‘ตาถูกชะตาคุณจังเลย อยากลองคบคุณ ได้ไหมคะ’
สาวร่างอิ่มขยับขึ้นไปพูดใกล้ๆ ร่างสูงใหญ่โดยการเกาะไหล่เขาทั้งสองข้าง แล้วเขย่งตัวขึ้น
นี่คือภาพที่มาลินีแอบตามเพื่อนที่ดึงปัฐวิกรออกมาแล้วเห็นเข้า เธอบอกอธิปว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ส่วนชายหนุ่มมีสายโทรศัพท์เข้ามาพอดีเขาจึงออกไปคุยด้านหน้า เพราะข้างในค่อนข้างเสียงดัง
แต่ถึงจะดังยังไง พรชิตาก็ไม่เห็นต้องขยับไปพูดใกล้ๆ ชายหนุ่มขนาดนั้น เพราะเธอยืนอยู่ตรงนี้ยังได้ยินเลย หญิงสาวค่อนขอดเพื่อนตัวเองในใจ
‘เราเพิ่งเจอกันเองนะครับ’
ปัฐวิกรแย้ง แต่ก็ไม่ได้ผลักพรชิตาออก คิดว่าเขาคงไม่อยากเสียมารยาท เพราะแขนกำยำแนบข้างลำตัว ไม่โอบหรือกอดอีกฝ่ายแต่อย่างใด
‘นั่นสิคะ ตาถึงได้บอกว่าถูกชะตา’
พรชิตาถอยออกมาเงยหน้ามองชายหนุ่มไม่ห่างนัก ตาคู่สวยพราวหยาดเยิ้ม
‘ผม...’
‘อย่าบอกนะคะ ว่าคุณไม่ถูกใจตา ของแบบนี้ต้องลองก่อนสิคะ ถึงจะรู้’
สาวสวยยิ้มอย่างขี้เล่นขณะพูด
คนแอบฟังอย่างมาลินีได้ยินคำนี้ของเพื่อนยังถึงกับอึ้ง เธอไม่ค่อยแปลกใจหรอก เพราะรู้จักนิสัยกันดีอยู่ แต่พรชิตาเพิ่งเจอปัฐวิกรวันนี้เอง อ่อยหนักขนาดนี้หมายความว่าอยากให้เขากลับไปด้วยคืนนี้แน่ๆ
คิดมาถึงตรงนี้มาลินีก็กัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เธอรู้จักก่อนยังไม่เคยแม้แต่จะพูดว่าสนใจเขาเลย เพื่อนเธอมาทีหลังก็ชวนเขานอนเสียแล้ว รู้สึกตัวเองช้าเป็นเต่าคลานยังไงไม่รู้
‘ว่าไงคะ คืนนี้เรา...’
‘ผมมีคนของผมอยู่แล้ว’
พรชิตายังพูดไม่ทันจบปัฐวิกรก็สวนขึ้นมา
‘คะ?’
คำพูดของเขาดูกำกวมจนเธอต้องย้ำ
‘ขอโทษนะครับ’
ชายหนุ่มไม่อธิบาย แต่เขาถอยออกห่างพรชิตา แล้วเดินมาทางเธอ มาลินีจึงรีบหลบผลุบไปทางห้องน้ำหญิง รอให้ทั้งสองคนเดินไปก่อนแล้วจึงตามไปอีกที
สถานการณ์ที่ได้เห็นเพื่อนอ่อยปัฐวิกรทำให้มาลินีวางเฉยใจเย็นเรื่องที่ชายหนุ่มบอกว่าคบกับน้องสาวของตน คิดว่าเธอควรจะขอบคุณเขาสักหน่อยเรื่องที่ช่วยมาธาวี เพราะยังไม่ได้พูดเลย หากไม่เอ่ยอะไรก็ไม่ได้ทำคะแนน
“คุณปัฐยังอยู่เชียงใหม่ต่อหรือกลับพรุ่งนี้เลยคะ”
มาลินีถามขึ้นขณะที่ชายหนุ่มกำลังขับรถไปส่งตนกับน้องสาวที่บ้าน
“อยู่ดูงานแทนนายกลางสักสามสี่วันน่ะครับ”
“อ๋อ งั้นดีเลยค่ะ หนึ่งอยากเลี้ยงข้าวขอบคุณที่คุณช่วยยายสอง”
“ไม่เป็นไรครับ ยังไงผมก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”
“แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณค่ะ”
มาลินียืนยัน ขณะคนที่ได้รับความช่วยเหลือนั่งเงียบ ไม่เสนอตัวหรือพูดขอบคุณชายหนุ่มแม้แต่คำเดียว
“เอาอย่างนี้ไหมคะ ยังไงคุณแม่ก็ชวนคุณปัฐเอาไว้แล้ว คุณปัฐไปทานข้าวเย็นที่บ้านสักมื้อนะคะ”
เธอนึกขึ้นมาได้พอดี นับว่าเป็นความคิดที่ดีไม่น้อย เพราะจะช่วยให้ชายหนุ่มได้ทำความรู้จักกับครอบครัวของเธอมากขึ้นและเธอเองก็จะมีโอกาสใกล้ชิดกับเขาด้วย
“ใช่ไหมยายสอง”
หญิงสาวหันไปหาตัวช่วยเพราะอย่างน้อยมาธาวีก็ควรขอบคุณเขาเช่นกัน
“เอ่อ...”
