“หึ! กำลังคิดถึงบุรุษผู้นั้นอยู่หรือ”
ชุนฟางชินระบายยิ้มกว้าง “เช่นนั้นก็ทำให้ข้าลืมเขาเสีย” มุมปากหนาค่อยๆ โค้งยกยิ้มขึ้น “แล้วเจ้าจะร้องเรียกครวญครางหาแต่ข้าแม่นาง” ไป๋เฟิ่งอี้เชิดปลายคางขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงไปประทับจูบอย่างดูดดื่ม ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากกวาดชิมความหวานอย่างหื่นกระหาย “อืออ..อื้ออ!” น้ำเสียงหวานครวญครางออกมาอย่างหื่นกระหาย เรือนร่างอรชรของนางพลางบิดเร้าดิ้นพร่าอยู่ไม่สุข รสจูบที่ดูดดื่มและเร่าร้อนทำให้นางแทบคลั่ง สองแขนเรียวของนางยกขึ้นโอบกอดคล้องคอบุรุษบนร่างจากนั้นจึงใช้มือลูบไล้ไปทั่วทั้งร่างกำยำอย่างสะเปะสะปะก่อนที่จะเลื่อนต่ำลงมากอบกุมยังเอ็นอวบที่แข็งทื่อชี้อยู่ตรงหน้าท้องแบนราบของนาง น้ำเสียงทุ้มครางอย่างพึงพอใจ “อื้มม…” เพียงแค่มือนุ่มนิ่มของนางสัมผัสแตะลงนั้น เอ็นอวบของเขาก็พลางสั่นกระตุกริกๆ จนไป๋เฟิ่งอี้ต้องกัดฟันกรอด ร่างของเขาพลันร้อนวูบวาบขึ้นมา “อื้มม…” “อา..คิดจะสังหารข้าหรืออย่างไร” ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอด น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างแหบพร่า สายตาคมกริบจ้องสบตานัยน์ตาเมล็ดซิ่งใต้ร่างอย่างหวานเยิ้ม “อ๊ะะ…” จู่ๆ ในจังหวะเดียวกันนั้น ชุนฟางชินสะดุ้งพลันหวีดร้องออกมาเสียงหลง นิ้วมือเรียวและสัมผัสเย็นเฉียบแตะลงใจกลางสาวของนางที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำหวาน ชุนฟางชินสั่นทึ่มขนลุกซู่ด้วยความเสียวกระสันไม่น้อย ใบหน้าคนงามพลางบิดเบี้ยวเหยเก สายตาคมกริบยามนี้เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “แม่นางเสร็จสมไปหลายครั้งหลายคราแต่เหตุใดส่วนนี้ยังเปียกชื้นอีกอยู่เล่า” ไป๋เฟิ่งอี้จงใจกลั่นแกล้งอีกฝ่าย นิ้วมือเรียวยาวแหวกกลีบดอกไม้ยามออกจากก่อนลูบไล้บดขยี้เม็ดติ่งจนสตรีใต้ร่างพลันสั่นสะดุ้งส่งเสียงครวญครางออกมา “หึ!” สตรีผู้นี้ช่างร่านเสียจริง! นึกไม่ถึงว่ายามนี้เขากำลังเสพสมอยู่กับภรรยาผู้อื่นอยู่ “อร๊างงงส์…อ..ย่าตรงนั่น!” “หื้ม” ไป๋เฟิ่งอี้เลิกคิ้วถามก่อนจะบดขยี้อีกครั้ง “เพราะเหตุใดงั้นหรือ” สองขาเรียวของชุนฟางชินสั่นระริก “อ่าา…อ๊ะ! อาา” นางพลางหอบหายใจถี่ “เสียว! ข้าเสียวเจ้าค่ะ” ว่ากันตามตรงแล้วไม่น้อย ดูเหมือนว่าร่างกายของนางจะโอนอ่อน…ไม่ว่าบุรุษผู้นี้ปรสเปรอกระทำสิ่งใดล้วนตอบรับชื่นชอบอยู่มาก ยิ่งเห็นนางบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซ่าน เขายิ่งอยากจะกลั่นแกล้ง “อร๊าางงส์..คุณชายหยุดอ๊ะ!..เถอะ” ไป๋เฟิ่งอี้ค่อยๆ สอดแทรกนิ้วมือเข้าไปในโพรงอุ่นนุ่มของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันพลันถูกบีบรัดแน่นจนเขาต้องกันฟันกรอด “เฟิ่งอี้..