บัวบูชาหลังจากที่เดินออกมาจากโต๊ะนั้น หญิงสาวก็เข้ามาสงบสติอารมณ์ในห้องน้ำ จากตอนแรกที่ใจเต้นแรงเพราะใบหน้าหล่อเหลานั้น ตอนนี้กลับกลายเป็นอารมณ์โกรธมากกว่า นึกว่าจะแตกต่างจากผู้ชายคนอื่น ที่แท้ก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่
แกหวังอะไรอยู่เนี่ย บัวบูชา ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ขณะกำลังจะก้าวขาออกจากห้องน้ำ ร่างบางก็ต้องสะดุดกับชายหญิงคู่หนึ่งที่ยืนแทบจะสิงกันอยู่ตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ
บัวบูชาตกใจตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นชัด ๆ ว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ตอนนี้จะออกไปก็ไม่ได้ ทำได้เพียงแค่ยืนฟังบทสนทนาที่ดังแว่วมาเบา ๆ
“คืนนี้ คุณศิรา มีนัดที่ไหนต่อไหมคะ?” สองแขนเรียวถือวิสาสะยกขึ้นคล้องคอหนาของศิราเอาไว้
“ไม่มีครับ” ศิราตอบกลับ พลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นโอบรอบเอวของเจ้าหล่อน ใครมันจะยอมให้ผู้หญิงยั่วอยู่ฝ่ายเดียว เขาก็เสือผู้หญิงคนหนึ่ง เรื่องโปรยเสน่ห์เขาถนัดนัก
“งั้น คืนนี้ไปดื่มต่อที่ห้องดาวไหมคะ?”
“ชวนผู้ชายไปที่ห้อง คุณดาว ไม่กลัวเหรอครับ?” ศิราเอียงคอมองผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย อย่างลองดูเชิง
“ถ้าเป็น คุณศิรา ดาวไม่เห็นจะต้องกลัว”
“หึ ผมให้คุณตัดสินใจใหม่อีกที เพราะหลังจากนี้คุณจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้อีกแล้วนะ คนสวย” ศิราพูดพลางยกยิ้มมุมปากด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ก่อนจะใช้นิ้วโป้งลูบไล้ตรงคางเรียว
“ดาว กลัวจะแย่” หญิงสาวตรงหน้าก็หาได้กลัว กลับยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนปากแทบจะชนกันอยู่รอมร่อ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้
“ขอโทษที่ขัดจังหวะ ขอทางหน่อยค่ะ” บัวบูชาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างดัง ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินออกไปจากตรงนั้นทันที หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อรับออร์เดอร์ต่อ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงใกล้จะเลิกงานแล้ว ต้องรีบทำงานจะได้รีบกลับบ้านไปหาแม่ เลิกสนใจผู้ชายเจ้าชู้คนนั้นเสียที ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดใจ
ศิราเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยสีหน้ามีความสุข คินน์เห็นก็รีบทักเป็นคนแรกทันที แบบนี้ไม่ต้องเดาว่าเพื่อนเขาไปทำอะไรในห้องน้ำมา
“กูว่าล่ะ เข้าห้องน้ำนาน ที่แท้ก็นัดน้องสาวชุดแดงเดินตามไปนี่เอง”
“รู้มากนะมึง” ศิราถลึงตาใส่เพื่อน
“ไง สรุปไปต่อเหรอ คืนนี้”
“ไม่”
“ไม่ไป”
“ไม่เสือกครับ เพื่อน” ศิรายักคิ้ว
“ฮ่า ๆ สมน้ำหน้า” มาวินหัวเราะเสียงดัง
