ต้วนอี้หลาง เดินเข้ามาช่วยบีบไหล่ให้มารดา เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าให้แก่นาง เด็กชายรู้ดีว่ามารดา ต้องการให้พวกตน มีชีวิตที่ไม่ต้องเร่ร่อน จึงตอบรับเป็นบุตรสาวบุญธรรม ของท่านตาท่านยาย และลงมือทำงานอย่างหนัก
“อี้หลาง ขอแค่เรามีโอกาสที่จะลืมตาอ้าปาก คำว่าเหน็ดเหนื่อยมันไม่มีในหัวแม่เลยรู้ไหม แม้เจ้ายังเด็กอยู่ ก็ต้องมั่นที่จะหาความรู้ให้มาก เพื่ออนาคตที่ดีรู้ไหม ภายหน้าไร้แม่คอยคุ้มภัย เจ้าจะได้ดูแลตนเองได้”
หญิงสาวลูบมือน้อยๆ ของบุตรชาย ด้วยความรักใคร่ นี่หรือคำว่าแม่ที่นางเคยใฝ่ฝันอยากเป็น ก็ดีนางไม่ต้องทนเจ็บปวดตอนคลอด ยุคนี้ไม่มีเครื่องมือทำคลอด หากต้องมาอุ้มท้องและคลอดเอง นางคงคิดหนักไม่น้อย
“ข้าจะปกป้องพวกเขาแทนเจ้าอี้หรู เจ้าเก่งมากในฐานะแม่ ที่สู้เพื่อพวกเขาจนลมหายใจสุดท้าย”
หญิงสาวบอกกล่าว แก่คนที่จากไปแล้วอยู่ภายในใจ คงไม่มีสิ่งใดสำคัญเท่าการมีชีวิตอยู่ เพื่อมองอนาคตของลูกๆ
“ข้าจะทำทุกอย่าง ให้ครอบครัวของเรามีความสุขขอรับ”
แก๊ก! เด็กชายตวัดสายตา ไปยังเสียงแปลกปลอมในทันที กิ่งไม้แห้งที่อยู่ด้านนอก ถูกเหยียบหัก แม้จะเบาสำหรับคนทั่วไป แต่ไม่ใช่ตัวเขา เด็กชายหันกลับมาที่มารดา โดยที่มือยังคงบีบนวดคลายเส้น ให้แก่ผู้เป็นแม่อย่างตั้งใจ
“เจ้าเข้าไปนอนเถอะ ทางนี้แม่จัดการเอง”
หญิงสาวที่ได้ยินเสียงกิ่งไม้หัก เริ่มห่วงใยในความปลอดภัยของบุตรชายเช่นกัน นับตั้งแต่ตื่นมา นางก็ฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ชาติที่แล้วนางตายเพราะวางใจคนใกล้ตัว หากวันนั้นไม่มึนเมาจากการดื่มฉลอง อย่างน้อยก็คงหนีรอดจากความตายได้
แต่ก็นะ...มันอาจถึงคราวตายของนาง จากคนไม่เคยประมาท ก็ละหลวมปล่อยให้ตนเองดื่มกินจนมึนเมา เพียงเพราะคิดว่าอยู่ในบ้านตัวเอง ไหนเลยคนลงมือก็คือคนในบ้าน
“ข้าจะอยู่ช่วยท่านแม่ดีกว่าขอรับ”
เด็กชายวัยสิบขวบ ที่มีรอยยิ้มละมุน หาได้ใสซื่อเยี่ยงเด็กไร้เดียง ทว่ามันคือแววตาพยัคฆ์ ฉายพาดผ่านไปชั่วขณะ สองแม่ลูกยังแสร้งไม่รู้เห็นสิ่งใด