ครางชื่อข้า” น้ำเสียงทุ้มปนออกคำสั่ง เอ็นอวบของเขาพลางสั่นกระตุกริกๆ อยากจะเข้าไปเต็มที ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอดก่อนจะเปลี่ยนจากหนึ่งเป็นสองนิ้วขยับสอดใส่เข้าในรูสวาทเปียกชื้นของนาง “อ๊าา…อื้! เฟิ่งอี้” ชุนฟางชินร้องครวญครางอย่างว่าง่าย “อาา..ดูเจ้าเสียนี่เพียงนิ้วมือเท่านั้น ปากเอ่ยร้องขอให้หยุดแต่กลับร่านขมิบตอดรัดแน่น” เพียงแค่นิ้วมือก็ทำให้นางเสียวซ่านได้เช่นกัน! ทว่านางต้องการมากกว่านี้! ชุนฟางชินเพ่งมองตาขวาง “รีบเปลี่ยนจากนิ้วมือเป็นสิ่งอื่นเถอะ” ไป๋เฟิ่งอี้หัวเราะเสียงเย็น เขายังนึกสนุกอยากกลั่นแกล้งอีกฝ่ายอยู่ “สิ่งใดกันเขา” ภายในรูสวาทของนางทั้งอุ่นและนุ่มไม่น้อย เขาพลางกัดฟันกรอดอดกลั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝ่ามือหนาอีกข้างยกขึ้นไปกอบกุมหน้าอกอวบอิ่มก่อนจะขดขยี้เม็ดปทุมทันที่แข็งทื่อแทน “อ๊าา…” ร่างอรชรของนางบิดเร้าไปมา ยามนี้อารมณ์ของนางหื่นกระหายไม่น้อย “ข้าต้องการเอ็นอวบของท่าน..เฟิ่งอี้” “งั้นหรือ” ไป๋เฟิ่งอี้เลิกคิ้วถาม “รีบใส่เข้ามาเถอะ!” ปลั่กกกก! “อร๊างงง..อ๊า! เฟิ่งอี้” ความอดทนของไป๋เฟิ่งอี้มีไม่มากนัก ทันทีที่สิ้นสุดถ้อยคำนั้นเขาพลางดึงนิ้วมือกลับก่อนจะจับแก่นกายจ่อไปยังรูสวาทที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำหวานสีใสจากนั้นจึงออกแรงกดกระแทกเข้าไปที่เดียวสุดมิดลำ ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอด “อาา..ผ่อนคลายเสีย” เหตุใดรูสวาทของนางถึงได้คับแน่นเพียงนี้ “อื้ออ…อ๊า” ชุนฟางชินส่ายหน้าไปมา ใบหน้าคนงามเปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่อ ลมหายใจหอบถี่จนหน้าอกกระเพื่อมสั่นไหว ภายในช่องท้องของนางทั้งแน่นและจุกไปพร้อมๆ กัน เหตุใดส่วนนั้นของเขาถึงได้ใหญ่โตเพียงนี้ “แม่นางรัดข้าแน่นไปแล้ว” “ขยับเถอะ! มารดาจะตายอยู่แล้ว” นางไม่ไหวแล้ว มันทั้งใหญ่และคับแน่นเหลือเกินเสมือนว่าส่วนนั้นคล้ายจะฉีกขาด ปัก! ปัก! ปัก!! หากนางอ้อนวอนร้องเขาเพียงนี้ไฉนไป๋เฟิ่งอี้จะปฏิเสธได้ สะโพกแกร่งออกแรงขยับโหมกระแทกใส่สตรีใต้ร่าง แม้ว่ารูสวาทของนางจะเปียกชื้นแล้วอย่างไรทว่ากับบีบรัดเขาแน่นจนปวดหนึบไม่น้อย “อ๊าา! อ๊า! อร๊างงส์!” ชุนฟางชินส่งเสียงร้องครวญคราง ยามที่เอ็นอวบกระแทกเข้าใส่จนสุดโคนนั้นพลันชิดขอบข้างในจนนางสั่นกระตุกเกร็ง ปั่กกกๆๆๆ ปลั่ก! อารมณ์ของไป๋เฟิ่งอี้ในยามนี้หื่นกระหายไม่น้อย ใบหน้าหล่อเหล่าเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ หัวใจแกร่งพลางเต้นกระหน่ำ นางกำลังทำให้เขาคลั่ง! สตรีผู้นี้เจ้าเล่ห์ไม่น้อย! ฝ่ามือหนาจับเอวคอดไว้แน่นจากนั้นจึงออกแรงขยับสะโพกโหมกระแทกใส่สตรีใต้ร่างไม่ยั้งตามห้วงอารมณ์หื่นกระหาย ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอดครั้งแล้วครั้งเล่าจนขึ้นเป็นสันกราม “อาา…อ่าส์” น้ำเสียงทุ้มแหบพร่าครางต่ำ ปั่กก! ตั่บบบๆๆๆ ตั่บ! ชุนฟางชินส่งเสียงครางจนแหบพร่า “อร๊างงงส์..