“เธอต้องขอบคุณคุณปัฐนะ ถ้าคุณพ่อคุณแม่รู้ก็ต้องอยากตอบแทนที่เขาช่วยเธอ”
มาลินีเอาพ่อกับแม่มาอ้างทำให้มาธาวีชักหน้าเสีย
“เรื่องนี้สองว่าอย่าให้คุณพ่อคุณแม่รู้ดีกว่านะคะ”
มาธาวีไม่อยากให้พวกท่านไม่สบายใจกับเรื่องเล็กน้อยของเธอ
“เธอจะปล่อยให้เรื่องเงียบไปเฉยๆ หรือไง ศักดิ์ชายน่าจะโดนตักเตือนบ้าง ถ้าคุณพ่อรู้ต้องคุยกับท่านผู้ว่าแน่”
“สองไม่อยากให้มันเป็นเรื่องใหญ่ แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่สบายใจเปล่าๆ”
คนเป็นพี่กำลังจะโต้กลับแต่ชายหนุ่มพูดขึ้นมาเสียก่อน เพราะรู้สึกได้ว่าทั้งสองพี่น้องคงไม่มีใครยอมกัน
“เอาเป็นว่าผมจะไปทานข้าวที่บ้านตามที่แม่เลี้ยงกับคุณหนึ่งเชิญก็แล้วกันนะครับ ส่วนเรื่องสองผมว่าอย่าให้พวกท่านรู้เลยครับ เพราะอาจจะเป็นห่วงยิ่งขึ้นมากกว่า”
เมื่อเขาตัดสินใจ โดยทำตามความต้องการของทั้งคู่มาลินีจึงยิ้มหวาน ขอแค่ปัฐวิกรไปที่บ้านตามคำชวนเธอก็ไม่มีปัญหาอะไร
มาธาวีถอนหายใจโล่งอกที่เรื่องจะไม่ถึงหูพ่อกับแม่ของตน แม้จะสะดุดใจกับคำเรียกเธอของชายหนุ่มแต่ก็ปล่อยผ่านไป
รถเลื่อนมาจอดหน้าเรือนไม้สไตล์เหนือหลังใหญ่ที่มีพื้นที่ภายในค่อนข้างกว้าง เพราะเขาขับรถเข้ามาค่อนข้างไกลหลังผ่านประตูมากว่าจะถึงตัวบ้าน
ทั้งสองสาวกล่าวขอบคุณเขาก่อนจะลงจากรถ ซึ่งชายหนุ่มก็ตามลงมาด้วยเพราะไม่อยากขับออกไปโดยไม่ลงจากรถ ด้วยค่อนข้างเสียมารยาท
“คุณปัฐจำทางกลับได้ใช่ไหมคะ”
มาลินีถามขึ้นหลังจากสองสาวเดินมายังฝั่งที่เขายืนอยู่เพราะเป็นส่วนหน้าบ้าน
“ครับ”
“ขับรถดีๆ นะคะ”
คนเป็นพี่สาวบอกเขาพร้อมยิ้มหวานให้ ทว่าน้องสาวกลับมองเฉยๆ ปัฐวิกรจ้องเจ้าของร่างอรชรด้วยความขัดใจที่อีกฝ่ายดูไม่ใส่ใจเขาเท่าไรทั้งที่เขาช่วยเธอ คำขอบคุณมาธาวีก็ยังเอ่ยไม่สักคำ
“สองจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ”
ชายหนุ่มถามขึ้นทำเอามาธาวีมีสีหน้างุนงง ขณะที่มาลินีมองเขาอย่างแปลกใจ
“อะไรล่ะคะ?”
