@ โรงแรมหรูชื่อดัง
"พี่มาร์จะให้น้องเข้าไปจริงๆหน่ะหรอ" ข้อศอกเล็กรีบสะกิดผู้เป็นพี่ชาย ยามทั้งคู่หยุดอยู่หน้าโซนทางเข้างาน ร่างบอบบางสวมชุดราตรียาว เปิดไหล่โชว์ผิวขาวโดดเด่น
ท่ามกลางงานระรื่นผู้คนมากล้น ต่างจับจ้องชนชั้นสูงของยศเจ้าหญิง ที่มาพร้อมกับเจ้าชายเรียงลำดับขั้น เตรียมจะขึ้นครองบัลลังก์อีกไม่นาน
"ถอยหลังไปตอนนี้ มีหวังท่านพ่อสั่งขังเจ้าแน่โมอา" ใบหน้าหล่อสมฉายาเจ้าชายของเมือง เอียงมองน้องสาวก่อนจับฝ่ามือบางกระชับเข้าที่ ตรงท่อนแขนแกร่ง ออกแรงก้าวเดินนำโดยที่คนด้านข้างจำใจยอมตาม
ทันใดนั้นเกิดเสียงแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปกดรัวชัตเตอร์ เป็นจุดจับจ้องจนเจ้าของงานรีบวิ่งเข้าต้อนรับ
"ในที่สุดองค์หญิงก็มาด้วย" อองตวนเอ่ยบอก เขาคือลูกของนักการเมืองชื่อดัง แฝงไปด้วยบารมีจากสิ่งผิดกฎหมาย รีบก้มคำนับลงเล็กน้อย เพื่อเป็นการเคารพในเกียรติของทั้งสอง แม้จะรู้จักเล่นสนุกกันตั้งแต่วัยเยาว์
"เล่นบังคับกันยันท่านแม่ เกินไปแล้วนะอองตวน!" น้ำเสียงใสรีบโต้กลับเบาๆ ครั้นต้องรักษากิริยาเพราะไม่ว่ายังไงผู้คนก็จับจ้องสถานะพวกเธออยู่ดี
"ฝากดูแลเธอด้วย...พี่มีคุยกับพวกองคมนตรีแป๊บเดียว" มาร์แชลล์พยักหน้าให้น้องสาววางใจ ถึงยังไงซะเขาก็ไม่มีทางปล่อยเธออยู่กับเพื่อนชายคนสนิท เพียงหรี่นัยน์ตาคมนิดหน่อย องครักษ์ประจำกายรีบวิ่งมายืนข้างเจ้าหญิงทันที
"ในเมื่อบังคับกันมาจนได้ งั้นพาเราไปกินของอร่อยที่ในวังไม่มีทีสิ" น้ำเสียงใสบอก แต่ทว่าดวงตากลมส่งสัญญาณให้เดโม่คนสนิท ซึ่งรับหน้าที่ปกป้องเธอตั้งแต่ถือกำเนิดรัชทายาทคนที่สอง แม้อายุมากกว่าเพียงห้าปี
"ยังห่วงกินเหมือนเดิมเชียว...งั้นโมอาตามมาทางนี้" เขาเปลี่ยนสรรพนามเรียกทันที ยามเมื่อแขกร่วมงานหันสนใจทางอื่น ด้วยชื่อเล่นสั้นๆนี้ เธอเคยบอกไว้ให้เพื่อนเท่านั้น หวังกลมกลืนไม่แบ่งชนกัน
"ว้าว...มีแต่ของน่าทานทั้งนั้นเลย เอ๊ะ!!ลืมไปหรือว่าช่วงนี้เรางดน้ำหวาน อองตวนไปบอกลูกน้องให้ที" โมอาเอ่ยบอกอย่างเป็นกันเอง หลังมองเหล่าอาหารบนโต๊ะขนาดใหญ่แต่ยังขาดเครื่องดื่ม แล้วยิ่งอีกฝ่ายรู้ดีว่าเธอไม่ไว้ใจใครคนอื่นเรื่องการกิน
