ผู้ใดจะคิดเล่าว่าบุรุษผู้นั้นจะไม่รู้นักเหน็ดเหนื่อยเคี่ยวกรำนางอยู่หลายชั่วยามทำราวกับว่าอดยากไม่ได้แสบสมกับสตรีมาเนินนานเป็นปีกว่าชุนฟางชินจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระก็พลันถึงยามรุ่งสางของวันใหม่แล้ว
ทว่านางปิดเปลือกตานอนหลับไปไม่ทันไรก็พลันมีสาวใช้เคาะประตูเข้ามาปลุกเสียแล้วใบหน้าคนงามยามนี้จึงดูหม่นหมองและบูดบึ้งอยู่มาก ชุนฟางชินอ้าปากห้าวครั้งแล้วครั้งเล่า “รีบๆ หน่อยเสียมารดาอยากจะกลับไปนอนแล้ว” “พี่หญิง…” เผ่ยเหยียนซือถอนหายฮึดฮัดออกมา “คิดว่าเจ้าเหนื่อยเป็นแต่เพียงผู้เดียวรึไร ไม่เห็นหรือว่านางต้องตื่นแต่เช้าตรู่กว่าเจ้าเมื่อมายกน้ำชาให้” พอบุรุษผู้นี้พูดออกหน้าให้เช่นนี้ถิงเฟยพลันแอบลอบยิ้มกรุ่มกนิ่มอย่างสะใจ เหอะ! นางหรือจะอยากเป็นภรรยารอง! รอก่อนเถิด..อีกไม่นานนางจะเขี่ยสตรีผู้นี้ออกไปให้พ้นมาง ถิงเฟยปรายสายตามองเผ่ยเหยียนซืออย่างอ่อนโยน “ช่างเถอะเจ้าค่ะท่านพี่ ข้าเข้าใจได้ว่าพี่หญิงรงเหน็ดเหนื่อยอีกทั้งยังไม่ยอมรับชา” น้ำเสียงหวานที่เอ่ยออกมาล้วนเต็มไปด้วยความน้อยใจทั้งสิ้น มีหรือเขาจะสู้มารยาหญิงได้! นางกำลังดูบทละครที่โรงน้ำชาอยู่งั้นหรือ…ชุนฟางชินกลอกสายตาไปมองด้วยความเบื่อหน่าย นางกระแอมไอทีหนึ่งก่อนเถอะ “ข้ากำลังดูละครอยู่งั้นรึ” “ชุนฟางชิน” เผ่ยเหยียนซือขึ้นเสียง ว่าจาที่ออกจากอีกฝ่ายล้วนเต็มไปด้วยความเหน็บแนมเสียดทออีกฝ่ายไม่น้อย เขาพอจะเข้าใจได้ว่านสงไม่พอใจที่เข้าแต่งภรรยาอีกคนทว่านางได้เป็นถึงภรรยาเองแล้วยังไม่พอใจอีกหรือไร ไฉนไม่ใจกว้างให้มากหน่อย สายตาคมกริบเพ่งมองชุนฟางชินด้วยความดูแคลน “ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะ” ผิงเฟยเอ่ยปรามก่อนจะยกรินน้ำชาใส่จอกให้แก่อีกฝ่าย “ผิงเฟยคารวะพี่หญิง…นับจากนี้จะเป็นภรรยาอีกคนช่วยพี่หญิงปรนนิบัติท่านพี่เจ้าค่ะ” ช่วยดูแลงั้นรึ! เหอะ! นางแย่งสามีของเจ้าของร่างจนตรอมใจตายไปแล้ว ชุนฟางชินระบายยิ้มจางๆ สายตาปรายมองสตรีตรงหน้า ดูแล้วหน้าตาก็หาได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างว่า.. “เผ่ยเหยียนซือรึ” “…..” “หากอยากได้ก็เอาได้เถอะ” พอสิ้นสุดประโยคนางพลันลุกขึ้นพรวดโดยไม่สนใจสตรีตรงหน้าหรือแม้แต่เกรงกลัวบุรุษผู้นั้นเลยด้วยซ้ำ ยามนี้ในความคิดของนางพลันมีเหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาแล่นเข้ามาในหัวซ้ำๆ เอาแต่นึกถึงคนผู้นั้น นางคงถูกเขาปรยเปรอจนสติเลอะเลือนไปแล้วแน่ๆ เผ่ยเหยียนซือกัดฟัน จู่ๆ ก็พลันเกิดอารมณ์โมโหขึ้นมาทันที “เจ้าทำกับถิงเฟยเกินไปแล้ว” ชุนฟางชินชะงักก่อนจะเหลียวหันกลับไปมอง นางยกมือขึ้นกอดอกเลิกคิ้วถาม “ข้าทำอันใดนางงั้นหรือเผ่ยเหยียนซือ” มองดูแวบเดียวนางก็กระจ่างแจ้งรู้แล้วว่าบุรุษผู้นี้กำลังลุ่มหลงเล่ห์ของสตรีผู้นั้นไม่น้อย “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” “เจ้าจะไม่เป็นไรได้อย่างไรกัน” เผ่ยเหยียนซือหันไปมองภรรยาอีกคนน้ำเสียงทุ้มพลันโอนอ่อนลงช่างแตกต่างกลับที่พูดกับชุนฟางชินอย่างเห็นได้ชัด “ทำเช่นนี้มิต่างกับหยามเกียรติเจ้า” หยามเกียรติ!?? หน้าหนากลายเป็นเมียน้อยของสามีผู้อื่นยังจะมีเกียรติและศักดิ์หลงเหลือยู่งั้นหรือ ไม่ว่าอย่างไรแล้วเขาย่อมเข้าข้างนาง ถิงเฟยพลันซบหน้าลงบนอกแกร่งราวกับกำลังออดอ้อน ชุนฟางชินมองเห็นแล้วส่ายหน้าเอือมละอา “ดูท่าแล้วเจ้าคงดูแลเขาให้มีความสุขได้มากกว่าข้าเช่นนั้น…เอาเถอะ บุรุษเช่นนี้มารดายกให้และจะไม่ทวงคืน” ช่างน่าเสียดาย…นางนับว่าเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงามไม่น้อยแต่กลับมาแย่งสามีผู้อื่นเช่นนี้ นับว่าคิดน้อยไปหน่อย เผ่ยเหยียนซือมีอันใดดีงั้นหรือ…เมื่อเทียบกับ “ชุนฟางชิน!” ยิ่งพอนางได้ยินเช่นนี้อารมณ์ของเขายิ่งเดือดปุดๆ เผ่ยเหยียนซือไม่ชอบให้นางเย็นชาและห่างเหินเช่นนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนจะแต่งถิงเฟยเข้าจวน ชุนฟางชินถึงขั้นลงอาบน้ำขัดผิวอยากจะร่วมเตียงเอาใจให้เขาหยุดควรคิดมีสตรีอื่นเสีย แต่ไฉนพอมาวันนี่กลายเป็นคนละคนไปเสียแล้ว น้ำเสียงทุ้มตะโกนดังก้อง “ข้าเป็นสามีของเจ้า!” “อืม” ชุนฟางชินพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะยกมือชี้ไปยังสตรีที่ยังคงเกาะติดอยู่ข้างกายเผ่ยเหยียนซือ “เป็นสามีของนางด้วย” พอแล้ว! นางไม่กลับไปกินน้ำพริกถ้วยเดิมแน่ ในเมื่อน้ำพริกถ้วยใหม่ทั้งแซ่บและเด็ดกว่า “ช่างเถอะ…หากนับจากนี่จะมีเมียกี่คนก็ตามใจ” ชุนฟางชินเอ่ยออกมาราวกับไม่ใส่ใจก่อนจะหันกลับหมุนตัวเดินไปยังเรือนนอนทั้งมี นางกำลังคิดถึงเตียงนุ่มๆ และคิดถึงคนผู้นั้นเช่นกัน.. นางเผลอนอนหลับไปไม่ทันไรพอตื่นขึ้นมาอีกทีเขาก็หาย ไปแล้ว หากนี่เป็นแค่ความฝันแล้งเหตุใดร่างกายของนางถึงได้ปวดเมื่อยนักมิหนำซ้ำส่วนนั้นยังเจ็บแสบไม่น้อย เฟิ่งอี้! ท่านต่างหากที่ลืมข้าไม่ลง! ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าไปหอคณิการหาสตรีบำเรอเพียงชั่วค่ำคืนเดียวเขาก็พลันกลายเป็นชายชู้ที่ร่วมรักกับภรรยาคนอื่นเสียแล้ว พรืดดด…! “เจ้าว่าอย่างนะเฟิ่งอี้!” หวังต้ายกจอกน้ำชากระดกยกดื่มไปอึกใหญ่ทว่าเพียงแต่ชั่วพริบตาเดียวนั้นเป็นอันต้องพ่นออกมาเมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ไป๋เฟิ่งอี้เอ่ย “ตกใจอันใดเพียงนั้น” “เพ่ย! นี่เจ้ากำลังเป็นชายชั่วอยู่มิใช่หรือเฟิ่งอี้” ไป๋เฟิ่งอี้ยักไหล่ท่าทางไม่ใส่ใจ “แล้วอย่างไร” หวังต้าถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ดวงตาคมกริบเบิกโพลงกว้างเต็มไปด้วยตวามตกใจ “สตรีผู้นั้นคือฮูหยินบ้านใดเล่า” เกรงว่าหากเกิดเรื่องใหญ่โตขึ้นมาเกรงว่าคนผู้นี้คงไม่ถูกสามีของนางบุกมาทำร้ายเอาหรอกหรือ “ข้าไม่รู้” !!!! “เจ้าเมามายจนไร้สติเพียงนั้นเลยหรือเฟิ่งอี้” ไป๋เฟิ่งอี้เงียบไม่ตอบอันใด เขาเพียงยกน้ำชาขึ้นจิบอย่างละเมียดละไมท่าทางไร้ความสังวล นัยน์ตาคมกริบดูลุ่มลึกเกินกว่าจะคาดเดาได้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ เรือนร่างอรชรผอมเพรียวมีส่วนโค้งเว้า น้ำเสียงหวานครวญครางไพเราะราวกับเสียงนกร้อง ผิวพรรณขาวเนียนไม่ว่าจะจับตรงใดก็นุ่มนิ่มไปหมดทุกส่วน อืม…นับว่าเป็นสตรีที่หาได้ยาก หวังต้าหรี่สายตาลงคล้ายกับกำลังจ้องจับผิดอีกฝ่ายอยู่ ไม่ปาน “เพ่ย! เจ้าร่วมรักกับนางอยู่หลายชั่วยามแต่กลับไม่รู้แม้แต่ชื่อแซ่งั้นหรือ” “ข้าจำเป็นต้องรู้ด้วยงั้นรึ” ไป๋เฟิ่งอี้เลิกคิ้วถามกลับทว่ายามที่น้ำเสียงหวานส่งเสียวครวญครางชื่อเขาครั้งแล้วครั้งเล่านั้นไพเราะราวกับเสียงนกร้องจริงๆ “เห้อ! เจ้านี่มันไร้สติเกินไปแล้วไป๋เฟิ่งอี้” นับว่าช่วงเวลาที่อดทนรอคอยมาไม่เสียเปล่าไปจริงๆ น้ำเสียงหวานร้องครวญครางแหบพร่าคล้ายใจจะขาดดังสนั่นหวั่ยไหวปนกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อยามที่แก่นกายใหญ่ถ฿กรูสวาทกลืนกินเข้าไปจนมิดลำ ว่ากันตามตรงแล้วเผ่ยเหยียนซือนับเป็นคุณชายรูปโฉมงดงามทั้งยังมีเรือนร่างกำยำสมชายฉกรรจ์ ทว่าราวกับสวรรค์กลั่นแม้จะมีดีเพียงแคทหน้าตาแต่ฐานะกลับต่ำต้อยมีหรือเหล่าคุณหนูและสตาอื่นจะปรายสายตาเหลียว จนกระทั่งเขมพลันไปถูกใจต้องตาชุนฟางชินเข้า นางนับได้ว่าเป็นคุณหนูตระกูลร่ำรวยมีอันจะกินแต่ดันตามอดมองเศษก้อนกรอดกลายเป็นเพชรขึ้นมาได้ “อ่าาๆ…อาาส์! อร๊าส!” เรือนร่างอรชรของถิง้ฟยสั่นคลอนตามแรงขยับสะโพกของบุรุษตรงหน้า ใบหน้าคนงามพลันบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวซ่าน ตั่บๆๆๆ ตั่บ! “คิดถึงผู้ใดอ๊ะะ!..