ณ ประเทศไทย สนามบินสุวรรณภูมิ
พอมารียารู้ว่าน้องสาวของเธอนั้นท้องกับปรมินทร์แล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะไปอยู่ดูไบกับกวินตาลูกพี่ลูกน้องอีกคนของเธอ ซึ่งก็เป็นลูกของเพ็ญพักตร์น้าแท้ๆของเธอนั่นแหละ แต่กวินตานั้นรักและจริงใจกับเธอมากกว่ามุกดาที่เป็นน้องล่ะแม่ของเธอซะอีก
“มีน หนูแน่ใจนะว่าจะไปอยู่กับยัยกวางที่ดูไบจริงๆน่ะ…” เพ็ญพักตร์เอ่ยถามหลานสาวออกไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ เพราะถ้าลูกสาวตัวดีของเธอไม่ทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้น มารียาก็คงไม่ตัดสินใจไปดูไบกะทันหันแบบนี้
“ค่ะน้าเพ็ญ…มีนไม่อยากจะอยู่ที่นี่แล้ว…มีนอยากจะไปเปิดหูเปิดตาทำงานในที่ใหม่ๆบ้าง เพราะมีนก็คงทนอยู่ที่นี่ไม่ได้ถ้าต้องเจอสองคนนั้น…” มารียาพูดออกไป เพราะถ้าเธออยู่เธอก็จะได้เห็นปรมินทร์และมุกดาวนเวียนอยู่รอบๆตัวเธอ และมันก็คงทำให้เธอทำใจไม่ได้ง่ายๆ เธอจึงเอาตัวเองหลีกหนีสองคนนี้ไปอยู่ที่ที่สบายใจจะดีซะกว่า
“น้าขอโทษนะมีน น้าเลี้ยงลูกไม่ดีเองมันถึงได้ไม่รักดีแบบนี้…ถ้าหนูตัดสินใจแล้วน้าก็จะไม่ห้าม ตามใจเราก็แล้วกันว่าจะอยู่ที่ไหน..” เพ็ญพักตร์ลูบผมของมารียาอย่างเอ็นดู เพราะมารียาน่ะน่าสงสารมาก แม่ก็ตายตั้งแต่เธอเกิด ส่วนพ่อก็พึ่งจะเสียไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ยังมาเจอมุกดาทำแบบนี้อีก มันจึงทำให้เธอนั้นยิ่งเอ็นดูหลานสาวคนนี้มากขึ้นไปอีก
“น้าเพ็ญไม่ต้องขอโทษมีนหรอกค่ะ เรื่องนี้น้าเพ็ญไม่ผิด คนที่ผิดคือยัยมุกกับพี่ปาล์มเขาต่างหาก ในเมื่อเขาสองคนมีลูกด้วยกันแล้ว ก็ปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปเถอะค่ะ มีนไปอยู่ดูไบมันก็คงจะทำให้ชีวิตของเขาสองคนราบรื่นมากกว่านี้” มารียาพูดบอกไป เพราะถ้าเธอยังอยู่มันก็คงมีเรื่องคาราคาซังไม่จบ
“น้าอยากให้ยัยมุกมันรู้จริงๆว่ามีนน่ะห่วงมันแค่ไหน ขนาดยัยมุกทำกับเราแบบนี้แล้วเราก็ยังจะไปห่วงมันอีก เฮ้อ…ยังไงน้าขอให้หนูโชคดีนะลูก อยู่ที่นู้นมียัยกวางดูแลเราอยู่น้าก็สบายใจแล้ว มีอะไรขาดเหลือก็บอกพี่เขานะ เข้าใจไหมมีน…” เพ็ญพักตร์พูดบอกไปด้วยเสียงสั่นเหมือนจะร้องไห้ เมื่อต้องจากกับหลานสาวจริงๆ
“ค่ะน้าเพ็ญ…น้าเพ็ญก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ แล้วหนูจะโทรหาบ่อยๆค่ะ หนูไปก่อนนะคะ…” มารียาพูดบอกไปก็เข้าไปโอบกอดผู้เป็นน้าอย่างรักใคร่ ก่อนจะถอนกอดออกมาแล้วบอกลาน้าของเธอไปด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“จ้ะ โชคดีนะลูก…” เพ็ญพักตร์พูดไปก็มองหลานสาวค่อยๆเดินจากไปทีละนิดทีละนิดจนลับตา เธอก็น้ำตาไหลออกมาอย่างอดไม่ได้ เพราะการไปของมารียาครั้งนี้มาจากการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยของมุกดาลูกสาวตัวดีของเธอ
จากนั้นไม่นานมารียาก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางไปยังดูไบด้วยสีหน้าเหม่อลอย เพราะเรื่องที่เธอเจอนั้นมันสาหัสจนเธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองนั้นจะโชคร้ายได้ถึงขนาดนี้ ยิ่งการกระทำของมุกดาที่ไม่มีสำนึก มันก็ยิ่งทำให้เธอเสียใจ และเธอก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากเอาตัวเองออกมาให้ห่างจากคนพวกนี้ และเธอก็หวังว่าตัวเองจะได้เจอสิ่งที่ดีรออยู่