“อ้าว! ไอ้วิน สรุปมึงพวกใครเนี่ย” มาวินหัวเราะพลางยักไหล่ ก่อนจะหยิบแก้วไวน์มาดื่มต่ออย่างไม่สนใจ พลางโยกหัวเบาๆ ไปกับจังหวะดนตรี
หลังเที่ยงคืน บัวบูชาโบกมือลาเพื่อนร่วมงานก่อนจะรีบเดินออกมารอเรียกแท็กซี่ที่หน้าร้าน ระหว่างที่ยืนรออยู่นั้น เสียงแตรรถยนต์ก็ดังขึ้น บัวบูชาสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปทางที่มาของเสียง พบว่าเป็นรถยนต์ยี่ห้อหรูสีดำคันใหญ่ เคลื่อนที่มาจอดตรงหน้า
บัวบูชาหันมองซ้ายขวาก็ไม่เห็นมีใครนอกจากตัวเองที่ยืนรอรถอยู่คนเดียว อึดใจเดียวกระจกรถตรงฝั่งคนขับก็เลื่อนลง เผยให้เห็นใบหน้าคนเข้มของคนขับยื่นออกมานอกรถ
“น้องบัว ให้พี่ไปส่งไหมครับ?” ศิรายื่นหน้าออกไปถามคนตัวเล็กที่ยืนรอรถอยู่
“ไม่เป็นไรค่ะ บัวเรียกแท็กซี่แล้วค่ะ” บัวบูชารีบตอบปฏิเสธแทบจะทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
โชคดีที่ขณะนั้นมีแท็กซี่เปิดไฟว่างวิ่งผ่านมาพอดี บัวบูชาเห็นดังนั้นจึงรีบโบกมือเรียกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกล่าวขอตัว ทำราวกับว่าต้องการจะหนีไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด
หลังขึ้นรถมาได้ คนตัวเล็กก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก นึกว่าจะออกไปกับแม่สาวชุดแดงคนนั้นซะอีก ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะออกมาดักรอตอนเลิกงาน
“หึ หนีได้หนีไปเถอะ เจ้าลูกแกะ หนูหนีพี่ไม่พ้นหรอก” ศิราพูดกับตัวเอง ก่อนที่จะเหยียบคันเร่งมุ่งตรงไปยังคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองกรุงทันที
ภายในห้องอาหารบ้านกิจธนะวรกุล ประมุขของบ้านอย่างศัจกร กิจธนะวรกุล อดีตท่านประธานใหญ่ กำลังนั่งอยู่หัวโต๊ะด้วยใบหน้าเคร่งขรึมไร้อารมณ์ แต่แฝงด้วยความเยือกเย็นอยู่ในที จนผู้เป็นภรรยาอย่างคุณนายจันทรรัตน์ยังไม่กล้าสบตา แตกต่างจากลูกชายคนเดียวอย่างศิรา ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มที่ได้แบบฉบับมาจากคนเป็นพ่อกลับเรียบเฉย นั่งชิวล์ ๆ ไม่สะทกสะท้าน
คุณนายจันทรรัตน์มองสามี และลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสลับกันไปมาพลางลอบถอนหายใจอย่างเอือมระอา พ่อลูกคู่นี้ยังไงกันนะ เมื่อก่อนไม่ลงรอยกันอย่างไรตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ก่อนจะหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้สาวรับใช้ตักข้าวได้
“แกจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่?” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
“ตอนนี้ผมยังไม่พร้อม” ศิราพูดด้วยใบหน้าที่เบื่อหน่าย
“แล้วเมื่อไหร่แกจะพร้อม ที่แกเที่ยวเล่นอยู่ที่อเมริกาเป็นปี แกยังพักผ่อนไม่พออีกเหรอไง?” น้ำเสียงที่ดังขึ้นของสามีทำให้ผู้เป็นภรรยารีบเอ่ยห้าม เพราะกลัวสองพ่อลูกจะทะเลาะกันกลางโต๊ะอาหาร
“คุณคะ ฉันว่า...”
