องไห้ไป

“ฮือ… ข้าก็ไม่อยากไป” หยูเฟินกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ไหวจึงร้องไห้อีกคน

“เฮ้อ พวกเจ้าอย่าร้อง นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของข้า จงเก็บข้าวของแล้วรีบออกเดินทางให้เร็วที่สุดเสีย ส่วนศิษย์นอกพวกนั้นอย่าได้ใส่ใจ พวกเขาก่อเรื่องจนพวกเราถูกคนภายนอกเห็นว่าเป็นสำนักมารไปแล้ว ข้าไม่อยากให้พวกเขาใช้วิชาที่พวกเจ้าสั่งสอนทำร้ายคนอีกต่อไป รีบไปซะ!” โจวเมี่ยวเมี่ยวส่งสายตานิ่งเรียบมองกวาดไปยังศิษย์ที่นางรักตรงหน้า

ศิษย์ทั้งหมดต่างหลั่งน้ำตาอย่างเศร้าโศก เป็นพวกนางที่อยากช่วยเหลือคนพวกนั้นจนทำร้ายอาจารย์เข้าในวันนี้ ทั้งที่ไม่อยากจากไป แต่นี่เป็นคำสั่งของอาจารย์ผู้เปรียบเสมือนแม่ของพวกนาง

“ฮึก… ในเมื่อนี่เป็นคำสั่งอาจารย์ พวกเราจะทำตามเจ้าค่ะ ข้าขออภัยที่ไม่สามารถตอบแทนบุญคุณของท่านได้อีกต่อไป” ซูจินสะอึกสะอื้นกล่าวทั้งน้ำตา

“เอาล่ะ ๆ ข้าเข้าใจพวกเจ้าดี หลังไปจากที่นี่ จงอย่าคิดรับศิษย์อีก พวกเจ้าจงหาสามีและมีครอบครัวไปเสีย ส่วนเรื่องการถ่ายทอดวิชาให้บุตรหลานพวกเจ้าในอนาคตนั้น ข้าไม่ห้ามหากพวกเจ้าต้องการ แต่จงจำไว้ว่าอย่าได้ใช้ยาพิษทำร้ายคนดีเด็ดขาด นี่เป็นสิ่งที่ข้าอยากขอร้องพวกเจ้า พวกเจ้ารับปากข้าได้หรือไม่?”

“พวกเรารับปากเจ้าค่ะ” ทั้งหมดรีบรับคำทั้งน้ำตา ก่อนจะก้มกราบลาโจวเมี่ยวเมี่ยว

“พวกเจ้ารีบไปเถิด อย่าได้ชักช้าและอย่าให้ใครพบเห็นเล่า”

“พวกเราเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ อาจารย์รักษาตัวด้วย”

โจวเมี่ยวเมี่ยวมองส่งศิษย์ทั้งหมดของนางด้วยแววตาชื่นชม นางรู้ดีว่าเด็กเหล่านี้จะไม่กล้าขัดคำสั่งเสียสุดท้ายของนางเป็นแน่ ส่วนศิษย์นอกพวกนั้นนางไม่เคยสนใจความเป็นความตายของพวกเขามาแต่แรกแล้ว

“อาหลาง อีกไม่นานแม่ก็จะได้ไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้วนะ คืนนี้แม่จะอยู่เป็นเพื่อนเจ้าที่นี่จนกว่าจะเช้า ดีหรือไม่?” โจวเมี่ยวเมี่ยวหันไปทางหลุมศพบุตรชาย

ศิษย์สายตรงของโจวเมี่ยวเมี่ยวเก็บสิ่งของจำเป็นในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนที่พวกนางจะใช้วิชาตัวเบาลอบออกไปจากที่พักด้านหลังเขาที่อาจารย์เคยพาไปทันที พวกนางไม่คิดจะเสียเวลาตามคำสั่งของอาจารย์ และสัญญาว่าจะหาสามีที่ดีในอนาคต