"โอเค เราพลาดได้ไงเนี้ย" คนบอกยกมือเคาะผากตัวเองเชิงตำหนิ อุตส่าห์ออกอุบายจนครอบครัวสามารถบังคับเธอมาร่วมงาน หวังประกาศให้สื่อสังคมรับรู้ เรื่องการหมั้นหมายขององค์หญิงเร็วๆนี้
แต่ไหงถึงพลาดข้อเล็กข้อน้อยองค์ประกอบของหญิงสาวเสียได้ คนตัวสูงรีบแยกไปจัดการเครื่องดื่มเพียงลำพังคนเดียว ทิ้งให้เธอรออยู่กับองครักษ์
"องค์หญิงแน่ใจนะครับ" น้ำเสียงเข้มกระซิบถามแผ่วเบา
"เชื้อกษัตริย์พูดแล้วไม่คืนคำไม่ใช่เหรอ...ทำตามแผนเลย" ใบหน้าสวยพยักอย่างมั่นใจ ก่อนที่ทุกอย่างจะไปเป็นตามแผน
. . . "เฮ้อ...ในที่สุดก็รู้สึกโล่งอกเสียที ไม่ได้มีโอกาสมาเที่ยวแบบนี้ตั้งนานแล้วนะพี่เดย์" เสียงของร่างบอบบางพูดขึ้น บนถนนความมืดมิดค่อนข้างไร้คนสัญจร มีเพียงแสงจากไฟส่องถนนริบหรี่เธอแอบหลบหนีช่วงชุลมุนตอนเพื่อนชายถูกเรียกไปต้อนรับแขก ใช้โอกาสอันดีชวนเดโม่ออกท่องเที่ยวโลกกว้าง สับเปลี่ยนชุดบนรถว่าจ้าง โดยมีระยะเวลากลับก่อนใกล้งานเลี้ยงเลิก แม้แต่พี่ชายยังไม่อาจรู้แผนการณ์นี้ด้วย
"ครับคุณโม" น้ำเสียงเข้มตอบกลับสั้นๆ รู้ทั้งรู้ว่าที่ทำอยู่นั้นผิด แต่เพื่อองค์หญิงเพียงคนเดียวเขายอมรับผลตามมา
"ถนนตรงนั้นเขาขายอะไร เราไปช่วยเขาซื้อไหม" ไม่ว่าเปล่า หญิงสาวดันรีบก้าวเท้าสวมผ้าใบขาวเร่งทันที มุ่งหน้าอีกฝั่งตรงถนนหลัก ร้านค้ามากมายยามค่ำคืน ส่งผลให้ผู้ติดตามไม่ทันสังเกตุ ตอนร่างบอบบางชนกระแทกใครบางคน
ตุ๊บ!!!!
"อะเอ่อ..." น้ำเสียงใสละล่ำละลัก ครั้นจะเงยหน้าขอโทษไม่ทันระวัง ชนเข้ากับลำตัวแข็งแกร่ง จนเธอเซเกือบล้ม โชคดีที่เดโม่ช่วยประคองได้ทัน บอบช้ำเล็กน้อยตรงหัวไหล่มน
"...." นัยน์ตาคมแสนเยือกเย็นหรี่มอง ทำโมอาหยุดชะงักอ่านความหมายไม่ออก องครักษ์หนุ่มรีบชิ่งยืนตัดหน้า พร้อมปกป้องหากเกิดภัยอันตราย
"คุณโมอาเป็นไรไหมครับ" เขารีบหันมาทางคนด้านหลัง เหมือนถูกสะกดสติไว้ชั่วคราว จนใช้ศอกใหญ่สะกิดลำแขนเรียว ก่อนส่ายหน้าปฎิเสธเท่านั้น
"เอาไงดีครับนาย" แต่แล้วเสียงบอดี้การ์ดของชายลึกลับวิ่งเข้ามาด้านหลัง ยิ่งขับแผ่รัศมีความน่ากลัว เมื่อโมอาเห็นท่าไม่ดี ชิ่งคิดแผนหนีเอาตัวรอด
"นั่น!! แดรกคูล่ามาหนีเร็ว!!!!!"
............................................