เฟิ่งอี้อ๊า!” นางรู้สึกเสียวกระสันไปทั่งทั้งร่างจนต้องบิดเรียว ใบหน้าคนงามบิดเบี้ยวเหยเกไม่สู้ดี สองมือของนางวางบนหลังแกร่งของเขาพลางจิกข่วนระบายความเสียวซ่าน “อื้ออ…อร๊างง! อ๊ะ! แรงอ๊ะ! แรงเกินไป!” “อ่าาสส์..อือ!” ปั่ก! ปั่กกก! ปลั่กกๆๆๆๆ ยามนี้ไป๋เฟิ่งอี้ออกแรงโหมกระแทกใส่สตรีใต้ร่างไม่ยั้งตามห้วงอารมณ์หื่นกระหายที่พลุ่งพล่าน เรือนร่างของเขาร้อนรุ่มเดือดปุดๆ ยิ่งกว่าน้ำต้มในกา “อ่าาสสส..! สตรีร่าน” ปลั่กๆๆๆๆ “เฟิ่งอี้! อ๊าา! อ๊ะ!” ชุนฟางชินเอาแต่ส่งเสียงร้องครวญครางสุข ไป๋เฟิ่งอี้กัดฟันกรอด “ข้าหรือสามีของเจ้าดีกว่ากัน!” ปั่กก! ปั่ก! น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามเสียงกระเส่ามิหนำซ้ำยังออกแรงขยับสะโพกกระแทกแก่นใส่เข้าในรูสวาทลึกจนสุดโคน เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นปนกับเสียงครวญคราง “อ๊าา..อร๊างงส์! ท่านอ๊ะ! แกล้งข้า” “หึ!” ปั่กกๆ ปั่ก! ปลั่ก!!ๆ “ข้าถามไมาได้ยินงั้นหรือ” ยามนี้หัวสมองของชุนฟางชินขาวโพลนมิหนำซ้ำยังไร้สติเกินกว่าจะขบคิดได้ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มสบเข้ากับดวงตาคมกริบที่หื่นกระหาย น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้น “อร๊างงส์! ท่าน! เฟิ่งอี้!” มุมปากหนาค่อยๆ เหยียดยิ้มยกขึ้น ปลั่กกกๆๆๆ ปั่ก! “อ๊าาาง!...อร๊างงส์” ไป๋เฟิ่งอี้พึงพอใจกับคำตอบไม่น้อย “ข้าจะให้รางวัลที่เจ้าเป็นเด็กดี” ทันทีพอสิ้นสุดประโยคนั้น ไป๋เฟิ่งอี้ถอดแก่นกายออกมาจากรูสวาทของอีกฝ่าย สองขาเรียวของนางพลันสั่นกระตุกริกๆ งดงาม.. งาดงามไปหมดทุกส่วน... สายตาคมกริบของเขาจับจ้องยังใจกลางสาวทีเปียกชื้นมีน้ำเมือกสีใสไหลย้อนออกมา “อ๊ะ..อร๊างงส์” ชุนฟางชินนอนหอบหายใจเหนื่อย หน้าอกอวบพลันสั่นกระเพื่มอย่างรุนแรง ร่างของนางเมื่อชั่วอึกใจที่แล้วเบาหวิวเสมอว่ากำลังล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆแต่ทันใดนั้นพลันถูกกระชากให้ตกลงมาอย่างแรงจนดัง ตุบ! นางมองเขางุนงงด้วยความไม่เข้าใจ “…..” ไป๋เฟิ่งอี้ยิ่งมองเห็นท่าทางของนางแล้วยิ่งหัวเราะเสียงดัง “ใจเย็นๆ ก่อนเถอะแม่นาง” “ท่านคิดจะทำอันใด” “ทำให้แม่นางนึกถึงแต่ข้าอย่างไร” ในขณะที่ชุนฟางชินกำลังจะอ้าปากพูดออกไปนั้นเป็นอันต้องกลืนน้ำพูดนั้นลงท้องหงีดร้องเสียงหลงออกมาทันที “กรี๊ดด…” จู่ๆ เรือนร่างของนางก็พลันถูกเฟิ่งอี้จับพลิกให้นอนราบไปกับเตียง สะโพกของนางพลันถูกแอ่นยกขึ้น “อ่าา…คิดจะทำให้ข้าคลั่งตายหรืออย่างไร” เพี๊ยะะ! “อ๊ะ! ข้าเจ็บ” ไป๋เฟิ่งอี้ฟาดฝ่ามือหนาลงบนก้นงามของอีกฝ่ายพลางจับแก่นกายชัดรูดถูกไถไปยังรูสวาทก่อนจะค่อยๆ ออกแรงกระแทกเด้งสะโพกสวนเช้าไปทีเดียวจนสุดลำ “อ่าสสส…” เขากัดฟันกรอดครางเสียงทุ้มต่ำ “อร๊างงงส์…” นางเสียวเหลือเกิน พอหันหลังเช่นนี้นั้น..