“คุณจันทร์ หยุด! คุณก็เป็นซะแบบนี้ให้ท้ายมันเกินไป มันเลยกลายเป็นคนไม่สนโลก ไม่เอาการเอางาน แบบนี้จะไปดูแลกิจการที่ผมสร้างขึ้นมากับมือได้ยังไง”
“กิจการของพ่อ แล้วพ่อเคยถามผมสักคำไหม ว่าต้องการมันหรือเปล่า” ใบหน้าเคร่งเครียดเย็นชาเอ่ยถามผู้เป็นพ่อ
“ต้องการไม่ต้องการแล้วยังไง สุดท้ายมันก็เป็นสิ่งที่แกต้องทำอยู่ดี ในฐานะที่แกเป็นลูกชายเพียงคนเดียว อย่าลืมนะว่าถ้าไม่มีกิจการของฉัน แกจะได้อยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ไหม คิดบ้างสิ” ประมุขของบ้านเดือดดาลด้วยความโมโห
“คุณคะ อย่าเพิ่งทะเลาะกัน ทานข้าวก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันจะคุยกับลูกให้ ลูกเพิ่งกลับมาได้ไม่กี่วัน ให้ลูกพักสักอาทิตย์ก่อนเถอะค่ะ”
“ศิรา ลูกบอกคุณพ่อไปสิ ว่าอาทิตย์หน้าลูกจะเข้าบริษัท” จันทรรัตน์หันมาบอกลูกชายด้วยแววตาแกมขอร้อง
“ครับ อาทิตย์หน้าผมจะเข้าไป” ศิราต้องตอบรับอย่างเสียไม่ได้ เพราะบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มอึดอัด อีกอย่างเขาไม่อยากให้แม่รู้สึกไม่สบายใจ
“ดี จากนี้ฉันให้เวลาแก ๒ ปี เรียนรู้งานจากฉันทั้งหมด ระหว่างนี้แกจะทำอะไรก็ตามใจ ฉันจะไม่ยุ่งกับแก หลังจากนั้นก็เตรียมตัวรับตำแหน่งประธานต่อจากฉันทันที อ่อ แล้วเรื่องคู่นอนคู่ขาของแก ก็เพลา ๆ ลงบ้าง ที่นี่ไม่เหมือนอเมริกา นักข่าวรู้ขึ้นมาจะเสียภาพลักษณ์บริษัทฉันหมด”
“ครับ” ใบหน้าหล่อเหลาเรียบเฉยตกปากรับคำ พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
บาร์ร้านมาวิน
ตั้งแต่เจอลูกแกะตัวน้อยในร้านของเพื่อน ศิราก็กลายเป็นลูกค้าประจำของทางบาร์ไปโดยปริยาย ร่างสูงมาบ่อยจนทำให้เจ้าของร้านอย่างมาวินรู้สึกเบื่อขี้หน้าขึ้นมาบ้างแล้ว อย่างคืนนี้ก็เช่นกัน ศิรานั่งตรงที่ประจำโซน VIP มือหนายกแก้วไวน์ใบสวยขึ้นจิบอย่างละเมียดละไมพร้อมกับสเต๊กเนื้อวัววากิวอย่างดี
สายตาคมสำรวจบรรยากาศในร้านโดยรอบ เวลานี้ลูกค้าในร้านบางตาเพราะยังไม่ดึกมากเท่าไหร่ นัยน์ตาคมกวาดตามองหาใครบางคนที่ทำให้เขามาที่นี่แทบทุกคืน
ผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่ชายหนุ่มเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัท เรียนรู้งาน บริหารทุกอย่างจากผู้เป็นพ่อ ตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนถือว่าเริ่มดีขึ้นจากแต่ก่อน เพราะว่าเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายออกมาได้ดี จนทำให้ผู้เป็นพ่อพอใจ