อี้หรูซึ้งในน้ำใจของพ่อแม่บุญธรรมยิ่งนัก เพราะคนที่ลงมือกับนางและลูก ยังคงวนเวียนหาหนทาง เพื่อเข้ามากำจัดพวกนางอยู่บ่อยครั้ง แต่บิดาก็สามารถปกป้องพวกนางมาได้ตลอด ถึงอย่างนั้นวันที่แมลงกลางคืน หลุดรอดสายตาของบิดาก็ต้องมาถึง และมันอยู่ใกล้ตัวนางกับลูกแล้วในตอนนี้ แค่กำลังรอเวลาลงมือเท่านั้น
“เจ้าช่วยดูหม้อยา รอแม่สักครู่นะ ประเดี๋ยวแม่มา”
แม้ไม่อยากให้ลูกอยู่ห่างสายตา แต่ก็จำต้องปล่อยเขาไว้เพียงลำพังสักครู่ ด้วยไม่อยากให้เกิดความล่าช้า เพราะการรบในแบบที่ตัวเองไร้ซึ่งพลังยุทธ์ ย่อมต้องมีอาวุธในการลงมือ
“ขอรับ”
เด็กชายรับคำมารดา ก่อนจะมานั่งหน้าเตาแทนผู้เป็นแม่ คล้อยหลังมารดา เด็กชายลุกไปเอาเหล็กแหลม ที่ใช้ในการแทงปลาไหลมาแหย่เข้าไปในเตาไฟ ก่อนจะกอดอกเอนกายผิงถังไม้ด้านหลัง พร้อมทั้งหลับตาลงอย่างช้าๆ
เงาร่างสีดำ เคลื่อนเข้ามาภายในห้องปรุงยา คนในชุดดำแสยะยิ้มเหี้ยม เมื่อเป้าหมายหลักของเขา อยู่เพียงลำพังแล้ว หากปล่อยให้รอดไปได้ งานของเขาคงต้องยืดเยื้อออกไปอีกนานทีเดียว
เด็กคนนี้พอร่างกายสะอาดสะอ้าน ดูสง่าสมสายเลือดนัก แต่น่าเสียดายที่เกิดมาจากมารดา ที่อาภัพโชคและเป็นก้างชิ้นใหญ่ของผู้เป็นนาย จึงมีคำสั่งให้กำจัดนางแม่ลูกไปเสีย
“ข้าเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งท่านั้น เป็นอันตรายถึงขนาดต้องส่งมือสังหารมาเลยหรือ นายเจ้าช่างขลาดเขลานัก หึๆ”
คำพูดและเสียงหัวเราะของเด็กชาย ซึ่งพิงกายกับถังไม้ โดยที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเยียบเย็น ต่างจากเด็กวัยเพียงสิบขวบนี้เหลือเกิน
“ปากดีใช้ได้นี่...หึๆ”
ชายชุดดำไม่รีบรอ พุ่งเข้าหมายกำจัดเด็กชายในครั้งเดียว ทว่า...ฟิ้ว! ร่างสูงจำต้อง เบี่ยงกายหลบการโจมตี จากด้านหลังเสียก่อน สายตาดุกร้าวหันกลับไปยังที่มาของอาวุธ เป็นลูกดอกจากหน้าไม้ในมือของเป้าหมายสำคัญอีกคน
เด็กชายแสร้งขดตัว ด้วยความตื่นกลัว เมื่อเห็นแล้วว่าคนที่ลงมือ คืนมารดาของเขาเอง ใบหน้าที่เย็นชาของผู้เป็นแม่ ทำให้เขารู้สึกชื่นชมนางยิ่งนัก นี่ล่ะหนาคำว่าแม่ ต่อให้ตรงหน้าคือพยัคฆ์ร้าย ก็พร้อมกางปีกปกป้องลูก โดยไม่กลัวเกรงต่ออันตรายเบื้องหน้า
ชายชุดดำเห็นว่าหญิงสาวมีอาวุธ จึงคิดใช้เด็กชายเป็นทั้งโล่ และข้อต่อลองสำหรับจบภารกิจ จึงพุ่งเข้าหาเด็กชายอีกครั้ง เพื่อจับตัวเอาไว้
“อ๊ากกก!”
แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัว มือของเขา กลับต้องปล่อยกระบี่ร่วงลงสู่พื้น เมื่อเหล็กแหลม ที่แดงฉานจากการเผาไฟ เสียบทะลุข้อมือของเขา มันแม่นยำราวจับวาง ขนาดตัวเขาที่เป็นนักฆ่ามานานปี ยังต้องใช้เวลานานนับสิบปี ในการฝึกฝนเพื่อให้ทรงพลังและแม่นยำได้
เท้าหนาขยับก้าวอย่างมั่นคง ตรงไปหาคนที่นอนอยู่อีกด้านอย่างช้าๆ รังสีฆ่าฟันถูกปลดปล่อยแผ่กระจายออกมา ครอบคลุมไปทั่วทั้งห้อง ดวงตาดุกร้าวไม่ได้ละไปจากหญิงสาว ที่ยังคงนอนไม่แสดงอาการตื่นตัวใดๆ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นทารกหรืออย่างไร” เพียงก้าวมาใกล้กับที่นอนอยู่ ชายชุดดำได้เอ่ยขึ้น พร้อมเงื้อมีดสั้นในมือขึ้นสูง มีหรือเขาจะไม่รู้ว่านางกำลังแสร้งหลับใหล ทั้งที่นางรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเขา ฝีมือของนางย่อมไม่อาจประมาทได้ คนที่สามารถควบคุมลมหายใจได้ระดับนี้ ต้องผ่านการฝึกฝนมาจนชำนาญ “....” ทว่าคนที่หลับอยู่ กลับยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยตอบโต้ หรือแสดงให้เห็นว่านางกำลังถูกคุกคาม ราวกับเวลานี้นางหลับลึกจนไม่อาจรับรู้ ถึงสิ่งรอบกายใดๆ เลย นั่นยิ่งทำให้ชายชุดดำ กรุ่นโกรธราวกับเขากำลังถูกหญิงสาว ตบหน้าจนชาหนึบด้วยความเงียบ “เช่นนั้น! เจ้าก็จงหลับไม่ต้องตื่นมาอีกเลย” น้ำเสียงที่กร้าวกระด้างของผู้บุกรุก ทำให้หญิงสาวยกยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายช่างไร้ความอดทน ไม่เหมือนในอดีตที่เขาเฝ้ารออำนาจมานานนับสิบปี ยังทนมาได้ตั้งนาน นี่แค่ไม่กี่อึดใจที่จะรอนางลืมตา
ยามค่ำคืน ณ เรือนประมุขน้อยเมืองหยินกวง เจียงอี้หลิง ที่นั่งทอดกายบนเก้าอี้ตัวยาว ด้วยอาการเหนื่อยล้า หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากหาวอยู่หลายครั้ง ก่อนที่นางจะหลับตาลงในที่สุด เมื่อร่างกายไม่อาจฝืนต่อไปได้ ใช้เวลาเพียงไม่นาน เสียงลมหายอันสม่ำเสมอก็มีให้ได้ยิน แม้จะไม่ดังก็ทำให้ผู้ที่ซ่อนกายในความมืด สามารถรับรู้ได้ว่านางหลับไปแล้ว เป็นอันว่าภายในห้องที่กว้างขวาง มีเพียงสองร่างของหนุ่มสาว ที่นอนหลับสนิทอยู่คนละมุมห้อง ร่างสูงที่เร้นกายอยู่ในเงามืดมาได้ระยะหนุ่ม ก้าวเข้ามาในห้อง ที่มีแสงเทียนส่องสว่าง คนในชุดดำไม่ได้คิดที่จะประมาท ต่อการมเยือนในครานี้ ร่างสูงก้าวเท้าตรงไปหาคนบนเตียง ฝีเท้าที่เบายิ่งกว่าเท้าแมวเดินเสียอีก นี่จึงทำให้เขามั่นใจ ว่าหญิงสาวจะไม่มีวันตื่นมาในตอนนี้ ดวงตาดุกร้าวมองคนบนเตียง ด้วยแววตาชิงชังอย่างไม่คิดปิดบัง ยิ่งเมื่อเห็นสภาพของอวี๋มู่หลง เหมือนคนกำลังจะจวนเจียนสิ้นใจอยู่รอมร่อ หัวใจของเขาก็ฟูฟ่องอย่างมีความสุขเหลือเกินเรียวปากหน้าภายใต้ผ้าคาดสีดำ ค่อยๆ คลี่แสยะยิ้มเหี้ยม กี่ปีแล้ว...ที่เขาเพียรหาหนทาง ก้าวมาแทนที่เจ้าคนไร้ค่านี่ แ