อยู่หรือเจ้าค่ะท่านพี่อร๊างงส์!” ตั่บบบๆๆ ตั่บ! เผ่ยเหยียนซือเอาแต่โหมออกแรงขยับใส่สตรีใต้ร่างไม่ยั้งแรงทว่าในห้วงของความคิดนั้นกลับเอาแต่คิดถึงสตรีอีกคนแทน “…..” พอเห็นท่าทางของเขาเป็นเช่นนี้นางรู้สคกไม่ชอบใจนัก ตั่บบ! ตั่บ!!! “หยุดเจ้าค่ะ!” !!!! เผ่ยเหยียนซือพลันได้สติก่อนที่จะเลิกคิ้วเอ่ยตถามอีกฝ่ายด้วยความงุนงง “ว่าอย่างไรหรือถิงเฟย” ถิงเฟยระบายยิ้มกว้าง “ท่านพี่รอคอยข้าให้พ้นพิธีปักปิ่นมาตั้งหลายเดือน..ยามนี้ให้ถิงเฟยปรนเปรอปรนนิบัติท่านพี่ให้คุ้มค่าเถิดเจ้าค่ะ” น้ำเสียงว่าราวกับกำลังออดอ้อน นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเงยจ้องสบตากับบุรุษตรงหน้าตาหวานเยิ้ม บุรุษผู้นี้ต้องเป็นของนางแต่เพียงผู้เดียว! “เจ้าจะทำอันใดหรือ” เผ่ยเหยียนซือมองด้วยความไม่เข้าใจนัก ได้แต่มองนางถอดแก่นกายออกจากรูสวามก่อนที่เขาจะถูกผลักให้เป็นฝ่ายล้มลงนอนนายไปกลับเตียงเอง จู่ๆ หัวใจแกร่งพลันเต้นกระหนำขึ้นมา เขากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก “ทำให้ท่านพี่พึงพอใจในตัวข้า” ถิงเฟยจดจ้องลำอวบของเขาไม่วางตา นางพลันกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า ใหญ่โตยิ่ง! สองมือนุ่มนิ่มค่อยๆ ยกเลื่อนมือไปกอบกุมเอาไว้จนแทบไม่มิดลำ ทันใดนั้นสัมผัสเย็นเฉียบแตะลงที่ใจกลางบุรุษพลันทำเอาเผ่ยเหยียนซือสะดุ้งจนต้องกัดฟัสกรอด “ซี๊ดดส์…อาา” นางคิดจะทำให้เขาคลั่งงั้นหรือ!? “นี่พึ่งเริ่มเองนะเจ้าค่ะ” “อาา..มือของเจ้านุ่มนิ่มเกินไปแล้ว” ถิงเฟยพลันหัวเราะคิกคักออกมาอย่างอารมณ์ดีอีกครั้งเมื่อดึงสติเรียกร้องความสนใจจากอีกฝ่ายได้ นางทั้งและเด็ดกว่ามีหรือชุนฟางชินจะสู้ได้ “ท่านพี่จะให้ข้าทำอย่างไรกับมันดีเจ้าค่ะ” ถ้อยคำไร้เดียงสาเช่นนี้พลันทำให้บทรักสวาทในครานี้ดูตื่นเต้นเร่าร้อนไม่น้อย เผ่ยเหยียนซือหอบหายใจถี่ สายตาคมกริบจ้องมองเอ็นอวบที่กระตุกสั่นระริกในมือของนาง น้ำเสียงทุ้มเอ่ยแหบพร่า “ใช้ปากของเจ้ากลืนกินมันซะ”ฝ่ามือหนาประคองใบหน้าคนงาม สายตาคมกริบพลันสบเข้ากันนัยน์ตาเมล็ดซิ่งหวานเยิ้มก่อนจะนางหลับตาพริ้มรอรับจุมพิตจากเขา มุมปากหนายกยิ้มอย่างพึงพอใจ “เหอะ! คิดว่าข้าจะรังแกตอนที่เจ้าไม่ได้สติหรืออย่างไร”ชุนฟางชินพลางยกมือคล้องโอบคออีกฝ่ายเอาไว้ ใบหน้าคนงามซบบนอกแกร่งท่าทางออดอ้อน“ทว่าข้าต้องการท่าน..เฟิ่งอี้”เห็นได้ชัดว่านางจงใจยั่งยวนเขา!