ที่ผ่านมาถึงชายหนุ่มจะต่อต้านสารพัด แต่ก็ยอมทำตามทุก ๆ อย่าง ถึงแม้จะไม่ใช่ทางที่ชอบ แต่ศิราก็สามารถทำมันออกมาได้ดีเสมอ ดูได้จากเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากอเมริกา ที่ผู้เป็นพ่อภูมิใจนักหนา
ถือว่าเป็นการถอยให้กันคนละก้าว ขอแค่ผู้เป็นพ่อไม่ก้าวก่ายในเรื่องส่วนตัวเขามากจนเกินไป ชายหนุ่มก็ยินยอมบริหารบริษัทที่พ่อเป็นคนสร้างมันมากับมือให้
ขณะนี้เวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้ว ศิรายังไม่ยอมกลับ คืนนี้เขายังไม่ได้คุยกับลูกแกะตัวน้อยเลย เห็นน้องเดินไปมาในร้านตลอดทั้งคืน แต่กลับไม่แวะเวียนมาใกล้โต๊ะที่เขานั่งอยู่เลยสักนิด ศิรากวักมือเรียกพนักงาน ก่อนจะแจ้งความประสงค์บางอย่าง ก่อนที่พนักงานคนดังกล่าวจะโค้งให้และเดินออกไป
ไม่นานเกินรอ ร่างบางของคนตัวเล็กก็ปรากฏต่อหน้าศิรา พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้อย่างนอบน้อม
“สวัสดีค่ะ คุณศิรา”
“บอกให้เรียกพี่” ศิราเอ่ยน้ำเสียงแกมดุนิด ๆ
“ไม่ดีกว่าค่ะ คุณเป็นลูกค้า อีกอย่างเราไม่ได้สนิทกัน” บัวบูชาก้มหน้ามองพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาคมกริบคู่นั้น เพราะทุกครั้งที่สบตามันทำให้ใจของคนตัวเล็กเต้นแปลก ๆ ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนักก็เถอะ
“งั้น ถ้าสนิทแล้วหนูจะเรียกพี่ใช่ไหม?” ฝ่ายศิราที่ยังไม่ยอมแพ้พูดจาหยอกเย้า
“…”
“งั้นคืนนี้ให้พี่ไปส่งนะครับ กลับบ้านคนเดียวดึก ๆ มันอันตรายนะครับ อีกอย่างเราจะได้สนิทกันเร็ว ๆ น้องบัวว่าดีไหม?” ศิราพูดพลางทำสายตากรุ้มกริ่มส่งมาให้
“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ บัวเกรงใจ”
“นี่ก็ตั้งเดือนกว่าแล้วนะ ทำไมน้องบัวยังไม่ใจอ่อนให้พี่สักทีคะ?” ส่งสายตาออดอ้อนราวกับเจ้าลูกหมาตัวโต จนบัวบูชาที่เงยหน้าขึ้นมามองสบตาคู่คมเข้าพอดี
“…”
“พี่อยากไปส่งจริง ๆ”
“งั้นก็ได้ค่ะ บัวเลิกงานเที่ยงคืนกว่านะคะ” สุดท้ายก็ทนลูกอ้อนไม่ไหวของชายหนุ่มตรงหน้าไม่ไหว พอรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปบัวบูชาก็อยากจะตบปากตัวเองสักทีที่ปากไวใจเร็วไปหน่อย
“พี่จะรอนะ” รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้า ทำเอาใจดวงน้อยกระตุก บัวบูชารีบเบือนหน้าหนีเพราะใจเริ่มเต้นแรง
“ค่ะ” ร่างบางตอบกลับอ้อมแอ้ม
“งั้นพี่ขอกับแกล้มอีกสักอย่างนะครับ เอาอะไรก็ได้ หนูมาเสิร์ฟให้พี่นะ พี่อยากให้ทิปหนู”
“คุณศิรา ให้ทิปบัวทุกคืนเลย”
“แล้วไม่ดีเหรอคะ?” ชายหนุ่มย้อนถาม