ตุ๊บ! เสียงข้าวของบนโต๊ะอาหารมื้อค่ำหล่นกระจาย เมื่อคนตัวสูงจับร่างอรชรนอนคว่ำหน้าแนบกระจกใส ช้อนเอาสะโพกมนแอ่นกระดกขึ้น แทรกส่วนล่างกำยำชายเข้าด้านหลัง แสงจากโคมไฟส่องสว่าง เห็นสัดส่วนโค้งเว้าได้อย่างดี"บะเบานะเฮีย...อื้อ..." ยังไม่ทันได้บอกความต้องการเสร็จ แก่นกายยังร้อนระอุฝ่าเข้าร่องชุ่มฉ่ำทันที แค่แรกสอดใส่ก็เสียวซ่าน ทำร่างบอบบางบิดเร้าเลื่อนมือจับขอบโต๊ะระบายอารมณ์ขนาดใหญ่โตของลำเอ็นเสียดสีผนังโพรงนุ่ม เคลือบมันวาวด้วยน้ำเมือกใส ความคับแคบแน่นไม่ต่างจากตอนร่วมสวาทครั้งแรก ทำสามีลุ่มหลงเผลอฟาดสะโพกมนราวหมั่นเขี้ยว"จุกดีนะ" อารมณ์ดิบพลุ้งพล่าน แค่เริ่มสอดใส่ปานสิ่งแปลกใหม่ สะโพกแกร่งสอบกระแทกแล้วกระแทกอีก ร่องนุ่มๆห่อรัดจนสุดลำโคน มันเสียวสยิวกิวทั่วร่างกำยำชายบั้นท้ายขาวนวลกระเพื่อมสู้กล้ามท้อง ดีดเด้งพอๆกับเต้าอวบทะลักล้นด้านข้าง ซิลค์โน้มตัวลงก้มพรมจูบแผ่นหลังบาง เอียงใบหน้านิดหน่อยซุกไซร้คอระหงตั่บ! ตั่บ! ตั่บ!"จะจุกแล้ว..เฮียขาโม..สะเสียว...อ๊ะ..อ๊ะ..."เธอเองเริ่มติดเซ็กส์ชนิดรุนแรงตามสามีหนุ่ม จงใจเน้นบดขยี้ตรงพูสีชมพูงาม ปล่อยมันโอบรัดแก่นกายขนาดใหญ่ สร้างอารมณ์ซ่
1 ปีต่อมา_ ท่ามกลางบ้านหลังแสนอบอุ่น แม่ครัวตัวน้อยกำลังยุ่งกับการเตรียมมื้อค่ำเช่นทุกวัน เวลานี้เธอเลือกปรุงมื้ออาหารเต็มไปด้วยผักหลากสี จับใส่เนื้อสัตว์เพียงนิดเดียวตามที่สามีชอบทาน"เฮียมาแล้วแน่เลย" เสียงรถยนต์คันหรูเทียบจอดตรงลานกว้าง เธอรับรู้ได้ทันทีว่าซิลค์กลับมาบ้านแล้ว รีบวางทัพพีในมือลงกดปิดสวิตช์เตาไฟฟ้า ก่อนวิ่งออกนอกครัวหน้าตายิ้มแย้ม ต้อนรับผู้เป็นสามีด้วยอารมณ์ดี"ดีใจอะไรขนาดนั้น?" น้ำเสียงเข้มย้อนถาม ท่าทางของเมียรักวิ่งก้าวเร็วไม่กลัวว่าจะหกล้มบ้างเลย เธอโผล่กอดแม้ยังใส่ชุดกันเปื้อนจากในครัวอยู่ ทำให้เขาต้องก้มจูบหน้าผากมนด้วยความคิดถึงเช่นกัน"ก็อยู่บ้านคนเดียวมันเหงานี่หน่า วันนี้เฮียเหนื่อยไหมคะ หนูลองทำน้ำผลไม้ด้วยนะ" ระหว่างที่พูดโมอายังไม่ยอมปล่อยร่างกำยำ สวมกอดอยู่แต่ก็ก้าวเดินไปตรงโซฟารับแขกพร้อมๆกัน เธออาสาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตอย่างเอาอกเอาใจ"มันหวานสู้เราได้ไหม""ต้องพิสูจน์นะคะ" ร่างอรชรหายเข้าไปในครัวเปิดตู้เย็นหยิบเยือกน้ำผลไม้คั้นสด กับขวดน้ำเปล่าและแก้วใสใส่ถาด รีบยกมาเสิร์ฟให้คนตรงโซฟาดื่มแก้กระหาย เรียกความสดชื่นหลังเหน็ดเหนื่อยตลอดวัน"อร่อยดีนะ"