“ต่อไป...ข้าจะมิให้เกิดเรื่องเช่นนี้อีกขอรับ”ทุกความผิดพลาดชายหนุ่ม เลือกที่จะแบกรับไว้เอง อีกอย่างคุณหนูสามเอง ใช่ว่านางจะไม่ระวังตัว แต่เพราะประมุขน้อยแห่งหยินกวง ยังอ่อนประสบการณ์ไปอยู่มาก จึงยากนักจะควบคุมจิตใจ มิให้ห่วงหาใครสักคนได้เพราะขนาดตัวเขาเอง ยังอาจหาญทิ้งคุณชายใหญ่ มุ่งตรงมาที่นี่ เพื่อติดตามคุ้มครองคุณหนูสาม นับประสาอะไรกับประมุขน้อยอวี๋ ที่สตรีตรงหน้าคือคู่หมั้น จะปล่อยให้นางได้รับอันตราย ย่อมยากจะทำใจได้“ในบางครั้งคนเราก็ต้องรู้จักข่มกลั้นอารมณ์ พวกเจ้ายังเด็กนัก หากต้องทำเช่นนั้นจริงๆ เพราะพ่อแม่ของพวกเจ้ายังทำไม่ได้เลย หึๆ จะมานับประสาอะไรกับเด็กๆ อย่างพวกเจ้าเล่า”หญิงชราฝังเข็มลงบนศีรษะของตู้ฮั่นอย่างใจเย็น ทว่าปากของนางก็ยังเอ่ยออกมา คล้ายอยากสอนให้ชนรุ่นหลัง ได้รู้ว่าในเวลาออกศึก บางครั้งต้องรู้จักข่มใจสละบางอย่างให้เป็น และรู้ที่ถอยเพื่อรุกแต่นางกลับไม่เอ่ยออกมาทั้งหมด เมื่อนึกถึงผู้นายเป็นที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก อย่างเจียงกั๋วจ้าน ที่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ก็พ่ายต่อใจ ในการที่จะปล่อยให้เจียงฮูหยิน ตกอยู่ในอันตรายได้ ดังนั้นไม่ว่าจะคุณชายคุณหนู รวมถึงม่
“ทำใจให้สบาย”หญิงชราเอ่ยปลอบตู้ฮั่น ในขณะที่นางกำลังรินเหล้าลงใส่ถ้วยอย่างใจเย็น ทว่าคนบนเตียงกลับไม่รู้สึกแบบนั้นได้เลย ยิ่งเมื่อมันคล้ายมีไรเคลื่อนไหวอยู่ใต้ราวนม มิหนำซ้ำกระดูกซี่โครงของเขา มันเหมือนถูกเลาะออกจากเนื้อ เรียกว่าเจ็บเจียนตาย ยังไม่เท่าความกลัวที่ไม่รู้ ว่าสิ่งข้างในกำลังเกิดอะไรขึ้น“ข้าช่วย”อู๋หยางรีบก้าวเข้าช่วยประคองศีรษะของตู้ฮั่นขึ้น ก่อนที่หญิงชราจะเอาเหล้าให้คนเจ็บดื่ม รสร้อนแรงของสุรา ยังมิอาจกลบความเจ็บปวดที่ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไหนบอกนิดเดียวเล่า ตู้ฮั่นพร่ำบนอยู่ภายในใจทว่าเขากลับเลือกที่จะดื่มสุรา ให้ได้มากที่สุด เพื่ออย่างน้อยความมึนเมา จะทำให้เขามิต้องจดจ่ออยู่กับร่างกายที่เจ็บปวด มือหนายังคงกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่น จนสั่นระริกเลยก็ว่าได้ เส้นเลือดที่ปูดโปนตามหลังมือ ทำให้เจียงอี้หยางที่อยู่ข้างๆ ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอ ด้วยความรู้สึกสยดสยองแล้วแบบนี้ตอนที่พี่สาวของเขาบาดเจ็บ นางจะเจ็บปวดเยี่ยงนี้หรือไม่ เด็กชายรีบเดินไปเอาผ้าผืนเล็ก ซุบน้ำที่เย็นๆ แล้วบิดหมาดๆ เพื่อมาซับเหงื่อให้คนบนเตียงเด็กชายไม่อาจที่จะขึ้นไปบนเตียงได้ จึงยื่นส่งผ้าให้แก่ผู้เป็น