มาธาวีถามกลับเพราะไม่เข้าใจคำถามของเขา
“มานี่สิ”
คนถูกเรียกยังยืนนิ่งไม่ขยับ พร้อมกับเริ่มมองชายหนุ่มด้วยสายตาระมัดระวัง มาลินีเห็นน้องสาวทำท่าทางเหมือนไม่ไว้ใจปัฐวิกรก็หงุดหงิดจึงพูดออกมา
“นี่ยายสอง ดูมองคุณปัฐเข้าสิเด็กคนนี้ เธอต้องขอบคุณเขานะ ไม่ใช่มามองเขาแบบนี้”
หลังจากดุน้องสาวด้วยท่าทางของคนที่โตและมีวุฒิภาวะกว่าแล้วมาลินีก็หันไปยิ้มให้ปัฐวิกรและออกตัวแทน อยากให้ชายหนุ่มเห็นถึงความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง
“ยังไงหนึ่งต้องขอบคุณคุณปัฐแทนยายสองด้วยนะคะ ที่ช่วยยายสอง ถึงกับบอกว่าเป็นคู่หมั้นแน่ะ”
ท้ายประโยคพูดออกมาขำๆ เห็นว่าเป็นเรื่องตลก เพราะแค่อ้างว่าเป็นแฟนก็น่าจะพอแล้ว
ปัฐวิกรหันมาทางคนพูด ใบหน้าขาวคมเรียบสนิท แววตาคมล้ำลึกฉายแววบางอย่างที่คนมองรู้สึกหวั่นใจแปลกๆ หากก็ยังยิ้มสู้
“อายุอย่างผมพูดว่าคู่หมั้นน่าเชื่อถือกว่าครับ”
ชายหนุ่มยังอ้างเหมือนเดิม นั่นทำให้มาธาวีแอบเบะปาก
“ถึงจะแค่เป็นแฟนกันก็เถอะ”
คนที่เบะปากชะงัก ฉุกคิดตามที่ชายหนุ่มพูดแล้วหันไปมองเขาพร้อมกับคิดว่าเธอฟังหรือตีความผิดไปหรือเปล่า
ขณะที่มาลินีค่อยๆ หุบยิ้มลง คิ้วเรียวสวยขมวดฉับ แล้วเอ่ยถามออกไปตามตรงเพราะเธอเป็นคนไม่ชอบปล่อยให้อะไรค้างคาใจ
“คุณปัฐพูดว่ายังไงนะคะ”
“พูดว่า...ผมกับสองเป็นแฟนกันครับ”
ชายหนุ่มย้ำชัดถ้อยชัดคำ
“พูดอะไรของคุณ”
มาธาวีโพล่งออกมา ทว่าพอตาคมตวัดมาทางเธอและจ้องนิ่งหญิงสาวกลับพูดไม่ออก แม้ใบหน้าขาวคมเรียบเฉยแต่แววตาเขาสั่งให้เธอเงียบ
=====
“สอง”มาธาวีที่ก้าวออกจากโรงแรมในตอนเช้าชะงักเท้าเมื่อถูกเรียก เสียงที่ได้ยินเหมือนเคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนทำให้หันกลับไปมอง ทว่าเมื่อเห็นคนที่ตรงเข้ามาหาหญิงสาวก็ตกใจ เร่งรีบก้าวหนีในทันทีราวขวัญกระเจิง แต่ยังไม่ทันจะพ้นส่วนด้านหน้าของโรงแรมอีกฝ่ายก็ฉุดมือเธอไว้ได้“ปล่อยนะ!”ร่างอรชรสะดุ้งโหยงราวถูกของร้อนลวก และสะบัดมืออย่างร้อนรนจนคนจับต้องปล่อย“โอเค เราปล่อยแล้ว”เจ้าของร่างเพรียวกำยำบอก ทว่าพอหญิงสาวจะพุ่งตัวหนีไปอีกทางเขาก็ก้าวมาขวางหน้าเอาไว้“เราขอโทษ”อีกฝ่ายรีบพูดขึ้นมาก่อน เพราะอยากให้มาธาวีหยุดหนีเขา“ไปให้พ้นนะ!”