“อาส์...คุณนี่...ยังเก่งเหมือนเดิมเลยนะครับ”
“เก่งแล้วชอบมั้ยคะ...”
เสียงสนทนาสุดสยิวของชายหญิงคู่หนึ่งภายในห้องทำงานขนาดใหญ่โดยไม่กลัวกว่าใครจะมาได้ยิน เพราะห้องนี้เก็บเสียงได้เป็นอย่างดี ถ้ามองจากประตูทางเข้าจะเห็นโต๊ะทำงานระดับผู้บริหารที่สั่งทำด้วยไม้อย่างดี โดยมีชายหนุ่มหน้าตี๋ ความหล่อระดับพระเอกมินิซีรี่ย์จีน แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตสีกรมท่าและผูกเนคไทสีน้ำตาลอ่อนยี่ห้อหรูราคาแพงหูฉี่นั่งหลับตาพริ้มอยู่ เขาขบกรามแน่นเพราะรู้สึกเสียวไปทั้งแก่นกาย ภายใต้โต๊ะทำงานขนาดใหญ่ปรากฏเป็นหญิงสาวผู้เป็นเลขาหน้าห้องของเขา กำลังผงกหัวขึ้นลงดูดเลียแท่งร้อนของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายด้วยความเอร็ดอร่อย เสียงดังจ๊วบจ๊าบหยาบโลนดังไปทั่วห้อง
“ชอบ...ชอบมาก...อาส์...ซี๊ดดดด”
บดินทร์ครางเสียงแตกพร่าด้วยความเสียวซ่าน เขาคือ MD หนุ่มวัย 30 ปลาย ๆ ของ C กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรม เขามีนิสัยรักสนุก มักมากในกามารมณ์ มีเด็กในสังกัดเป็นโหล เพราะความหล่อเหลา หน้าที่การงานดี สายเปย์ จึงทำให้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายยอมพลีกายให้เขามากมาย ใช่แล้ว...ทั้งหญิงและชาย เพราะบดินทร์เอาได้หมดขอแค่สวยหล่อตรงสเปค
“ถ้าชอบต้องให้รางวัลดาเยอะๆ นะคะบอส”
ดารัญแหงนหน้าส่งสายตาหยาดเยิ้มพูดออดอ้อนและก้มหน้าลงกลับไปกับดูดเลียหัวบานที่กำลังบวมเป่งของเจ้านายหนุ่มด้วยความถี่รัว
“อาส์...”
ไฟสวาทที่ถูกกระตุ้นมากขึ้นทำให้บดินทร์จับหัวดารัญบดเข้าหากลางกายของตน แท่งร้อนยาวใหญ่แทงเข้าไปในลำคอเลขาสาวมิดลำ คนที่โดนยัดแท่งรักเข้ามาในปากก็รู้งาน เม้มปากเก็บฟันตัวเองพร้อมเอาลิ้นคว้านดุนเป็นวงกลม
“อ๊าส์...เสียวหัวสุดๆ...คุณทำผมจะแตกแล้วนะคนสวย”
บดินทร์ครางเสียงดังพร้อมกับเด้งเอวรับรัวๆ เป็นจังหวะเข้าออก
“อ๊ะ...แตกแล้ว...ผมแตกแล้ว...อา...”
ร่างหนากระตุกเป็นจังหวะพร้อมกับพ่นน้ำคาวหนืดข้นเข้าไปเต็มโพรงปากของหญิงสาว เธอดูดกินมันไปจนหมดด้วยความชำนาญ
“เก่งแบบนี้ ผมให้รางวัลหนักๆ เลย”
ติ๊ง...เสียงแจ้งเตือนธนาคารบอกว่ามีเงินจำนวน 20,000 บาทโอนเข้าบัญชีของดารัญ
“กรี๊ดดด ขอบคุณมากค่ะบอส ว่าแต่...บอสพอแค่นี้เองเหรอคะ...บอส...ไม่อยากกินดาเหรอ...”
