แต่เด็กเพียงสิบขวบเท่านั้น ไยจึงทำได้ขนาดนี้ พลังต้องมากพอ จึงสามารถแทงจนทะลุข้อมือของเขาได้ ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว! ลูกดอกถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชายชุดดำ คิดจะถอยไปตั้งหลัก
ฟิ้ว! เคร้ง! ฉึก! ในจังหวะที่ลูกดอกพุ่งออกมาเฉียดใกล้เขา เด็กชายตวัดเหล็กแหลมในมือเพียงเล็กน้อย ลูกดอกที่ควรเลยผ่านไป กลับพุ่งเข้ากลางลำคอของเขาในทันที ยากนักที่เขาจะหลบเลี่ยงได้ทัน
“เจ้าเป็นใครกัน...”
เป็นคำถามสุดท้าย ที่ไม่มีโอกาสได้ฟังคำตอบ ด้วยเขาสิ้นใจไปเสียก่อน เด็กชายรีบทิ้งเหล็กแหลมในมือ วิ่งเข้าสวมกอดมารดาเอาไว้แน่น ร่างกายของเด็กชายสั่นเทา ด้วยความหวาดกลัว
“แม่ขอโทษที่มาช้า ทำให้เจ้าตกอยู่ในอันตราย”
หญิงสาวปลอบโยนบุตรชาย พร้อมใช้มือลูบแผ่นหลังสั่นเทานั้นให้คลายกังวล หากไม่ตอบโต้ก็คงต้องหลบซ่อนไปชั่วชีวิต ไม่ต่างจากเต่าที่หดหัวแค่ในกระดอง สู้เป็นสุนัขจนตรอก ที่พร้อมหันหน้าสู้จนตัวตาย เมื่อบีบคันไม่ดีกว่าหรือ
“เกิดเรื่องใดขึ้น อี้หรู อี้หลาง พวกเจ้าปลอดภัยหรือไม่”
ชายชราวิ่งเข้ามาภายในห้อง ด้วยใบหน้าตื่นตระหนก เขาตื่นมาเพื่อผลัดเปลี่ยนกับบุตรสาว ในการเคี่ยวยาส่งให้บ้านสกุลชูในตอนเช้า แต่ไม่คิดว่าจะเห็นลูกกับหลาน ตกอยู่ในอันตราย โดยที่เขามามิทันปกป้อง
“เราปลอดภัยดีเจ้าค่ะท่านพ่อ”
หญิงสาวหันไปหาบิดา พร้อมบอกไปตามความเป็นจริง มันจะอันตรายกว่านี้ ถ้านางกลับมาไม่ทันช่วยบุตรชาย ต่อไปคงต้องพกอาวุธติดกาย แม้จะอยู่ในบ้านก็ตามที
“พวกมันเป็นใครกัน ช่างกล้านัก”
“คงเป็นคนที่เคยลงมือต่อเรา แล้วไม่สำเร็จนั่นล่ะเจ้าค่ะ ท่านพ่อไม่ต้องกังวล เรายังปลอดภัยดีอยู่เจ้าค่ะ”
หญิงสาวเห็นสีหน้าวิตกกังวลของบิดา ก็อดที่จะเห็นใจอีกฝ่ายไม่ได้ ที่ต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงกับนางแม่ลูก
“พรุ่งนี้พ่อจะต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ตราบใดที่พวกมันไม่หยุด พ่อก็ต้องทำให้มั่นใจ ว่าครอบครัวเราจะปลอดภัย”
“ท่านตาจะทำสิ่งใดหรือขอรับ”
อี้หลางผละจากมารดา เดินเข้าไปยืนสบตากับผู้เป็นตา เขาเองก็คิดว่าต้องทำอะไรบ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นคงมีคนได้ตายอีกครั้งอย่างแน่นอน
“พรุ่งนี้เจ้าไปกับตา ส่วนเจ้าอี้หรู ไปส่งยาให้สกุลชู กับแม่ของเจ้าแทนพ่อ”
“เจ้าค่ะ”
“พวกเจ้าไปนอนเถอะ จากนี้พ่อดูแลเอง”
“เอ่อ...”