รุ่งสางวันต่อมา

เหล่าจอมยุทธ์ที่มาต่างกินยาถอนพิษก่อนจะเดินทางตามหลังเจ้าสำนักต่างๆ ขึ้นไปยังหุบเขาพิษ พวกเขาไม่รู้หรอกว่ายาพวกนี้จะช่วยชีวิตพวกเขาได้มากเพียงใด ขอแค่พวกเขาสามารถกำจัดคนบนเขาได้สักคนหนึ่งก็นับว่าช่วยเหลือชาวบ้านที่ต้องตายจากพิษร้ายเหล่านี้ได้ก็พอแล้ว

“ท่านเจ้าอาวาส เราไม่ล้อมหุบเขานี้เอาไว้หรือขอรับ” เจ้าสำนักคนหนึ่งเอ่ย

“อามิตตาพุทธ ข้ากลัวว่าหากล้อมเอาไว้ทั้งหมด ไม่รู้พวกท่านจะถูกพิษกันหรือไม่”

“เรื่องนั้นข้าคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหานะขอรับ ในเมื่อพวกเรากินยาแก้พิษมาก่อน”

“เช่นนั้นพวกท่านก็สั่งการเถิด ข้าต้องการเพียงกำจัดต้นตอของผู้สร้างพิษร้ายเหล่านี้เท่านั้น หลังจากกำจัดคนเสร็จสิ้น เรายังต้องเผาทำลายสมุนไพรพิษเหล่านี้ด้วย”

“ขอรับท่านเจ้าอาวาส” เหล่าเจ้าสำนักต่างส่งคำสั่งออกไปยังคนของตน

เมื่อจอมยุทธ์ทั้งหมดทราบถึงคำสั่งนี้แล้วจึงแยกย้ายกันออกไปล้อมรอบหุบเขาพิษเอาไว้และเดินทางขึ้นเขาตามทิศทางที่ตนเองล้อมเอาไว้อย่างรวดเร็ว

ระหว่างทางขึ้นเขามีจอมยุทธ์บางคนที่ยาแก้พิษนั้นไม่เป็นผล จำต้องรีบลงจากเขาก่อนเพื่อไม่ให้เป็นภาระคนอื่นเกือบหนึ่งร้อยคน แต่จำนวนคนที่ยังคงเดินทางขึ้นไปนั้นก็ยังมีนับพันคนเช่นเดิม พวกเขาเร่งใช้วิชาตัวเบาเพื่อให้ถึงยอดเขาที่คิดว่าน่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม

ทางด้านเหล่าเจ้าสำนักที่ขึ้นไปถึงก่อนไม่พูดพร่ำทำเพลง พวกเขาเห็นศิษย์บนเขาก็ฆ่าอย่างไม่ละเว้น เสียงการต่อสู้และเสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นทั่วหุบเขา โจวเมี่ยวเมี่ยวได้แต่หลับตาลงอย่างปลดปลง นางไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะไม่ถามไถ่สักคำก็ลงมือ โจวเมี่ยวเมี่ยวได้แต่ขอโทษศิษย์นอกที่ตายไปทั้งหมด

เสียงการต่อสู้ยังคงดังมาเป็นระยะ เพราะศิษย์นอกที่อยู่บนเขานี้มีหลายคนที่เรียนวิชากับศิษย์ของนางมาหลายปีแล้วไม่ยอมลงเขา พวกเขาจึงมีฝีมือไม่น้อย รวมถึงพิษที่ใช้ก็รุนแรงกว่าศิษย์ทั่วไปที่เพิ่งเข้ามาเรียนที่นี่

“อ๊าก!!! อาจารย์ช่วยด้วย!” เสียงร่ำร้องเรียกหาอาจารย์ของศิษย์นอกดังไปทั่วบริเวณ

“อั่ก!! อาจารย์…” ศิษย์นอกคนหนึ่งถูกดาบแทงเข้าร่างอย่างน่าสงสาร

“พวกเจ้า!! หยุดมือเดี๋ยวนี้!!!”

พรึ่บ! ฟู่ม!!! อ๊าก!!!