ไป๋เฟิ่งอี้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “รีบนอนเถอะก่อนที่ข้าจะหมดความอดทนแล้วไม่ได้นอนชุนฟางชิน”“งั้นหรือ” ชุนฟางชินหัวเราะคิกคัก แม้สติของนางจะเหลือน้อยนิดแล้วอย่างไรทว่านางนั้นรู้ตัวว่ากำลังทำอันใดอยู่ นางผละออกจากเขาเล็กน้อยก่อนที่จะกระตุกผ้าคาดอกออกและค่อยๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ออกอย่างเชื่องช้า เรือนร่างอรชรผอมผายปรากฏต่อหน้าของไป๋เฟิ่งอี้“เช่นนี้แล้วท่านยังจะมีความอดทนอยู่อีกหรือไม่”เฟิ่งอี้กลืนน้ำลายอึกใหญ่แล้วไฉนเขาจะยังอดอยู่เล่า“หึ! สตรีร่าน” เขากัดฟันกรอดก่อนจะสอดมือเข้าเรือนผมงามรั้งท้ายทอยอีกฝ่าเข้าใกล้ประกบจูบอย่างดูดดื่มทันที“อื้อ…อือ” นางพลันเงยหน้ารับจูบลิ้มหนาสอดแทรกเข้าไปในโพลงปากพลางกวาดตวัดไล่เลียความหวาน น้ำเสียงทุ้มคาางออกมาอย่างพึงพอ
เรื่องต้องเป็นตามแผนการที่นางเอาไว้ ถิงเฟยถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหน้าอึ้ง ใบหน้าคนงามเสแสร้งแสดงความเห็นใจออกมาไม่มิด “ท่านพี่ใจเย็นๆ ก่อนเถอะเจ้าค่ะ หากมีเรื่องอันใดก็ค่อยๆ พูดค่อยๆ จา”เผ่ยเหยียนซือแค่นเสียงฮึดฮัดสบถออกมา “เหอะ!”เขายังต้องมีอันใดผู้กับนางสตรีร่านผู้นี้อีก ดั่งคำที่เคยกล่าวไว้สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นจริงๆเกรงว่าหากเขาไม่ได้ยินน้ำเสียงร้องครวญครางกระเส่าของคนทั้งรู้เล็ดลอดออกมาหรือถิงเฟยจงใจคิดจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่บอกเขา….เผ่ยเหยียนซือคงไม่ยอมหย่าง่ายๆ แน่เขาม้วนกระดาษวางลงบนโต๊อย่างลง“เหลือเพียงแค่เจ้าลงนามเท่านั้นชุนฟางชิน” น้ำเสียงทุ้มของเผ่ยเหยียนซือกล่าวออกมาอย่างแข็งก้าวฉายแววความโกรธออกมาอย่างชัดเจนใบหน้าคนงามระบายยิ้มจางๆ “เหตุใดถึงได้ทำตัวราวกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำและข้าเป็นคนผิดกันเล่าเผ่ยเหยียนซือ”ชุนฟางชินเกลียดคนเช่นนี้ยิ่งนักไป๋เฟิ่งอี้นั่งอยู่ข้างกายชุนฟางชิน สายตาคมกริบปรายมองสตรีข้างอยู่บ่อยครั้งทว่ากับมองไม่เห็นความเสียใจเลยแม้แต่น้อย “มิใช่เป็นคุณชายหรอกหรือที่แต่งสตรีอื่นเข้ามาก่อน” น้ำเสียงทุ้มของเขาเอ่ยขึ้นหากนางหย่าสามีก็ด