หญิงสาวเกิดความลังเล ด้วยไม่อาจวางใจได้ ว่าคนร้ายจะมีเพียงหนึ่ง
“ท่านแม่ไปนอนเถอะขอรับ ข้าจะอยู่กับท่านตาเอง หากง่วงข้าก็หลับอยู่ตรงนี้ได้ ท่านแม่ควรพักผ่อนให้มาก ประเดี๋ยวใบหน้ามีริ้วรอยนะขอรับ”
คำพูดของบุตรชาย ทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ ที่จะวางมือบนข้างแก้ม ก่อนจะแสร้งทำหน้าบึ้งใส่บุตรชาย อายุนางในโลกใหม่นี้เพิ่งยี่สิบแปดปี จะมามีตีนกงตีนกาได้อย่างไรกัน
แต่ก็อย่างว่าผู้หญิงสมัยนี้ ถูกบังคับให้แต่งงานเร็ว มีลูกตั้งแต่อายุไม่ทันจะสิบแปดด้วยซ้ำ เจ้าของร่างก็เช่นกัน มีลูกหลังแต่งงานไม่ถึงปี คลอดลูกตอนอายุเพียงสิบเจ็บย่างสิบแปด หากเป็นโลกที่นางจากมา ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย
จึงไม่แปลกที่ร่างกายจะทรุดโทรมเร็ว ไหนเจ้าของร่างจะต้องอยู่อย่างอดอยาก จะให้งามเลิศประหนึ่งเทพธิดาก็หาใช่ แต่กระนั้นนางก็ทำให้ร่างกายนี้ กลับมาเปล่งปลั่งได้ในเวลาอันสั้น จากการบำรุงทั้งดื่มกินและประทินผิว ไยข้าต้องแก่ชราตามวัย ในเมื่อข้าคือบุตรตรีของเจ้าของโรงหมอ...
“เช่นนั้นเจ้าดูแลท่านตาด้วย ข้าไปนอนก่อนนะเจ้าคะท่านพ่อ อย่ากวนท่านตานะเข้าใจไหม”
หญิงสาวไม่ลืมกำชับบุตรชาย ก่อนจะเดินออกจากห้องไป การต่อสู้เมื่อครู่ทำไมนางจะไม่รู้ ว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ ในโลกใหม่นี้การต่อสู้มุ่งเน้นที่พลัง การโจมตีของนางน่ะหรือ จะสามารถทำให้คนร้ายพ่ายในเวลาอันสั้น จะอย่างไรก็แล้วแต่ ขอแค่ยังหายใจอยู่ ก็ยังมีโอกาสสู้ให้ถึงที่สุด
ส่วนบุตรชายนั้น เขามีความสามารถ จะก่อนหรือหลังจากหายเจ็บป่วย นางไม่คิดก้าวก่าย ตราบใดที่เขาไม่หันคมดาบเข้าหาคนครอบครัว ก็ถือว่าเป็นโชคชะตาอันดีของเขา
คล้อยหลังบุตรสาวไปแล้ว ชายชราก็ให้หลานชายเติมฟืนในเตา ส่วนตนเองเลือกที่จะไปจัดการกับศพของคนร้าย ก่อนที่เขาจะแก่ชรา เขาก็หาใช่คนไร้สามารถเสียเมื่อไหร่กัน
เด็กชายทำตามอย่างว่าง่าย นับแต่นี้...เขาให้ฐานะลูกคนโต หลานคนโต พี่ชายคนโต คงต้องฝึกฝนตนเองอย่างหนัก เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันคนทั้งบ้าน
เมื่อนึกถึงการปกป้อง เด็กชายชะงักค้างไปเล็กน้อย ก่อนจะลงมือทำหน้าที่ของตนเองต่อไป โดยไม่สอดแทรกการทำภารกิจของผู้เป็นตา