ทางเดินบนชั้นสองของโรงเตี๊ยม อู่หยางที่กำลังถืออ่างน้ำร้อน เดินกลับไปยังห้องพักของตู้ฮั่น จำต้องขยับบังเสาที่อยู่ระหว่างทางเดินในทันที เมือ่เขาเห็นใครบางคน ที่มีท่าทางไม่เหมือนจะมาพัก กำลังแง้มประตูห้องที่คุณชายน้อยอยู่ออก เพื่อดูคนที่อยู่ข้างในเขาไม่ได้แสดงตัวเข้าไปขัดขวาง ด้วยอยากรู้เช่นกันว่าคนผู้นี้ต้องการสิ่งใด จนเมื่อเขาเห็นว่ามีลูกค้าคนอื่น ที่พักอยู่อีกด้านกลังเดินมา เขาจึงเดินไปพร้อมคนผู้นั้นและเมื่อลูกค้าคนนั้นเดินเลยไป ซ่า! อ๊าก!! น้ำในอ่างถูกสาดไปอย่างตั้งใจ จนทำให้คนที่แอบดู ความเป็นไปในห้องของเขา ซึ่งยืนอยู่หน้าประตู ร้องออกมาเสียงหลงด้วยความเจ็บปวด เพราะน้ำที่เขาตั้งใจสาด มันเพิ่งยกลงจากเตาใหม่ๆ ความร้อนเรียกว่าเดือดเพิ่งหายเลยก็ว่าได้“ขะ...ข้าต้องขออภัยด้วยพี่ชาย เมื่อครู่ข้าสะดุดขาตนเอง ท่านเจ็บมากหรือไม่”อู๋หยางพยายามที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เอามือปัดไปตามตัวของชายผู้นั้น ทว่าอีกฝ่ายกลับผลักให้เขาหลีกทาง แล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว โดยไม่คิดที่จะเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ จากเข้าเลยแม้แต่ตำลึงเดียว“เกิดสิ่งใดขึ้น”หญิงชราเปิดประตูออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงต
“เช่นนั้นรอข้าสักครู่”อู๋หยางรีบบอก ก่อนจะก้าวออกจากห้องไปอีกครั้ง คงมีเพียงสายตาตั้งคำถามของคนจากแคว้นหนาน มองตามหลังเขาไปอย่างเงียบๆ“ไม่ต้องกลัว มันก็แค่เจ็บเล็กน้อย ไม่ได้มีสิ่งใดน่ากังวล”หญิงชราเงยหน้าจากสิ่งของในมือ สบเข้ากับดวงตาวิตกกังวลของชายบนเตียง ท่าทางเจ้าอู๋หยาง จะแสดงสีหน้าสยดสยองให้คนไข้ตรงหน้าเห็นสินะ!“ข้า...แค่ไม่เคยรู้จัก ว่ามีการรักษาด้วยหนอนเท่านั้นขอรับ”ตู้ฮั่นตอบตามความเป็นจริง เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน แต่ก็อย่างว่า...เขามิใช่หมอและหาได้เจ็บป่วยบ่อยครั้ง จึงจะรู้ว่าหมอในแต่ละแคว้น มีการรักษาด้วยวิธีใดบ้าง แต่ที่เขากล้าๆ กลัวๆ ก็คงเพราะเมื่อครู่เขาเห็นสีหน้าหวาดๆ ของอู๋หยาง มันเลยทำให้เขารู้สึกหวั่นอยู่ในใจ“หรือเจ้าจะให้ข้าผ่าอกเจ้าเล่า สิ่งไหนมันใช้การได้ในเวลานี้ ก็ควรเลือกสิ่งนั้น ถ้าเจ้าไม่รักษาก็ได้นะ แต่ข้าบอกได้เลย ว่าต่อให้เจ้าหายจากพิษสลายพลังนี้ไปได้ ก็ไม่อาจกลับไปใช้ชีวิตได้เป็นปกติในเร็ววันอยู่ดี”หญิงชราสบเข้ากับดวงตาของคนเจ็บ เพื่อต้องการคำตอบที่ชัดเจน ว่าสรุปแล้วชายผู้นี้ ต้องการให้นางช่วย หรือเสี่ยงมีชีวิตที่ไม่ยืนยาว“ท่านตู้ ไม่ต้