Войтиขอโอกาสให้ฉันรักคุณอีกครั้ง ชีวิตนี้ ฉันจะรักแค่คุณ คุณสามีที่รัก เจิ้งซิงอี ในอดีตนั้นเพราะโง่งมในรัก จึงกระทำเรื่องชั่วช้า ทำเรื่องผิดพลาดเอาไว้มากมาย ซึ่งเธอรู้ดีแก่ใจ ว่าคนเช่นเธอตายไปย่อมต้องตกนรก แต่เมื่อเธอต้องตายจริงๆ เธอกลับไม่ได้ตกนรกอย่างที่คิด และแน่นอน เธอย่อมไม่ได้ขึ้นสวรรค์เช่นกัน แต่เธอกลับกลายเป็นดวงวิญญาณดวงหนึ่ง ที่ไม่ได้ไปผุดไปเกิดต้องทนมองคนที่เธอรักและรักเธอใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก มองพวกเขามีชีวิตอย่างคนที่อยู่ไม่สู้ตาย เพราะการกระทำของเธอ แต่เธอกลับไม่อาจที่จะช่วยเหลือสิ่งใดได้ เธอที่เป็นเช่นนั้นย่อมรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าการต้องตกนรกหมกไหม้เสียอีก แต่ไม่รู้ว่าเพราะสวรรค์เมตตาหรือนรกไม่ต้อนรับคนชั่วเช่นเธอหรืออย่างไร จึงส่งให้เธอได้กลับมาแก้ไขอดีตของตัวเองอีกครั้ง
Узнайте большеตายแล้วไปไหน
นรก หรือ สวรรค์
ว่ากันว่าชีวิตหลังความตาย ดวงวิญญาณทุกดวงต้องเดินทางสู่ปรโลก ข้ามสะพานไน่เหอที่ทอดข้ามแม่น้ำลืมเลือน และดื่มน้ำแกงยายเมิ่ง
แต่วิญญาณดวงหนึ่งกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เดิมที เจิ้งซิงอี คิดเอาไว้ว่า คนอย่างเธอเมื่อตายไปคงต้องตกนรกอย่างแน่นอน เพราะเธอเป็นหญิงชั่วช้าที่ทำความชั่วมามากมายเหลือเกิน
แต่หลังจากที่ตายไปจริงๆ ทั้งที่คิดว่าตัวเองต้องตกนรก เธอกลับกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่ไม่อาจไปไหนได้
คนชั่วที่ถึงแม้จะตกตายลง แต่กลับไม่ได้ไปผุดไปเกิด กลายเป็นร่างโปร่งแสงที่ล่องลอยวนเวียน เฝ้ามองดูความเป็นไปของผู้คนที่เธอรู้จัก คนที่เธอรัก คนที่เธอเกลียด คนที่เธอเคยทำผิดต่อพวกเขา มองดูด้วยความเจ็บปวดทรมาน แต่กลับทำสิ่งใดไม่ได้
เธอต้องทนมองพวกเขาทุกข์ทรมานกับสิ่งที่เธอเป็นคนกระทำ
เป็นตัวเธอเองที่ทำให้ชีวิตของพวกเขาพบเจอกับความอยุติธรรม
เพราะความโง่ของเธอทำให้ทุกคนที่เธอรักต้องโดนเหยียบย่ำ ทำให้ชีวิตของทุกคนตกต่ำ
เรื่องเลวร้ายที่เธอเคยกระทำในอดีตตามหลอกหลอนเธอ ทำให้เธอเจ็บปวดแสนสาหัส และการต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด มันรู้สึกทุกข์ทรมานเสียยิ่งกว่าตกนรกเสียอีก
เจิ้งซิงอีในวัยสาวสะพรั่ง หน้าตาหมดจดงดงาม เป็นที่หมายปองของชายหนุ่มในหมู่บ้าน และเป็นที่อิจฉาของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน
ครอบครัวตระกูลเจิ้งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านทางตอนใต้ของจีน มีฐานะปานกลาง อยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ มีสมาชิกในครอบครัวร่วมสิบชีวิต
ซึ่งประกอบไปด้วย พ่อ แม่ พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง และหลานชายตัวน้อยอีกสองคน ซึ่งเป็นบุตรของพี่ใหญ่และพี่รอง ส่วนพี่สามนั้นยังไม่แต่งงาน
เธอเป็นบุตรคนสุดท้อง ถูกพ่อแม่และพี่ชายทั้งสามรักและประคบประหงมมาตั้งแต่เล็กจนโต เพราะเป็นหญิงสาวเพียงคนเดียวในครอบครัว ทั้งยังมีอายุห่างจากเหล่าพี่ชายอยู่หลายปี
นิสัยของเธอจึงค่อนข้างเอาแต่ใจ เป็นหญิงสาวที่ดื้อรั้นมากผู้หนึ่ง