ดารัญเอ่ยถามด้วยเสียงยั่วยวน ขึ้นไปนั่งบนตักของบดินทร์ พร้อมกับลูบไล้แผงอกกว้าง
“อยากสิ...แต่อีก 15 นาทีผมมีประชุม คุณก็รู้ว่าเวลาผมกิน ผมมูมมามแค่ไหน เอาไว้...คืนนี้มาหาผมที่คอนโด ผมจะทบต้นทบดอกให้หนำใจเลย ดีมั้ย หืม?”
“ดีที่สุดเลยค่ะบอสขา...ดาจะยอมบอสทุกท่าเลย”
หลังจากที่ดารัญออกไปแล้ว บดินทร์นั่งอ่านเอกสารต่อเพื่อเตรียมตัวประชุม สายตาพลันเหลือบไปเห็นแฟ้มประวัติของว่าที่พนักงานงานใหม่ที่ผ่านการสัมภาษณ์จาก HR เรียบร้อยแล้ว จึงหยิบมาไล่เปิดอ่านทีละคนจนไปสะดุดตาเข้ากับหนึ่งในว่าที่พนักงานใหม่ เพราะรูปสมัครงานดูดีมาก ๆ ตรงสเปคเขาทุกอย่าง โดยเฉพาะไฝใต้หางตาราวกับหยดน้ำตานั้นดูมีเสน่มากจริง ๆ
“นายพุทธชาดเหรอ? หึ...รูปนี่ของจริงหรือฟิลเตอร์กันนะ...”
11:30 น. หน้าบ้านหลังหนึ่งใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
“สู้เว้ย!!! ไอ้พุด แกต้องทำได้!!!”
เสียงตะโกนเรียกกำลังใจให้ตัวเองของพุทธชาดหรือพุด ชายหนุ่มหน้าหวาน ดวงตากลมโต ผิวขาวเนียนละเอียด รูปร่างเพรียวบาง ส่วนสูงประมาณ 172 ตามมาตรฐานชายไทยดังก้องไปทั่วบริเวณบ้าน ขณะนี้เขายืนอยู่หน้าบ้านสีขาวทรงโบราณหลังใหญ่สไตล์กึ่งไทยกึ่งยุโรปผสมผสานกัน แม้จะดูเก่าไปสักหน่อย แต่ก็ยังสวยงามและน่าอยู่มากในสายตาของพุด วันนี้เป็นวันที่พุดขนของย้ายเข้ามาอยู่เป็นวันแรกหลังจากที่เรียนจบและเพิ่งได้งานทำหมาด ๆ เขาจึงตัดสินใจหาบ้านเช่าแถวใกล้ ๆ ที่ทำงาน
“พ่อพุด...พ่อพุด...”
“ฮึ เสียงใครเรียก???”
พุดหันซ้ายหันขวา เหมือนจะได้ยินเสียงเรียกชื่อตัวเองแว่ว ๆ แต่ก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่แถว ๆ นี้
“สงสัยหูฝาดล่ะมั้ง...”
♫ ‘รอคอย...เธอมาแสนนาน...ทรมานวิญญาณหนักหนา...’
เสียงเรียกเข้าเพลงโปรดของพุดที่เป็นบทเพลงเก่าแต่ยังคงความคลาสสิคค่อย ๆ ดังขึ้นพร้อมกับการสั่นของโทรศัพท์มือถือ ได้ดึงความสนใจจากพุดที่กำลังคุยกับตัวเองอยู่
“ฮัลโหล ว่าไงหยก”
“แก เป็นไงบ้าง? ถึงยัง? ขนของเข้าบ้านยัง? แล้วมีใครช่วยมั้ย?”