“ต่อไป...ข้าจะมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกขอรับ”ทุกความผิดพลาดชายหนุ่ม เลือกที่จะแบกรับไว้เอง อีกอย่างคุณหนูสามเอง ใช่ว่านางจะไม่ระวังตัว แต่เพราะประมุขน้อยแห่งหยินกวง ยังอ่อนประสบการณ์ไปอยู่มาก จึงยากนักจะควบคุมจิตใจ มิให้ห่วงหาใครสักคนได้เพราะขนาดตัวเขาเอง ยังอาจหาญทิ้งคุณชายใหญ่ มุ่งตรงมาที่นี่ เพื่อติดตามคุ้มครองคุณหนูสาม นับประสาอะไรกับประมุขน้อยอวี๋ ที่สตรีตรงหน้าคือคู่หมั้น จะปล่อยให้นางได้รับอันตราย ย่อมยากจะทำใจได้“ในบางครั้งคนเราก็ต้องรู้จักข่มกลั้นอารมณ์ พวกเจ้ายังเด็กนัก หากต้องทำเช่นนั้นจริงๆ เพราะพ่อแม่ของพวกเจ้ายังทำไม่ได้เลย หึๆ จะมานับประสาอะไรกับเด็กๆ อย่างพวกเจ้าเล่า”หญิงชราฝังเข็มลงบนศีรษะของตู้ฮั่นอย่างใจเย็น ทว่าปากของนางก็ยังเอ่ยออกมา คล้ายอยากสอนให้ชนรุ่นหลัง ได้รู้ว่าในเวลาออกศึก บางครั้งต้องรู้จักข่มใจสละบางอย่างให้เป็น และรู้ที่ถอยเพื่อรุกแต่นางกลับไม่เอ่ยออกมาทั้งหมด เมื่อนึกถึงผู้นายเป็นที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก อย่างเจียงกั๋วจ้าน ที่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็พ่ายต่อใจ ในการที่จะปล่อยให้เจียงฮูหยิน ตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นไม่ว่าจะคุณชายคุณหนู รวมถึงม่
“ทำใจให้สบาย”หญิงชราเอ่ยปลอบตู้ฮั่น ในขณะที่นางกำลังรินเหล้าลงใส่ถ้วยอย่างใจเย็น ทว่าคนบนเตียงกลับไม่รู้สึกแบบนั้นได้เลย ยิ่งเมื่อมันคล้ายมีไรเคลื่อนไหวอยู่ใต้ราวนม มิหนำซ้ำกระดูกซี่โครงของเขา มันเหมือนถูกเลาะออกจากเนื้อ เรียกว่าเจ็บเจียนตาย ยังไม่เท่าความกลัวที่ไม่รู้ ว่าสิ่งข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น“ข้าช่วย”อู๋หยางรีบก้าวเข้าช่วยประคองศีรษะของตู้ฮั่นขึ้น ก่อนที่หญิงชราจะเอาเหล้าให้คนเจ็บดื่ม รสร้อนแรงของสุรา ยังมิอาจกลบความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไหนบอกนิดเดียวเล่า ตู้ฮั่นพร่ำบนอยู่ภายในใจทว่าเขากลับเลือกที่จะดื่มสุรา ให้ได้มากที่สุด เพื่ออย่างน้อยความมึนเมา จะทำให้เขามิต้องจดจ่ออยู่กับร่างกายที่เจ็บปวด มือหนายังคงกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น จนสั่นระริกเลยก็ว่าได้ เส้นเลือดที่ปูดโปนตามหลังมือ ทำให้เจียงอี้หยางที่อยู่ข้างๆ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความรู้สึกสยดสยองแล้วแบบนี้ตอนที่พี่สาวของเขาบาดเจ็บ นางจะเจ็บปวดเยี่ยงนี้หรือไม่ เด็กชายรีบเดินไปเอาผ้าผืนเล็ก ซุบน้ำที่เย็นๆ แล้วบิดหมาดๆ เพื่อมาซับเหงื่อให้คนบนเตียงเด็กชายไม่อาจที่จะขึ้นไปบนเตียงได้ จึงยื่นส่งผ้าให้แก่ผู้เป็น
ทางเดินบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม อู่หยางที่กำลังถืออ่างน้ำร้อน เดินกลับไปยังห้องพักของตู้ฮั่น จำต้องขยับบังเสาที่อยู่ระหว่างทางเดินในทันที เมือ่เขาเห็นใครบางคน ที่มีท่าทางไม่เหมือนจะมาพัก กำลังแง้มประตูห้องที่คุณชายน้อยอยู่ออก เพื่อดูคนที่อยู่ข้างในเขาไม่ได้แสดงตัวเข้าไปขัดขวาง ด้วยอยากรู้เช่นกันว่าคนผู้นี้ต้องการสิ่งใด จนเมื่อเขาเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่น ที่พักอยู่อีกด้านกลังเดินมา เขาจึงเดินไปพร้อมคนผู้นั้นและเมื่อลูกค้าคนนั้นเดินเลยไป ซ่า! อ๊าก!! น้ำในอ่างถูกสาดไปอย่างตั้งใจ จนทำให้คนที่แอบดู ความเป็นไปในห้องของเขา ซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เพราะน้ำที่เขาตั้งใจสาด มันเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ๆ ความร้อนเรียกว่าเดือดเพิ่งหายเลยก็ว่าได้“ขะ...ข้าต้องขออภัยด้วยพี่ชาย เมื่อครู่ข้าสะดุดขาตนเอง ท่านเจ็บมากหรือไม่”อู๋หยางพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เอามือปัดไปตามตัวของชายผู้นั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับผลักให้เขาหลีกทาง แล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากเข้าเลยแม้แต่ตำลึงเดียว“เกิดสิ่งใดขึ้น”หญิงชราเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต
“เช่นนั้นรอข้าสักครู่”อู๋หยางรีบบอก ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอีกครั้ง คงมีเพียงสายตาตั้งคำถามของคนจากแคว้นหนาน มองตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่เจ็บเล็กน้อย ไม่ได้มีสิ่งใดน่ากังวล”หญิงชราเงยหน้าจากสิ่งของในมือ สบเข้ากับดวงตาวิตกกังวลของชายบนเตียง ท่าทางเจ้าอู๋หยาง จะแสดงสีหน้าสยดสยองให้คนไข้ตรงหน้าเห็นสินะ!“ข้า...แค่ไม่เคยรู้จัก ว่ามีการรักษาด้วยหนอนเท่านั้นขอรับ”ตู้ฮั่นตอบตามความเป็นจริง เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ก็อย่างว่า...เขามิใช่หมอและหาได้เจ็บป่วยบ่อยครั้ง จึงจะรู้ว่าหมอในแต่ละแคว้น มีการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง แต่ที่เขากล้าๆ กลัวๆ ก็คงเพราะเมื่อครู่เขาเห็นสีหน้าหวาดๆ ของอู๋หยาง มันเลยทำให้เขารู้สึกหวั่นอยู่ในใจ“หรือเจ้าจะให้ข้าผ่าอกเจ้าเล่า สิ่งไหนมันใช้การได้ในเวลานี้ ก็ควรเลือกสิ่งนั้น ถ้าเจ้าไม่รักษาก็ได้นะ แต่ข้าบอกได้เลย ว่าต่อให้เจ้าหายจากพิษสลายพลังนี้ไปได้ ก็ไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติในเร็ววันอยู่ดี”หญิงชราสบเข้ากับดวงตาของคนเจ็บ เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจน ว่าสรุปแล้วชายผู้นี้ ต้องการให้นางช่วย หรือเสี่ยงมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว“ท่านตู้ ไม่ต้