เสมือนว่าแก่นกายอวบสอดใส่เข้ามาในโพลงสวาทของนางลึกขึ้นกว่าเดิม ยามนี้อารมณ์สวาทไฟราคะในตัวนางพลุ่งพล่านเหลือเกิน “ขยับกระแทกข้าใส่แรงๆ เถอะเฟิ่งอี้” “หึ!” มุมปากหนายกยิ้ม เขาหรือจะกล้าปฏิเสธสตรีร่านได้ “แม่นางก็ส่งเสียงครางดังๆ ให้ข้าพอใจเล่า”ฝ่ามือหนาประคองใบหน้าคนงาม สายตาคมกริบพลันสบเข้ากันนัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มก่อนจะนางหลับตาพริ้มรอรับจุมพิตจากเขา มุมปากหนายกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เหอะ! คิดว่าข้าจะรังแกตอนที่เจ้าไม่ได้สติหรืออย่างไร”ชุนฟางชินพลางยกมือคล้องโอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าคนงามซบบนอกแกร่งท่าทางออดอ้อน“ทว่าข้าต้องการท่าน..เฟิ่งอี้”เห็นได้ชัดว่านางจงใจยั่งยวนเขา!ไป๋เฟิ่งอี้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “รีบนอนเถอะก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วไม่ได้นอนชุนฟางชิน”“งั้นหรือ” ชุนฟางชินหัวเราะคิกคัก แม้สติของนางจะเหลือน้อยนิดแล้วอย่างไรทว่านางนั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอันใดอยู่ นางผละออกจากเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกระตุกผ้าคาดอกออกและค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างเชื่องช้า เรือนร่างอรชรผอมผายปรากฏต่อหน้าของไป๋เฟิ่งอี้“เช่นนี้แล้วท่านยังจะมีความอดทนอยู่อีกหรือไม่”เฟิ่งอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วไฉนเขาจะยังอดอยู่เล่า“หึ! สตรีร่าน” เขากัดฟันกรอดก่อนจะสอดมือเข้าเรือนผมงามรั้งท้ายทอยอีกฝ่าเข้าใกล้ประกบจูบอย่างดูดดื่มทันที“อื้อ…อือ” นางพลันเงยหน้ารับจูบลิ้มหนาสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากพลางกวาดตวัดไล่เลียความหวาน น้ำเสียงทุ้มคาางออกมาอย่างพึงพอ
เรื่องต้องเป็นตามแผนการที่นางเอาไว้ ถิงเฟยถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหน้าอึ้ง ใบหน้าคนงามเสแสร้งแสดงความเห็นใจออกมาไม่มิด “ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใดก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา”เผ่ยเหยียนซือแค่นเสียงฮึดฮัดสบถออกมา “เหอะ!”เขายังต้องมีอันใดผู้กับนางสตรีร่านผู้นี้อีก ดั่งคำที่เคยกล่าวไว้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆเกรงว่าหากเขาไม่ได้ยินน้ำเสียงร้องครวญครางกระเส่าของคนทั้งรู้เล็ดลอดออกมาหรือถิงเฟยจงใจคิดจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกเขา….เผ่ยเหยียนซือคงไม่ยอมหย่าง่ายๆ แน่เขาม้วนกระดาษวางลงบนโต๊อย่างลง“เหลือเพียงแค่เจ้าลงนามเท่านั้นชุนฟางชิน” น้ำเสียงทุ้มของเผ่ยเหยียนซือกล่าวออกมาอย่างแข็งก้าวฉายแววความโกรธออกมาอย่างชัดเจนใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ “เหตุใดถึงได้ทำตัวราวกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำและข้าเป็นคนผิดกันเล่าเผ่ยเหยียนซือ”ชุนฟางชินเกลียดคนเช่นนี้ยิ่งนักไป๋เฟิ่งอี้นั่งอยู่ข้างกายชุนฟางชิน สายตาคมกริบปรายมองสตรีข้างอยู่บ่อยครั้งทว่ากับมองไม่เห็นความเสียใจเลยแม้แต่น้อย “มิใช่เป็นคุณชายหรอกหรือที่แต่งสตรีอื่นเข้ามาก่อน” น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นหากนางหย่าสามีก็ด