“มันก็ดีค่ะ แต่ว่ามันบ่อยเกินไป บัวเกรงใจ” บัวบูชาพูดเสียงเบา
“ถ้าเป็นน้องบัว พี่เต็มใจครับ” เสือร้ายยิ้มอย่างมีเสน่ห์ส่งมาให้
“เอ่อ เดี๋ยวบัวไปสั่งกับแกล้มมาให้ คุณศิรารอสักครู่นะคะ” ร่างบางก็รีบกล่าวตัดบทก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้น เพราะกลัวชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าใบหน้าขาวกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเพราะความเขิน หลังโดนรอยยิ้มร้ายก่อกวนหัวใจ
บริษัทดูแว็ง จำกัด“แก ไปกรุงเทพครั้งนี้จะเอาบัวงามไปด้วยจริงเหรอ?”“อืม อยากพาลูกไปเที่ยวกรุงเทพ” บัวบูชาตอบคำถามเพื่อนน้ำเสียง“แล้วตอนแกไปคุยงาน บัวงามจะอยู่กับใคร? อย่าบอกนะว่าจะเอาหลานฉันไปด้วย”“ใช่”“แกจะให้พ่อลูกเจอกันแล้วเหรอ?”“มั้ง”“แกว่าผัวเก่าแกจะรู้ไหม ว่าบัวงามเป็นลูกเขาอะ”“ไม่รู้สิ” บัวบูชายิ้มเล็กน้อย พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อนักสืบที่เธอจ้างมาแจ้งว่ามีคนสะกดรอยตามเธออยู่สองวัน และผู้ชายในรูปที่นักสืบส่งมาให้ก็คือศิราและคินน์ ซึ่งเธอจำได้ดี“แกเลยจะเอาบัวงามไปกระตุ้นความอยากรู้ของคุณศิรา ว่างั้น”“รู้ได้ไงอะ สมกับที่เป็นเพื่อนฉันมานาน แกนี่มันน่ากลัวจริง ๆ เปลี่ยนอาชีพไปเป็นหมอดูเถอะ” บัวบูชาว่าพลางทำตาโต“ฮ่า ๆ ใครกันแน่ที่ร้าย เจ้าแผนการ” ณฤดีมองบน“ธรรมดา” บัวบูชาหัวเราะพลางยักไหล่เบา ๆ&ldquo
“เอายังไงต่อ?” คินน์ถามขึ้นระหว่างที่พวกเขาสองคนกำลังขับรถกลับโรงแรม หลังจากที่ขับตามดูบัวบูชาไปจนถึงบ้านแล้ว“กูขอตามดูลูกกูอีกสักวัน พรุ่งนี้ค่อยกลับเที่ยวบินสุดท้ายตอนสี่ทุ่ม ตอนนี้กูรู้บ้าน รู้ที่ทำงาน รู้โรงเรียนลูกแล้ว กูขอกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพก่อน แล้วค่อยหาทางให้บัวมาเจอกูที่กรุงเทพ”“จะเอาเรื่องงานมาอ้างเหรอ?” คินน์เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนี้กูกับบัว มีเรื่องให้เกี่ยวข้องกันก็แค่เรื่องงานเท่านั้น”“อืม”บ้านกิจธนะวรกุลหลังทานข้าวเช้าเสร็จ ศิราก็เข้าไปพบผู้เป็นพ่อในห้องทำงานทันที ร่างสูงเดินมาจนถึงหน้าห้องทำงานขนาดใหญ่ซึ่งผู้เป็นพ่อใช้ทำงานหลังจากมอบตำแหน่งประธานให้เขา และรับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสให้กับบริษัทศิรายืนอยู่ตรงประตูไม้สักรูปมังกรบานใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึก เขารู้สึกหนักใจเล็กน้อย เพราะการเข้าไปหาผู้เป็นพ่อครั้งนี้ก็คงต้องทะเลาะกันเหมือนอย่างทุกที มือหนายกขึ้นเคาะประตูสองครั้งเบา ๆก๊อก ก๊อก“เข้ามา” เสียงแหบของชายชราวัย ๖๕ ที่ทรงอำนาจดังขึ้น ก่อนที่ศิราจะผลักประตูเข้าไป“คุณพ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมครับ” ศิราเอ่ยถามหลังจากที่นั่งลงเรียบร้