ครึ่งชั่วยามต่อมา หลังจากที่ทั้งสามกินข้าวกันเสร็จแล้ว อู๋หยางกับเจียงอี้หยาง จำต้องพาหญิงชรากลับขึ้นไปบนห้องพัก และไม่ลืมที่จะต้องพานางแวะไปห้องคนป่วยก่อน เพื่อดูให้แน่ใจว่าทุกคนยังปลอดภัยดีอยู่คนจากหนาน ต่างพากันจับจ้องไปที่หญิงชรา ที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ท่าทางแม้จะไม่ขัดต่อสภาพร่างกาย ทว่ากลิ่นอายที่แผ่ออกมา ล้วนบอกได้ชัดเจน ว่านางไม่ใช่คนไร้ฝีมือแต่อย่างใด“เอ่อ...พวกเขาเป็นคนรู้จักของม่อเหลียวขอรับท่านป้า พวกเขาโดนพิษจนร่างกาย ดะ...เดี๋ยว...”อู๋หยางยังพูดไม่ทันจบ หญิงชราก็ไปถึงตัวคนบนเตียงเสียแล้ว ก่อนที่นางจะคว้าข้อมือคนเจ็บมาจับชีพจร ดีนะที่คนจากหนานยังไร้เรี่ยวแรงอยู่ หาไม่แล้วคงมีการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะอยู่ๆ ก็พุ่งเข้าไปแบบนั้นฮั่วเจ๋อหลับตานิ่ง ในตอนที่กำลังตรวจชีพจรของคนบนเตียง ตู้ฮั่นที่ยังไร้เรี่ยวแรง จึงทำได้เพียงนิ่งเงียบ เพราะเขาก็มิอาจขัดขืนใดๆ ได้อยู่แล้วในเวลานี้“พิษกระจอกแค่นี้ เจ้ายังไม่มีปัญญารักษา ให้หายในเวลาๆ อีกหรือ...”หญิงชราพูดขึ้น โดยไม่หันกลับไปมองคนข้างหลัง แต่นางกลับล้วงเอาห่อผ้าเล็กๆ ออกมากาง ซึ่งสิ่งที่เรียงรายอยู่ในนั้น คือเ
“ท่านปะ...”“ชู่ว์!! ท่านย่าคิดถึงเจ้าอี้หยางน้อย”หญิงชรายกนิ้วขึ้นทำเสียง ให้เด็กชายเงียบเอาไว้ เขาตอนนี้มาในคราบของสตรี จะมาเรียกผิดมิได้ เขามิได้เขลาเสียหน่อย ที่จะไม่เข้าใจถึงการหายตัวไปตั้งหลายวัน ของเหล่านายน้อย“ข้ามีเรื่องจะฟ้องท่านย่ามากมายเลยขอรับ ข้าคิดถึงท่านย่าเหลือเกิน”คำฉอเลาะของคุณชายน้อย ทำให้หญิงชรายิ้มจนตาปิด ก่อนจะตบที่เก้าอี้เบาๆ เพื่อให้ทั้งสองนั่งลงได้แล้ว อาหารบนโต๊ะเขาก็สั่งมารอคนทั้งคู่นานแล้ว กว่าเขาจะสืบรู้ว่าคุณชายน้อยกับอู๋หยางอยู่ที่นี่ ก็ใช้เวลาเป็นวันๆ“กินก่อนเถอะ มีเรื่องใดค่อยๆ เล่า ไม่ต้องรีบ”หญิงชราที่ออกจากหุบเขาซ้อนทับมา เพื่อตามหาเจ้าพวกเด็กปีกอ่อน ที่พากันออกมา แล้วไม่กลับไปอีกเลย ปล่อยให้ตาแก่เยี่ยงเขาต้องอยู่กับไอ้เด็กปากเสียสองพี่น้องนั่น จนเขาที่เป็นห่วง อดรนทนไม่ไหว ต้องทิ้งสองคนนั้นในห้องขัง โดยมีเสี่ยวไป่เฝ้าอยู่ลำพัง ส่วนเขาออกมาเพื่อตามหาเด็กๆชาวเมืองหยินกวงนี่ก็ช่างแปลก จะมีเรื่องเล็กใหญ่เกิดขึ้น ก็มักจะเงียบงัน จนเหมือนเป็นพวกไม่เข้าสังคม แต่ข่าวที่เขาได้มาทั้งหมดด ล้วนมาจากพ่อค้านอกหุบเขาทั้งสิ้น ซึ่งน้อยนักที่จะมีเนื้อหาสาระ ต