หลายวันต่อมา_"พี่รีนพาหลานมาเล่นกับหนูอีกแล้วแน่เลย" เมียรักรีบชะโงกดูผ่านหน้าต่างกระจกบานเลื่อน ยามมานั่งก่อกวนสามีในห้องทำงาน เมื่อได้ยินเสียงรถยนต์แล่นจอดลานกว้าง สีคันเดิมไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ถึงรู้สึกรักเด็กขึ้นมา หรือเพราะหลานของซิลค์ชอบอ้อนเก่ง ช่วยเติมเต็มความเหงาของสองคนในบ้านได้ดี"อืม" น้ำเสียงเข้มตอบกลับราวไม่สนใจ เมื่อรับหน้าที่ตรวจเช็คสสารสำคัญอยู่ ผ่านหน้าจอคอมโดยมีเจ้าหน้าที่ในแลปคุยวีดีโอคอลด้วย เพราะเขาอยากใช้เวลาหลังงานวิวาห์ชดเชยให้ภรรยาสาวอย่างเต็มที่ก่อน"งั้นหนูไปล่ะนะ" ช่วงเวลาของเจ้าหน้าที่ห้องแลปคนนั้นก้มอ่านเอกสารอยู่ ร่างอรชรรีบพุ่งตัวหอมแก้มสากฟอดใหญ่ เธอรู้ดีว่าสามีหนุ่มจะกดปิดกล้องได้รวดเร็ว จึงไม่กลัวภาพลักษณ์นายแพทย์อัจฉริยะเสียหาย สองเท้าเรียวสวยรีบก้าวเดินออกจากห้องทำงาน ไปต้อนรับมารีนซึ่งมีศักดิ์เป็นสะใภ้คนรอง สั่งให้ลูกน้องช่วยกันเตรียมอาหารว่างสำหรับเด็ก และเครื่องดื่มน้ำหวานพอประปราย"สวัสดีค่ะพี่รีน" ถึงแม้เธอจะเป็นสะใภ้คนโตของครอบครัว แต่ด้วยอายุน้อยกว่าจึงยกมือพนมไหว้หญิงสาว ที่จับลูกสาวและลูกชายสองข้าง ไร้ใบหน้าซายน์ไม
หนึ่งเดือนต่อมา_@ งานวิวาห์ Silk&Moar ณ คฤหาสน์หลังใหญ่ของครอบครัวเจ้าบ่าว บรรยากาศงานวิวาห์ชื่นมื่น ตกแต่งสไตล์เรียบง่าย ท่ามกลางบรรดาญาติใกล้ชิดและคนสนิท เพื่อให้เป็นตามความประสงค์ที่เจ้าของงานอยากสงวนช่วงเวลาสำคัญ ให้สิทธิ์ครอบครัวเจ้าสาวไร้ข้อกังวลใจ"แกสวยสมเป็นเจ้าหญิงจริงๆนะยัยโม" เป็นเสียงของเพื่อนสาวคนสนิทเอ่ยชม หลังจบพิธีการในช่วงเช้า เห็นโมอาในชุดเจ้าสาวสีขาวประดับเลื่อมเพชรวาววับ กำลังย่างกรายมาทักทาย ด้วยชุดโชว์ไหล่มนทั้งสองข้างขับผิวออร่าสว่างไสว จวบจนเวลายามบ่ายคล้อยอากาศตรงที่จัดงานไม่ได้รู้สึกร้อนเลย"แค่อดีตหน่ะเบลล์" เธอเอ่ยบอกเพื่อนสาว ขณะยืนรอเจ้าบ่าวแยกตัวไปคุยกับกลุ่มเพื่อน ปล่อยให้แขกคนอื่นเข้าหาเจ้าสาวแสดงความยินดี เพราะซิลค์เองไม่ใช่คนชอบพูดสักเท่าไหร่ แม้ในงานมงคลของตัวเอง ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไรเลย นิสัยของเขาบางอย่างก็ควรยกเว้น เลือกแลกเปลี่ยนใช้ความเข้าใจจะดีกว่า ชีวิตคู่หลังจากนี้เพิ่งเริ่มต้น"แต่ยังไงฉันก็ดีใจกับแกด้วยจริงๆนะ เห็นเพื่อนเป็นฝั่งเป็นฝาอดซึ้งไม่ได้จริงๆ" เบลล์แกล้งหยิบผ้าเช็ดหน้าคล้ายซับน้ำตาหยอกล้อ แม้ว่าข้างในจะรู้สึกเช่นที่