ยามค่ำคืนที่เงียบสงบและมืดสนิทมีเพียงแสงจันทราที่สาดส่องลงมาเท่านั้นไร้แสงระยิบระยับจากดวงดาวให้ความสว่างไป๋เฟิ่งอี้สวมใส่ชุดอาภรณ์สีดำสนิทปกปิดเรือนร่างและใบหน้าจนมองแทบไม่ออกว่าเป็นผู้ใด ดวงตาคมกริบสอดส่องมองไปทั่วทั้งจวนก่อนที่จะปืดกระโดดผ่านทางหน้าต่างเข้าไปในเรือนตุบบ..บ!จู่ๆ ตอนที่เขาหวนกลับมายังจวนหลังนี้ก็คราก็พลันพบว่าหน้าประตูจวนเต็มไปด้วยเวรยามจนหาทางเข้าไปไม่ได้ภายในห้องเกือบสงบมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเข้าออกของเจ้าของร่างที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงเท่านั้น ไป๋เฟิ่งอี้ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปใกล้อย่างแผ่วเบาเกรงว่าจะรบกรวนจนปลุกนางให้ตื่น“…..” ใบหน้าคนงามนอนหลับพริ้ม ดวงตาคู่งามปิดสนทิท มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อยคล้ายยิ้มแต่ไม่ถึงกับยิ้มเกรงว่านางคงกำลังนอนหลับฝันดีไม่น้อย“หึ” ไป๋เฟิ่งอี้มองเห็นแล้วจึงระบายยิ้มออกมาจางๆ อย่างไม่รู้ตัว ยามที่สายตาคมกริบเพ่งมองสตนีตรงหน้าล้วนเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างปิดไม่มิด“หลับลึกถึงเพียงนี้เลยหรือไร” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นแผ่วเบาคาดว่าหากเป็นโจรปล้นสวาทปานนี้นางคงหนีไม่พ้นแน่“อื้อออ…อือ” น้ำเสียงหวานส่งเสียงร้องงัวเงียออกมาด้วยความรำคาญ ชุนฟ
“เจ้าไปที่ใดมาหรือ”“…..” ชุนฟางชินชะงักฝีเท้าก่อนจะปรายสายตาเหลียวไปมองทางต้นเสียง นางพลันมองเห็นเผ่ยเหยียนซือจ้องมองเขม่งท่า ทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเพ่งมองมาทางนี้เขาเป็นอันใดไปงั้นหรือ..ใบหน้าของชุนฟางชินขมวดคิ้วมุ่น นางมองแลซ้ายแลขวาก่อนจะยกนิ้วชี้ตนเองพลางคิ้วถามอีกฝ่าย “พูดกับข้างั้นรึ”“เหอะ!” เผ่ยเหยียนซือเค้นเสียงออกมาไม่พอใจก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินไปหาผู้เป็นภรรยา ใบหน้าหล่อเหล่าถมึงทึงฉายแววความไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดเขาตื่นนอนตั้งแต่ต้นยามเหม่า (เวลา 05.00 – 07.00 น.) พอตอนที่เข้าไปในเรือนของชุนฟางชินก็พบว่าเงียบสงบจนกระทั่งบนเตียงว่างเปล่ามิหนำซ้ำยังเย็นเฉียบเสมือนว่าไม่มีผู้ใดอยู่มาตลอดทั้งคืนเผ่ยเหยียนซือสอบถามพูดคุยกับบ่าวรับใช้ภายในเรือนอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะได้ความว่า ชุนฟางชิชออกจากจวนไปตั้งแต่ตอนพลบค่ำจนถึงตอนนี้ฟ้าสางแล้วนางก็ยังไม่กลับมาอารมณ์ของเผ่ยเหยียนซือในตอนนี้โมโหไม่น้อยแล้วจึงพอเห็นท่าทางของภรรยาอิดโรยแล้วนั้น…เขาหาได้ตาบอดจนมองไม่ออก“ตรงนี้มีแค่เจ้ากับข้า” เผ่ยเหยียนซือเดินมาหยุดอยู่ตรง หน้าภรรยา “หากข้าไม่พูดกับเจ้าแล้วจะให้พูดกับผู้ใด”เห็นได้ช