เสียงปลายสายถามมาด้วยความตื่นเต้นแกมเป็นห่วง
“ใจเย็นแก เอาทีละคำถาม เรามาถึงแล้วกำลังจะขนของเข้าบ้าน มีเราคนเดียวนี่แหละจะมีใครอีกล่ะ”“ก็เราเป็นห่วงแกนี่ เราขอโทษนะที่ไม่ได้ไปช่วย ยังไม่ผ่านโปรลางานไม่ได้เลยอ่ะ”
“ไม่เป็นไร ๆ แค่นี้เองเราสบายมาก”
“เค ไว้เลิกงานเราไปหา ว่าแต่แกเริ่มงานวันไหนนะ?”
“พรุ่งนี้”
“แก...ระวังตัวด้วยนะ เราได้ยินพี่ที่ทำงานเค้าเม้าท์กันว่า MD ของบริษัทที่แกกำลังจะไปทำงานเป็นเพลย์บอยตัวพ่อเลย จ้องแต่จะเคลมพนักงานใหม่ หญิงหรือชายก็ไม่เว้น เราเป็นห่วงอ่ะ ไม่อยากให้แกทำงานที่นั่นเลย”
“คิดมากน่ะแก คนเค้าก็ลือกันไป ที่นั่นให้เงินเดือนเยอะที่สุด เราไม่เอาก็โง่แล้ว”
“เออ ๆ ขอให้โชคดีในการทำงานแล้วกันแต่ยังไงก็ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ ก็แกออกจะหน้าตาจิ้มลิ้มขนาดนี้แถมยังใจดีมาก ๆ อีก อย่าให้ใครมาเอาเปรียบแกนะ”
“ค้าบบบบบคุณแม่”
“ย่ะ! เย็นนี้เจอกัน”
“เค ๆ”
พุดกดวางสายพร้อมกับส่ายหัวเอ็นดูเพื่อนรักในความเป็นห่วงตนเกินเหตุ แต่พุดก็เข้าใจเพื่อนคนนี้ดี ตั้งแต่รู้จักกันตอนเข้ามหาวิทยาลัย ใบหยกก็คอยปกป้องเขามาตลอด เพราะเขาเป็นคนที่ใจดี มีน้ำใจ ไม่คิดเล็กคิดน้อย เลยโดนเพื่อนๆ ในห้องเอาเปรียบอยู่บ่อย ๆ
“จุดเริ่มต้นของช่วงชีวิตใหม่ ขอให้เจอแต่เรื่องดี ๆ ด้วยเถิด สาธุ…เอ๊ะ?!”
ขณะที่พุดหลับตาพนมมืออธิษฐานเพื่อเป็นสิริมงคลก่อนเข้าไปในบ้าน ได้มีลมเย็นอ่อนๆ พัดผ่านใบหน้าจนผมปลิวไหววูบหนึ่ง
“ลมมาจากไหน? แต่หอมจัง กลิ่นดอกอะไรนะ คุ้น ๆ แฮะ”
หลังจากที่พยายามนึกว่ากลิ่นที่ลอยมากับสายลมเย็นนั้นเป็นกลิ่นของดอกอะไร พุดก็ส่ายหัวสะบัดไล่ความคิดและเริ่มขนของเข้าบ้าน ตลอดช่วงบ่ายเขาค่อย ๆ ไล่ทำความสะอาดและจัดของใช้ให้เป็นระเบียบ ด้วยความที่พุดมีของไม่เยอะเลยทำให้ใช้เวลาจัดไม่นานนัก ตะวันยังไม่ทันตกดินก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ...เสร็จสักที”
หนุ่มหน้าหวานยิ้มตาหยีหลังจากที่ตนเองจัดของเสร็จแล้ว เขามองไปรอบๆ บ้านด้วยความภาคภูมิใจและมีความรู้สึกว่าที่นี่คือบ้านของตัวเองจริง ๆ
“รู้สึกรักที่นี่แล้วสิ...”