อดีต“ไงวะ ช่วงนี้มาบ่อยนะมึง” มาวินเอ่ยทักทายเจ้าของร่างสูงเพื่อนสนิทที่ช่วงนี้เห็นหน้าเห็นตาบ่อยกว่าปกติ“อืม” ตอบรับด้วยเสียงเย็นชา“ช่วงนี้เป็นอะไรของมึง เครียดเรื่องขึ้นเป็นประธานหรือไง”“อืม ช่วงนี้เบื่อ ๆ เรียกเด็กให้กูสักคนซิ”“เฮ้ย! เอาจริงดิ”“เอามาเถอะน่า ไม่ต้องพูดมาก”“ตามใจมึงแล้วกัน เมียงอนมากูไม่เกี่ยวนะเว้ย ได้กลายเป็นหมาไม่รู้ตัวนะบอกก่อน”ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลานั่งทำหน้าเคร่งเครียดอยู่ภายในบาร์ สายตาคมกริบทอดมองออกไปข้างหน้าอย่างเรื่อยเปื่อยคล้ายรอเวลาให้หมดลงไปก็เท่านั้น มือหนายกไวน์ขึ้นจิบเป็นระยะ ๆ ส่วนสาวน้อยนางหนึ่งที่ถูกเรียกมาบริการก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ข้าง ๆ เพราะชวนคุยก็แล้ว รินไวน์ให้ก็แล้ว อ่อยจนไม่รู้จะอ่อยยังไง ชายหนุ่มก็ไม่มีทีท่าว่าจะอยากมีปฏิสัมพันธ์ด้วย เพราะอีกฝ่ายนั่งเงียบไม่พูดไม่จามาร่วมสองชั่วโมงแล้ว“เดินตามมานี่หน่อย” อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้น พร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้
ศิราที่ได้ให้เลขาจัดการสมัคร IG และสอนวิธีการเล่นไปบ้างแล้วในเบื้องต้น กำลังค้นหาชื่อแอคเค้าท์ที่ต้องการ ก่อนที่สายตาคมจะสะดุดตรงรูปโปรไฟล์ ชื่อก็ตรงไม่มีผิดสักตัวอักษร แต่ทำไมรูปโปรไฟล์เป็นรูปเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่ารัก“ลูกใคร หน้าตาน่ารักน่าชัง” ศิราพึมพำ ในนั้นมีทั้งรูปทั้งคลิปอยู่ทั้งหมดร้อยกว่ารายการ มือหนากดเข้าไปดูรูปล่าสุดที่เจ้าของพึ่งโพสต์ไปเมื่อสี่เดือนที่แล้ว ในรูปเป็นงานวันเกิดของเด็กหญิงตัวน้อยเจ้าของรูปหน้าโปรไฟล์ เจ้าตัวกำลังยิ้มอย่างมีความสุขถ่ายรูปคู่กับเค้กวันเกิดก้อนใหญ่ พร้อมข้อความใต้โพสต์“สุขสันต์วันเกิดน้องบัวงาม อายุครบ ๔ ขวบ หม่าม้าขอให้หนูมีความสุข เป็นที่รักของทุกคน และปีนี้ขอให้พี่นางฟ้าใจดีทำความฝันของหนูให้เป็นจริงนะคะ”ดวงตาสีดำสนิทฉายแววประหลาดใจ มือหนารีบกดย้อนไปดูโพสต์ ก่อนหน้า ทีละโพสต์ ทีละโพสต์ ส่วนมากที่เห็นจะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับชีวิตประจำวันของหนูน้อยที่ชื่อบัวงาม เช่น กินข้าวเช้ากับอะไร ไปเที่ยวที่ไหน หรือช่วงเวลาที่หนูน้อยงอแงเพราะไม่สบายศิราเลื่อนลงไปดูจนสุด ชาย