เธอมีคู่หมั้นที่หมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งอีกฝ่ายเป็นบุตรชายของบ้านหวัง นามว่า หวังลู่เสียน
ชายหนุ่มเป็นบุตรชายสหายรักของผู้เป็นพ่อ และเขายังเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของบ้านหวัง ซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน สองครอบครัวมักจะไปมาหาสู่และช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ
ชีวิตในวัยเด็ก เธอกับหวังลู่เสียนนั้นสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก เพราะมีอายุห่างกันแค่สามปี จึงมักจะเที่ยวเล่นด้วยกันอยู่เสมอ เขานั้นทั้งรัก ทั้งตามใจเธอไม่ต่างจากเหล่าพี่ชายของเธอ เธอจึงชื่นชอบอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก
จนเมื่อเติบโตขึ้น เด็กหนุ่มอายุสิบหกปี กับเด็กหญิงที่กำลังแตกเนื้อสาววัยสิบสาม ก็ได้รู้ว่า พวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่คู่หมั้นกันเท่านั้น แต่พวกเขาคือ รักแรก ของกันและกัน
แต่ได้รู้จักและสัมผัสกับคำว่า รัก ได้เพียงไม่นาน เธอและเขาก็ได้รู้จักกับคำว่า จากลา ได้สัมผัสกับความรู้สึกเสียใจ และ คิดถึง
เมื่อบิดาของหวังลู่เสียนเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน
หลังจากผู้เป็นบิดาเสียชีวิตไปได้ไม่นาน มารดาของหวังลู่เสียน หรือก็คือ ซูหลัน ที่ในขณะนั้นยังเป็นหญิงสาวที่งดงาม อายุย่างเข้าวัยสามสิบต้นๆ เท่านั้น ก็ได้แต่งงานใหม่กับพ่อหม้ายเสิ่น หนุ่มใหญ่ผู้ที่ได้ชื่อว่าร่ำรวยและมีที่ดินมากที่สุดในหมู่บ้าน ซึ่งเขาก็มีลูกติดจากภรรยาผู้ล่วงลับหนึ่งคนเช่นกัน
ในตอนนั้นเรื่องการแต่งงานกันของคนทั้งสอง ต่างเป็นที่พูดถึงของคนในหมู่บ้าน เพราะหลังจากที่พ่อหม้ายเสิ่นแต่งงานกับซูหลัน บุตรชายของเขาที่เกิดจากอดีตภรรยา ซึ่งตอนนั้นอายุได้สิบแปดปีก็ตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพไปเป็นทหาร
หลังจากบุตรชายเข้าร่วมกองทัพ พ่อหม้ายเสิ่นก็ขายที่ดินหนึ่งในสามของตน แล้วพาครอบครัวใหม่ย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง บ้านเสิ่นและบ้านหวังจึงถูกปิดตายทิ้งร้างเอาไว้ตั้งแต่ตอนนั้น
และนั่นทำให้เธอและหวังลู่เสียนจำต้องจากลาและห่างไกลกัน
หนึ่งปีแรกเราต่างก็เขียนจดหมายส่งหากันเสมอ จนย่างเข้าปีที่สองหวังลู่เสียนก็ขาดการติดต่อไป สร้างความโศกเศร้า กังวล และเสียอกเสียใจให้แก่เธอเป็นอย่างมาก แต่เธอก็ยังคงเฝ้ารอเขา
จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยไปถึงสี่ปี สี่ปีเต็มที่หวังลู่เสียนหายหน้าหายตาไป ในที่สุดเขาก็กลับมายังหมู่บ้านอีกครั้ง ในวันครบรอบวันตายปีที่สี่ของผู้เป็นพ่อ
หวังลู่เสียนในวัยยี่สิบปี เปลี่ยนไปจนแทบจะจำไม่ได้ จากเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางสูงโปร่ง กลายเป็นชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาเกลี้ยงเกลา
เขา ทำให้เธอตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้สบตากัน
"ซิงอี พี่ลู่เสียนกลับมาแล้ว"
เพียงแค่คำพูดประโยคเดียว ความขุ่นเคือง ขุ่นข้องหมองใจตลอดสี่ปี หายไปราวกับว่าไม่เคยเกิดขึ้น