ยามค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดสนิทมีเพียงแสงจันทราที่สาดส่องลงมาเท่านั้นไร้แสงระยิบระยับจากดวงดาวให้ความสว่างไป๋เฟิ่งอี้สวมใส่ชุดอาภรณ์สีดำสนิทปกปิดเรือนร่างและใบหน้าจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ดวงตาคมกริบสอดส่องมองไปทั่วทั้งจวนก่อนที่จะปืดกระโดดผ่านทางหน้าต่างเข้าไปในเรือนตุบบ..บ!จู่ๆ ตอนที่เขาหวนกลับมายังจวนหลังนี้ก็คราก็พลันพบว่าหน้าประตูจวนเต็มไปด้วยเวรยามจนหาทางเข้าไปไม่ได้ภายในห้องเกือบสงบมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออกของเจ้าของร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเท่านั้น ไป๋เฟิ่งอี้ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกรวนจนปลุกนางให้ตื่น“…..” ใบหน้าคนงามนอนหลับพริ้ม ดวงตาคู่งามปิดสนทิท มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้มเกรงว่านางคงกำลังนอนหลับฝันดีไม่น้อย“หึ” ไป๋เฟิ่งอี้มองเห็นแล้วจึงระบายยิ้มออกมาจางๆ อย่างไม่รู้ตัว ยามที่สายตาคมกริบเพ่งมองสตนีตรงหน้าล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างปิดไม่มิด“หลับลึกถึงเพียงนี้เลยหรือไร” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาคาดว่าหากเป็นโจรปล้นสวาทปานนี้นางคงหนีไม่พ้นแน่“อื้อออ…อือ” น้ำเสียงหวานส่งเสียงร้องงัวเงียออกมาด้วยความรำคาญ ชุนฟ
“เจ้าไปที่ใดมาหรือ”“…..” ชุนฟางชินชะงักฝีเท้าก่อนจะปรายสายตาเหลียวไปมองทางต้นเสียง นางพลันมองเห็นเผ่ยเหยียนซือจ้องมองเขม่งท่า ทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเพ่งมองมาทางนี้เขาเป็นอันใดไปงั้นหรือ..ใบหน้าของชุนฟางชินขมวดคิ้วมุ่น นางมองแลซ้ายแลขวาก่อนจะยกนิ้วชี้ตนเองพลางคิ้วถามอีกฝ่าย “พูดกับข้างั้นรึ”“เหอะ!” เผ่ยเหยียนซือเค้นเสียงออกมาไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินไปหาผู้เป็นภรรยา ใบหน้าหล่อเหล่าถมึงทึงฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาตื่นนอนตั้งแต่ต้นยามเหม่า (เวลา 05.00 – 07.00 น.) พอตอนที่เข้าไปในเรือนของชุนฟางชินก็พบว่าเงียบสงบจนกระทั่งบนเตียงว่างเปล่ามิหนำซ้ำยังเย็นเฉียบเสมือนว่าไม่มีผู้ใดอยู่มาตลอดทั้งคืนเผ่ยเหยียนซือสอบถามพูดคุยกับบ่าวรับใช้ภายในเรือนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ความว่า ชุนฟางชิชออกจากจวนไปตั้งแต่ตอนพลบค่ำจนถึงตอนนี้ฟ้าสางแล้วนางก็ยังไม่กลับมาอารมณ์ของเผ่ยเหยียนซือในตอนนี้โมโหไม่น้อยแล้วจึงพอเห็นท่าทางของภรรยาอิดโรยแล้วนั้น…เขาหาได้ตาบอดจนมองไม่ออก“ตรงนี้มีแค่เจ้ากับข้า” เผ่ยเหยียนซือเดินมาหยุดอยู่ตรง หน้าภรรยา “หากข้าไม่พูดกับเจ้าแล้วจะให้พูดกับผู้ใด”เห็นได้ช