พุดนั่งลงตรงโซฟาหนังสีเบจ พร้อมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้า กะว่าจะพักสายตาสักหน่อย ในขณะที่กำลังจะ เคลิ้ม ๆ จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกลูบหัวเบาๆ ทำให้เขาสะดุ้งลืมตาขึ้น แต่กลับพบเพียงความวางเปล่า สมองที่กำลังเริ่มงุนงงก็เปลี่ยนจุดสนใจเพราะเสียงกดกริ่งจากผู้มาเยือน
ปิ๊งป่องงงง
พุดจึงรีบเดินออกไปต้อนรับเพราะรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองนั่นเอง
“มาเร็วมากกกก คุณใบหยกเพื่อนเลิฟ”
“วันนี้งานเสร็จเร็ว เจ้านายอนุญาตให้กลับไว เราเลยรีบบึ่งรถมาหาแกเลยเนี่ย ไหน...จัดของเสร็จยัง มีอะไรให้เราช่วยมั้ย?”
“เรียบร้อย ไม่ต้องถึงมือแกหรอก แค่นี้เอง ปะ...เข้าบ้านกันเถอะ ถึงแกจะไม่ต้องช่วยเราจัดของแล้ว แต่แกต้องทำกับข้าวให้เรากินเดี๋ยวนี้ เพราะเราหิวมากกกกก”
พุดลากแขนเพื่อนเข้าไปในบ้าน พร้อมกับลูบท้องตัวเองไปด้วย บ่งบอกว่าตอนนี้หิวมาก เพราะเขายังไม่ได้ทานอะไรมาตั้งแต่มื้อกลางวันแล้ว
“จัดไป!!! เดี๋ยววันนี้แม่จะโชว์ฝีมือเองลูก”
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง...กับข้าว 2-3 อย่างถูกจัดในจานสวยงามเสร็จสรรพพร้อมกับเสียงแจ้งเตือนจากหม้อหุงข้าวว่าข้าวสวยสุกพร้อมทานแล้ว
“หอมมากกกกก ไม่ไหวละ กินละนะ”
“รออะไรล่ะ ลุยยยย”
สองเพื่อนรักนั่งทานข้าวด้วยกันพร้อมเม้าท์มอยด้วยความสนุกสนาน ใบหยกมองไปรอบ ๆ บ้านแล้วเกิดความสงสัยบางอย่าง จึงได้เอ่ยถามพุด
“เฮ้ยแก เราสงสัยว่ะ บ้านหลังนี้ออกจะใหญ่โตขนาดนี้ เค้าปล่อยเช่าในราคานี้ได้ไง? แก...เจออะไรแปลก ๆ บ้างยัง?”
“จะบ้าเหรอแก เรามาอยู่ตั้งหลายชั่วโมงแล้วไม่เห็นมีไรเลย แถมเรายังรู้สึกชอบที่นี่มาก ๆ ด้วย มันสบายใจแบบบอกไม่ถูก เจ้าของบ้านบอกว่ามันเป็นจังหวะพอดี ปกติไม่คิดจะปล่อยเช่า แต่ช่วงนี้เค้าอารมณ์ดีเลยอยากปล่อยเช่าถูก ๆ น่ะ”
“ฮะ? เหตุผลอะไรวะเนี่ย ฟังแล้วยิ่งแหม่ง ๆ เข้าไปอีก”
“เอาน่า อย่าไปคิดเยอะ ถือว่าเราโชคดีแล้วกัน คิดแล้วก็รู้สึกดีใจที่วันนั้นตัดสินใจเดินเข้ามาดูในซอยนี้”
“ไอ้สวยก็สวยอยู่หรอก แต่เราว่าบรรยากาศมันวังเวงแปลก ๆ”
“วังเวงอะไรล่ะ นี่น่ะ เค้าเรียกว่าเงียบสงบต่างหาก ถ้ามาตอนกลางวันนะ ลมพัดเย็นสบายไม่ร้อนเลย”