ด้วยพลังปราณพิษของโจวเมี่ยวเมี่ยว ทำให้จอมยุทธ์จำนวนมากตายลงภายในพริบตาเดียว จอมยุทธ์หลายคนเห็นฝีมือผู้มาซึ่งมีผมสีม่วง ตาสีม่วงแปลกตาตรงหน้าก็รู้ว่าเป็นผู้ที่มีฝีมือสูงส่งที่สุดในหุบเขาแห่งนี้ พวกเขารีบถอยกรูดไปด้านหลังเหล่าเจ้าสำนักฝีมือดีในทันใด

“พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายคนบนหุบเขาของข้า!” โจวเมี่ยวเมี่ยวมองกราดไปยังผู้คนจำนวนมากตรงหน้าอย่างไม่เกรงกลัว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   48

    สามสัปดาห์ต่อมาขบวนใหญ่ของไท่จื่อมาถึงหน้าประตูเมืองเสวียนแล้ว แม่ทัพรักษาชายแดนและเจ้าเมืองเสวียนคนปัจจุบันอย่างหานเซี่ยต่างรอต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม นั่นเพราะแม่ทัพรักษาชายแดนได้รับรายงานว่ามีขบวนเดินทางพร้อมทหารจำนวนมากใกล้จะมาถึงเมืองเสวียน พวกเขาจึงต้องรีบออกมารับหน้าทั้งที่ไม่มีใครมาแจ้งพวกเขาสักนิดว่าเป็นผู้ใดมาถึงกันแน่“ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยมาถึงแล้ว!!!” ซุนเหยาใช้เสียงจากพลังปราณเอ่ยขึ้นเสียงดังแม่ทัพรักษาชายแดนและหานเซี่ยรีบคุกเข่าลงเมื่อได้ยิน พวกเขาเพิ่งรู้ว่าผู้มาขบวนใหญ่นี้เป็นถึงรัชทายาท บรรดาชาวเมืองที่ไม่ใคร่จะอยู่สบายนักเพราะเจ้าเมืองหานเซี่ยนเองต่างก็คุกเข่าลงเช่นกัน พวกเขายังไม่รู้ว่าไท่จื่อที่ว่ามานี้จะช่วยเหลือพวกเขาจากความหน้าเลือดของเจ้าเมืองได้หรือไม่ แต่ถึงจะมีความหวังเพียงน้อยนิด พวกเขาก็อยากจะลองดูว่าชีวิตหลังจากนี้จะดีขึ้นหรือไม่“พวกเจ้าตามสบาย” เสียงหยางชิงหลงดังออกจากรถม้า กังวานไปทั

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   47

    การเก็บเกี่ยวสมุนไพรในช่วงสองสามวันมานี้ทำให้ซินเมี่ยวได้รับโสมป่าอีกหลายต้นกลับไปด้วย ส่วนฎีกาของไท่จื่อนั้นถูกส่งไปได้สามวันแล้วเช่นกัน พระองค์คาดการณ์เวลาเป็นอย่างดีว่าม้าเร็วจะมาถึงขบวนของพระองค์ก่อนเดินทางไปถึงเมืองเสวียนได้ไม่ยาก ในฎีกานั้นพระองค์ยังขอให้ฝ่าบาทแต่งตั้งเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพคนใหม่มาประจำการที่ชายแดนด้วยครึ่งเดือนต่อมา ขบวนของไท่จื่อเหลือระยะทางไปยังเมืองเสวียนอีกเพียงห้าร้อยลี้เท่านั้น ขณะที่พักค้างแรมริมทางอยู่นั้นกลับมีม้าเร็วกลับมาที่ค่าย ส่งข่าวว่าขบวนเจ้าเมืองคนใหม่และแม่ทัพหยวนพร้อมกำลังทหารอีกห้าพันนายกำลังจะมาถึงในวันพรุ่งนี้แล้ว“เสด็จพ่อเหตุใดจึงนำกำลังทหารมามากนักเล่า” หยางชิงหลงตรัสถามทหารส่งข่าว“ฝ่าบาทกังวลว่าจะมีทหารเก่าที่ภักดีกับแม่ทัพคนเก่าก่อเรื่องพะย่ะค่ะ พระองค์จึงส่งทหารมาเพิ่มให้”“อืม เช่นนั้นเราจะตั้งค่ายรอพวกเขาที่นี่อีกสองวัน เจ้ากลับไปรายงานแม่ทัพหยวนก่อน