แม้จะตวาดออกไปทว่าเสียงของเธอกลับสั่นเทา หน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดทำให้คนมองไม่สบายใจนัก“เราแค่อยากขอโทษจริงๆ”คุณากรพูดขึ้นเสียงเบาสีหน้าบ่งบอกว่าเขาเสียใจอย่างยิ่ง“พูดจบแล้วก็ไปสิ”มาธาวีมองอีกฝ่ายอย่างหวาดระแวง ไม่คิดจะพูดดีด้วยแม้แต่น้อย คาดไม่ถึงเลยว่าจะบังเอิญมาเจอกับเขาได้ โลกมันช่างกลมอย่างโหดร้าย คนที่ไม่ควรเจอก็กลับมาเจอเสียอย่างนั้น“สองยังโกรธเราอยู่สินะ”“ฉันต้องปลาบปลื้มกับสิ่งที่นายทำเหรอ”หญิงสาวประชดกลับไปอย่างไม่ไยดี และพยายามทำเสียงให้เหม
“เมียน้อยเหรอ”กัญญานันดูภาพในมือถือของเพื่อน รวมทั้งฟังเรื่องทั้งหมดจากปากอีกฝ่ายแล้วก็อุทานอย่างไม่อยากเชื่อ“เป็นไปไม่ได้”“พี่ชายก้อยเป็นผู้ชายนะ อายุก็ตั้งเยอะแล้ว แล้วจริงๆ เขาก็อาจจะเลี้ยงผู้หญิงคนนี้ไว้ตั้งแต่ก่อนจะแต่งกับสองก็ได้ ใครจะไปรู้”“คิดเป็นตุเป็นตะจัง หึงหรือเปล่า”เมื่อถูกถามกลับมาแบบนั้นพร้อมสายตาจับผิดมาธาวีก็ส่ายหน้าทันที“หึย...สองจะไปหึงเขาทำไม”คนมองอยู่ถอนหายใจยาว เพราะท่าทางปฏิเสธแต่สายตาล่อกแล่กของเพื่อนสาวไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย แต่เธอก็ไม่อยากทักท้วงออกไปเพราะรู้ว่ามาธาวีจะปฏิเสธอีก“แล้วจะเอาไงล่ะ”“ไม่รู้”“ถามพี่ปัฐไปตรงๆ เลยไหม”กัญญานันแนะนำ เพราะคิดว่าพี่ชายของตัวเองไม่น่าจะเหลวไหล แต่ถึงเขาจะมีผู้หญิงคนอื่นมาก่อนแต่งงานจริง เธอก็คิดว่าพี่ชายต้องบอกเลิกอย่างเรียบร้อย“ไม่เอาอะ สองไม่อยากยุ่งเรื่องของเขา”อีกฝ่ายปฏิเสธทั้งที่สีหน้าไม่ค่อยดีนักทำให้กัญญานันเองก็หนักใจไปด้วย“แล้วจะปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้เหรอ”มาธาวีเองก็ได้แต่ขมวดคิ้ว สีหน้ายุ่งยากใจเมื่อถูกเพื่อนถาม เพราะยังคิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไรต่อไป แต่เธอไม่อยากอาละวาดหรือตามจับผิดปัฐวิ
ปัฐวิกรกลับมานั่งรอมาธาวีอยู่ที่ส่วนนั่งเล่นด้านนอกซึ่งใกล้กลับห้องน้ำ เพราะขึ้นมาแล้วได้ยินเสียงน้ำและไม่เห็นหญิงสาวในห้องจึงรู้ว่า อีกฝ่ายน่าจะอาบน้ำแล้วเขาจึงเช็กข่าวทั่วไปจากมือถือรอ เมื่อหญิงสาวก้าวออกมาเห็นเขาก็ชะงัก ชายหนุ่มเองก็ชะงักไปเช่นกัน ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะออกมาโดยมีแค่ผ้าขนหนูพันตัวเพียงเท่านั้นมาธาวียกมือขึ้นปกปิดตัวเองพร้อมกับมองชายหนุ่มด้วยสีหน้าไม่พอใจทันที