ณ ประเทศไทย"จะแยกห้องกันอีกทำไม?""หนูยังงอลคุณอยู่ค่ะ โทษฐานปล่อยหนูกลับไปก่อนเอง!" เสียงของคนตัวเล็กป่าวประกาศจริงจัง ตลอดเวลาการเดินทางกลับจนกระทั่งถึงบ้านซิลค์ ยังหยุดเถียงอยู่ตรงบรรไดทางขึ้น ท่าทีของเธอเปลี่ยนไปจนหลายคนยากเดาความคิด ร่างสูงยืนถอนหายใจเหนื่อยหน่าย เขาอุตส่าห์เผชิญหน้าอยากพาภรรยาสาวกลับมาเคียงคู่ แต่ไฉนเลยโมอาไม่ยอมฟังคำอธิบาย ยืนกรานเถียงให้เตโชจัดห้องส่วนตัวเหมือนครั้งเก่า"ไปรับกลับแล้วนี่" พอฝ่ามือหนาจะเอื้อมจับหัวไหล่มนหันคุยกัน ร่างอรชรดันสลัดออกเชิดหน้าใส่ประหนึ่งต้องการเอาชนะ ท่ามกลางบอดี้การ์ดชายสองคนต่างสับสน เพราะไม่รู้จะเข้าข้างเจ้านายคนไหนก่อนดี"พี่เต!ขอกระเป๋าโมด้วยค่ะ" เธอบอกผ่านน้ำเสียงแข็งจนอีกฝ่ายยอมลดทิฐิลง เอนหน้าสากให้ลูกน้องทำตามคำสั่งที่หญิงสาวต้องการ แม้แต่เดโม่เองก็ไม่เข้าใจว่าโมอาคิดสิ่งใดแน่ ทำตามแค่รักษากฎระเบียบของบ้าน ห้ามคนอื่นเดินขึ้นข้างบนยกเว้นเจ้าของและเตโชคนสนิท"ครับ" เตโชยอมยื่นกระเป๋าสัมภาระส่งให้ ครั้นต้องการนำไปจัดไว้ห้องมาเฟียหนุ่ม แต่ทว่าดูเหมือนการกลับมาครั้งนี้คงได้ปวดหัวมากกว่าเดิม"อ้อ...แล้วของใช้หนูในห้องคุณเอาม
วันต่อมา_"องค์หญิงตื่นค่ะตื่น!!" เสียงของพี่เลี้ยงอย่างลิลลี่พยามตะโกนเรียกหญิงสาวบนเตียง เมื่อโดนบุพการีเธอออกคำสั่งให้ไปพบ เพราะมีเรื่องสำคัญซึ่งทุกคนกำลังรออยู่ นาฬิกาบนฝาพนังไล่เดินไปช่วงถึงสิบโมงเช้า เป็นเวลาก่อนที่โมอาจะตื่นทุกวัน บวกกับความร้อนใจของพี่เลี้ยงต้องรีบส่งมือเขย่าขาเรียวกระวนกระวาย"หื้อ..อะไรพี่ลิลลี่!" เมื่อคนถูกปลุกกระทันหัน ยังไม่รู้สึกว่านอนเต็มอิ่ม กว่าเมื่อคืนเธอจะทำใจหลับลงได้เกือบเข้าสู่เช้าวันใหม่ ครั้นยังติดใจถ้อยคำของมาร์แชลล์อยู่ห้วงหัวสมอง เขารับปากว่าจะพากลับไปประเทศไทยได้ยังไง หากบิดาและมารดาไม่ยินยอม"รีบตื่นเถอะค่ะ ทุกคนรอองค์หญิงที่ห้องโถงกันหมดแล้ว" ลิลลี่รีบเตรียมสิ่งของขณะอธิบายบอก เหลือเวลาไม่มากแล้วหากหญิงสาวไปไม่ทันการณ์ อาจเปลี่ยนบรรยากาศเป็นอีกแบบนึง"รอ?รอเราทำไม?" ร่างอรชรค่อยๆลุกชันตัวขึ้นพิงหัวเตียงช้าๆ ไม่ได้รู้สึกกระวนกระวายตามพี่เลี้ยงสักนาทีเดียว แถมยังยกมือชี้ว่าจะเลือกใส่ชุดแบบไหนมากกว่า ท่าทางใจเย็นสลับกัน"ก็ไปสัญญาอะไรกับองค์ชายไว้ล่ะคะ ถ้าช้าอีกนิดเผื่อพวกท่านเปลี่ยนใจ ลิลลี่ไม่มาป...." แค่ลิลลี่พยามบอกยังไม่ทันจบประโยคดี