ชุนฟางชินนอนหายใจเหนื่อยหอบอยู่นานครู่หนึ่งก่อน ที่น้ำเสียงหวานแหบแห้งจะเอ่ยขึ้น “หึงหวงข้าอย่างงั้นรึเฟิ่งอี้” เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นแล้วนายโลมเช่นเขาจะตกหลุมรักแขกได้อย่างไรมิหนำซ้ำนางก็มีสามีแล้วแม้จะดูไม่ลงรอยกันก็ตาม“…..”ไป๋เฟิ่งอี้ยันตัวขึ้นก่อนจที่ดวงตาคมกริบจะจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาเมล็ดซิ่งของอีกฝ่ายเขามองนิ่งๆ หาได้เอ่ยอันใดก็ออกหึงหวงนางงั้นหรือ?..ไป๋เฟิ่งอี้ตอบไม่ได้เช่นกันพอเห็นอีกฝ่ายเงียลงไปเช้นนี้นางจึงพลันหัวเราะคิกคักออกมากลบเกลื่อนด้วยความเก้อเขินทันที “ช่างเถอะ…คงเป็นข้าที่เสียสติเลอะเลื่อนไปแล้ว”บุรุษผู้นี้จะหึงหวงนางได้อย่างไรกันเช่นนั้นสตรีที่ร่วมรักกัน..เขาก็งตามรังควานหาเรื่องผูเอื่นไปทั่วแล้ว“เสร็จแล้วก็ลุกออกไปเถอะเฟิ่งอี้”“ข้าบอกงั้นหรือว่าเสร็จแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ แม้จะเสร็จสมแล้วอย่างไรแต่ทว่าไป๋เฟิ่งอี้หาได้ถอดแก่นกายออกจาก รูสวาทของนางภายในทั้งคับแน่นและอุ่นร้อนพลันเอาไป๋เฟิ่งอี้ไม่อยากปล่อยไปง่ายๆ แก่นกายที่ดูเหมือนว่าจะสงบลงไปแล้วพลันค่อยๆ ตื่นตัวและแข็งทื่อขึ้นมาอย่างช้าๆ!!!!เกิดอันใดขึ้นกัน..?นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลง
เป็นเพราะว่านางพูดจายั่วยุโทสะเขาหรือไป๋เฟิ่งอี้เห็นนางอยู่กับบุรุษอื่นถึงได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมาเช่นนี้ตุบ!ชุนฟางชินงอตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จู่ๆ ระหว่างทางมานั้นนางพลันมีปากเสียงกระบุรุษผู้นี้จนถูกอุ้มขึ้นยกพาดบ่ามายังที่ที่หนึ่งก่อนจะถูกโยนเตียงอย่างแรง“โอ๊ย..! มารดามันเถอะ” นางหันมองอีกฝ่ายตาขวาง“เจ็บเป็นด้วยงั้นหรือ”เพ่ย! เหตุใดถึงถามเช่นนี้“ท่านเห็นข้าเป็นตุ๊กตาผ้ารึ”ไป๋เฟิ่งอี้เพียงแค่นเสียงฮึดฮัดออกมาเท่านั้น สายตาคมกริบยามนี้ดูแข็งกร้าวและเจ้าเล่ห์ในคราเดียวกัน เขาพลางถอดอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าของนางชุนฟางชินไม่เข้าใจ “ท่านจะทำอันใดกันแน่เฟิ่งอี้”“แม่นางโง่งมหรือตาบอดมองไม่เห็นงั้นรึ”“เฟิ่งอี้! ข้าถามดีๆ ไฉนถึงได้ยอกย้อนประชดประชัน”ยามนี้ชุนฟางชินงุนงงไม่น้อย บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปแล้ว.…เหตุใดถึงได้ทำตัวเสมือนคนไร้สติเช่นนี้“ปรนเปรอสตรีร่าอย่างไร”!!!!“กรี๊ดดด…ปล่อยข้า!” ชุนฟางชินหวีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ จู่ๆ แขนทั้งสองข้างของนางพลันถูกรวบขึ้นเหนือหังก่อนจะถูกพันธะด้วยเศษผ้าชุนฟาง