เธอที่อยู่ในวัยสาวอายุสิบเจ็ดปีเต็ม ตอนนี้เปลี่ยนจากเด็กหญิงใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้ม กลายมาเป็นหญิงสาวใบหน้างดงามหมดจด งามสะพรั่งราวบุปผาแสนสวยที่กำลังผลิดอกเบ่งบาน สวยสดทั้งยังมีกลิ่นหอมเย้ายวน
ราวกับโชคชะตาชักนำให้เราทั้งสองคนได้กลับมาพบเจอกัน ให้พวกเราได้ตกหลุมรักกันและกัน อีกครั้ง
เธอและเขากลับมาสานสัมพันธ์กัน คบหาดูใจกันเช่นดังคู่รัก กลายเป็นคนรักที่รักกันมาก และต่างตั้งตารอเวลาเหมาะสมที่จะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
จนกระทั่งถึงเวลาที่เธอรอคอยมาตลอด เมื่อชายคนรักบอกกับพ่อของเธอว่าเขาพร้อมที่จะทำตามสัญญาหมั้นหมายของทั้งสองแล้ว
แสงแดดอ่อนๆ ส่องกระทบใบหน้ายิ้มแย้มของคู่สามีภรรยาที่กำลังประคับประคองกันเดินเข้ามาในตลาดยามเช้า พวกเขาทั้งสองยืนมองตลาดสดที่คึกคักไปด้วยผู้คนที่มาจับจ่ายซื้อข้าวของกันอย่างคับคั่ง บรรดาพ่อค้าแม่ค้าขายของกันมือเป็นระวิง เสียงหัวเราะและการพูดคุยเจื้อยแจ้วของผู้คนดังก้องไปทั่วบริเวณ เรือนร่างที่ดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นของเจิ้งซิงอีเดินตามการประคองของสามี หญิงสาวยืนอยู่ท่ามกลางความวุ่นวาย แต่ใบหน้างามกลับเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ เจิ้งซิงอีมองไปรอบๆ ตลาดแห่งนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ นี่คือตลาด 'สร้างสุข' ตลาดสดที่สร้างขึ้นด้วยมือและน้ำพักน้ำแรงของทุกคน ตอนนี้มันกำลังเติบโตขึ้นมาอย่างมั่นคงตลาดแห่งนี้เปิดให้บริการมาได้กว่าสามเดือนแล้ว และเป็นสามเดือนที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับทุกคนจนน่าตกใจ เจิ้งซิงอีลูบหน้าท้องของตัวเองที่นูนเด่นออกมาด้วยความรักใคร่ วันนี้เธอจะพาเจ้าก้อนแป้งมาเดินชมตลาดของครอบครัว ดวงหน้างามระบายไปด้วยรอยยิ้ม ตลาดแห่งนี้เติบโตมาพร้อมๆ กับบุตรในท้องของเธอที่ตอนนี้กำลังย่างเข้าเดือนที่สี่แล้ว และนี่นับเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาเห็นตลาดแห่งนี้ด้ว
เจิ้งซิงอีลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก ทันทีที่รู้สึกตัวฝ่ามือบางรีบวางทาบลงบนหน้าท้องแบนราบของตนในทันที แต่เธอก็ต้องประหลาดใจเมื่อตอนนี้เธอไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด ไม่ว่าจะเป็นอาการเจ็บปวดตามร่างกายจากการหกล้มหรืออาการเจ็บหน่วงบริเวณท้องน้อย ราวกับว่าก่อนหน้านี้เธอไม่เคยได้รับความเจ็บปวดใดๆ มาก่อนหญิงสาวกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ เมื่อรับรู้ถึงความผิดปกติ พลันรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งกายเมื่อพบเพียงความว่างเปล่า เธอมองเห็นเพียงหมอกหนาทึบโอบล้อมอยู่รอบๆ เพียงเท่านั้น ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นอย่างพยายามระงับความหวาดกลัวที่กัดกินใจ เอ่ยเรียกสามีน้ำเสียงสั่น เธอหวังอย่างยิ่งว่าจะได้ยินเสียงของเขาตอบกลับมา"พี่หนิงหลง สามีคะ พี่อยู่ไหน"แต่เหมือนว่าเธอต้องพบกับความผิดหวัง เพราะทันทีที่เปล่งเสียงออกไป เธอกลับได้ยินเพียงเสียงสะท้อนของตัวเองตอบกลับมาเท่านั้นเจิ้งซิงอีชันกายลุกขึ้นยืน พยายามมองฝ่าหมอกหนาด้วยหัวใจที่สั่นสะท้าน เธอไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ เหตุใดถึงได้มาอยู่ในสถานที่นี้ได้ หรือเธอจะตายไปแล้วและกลายมาเป็นวิญญาณอีกครั้งดวงตาหวาดหวั่นหันมองความว่างเปล่ารอบกาย ภายในใจรู้สึกเจ็บปวดอย่