“เออ ๆ ก็แล้วแต่แกแหละ แกเป็นคนอยู่นี่นา ชอบก็ดีแล้ว ว่าแต่ได้บอกที่บ้านมั้ยว่ามาอยู่ที่นี่อะ”
“ไม่ได้บอกหรอก ไม่รู้จะบอกทำไม พวกเค้าไม่สนใจอะไรเราอยู่แล้ว” พุดเอ่ยด้วยเสียงที่หม่นหมองลง
“เฮ้ย...ไม่เอาไม่เศร้า ดีแล้วที่ไม่บอก เดี๋ยวพี่ชายชั่ว ๆ ของแกได้ตามมาหาเรื่องอีก”
พุดพยักหน้ารับพร้อมยิ้มอ่อน ๆ ให้กับเพื่อนสาว คำว่าพี่ชายชั่ว ๆ ที่ใบหยกกล่าวมานั้นไม่ได้ผิดจากความเป็นจริงเลย พุดเกิดมาในครอบครัวยากจน พ่อแม่ไม่พร้อมที่จะมีเขา แถมยังทุ่มเทความรักไปให้พี่ชายคนโตหมด เพราะหมอดูทักว่าพี่ชายคนนี้จะเป็นคนใหญ่โตในภายภาคหน้า ทำให้พี่ชายของเขามีนิสัยอันธพาล หลงตัวเอง ทำตัวเป็นลูกเทวดาชอบรังแกและทำร้ายร่างกายน้องชายอย่างเขา และพ่อกับแม่ไม่มีใครปกป้องเขาเลย เพราะต้องการเอาใจลูกชายคนโต เขาเกือบจะได้เรียนจบแค่ ม.3 เพราะที่บ้านส่งให้เรียนแค่การศึกษาภาคบังคับ บอกว่าจะเก็บเงินไว้ส่งพี่ชายเรียน แต่ด้วยความพากเพียรของพุดที่ขยันหางานพาร์ทไทม์ทำรวมถึงสอบชิงทุนได้ ทำให้เขาส่งเสียตัวเองมาได้จนจบ ป.ตรี และวันนี้เป็นวันแรกในการย้ายมาอยู่บ้านใหม่ แม้จะเป็นบ้านเช่า แต่เขารู้สึกว่ามันอบอุ่นและคุ้นเคยมากกว่าบ้านของตัวเองเสียอีก
นาฬิกาบอกเวลา 2 ทุ่ม
“กลับก่อนนะเด็กน้อย เดี๋ยววันเสาร์มัมหมีมารับไปเที่ยว”
“ค้าบบบมัมหมี เดินทางปลอดภัย ขับรถระวัง ๆ นะ”
หลังจากส่งเพื่อนเสร็จ พุดก็เข้ามานอนอ่านหนังสือบนเตียงจนรู้สึกง่วง จึงปิดไฟแล้วนอนหลับไปในที่สุด ขณะนั้นเอง ร่างสูงของชายคนหนึ่งเดินออกมาจากกำแพงห้อง เดินเข้าไปใกล้คนหน้าหวานที่กำลังนอนหลับไม่รู้สึกตัวอยู่ เขาค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง แม้จะปิดไฟแล้ว แต่แสงจันทร์จากภายนอกยังคงสาดส่องเข้ามาภายในห้องเพราะพุดไม่ได้ปิดผ้าม่าน เผยให้เห็นผู้มาใหม่แบบชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ดวงตาสีนิลสวยงามราวอัญมณี นัยน์ตาโศกคู่นั้นกำลังจ้องมองพุดด้วยความอ่อนโยนระคนคะนึงหา เขาโน้มตัวลงไปจุมพิตที่หน้าผากของคนที่กำลังนอนหลับใหล มือหนาค่อย ๆ ลูบผมคนหน้าหวานอย่างอ่อนโยน
“ในที่สุด พี่ก็ได้เจอเจ้าอีกครา...”