โมโหตัวเองที่รีบจนลืมเอาเสื้อผ้าเข้ามาในห้องน้ำด้วยตาคมวาวมองตามชายผ้าที่สั้นเพียงต้นขาของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่ไม่ได้คิดอะไรทั้งสิ้น ทว่านั่นกลับทำให้หญิงสาวตาขวางใส่ แล้วรีบเดินเร็วๆ ผ่านหน้าเขา ปัฐวิกรลุกขึ้นร่างอรชรก็แทบจะพุ่งเข้าห้องหนีจนเขาอดขำนิดๆ ไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ตรงเข้าห้องน้ำไม่คิดจะตามอีกฝ่ายไป ความจริงก็คิดถึงสัมผัสจากร่างเล็กเหมือนกันแต่เวลานี้เขาคิดว่าคงไม่เหมาะเมื่อทำธุระเสร็จกลับไปในห้องก็ไม่เห็นมาธาวีแล้วเขาจึงตามลงไปด้านล่าง เห็นคนตัวเล็กกำลังหันหลังกวาดพื้นอยู่ก็เข้าไปโอบจากด้านหลังแล้วก้มลงหอมแก้ม ทว่าอีกฝ่ายสะบัดตัวอย่างแรงจนเขาต้องปล่อย“เป็นอะไรน่ะสอง”ชายหนุ่มมองคนที่หันกลับมาจ้อ
แขนกำยำกระชับร่างอรชรมาแนบอกแม้จะรู้ว่าเช้าแล้วก็ตามแต่ยังพอใจที่จะนอนกกกอดคนตัวนุ่มนิ่มอยู่อย่างนี้ ขณะที่อีกฝ่ายคงเพลียจึงยังไม่รู้สึกตัว แต่แล้วอยู่ๆ เสียงมือถือก็ดังขึ้นทำให้ปัฐวิกรหงุดหงิด เขาจึงหยิบจุดกำเนิดของเสียงที่เจ้าของวางไว้ไม่ห่างนักขึ้นมา และหญิงสาวเองก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นเพราะเสียงมือถือของตน“พี่สาวคุณ”เขาเห็นชื่อที่หน้าจอแล้วก็ยื่นส่งให้คนตัวเล็กง่ายๆมาธาวียังมึนๆ เพราะเพิ่งตื่นจึงรับจากชายหนุ่มมารับสายโดยไม่สนใจร่างสูงใหญ่ที่ลุกจากเตียงไปปัฐวิกรปล่อยให้อีกฝ่ายคุยกับพี่สาวตามลำพังทั้งที่ยังไม่อยากผละจากภรรยาตัวเองเท่าไรนัก คิดว่าไปอาบน้ำก่อนน่าจะดีกว่า แต่เมื่อนึกได้ว่ามีเสื้อผ้าติดอยู่ในรถเขาจึงตั้งใจไปเอาก่อน เหลือบเห็นกุญแจเปิดชั้นล่างวางบนโต๊ะทำงานใกล้ๆ พอดีจึงหยิบไปด้วย“ว่าไงคะพี่หนึ่ง”เธอทักไปเสียงยานคางงัวเงียขณะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง‘นี่เธอทำอะไรอยู่’“นอนค่ะ”‘สายป่านนี้น่ะนะ’ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะเล็กๆ ใกล้ๆ แล้วก็เห็นว่าเธอยังพอนอนต่อได้อยู่“สองป่วย”น้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยดีนักของน้องสาวทำให้มาลินีเงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดขึ้น‘มิน่าล่ะ’น้ำเสียงห