ชุนฟางชินนอนหายใจเหนื่อยหอบอยู่นานครู่หนึ่งก่อน ที่น้ำเสียงหวานแหบแห้งจะเอ่ยขึ้น “หึงหวงข้าอย่างงั้นรึเฟิ่งอี้” เกรงว่าหากเป็นเช่นนั้นแล้วนายโลมเช่นเขาจะตกหลุมรักแขกได้อย่างไรมิหนำซ้ำนางก็มีสามีแล้วแม้จะดูไม่ลงรอยกันก็ตาม“…..”ไป๋เฟิ่งอี้ยันตัวขึ้นก่อนจที่ดวงตาคมกริบจะจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตาเมล็ดซิ่งของอีกฝ่ายเขามองนิ่งๆ หาได้เอ่ยอันใดก็ออกหึงหวงนางงั้นหรือ?..ไป๋เฟิ่งอี้ตอบไม่ได้เช่นกันพอเห็นอีกฝ่ายเงียลงไปเช้นนี้นางจึงพลันหัวเราะคิกคักออกมากลบเกลื่อนด้วยความเก้อเขินทันที “ช่างเถอะ…คงเป็นข้าที่เสียสติเลอะเลื่อนไปแล้ว”บุรุษผู้นี้จะหึงหวงนางได้อย่างไรกันเช่นนั้นสตรีที่ร่วมรักกัน..เขาก็งตามรังควานหาเรื่องผูเอื่นไปทั่วแล้ว“เสร็จแล้วก็ลุกออกไปเถอะเฟิ่งอี้”“ข้าบอกงั้นหรือว่าเสร็จแล้ว” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นนิ่งๆ แม้จะเสร็จสมแล้วอย่างไรแต่ทว่าไป๋เฟิ่งอี้หาได้ถอดแก่นกายออกจาก รูสวาทของนางภายในทั้งคับแน่นและอุ่นร้อนพลันเอาไป๋เฟิ่งอี้ไม่อยากปล่อยไปง่ายๆ แก่นกายที่ดูเหมือนว่าจะสงบลงไปแล้วพลันค่อยๆ ตื่นตัวและแข็งทื่อขึ้นมาอย่างช้าๆ!!!!เกิดอันใดขึ้นกัน..?นัยน์ตาเมล็ดซิ่งเบิกโพลง
เป็นเพราะว่านางพูดจายั่วยุโทสะเขาหรือไป๋เฟิ่งอี้เห็นนางอยู่กับบุรุษอื่นถึงได้แสดงท่าทางเกรี้ยวกราดออกมาเช่นนี้ตุบ!ชุนฟางชินงอตัวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ จู่ๆ ระหว่างทางมานั้นนางพลันมีปากเสียงกระบุรุษผู้นี้จนถูกอุ้มขึ้นยกพาดบ่ามายังที่ที่หนึ่งก่อนจะถูกโยนเตียงอย่างแรง“โอ๊ย..! มารดามันเถอะ” นางหันมองอีกฝ่ายตาขวาง“เจ็บเป็นด้วยงั้นหรือ”เพ่ย! เหตุใดถึงถามเช่นนี้“ท่านเห็นข้าเป็นตุ๊กตาผ้ารึ”ไป๋เฟิ่งอี้เพียงแค่นเสียงฮึดฮัดออกมาเท่านั้น สายตาคมกริบยามนี้ดูแข็งกร้าวและเจ้าเล่ห์ในคราเดียวกัน เขาพลางถอดอาภรณ์กระตุกผ้าคาดเอวออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เผยให้เห็นเรือนร่างกำยำเปลือยเปล่าอยู่ต่อหน้าของนางชุนฟางชินไม่เข้าใจ “ท่านจะทำอันใดกันแน่เฟิ่งอี้”“แม่นางโง่งมหรือตาบอดมองไม่เห็นงั้นรึ”“เฟิ่งอี้! ข้าถามดีๆ ไฉนถึงได้ยอกย้อนประชดประชัน”ยามนี้ชุนฟางชินงุนงงไม่น้อย บุรุษผู้นี้เป็นอันใดไปแล้ว.…เหตุใดถึงได้ทำตัวเสมือนคนไร้สติเช่นนี้“ปรนเปรอสตรีร่าอย่างไร”!!!!“กรี๊ดดด…ปล่อยข้า!” ชุนฟางชินหวีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจ จู่ๆ แขนทั้งสองข้างของนางพลันถูกรวบขึ้นเหนือหังก่อนจะถูกพันธะด้วยเศษผ้าชุนฟาง