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   46

    กลางดึกคืนนั้น กลุ่มโจรมากกว่าห้าร้อยคนล้อมรอบพื้นที่ตั้งกระโจมเอาไว้อย่างแน่นหนา พวกเขาเฝ้ามองดูก่อนหน้านี้มาตลอดจนรู้ว่ายากที่จะเข้าไปจับกุมตัวผู้นำขบวนเอาไว้ได้ เนื่องจากกระโจมนั้นอยู่ตรงกลาง ยากต่อการจู่โจม พวกเขาจึงคิดที่จะปล้นเสบียงและเงินทองที่อยู่ชั้นนอกแทน“พวกเจ้าเตรียมจัดการทหารเฝ้าเวรพวกนั้นก่อน เราค่อยบุกเข้าไปทีละชั้น”“ท่านหัวหน้าแน่ใจหรือขอรับ ข้ากลัวว่าพวกมันจะมีแผนการดักซุ่มรอเราอยู่”“เพ้ย! เจ้าเชื่อข้าเถอะน่า ป่านนี้พวกมันที่เหนื่อยจากการเดินทางคงนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวกันไปนานแล้ว ขบวนใหญ่ขนาดนี้ข้าก็เพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก พวกมันไม่น่าจะระมัดระวังมากนักหรอก” หัวหน้าโจรกล่าวอย่างไม่กลัวแม้แต่น้อย อย่างไรเขาก็ดักปล้นพ่อค้ารวมทั้งยังรับคำสั่งฆ่าจากเจ้าเมืองเสวียนมาตลอดหลายปี ถึงแม้จะถูกจับได้ อย่างไรเจ้าเมืองเสวียนก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเขาแน่“ไป!” หัวหน้าโจรสั่งลูกน้องเสียงดังไปทั่วบริเวณ

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   45

    ขบวนเดินทางของไท่จื่อไม่ได้เร่งรีบไปยังเมืองเสวียนมากนัก พระองค์ยังส่งทหารนำรายงานเกี่ยวกับเมืองจ้วงจีกลับไปยังเมืองหลวงเพื่อถวายฝ่าบาท ส่วนการเดินทางครั้งนี้มีการหยุดพักบ่อยขึ้นเพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนท้องของซินเมี่ยวที่กำลังโตขึ้นทุกวันและเข้าสู่เดือนที่หกของการตั้งครรภ์“เสด็จพี่ไม่ต้องพักบ่อยขนาดนี้ก็ได้เพคะ เรายังต้องเดินทางไปอีกหลายเมืองเพื่อช่วยเหลือราษฎรนะเพคะ” ซินเมี่ยวอดจะบ่นพระสวามีไม่ได้“นั่นจะได้อย่างไร หมอหลวงก็บอกอยู่ว่าไม่ให้เดินทางต่อเนื่องมากนัก ไม่เช่นนั้นเจ้าที่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในรถม้าจนขยับเขยื้อนลำบากจะไม่สบายเอาได้”“เสด็จพี่ลืมไปหรือเปล่าเพคะว่าน้องก็มีพลังปราณ เรื่องแค่นี้ไม่กระทบร่างกายของน้องหรอกเพคะ พวกเรารีบเดินทางจะดีกว่า พักแค่ก่อนค่ำเหมือนเคยก็ได้แล้ว”“เอาล่ะ ๆ เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แต่ถ้าเจ้าไม่สบายตัวต้องรีบบอกพี่เข้าใจหรือไม่”“หม่อมฉันเข