“เจ็บ”เสียงหวานสั่นบอก ชายหนุ่มจึงปลอบใจ“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว”ปากได้รูปจูบบนกลุ่มผมอีกฝ่ายเพราะเธอยังปิดหน้าอยู่ทำให้เขาไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านั้น ทว่าก็ไม่อยากข่มเหงจิตใจหญิงสาวไปมากกว่านี้ จึงไม่รั้งมือบางออก เขาเพียงโอบประคองร่างน้อยไว้ในอกพร้อมกับเคลื่อนสะโพกตามจังหวะที่ตนต้องการนานเข้าเจ้าของร่างอรชรก็เริ่มมีอารมณ์ร่วมอีกครั้ง มาธาวีหอบหนักขึ้นจนไม่อาจปิดหน้าตัวเองได้อีกต่อไป มือบางเกาะเกี่ยวแขนกำยำกับบ่ากว้างจิกเล็บลงราวต้องการผ่อนคลายอารมณ์รุมร้อนด้วยไฟรักที่โหมแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ตัวเธอร้อนยิ่งกว่าร้อน เหมือนเปลวไฟลามเลียเผาไหม้ทั่วทุกอณูผิวเนื้อ เรือนกายสาวเกร็งจนปวดไปหมด กระแสแปลบปลาบพุ่งขึ้นจากกลางร่าง แทรกไปทุกสัดส่วน ใจเต้นแรงแทบกระดอนออกจากอก แล้วมาธาวีก็รู้สึกว่าเธอไขว่คว้าบางอย่างร่างงามโผขึ้นกอดเขาแน่น แรงไหวสะท้านกับความนุ่มอุ่นบีบเค้นให้ปัฐวิกรต้องครางต่ำ คนตัวโตบดเบียดเร็วรี่ไหวโยกจนอีกฝ่ายสะท้อนตามจากนั้นก็พุ่งเข้าชนความกระสันอย่างเต็มรักเสียงเข้มดุดังข้างหู ก่อนจะหอบหนักหน่วง ร่างหนากระตุกจนเธอถึงกับสั่นตามทำให้มาธาวีตาเบิกโพลง ราวประสาทสัมผัสทุกส่
ร่างสูงใหญ่ยกอีกฝ่ายขึ้นอุ้มอย่างง่ายดายทั้งที่คนที่เขากอดอยู่ตัวแข็งทื่อ เมื่อวางคนตัวเล็กลงข้างเตียงโดยที่เขายังแนบอยู่กับแผ่นหลังบาง มือหนาจึงจับปลายเสื้ออีกฝ่ายดึงขึ้นทำให้หญิงสาวรีบดึงลงอย่างไม่ยินยอม ชายหนุ่มเปลี่ยนเป้าหมายเชยคางเล็กให้แหงนเงยมาด้านหลังเพื่อรับจูบของเขาปลายลิ้นชื้นไล้ไปตามกลีบปากนุ่มเซาะไซ้หาทางให้อีกฝ่ายเปิดปาก แต่เมื่อมาธาวียังเม้มแน่นเขาก็สอดมือข้างที่เหลือเขาไปเคล้นคลึงอกอวบ ก้อนเนื้อครัดเคร่งใหญ่กว่าที่คาดคิดทำให้เขารู้สึกพอใจ ออกแรงมือเพิ่มขึ้นอีกนิดหญิงสาวก็เผยอปากขึ้นส่งเสียงผะแผ่วอย่างอดไม่ได้ และคนเร้าที่ตั้งใจกระตุ้นก็ไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดมือปัฐวิกรแทรกลิ้นของตนเข้าไปซอกซอนถ้วนทั่วก่อนจะคลุกเคล้าลิ้นเล็กอย่างร้อนแรง รวบรัดซุกไซ้พาให้อีกฝ่ายร้อนระอุยิ่งขึ้น ทั้งมือก็ยังกุมกระชับทรวงสองข้างไปมาตามความพอใจ จนคนตัวเล็กเริ่มหอบแรงในลำคอเขาจึงยอมปล่อย จับร่างอรชรให้หันมาสบตาทว่าอีกฝ่ายปิดเปลือกตาสนิทจนยับย่นบ่งบอกว่ากำลังพยายามข่มอารมณ์อย่างเต็มที่ เห็นอย่างนั้นชายหนุ่มจึงพาอีกฝ่ายลงไปนอนบนเตียง เปลือกตาบางจึงเปิดขึ้นอย่างรวดเร็วมือบางสองข้างผลักอกเขา ตาค