“ภาพหาดูยาก อดีตประธานใหญ่ศัจกรกิจไพศาล ออกงานพร้อมภรรยา และลูกชายเปิดตัวว่าที่สะใภ้หมื่นล้าน ในงานประมูลเครื่องเพชร อ่านต่อ…”“กิ่งทองใบหยก ทายาทนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ควงแขนทายาทห้างดัง ออกงานครั้งแรก หลังมีภาพหลุดดินเนอร์บนเรือหรู อ่านต่อ...”“เรือล่มในหนองทองจะไปไหน สองทายาทดังออกงานพร้อมครอบครัวฝ่ายชาย ควงแขนชื่นมื่น คาดอีกไม่นานคงมีข่าวดี อ่านต่อ...”ศิราอ่านหัวข้อข่าวพลางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย หลังจากที่พี่จาเลขาคู่บุญของเขาเอาข่าวเหล่านี้มาให้ดู นักข่าวพวกนี้เขียนข่าวได้มั่วจริง ๆ ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งเครียด ตั้งแต่เด็กเขาก็ถูกจับคู่ให้กับลูกสาวของเพื่อนพ่อแล้ว จากการพูดคุยกันทีเล่นทีจริงของผู้ใหญ่ในวันนั้น ว่าถ้ามีลูกสาวลูกชายจะให้แต่งงานกันตั้งแต่นั้นมาพ่อก็บอกกับเขามาโดยตลอดว่าน้ำเพชรคือคนที่จะต้องแต่งงานด้วย แต่เขาไม่เคยมีใจให้น้ำเพชรเลย และมักจะบ่ายเบี่ยงทุกครั้งเวลาที่สองครอบครัวนัดทานข้าวกันคงจะดีไม่น
“พี่จา รู้ก่อนหน้าแล้วใช่ไหมครับว่าเป็นน้องบัว”“ตอนแรกที่อ่านประวัติในแฟ้ม พี่ก็ไม่แน่ใจหรอกค่ะ พี่ว่าจะถามแล้วแต่ก็ไม่กล้า พึ่งมารู้ตอนที่เจอกันนี่แหละคะ ตอนแรกพี่จำไม่ได้ด้วยซ้ำ ก็น้องบัวสวยขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เลยนี่คะ”“พี่จาครับ ผมรบกวนช่วยหาข้อมูลของน้องบัวให้ผมหน่อยครับ เอาทุกอย่างเท่าที่จะหาได้เลยครับ”“ค่ะ” พอรับคำเสร็จก็รีบไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทันทีศิราหยิบเอาแฟ้มสีดำที่เขาวางส่ง ๆ ไว้บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน สายตาไล่ทุกตัวอักษรอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ข้อมูลที่มีอยู่เป็นข้อมูลคร่าว ๆ อย่างเช่น ชื่อสกุล อายุ สถานภาพ ที่อยู่ที่ติดต่อได้ เบอร์โทรติดต่อ และช่องทางติดต่ออื่นก่อนสายตาจะสะดุดกับที่อยู่ที่ติดต่อได้ จังหวัดเชียงใหม่เหรอ คิ้วหนาขมวดเป็นปมด้วยความสงสัย แล้วทำไมตอนนั้นนักสืบที่เขาจ้างให้ไปตามหาน้องบอกว่าน้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศพร้อมกับแฟนใหม่แล้ว หรือว่าน้องจะกลับมาหลังจากที่เขาเลิกจ้างนักสืบให้ตามหากันนะ ศิราได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจครั้นสายตาคมเลื่อนอ่านบรรทั