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   44

    ยามเว่ย ไท่จื่อก็สั่งให้ออกเดินทางโดยที่ได้รับการช่วยเหลือจากชาวบ้านทำล้อลากสำหรับกรงขังเสือเพื่อลากกลับไปยังเมืองจ้วงจี เสือทั้งหมดเมื่อฟื้นตื่นคราแรกต่างตกใจจนร้องขู่เสียงดัง ซินเมี่ยวที่ไม่ได้หวาดกลัวพวกมันจึงเดินเข้าไปใช้พลังปราณกดข่มพวกมันและคุยกับพวกมันดี ๆ เพื่อปลอบโยน จนไม่นานนักหลังจากนางส่งเนื้อย่างที่ชาวบ้านทำเอาไว้ให้พวกมันทั้งครอบครัวกินจนอิ่มหนำ เสือทั้งหมดที่อยู่ในกรงต่างก็เชื่องเชื่อลงไม่น้อย พวกมันพากันนอนหมอบปล่อยให้องครักษ์ขี่ม้าลากพวกมันติดตามไปอย่างเงียบ ๆองครักษ์สี่นายเมื่อกลับถึงเมืองจ้วงจี พวกเขาแยกทางกับรถม้าของไท่จื่อเพื่อนำเสือกลับไปยังค่ายทหารตามคำสั่ง พวกเขายังได้รับคำสั่งให้พาพ่อครัวหลวงกับช่างฝีมือที่ติดตามขบวนมาด้วยกลับไปยังจวนไท่จื่อภายในเมือง เพราะหยางชิงหลงอยากให้ช่างฝีมือไปสอนการผลิตสิ่งของจากไม้ไผ่ให้กับชาวบ้านในหมู่บ้าน ระหว่างที่ต้องรอผลการปรับปรุงดินว่าดินแบบใดเหมาะที่จะเพาะปลูกซุนเหยาที่ขับรถม้าให้ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยกลับไปยังจวนก็รับคำสั่งไท่จื่อเฟยให้ออกไปซื้อของส

  • ท่านอ๋องพิการกับนางมารมาใช้กรรม   43

    ในป่าอีกด้านหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ป่าจำนวนไม่น้อย ไท่จื่อเห็นว่ามีหมูป่ากับกวางป่าจำนวนมาก พระองค์จึงให้องครักษ์ล่าหมูป่าไปให้ผู้ใหญ่บ้านสักตัวสองตัว ส่วนซินเมี่ยวเองก็ใช้อาวุธลับล่ากวางป่าตัวหนึ่งเช่นกันหลังจากล่าสัตว์ได้มากถึงสามตัวแล้ว ทุกคนจึงลงจากเขาไปพร้อมกับสัตว์ทั้งสามตัวที่องครักษ์ช่วยกันหามลงจากภูเขาพร้อมรอยยิ้มเมื่อไปถึงบ้านผู้ใหญ่บ้าน องครักษ์มอบสัตว์ทั้งสามตัวให้กับเขาเพื่อแจกจ่ายชาวบ้านนำไปทำอาหารกินกัน ไท่จื่อและไท่จื่อเฟยนั่งดื่มชาสนทนาเรื่องที่พบบนภูเขาที่สงสัยกับผู้ใหญ่บ้านที่เรียกชาวบ้านมาจัดการสัตว์ทั้งสามตัว“เหตุใดจึงไม่มีชาวบ้านขึ้นเขาไปเก็บหน่อไม้มาทำอาหารหรือผู้ใหญ่บ้าน”“พวกเราไม่กล้าขึ้นไปถึงที่นั่นเพราะหวาดกลัวสัตว์ป่า เคยมีชาวบ้านขึ้นไปถึงแล้วบาดเจ็บกลับมาเพราะมีเสืออยู่บนภูเขาพะย่ะค่ะ”“อืม เช่นนั้นพรุ่งนี้เราจะขึ้นเขาไปจัดการเสือให้พวกเจ้า หลังจากนี้จะได้ขึ้นเขา

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status