เจิ้งซิงอีเนื้อตัวสั่นเทา เอ่ยอ้อนวอนคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดวงตาทั้งสองแดงก่ำเต็มไปด้วยโทสะ เธออยากจะขยับหนีแต่ไม่อาจทำได้ เพราะรู้สึกเจ็บร้าวไปหมดทั้งตัว และบริเวณข้อเท้าก็รู้สึกเจ็บแปลบ คงทำได้แค่ถ่วงเวลาให้นานที่สุดเท่านั้น ภาวนาให้คนเป็นสามีรู้ว่าเธอหายตัวไปโดยเร็วหวังลู่เสียนในตอนนี้ดูน่ากลัวมาก เขาคล้ายกับคนเสียสติ เธอไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมาถึงได้มีสภาพเช่นนี้ หยาดเลือดที่ไหลซึมจากบาดแผล ทำให้เสื้อผ้าเปียกชุ่มกลายเป็นสีแดงฉาน กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนเธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอาเจียน"ซิงอีทำไมพูดแบบนั้น ไม่รักกันแล้วหรือ ทำไมละ เธออยากจะอยู่กับพี่มาตลอดไม่ใช่หรอกหรือ"ดวงตาของหวังลู่เสียนไหววูบกับคำอ้อนวอนนั้น ก่อนจะคลี่ยิ้มเอ่ยถามเสียงเย็น ท่าทางหวาดกลัวจนตัวสั่นและความเกลียดชังในแววตาของหญิงสาวทำให้ภายในใจรู้สึกไม่พอใจและไม่ยินยอมทำไมล่ะ เธอรักเขา อยากอยู่กับเขามาตลอดนี่ ทำไมตอนนี้ถึงเปลี่ยนใจ ทำไมเธอถึงจะทิ้งเขาไปล่ะ ชีวิตของเขาในตอนนี้ไม่เหลือใครแล้ว คำถามมากมายเกิดขึ้นภายในใจของหวังลู่เสียน ภาพของเด็กหญิงที่คอยอยู่ข้างกายเขา คอยปกป้อง คอยปลอบใจเขายามเมื่อทุกข์ใจผุดขึ้นม
ในที่สุดตำรวจก็คลี่คลายปมคดีการตายของเสิ่นจงได้ เขาไม่ได้ป่วยตายอย่างที่คิดจริงๆ แต่ตายเพราะถูกฆาตกรรมตำรวจสืบเสาะจนกระทั่งพบหลักฐานสำคัญที่ชี้ไปยังตัวฆาตกรว่าเป็นซูหลันผู้เป็นภรรยาและหวังลู่เสียนลูกเลี้ยงของเขาเอง และหลักฐานสำคัญคือผลตรวจเนื้อเยื่อในซอกเล็บของผู้ตายที่ส่งมาจากปักกิ่ง ชี้ชัดว่าเป็นของหวังลู่เสียนเมื่อพร้อมด้วยพยานหลักฐาน หยางตงฟง นายตำรวจหนุ่มผู้รับผิดชอบคดีจึงนำกำลังเข้าจับกุมสองแม่ลูกมาดำเนินคดี หลังจากนั้นจึงค่อยส่งข่าวให้เสิ่นหนิงหลงพี่ชายคนสนิทผู้เป็นเจ้าทุกข์รับทราบแต่ไม่คิดเลยว่าเมื่อไปถึงบ้านเช่าของสองแม่ลูก กลับพบกับกลุ่มชาวบ้านหลายสิบคนภายในบ้าน พวกเขากำลังมุงดูและวิพากษ์วิจารณ์บางอย่างด้วยอาการตื่นตกใจเหล่าชาวบ้านเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต่างพากันหลีกทางให้ แล้วมายืนสังเกตการณ์กันอยู่ห่างๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นหยางตงฟงนำกำลังเข้าไปในบ้านทันที เมื่อเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าภายในบ้านนั้นมีร่องรอยการต่อสู้ ข้าวของถูกรื้อค้นกระจุยกระจายจนกระทั่งเดินลึกเข้าไปภายในตัวบ้านนายตำรวจหนุ่มมีสีหน้าตึงเครียดในทันที เมื่อพบกับร่างไร้วิญญาณของซูหลันถูกฆ่าตายด้วยอาวุ


















Отзывы