ด้านมุกดาที่บอกว่าตัวเองท้องกับปรมินทร์นั้น เธอก็บีบบังคับให้ปรมินทร์รับผิดชอบเธอด้วยการแต่งงานเพื่อนจะเย้ยมารียา โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าตอนนี้มารียานั้นไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทยแล้ว เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้นเธอก็ไม่เจอหน้ามารียาอีกเลย แม่ของเธอเองก็เช่นกัน หายเงียบไปตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้เลย มันจึงทำให้เธอนั้นโคตรหงุดหงิดเลย
“ติ่งต่อง…โอ๊ย…ใครมาอีกล่ะเนี่ย” มุกดาพูดออกไปด้วยสีหน้าหงุดหงิด ก่อนจะลุกไปเปิดตูแล้วเธอก็เห็นฝ่านนิติบุคคลยืนยิ้มให้เธออยู่
“สวัสดีครับ พอดีผมจะเอาเอกสารมาให้คุณมารียาเซ็นต์น่ะครับ เพราะผมรอให้คุณมารียาไปเซ็นต์รับโอนห้องนี้แล้ว แต่คุณมารียาไม่ได้ไปน่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณมารียาเขาอยู่หรือเปล่าครับ” ฝ่ายบุคคลเอ่ยถามออกไป
“เซ็นต์รับโอนห้องนี้เหรอคะ ไหนฉันขอดูหน่อยสิคะ” มุกดาได้ยินแบบนั้นก็เอ่ยถามออกไป พร้อมกับเอาเอกสารมาเปิดดูด้วยความอยากรู้ เพราะห้องนี้เป็นห้องของพี่สาวคนโตของเธอ แต่ทำไมต้องให้มารียาเซ็นต์ด้วย
“ทำไมโอนเป็นชื่อของมารียาล่ะคะ นี่มันมันห้องที่พี่สาวอีกคนของฉันซื้อนะคะ” มุกดาเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าแปลกใจ หรือว่ามารียาจะหุบเอาห้องนี้เป็นของตัวเองคนเดียว
“อ่อ คุณกวินตาเขาให้ผมโอนเป็นชื่อของคุณมารียาน่ะครับ…ถ้าคุณมารียาไม่อยู่งั้นผมขอเอกสารคืนด้วยครับ” ฝ่ายบุคคลพูดบอกไปแล้วก็จะเอาเอกสารกลับมา
“ฉันไม่คืน คุณกลับไปก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะคุยกับพี่สาวของฉันเอง ไปสิคะ…” มุกดาพูดบอกไปก็รีบไล่ฝ่ายบุคคลไปทันที ก่อนจะปิดประตูใส่จนฝ่ายบุคคลนั้นอึ้งไปเลย
“แค่แม่คนเดียวไม่พอ นี่พี่กวางยังจะไปรักไปเอ็นดูมันจนยอมยกห้องนี้ให้มันเลยเหรอ มุกไม่ยอมง่ายๆหรอก ห้องนี้มันจะต้องเป็นของมุก…” มุกดาพูดไปก็ฉีกเอกสารทิ้งไปอย่างโมโห ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ของเธอมา แล้วเธอก็กดโทรไปหาพี่สาวที่อยู่ต่างประเทศทันที
ด้านกวินตาพอเห็นว่าน้องสาวคนเล้กโทรมาก็ถอนหายใจออกมาเลยทันที เพราะเธอล่ะเหนื่อยใจกับน้องสาวคนนี้เหลือเกิน นี่เธอโทรหามาหลายวันแล้วไม่เคยโทรกลับมาหา แล้วนี่อยู่ๆทำไมถึงโทรมากนะ กวินตาคิดไปแบบแปลกใจก่อนจะกดรับสายของน้องสาว
“พี่กวางคะ พี่กวางยกห้องนี้ให้เป็นชื่อของพี่มีนทำไมคะ พี่มีนเขาไม่ใช่น้องแท้ๆของพี่กวางสักหน่อย คนที่พี่กวางควรจะยกให้ก็คือมุก ไม่ใช่พี่มีน…” มุกดาพูดออกไปแบบอารมณ์เสียอย่างไม่ยอมให้พี่สาวยกห้องที่เธออยู่ให้มารียา
“ถึงยัยมีนมันจะไม่ใช่น้องสาวแท้ๆของฉัน แต่มันก็โตมากับฉันตั้งแต่เด็ก มีความรักความผูกพันธ์กันมากกว่าน้องสาวแท้ๆอย่างแกซะอีกยัยมุก…แกเคยโทรมาถามฉันไหมว่าฉันอยู่ดีสบายหรือเปล่า แกเคยรู้ไหมว่าฉันอยู่ที่นี่แล้วฉันต้องลำบากอะไรบ้าง…แกเคยรักเคยห่วงฉันบ้างไหมยัยมุก…” กวินตาพูดตอกกลับไปด้วยเสียงเข้ม เพราะตั้งแต่เธอมาทำงานที่นี่เธอไม่เคยได้รับความถามอย่างห่วงใยจากมุกดาเลย มีก็แต่มารียาที่โทรหาและถามไถ่เธออยู่ตลอด และก็ไม่เคยหาเรื่องเดือดร้อนมาให้เธอ
“ทำไมมุกจะต้องห่วงพี่กวางด้วยล่ะคะ ในเมื่อพี่กวางก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบสุขสบายกว่าพวกเราซะอีก มีผู้ชายเลี้ยงแล้วมันน่าทุกข์ใจตรงไหนคะ…แล้วนี่มุกมาคุยเรื่องโอนห้อง พี่กวางจะพูดดราม่าทำไมคะ ” มุกดาพูดออกไปแบบไม่เข้าใจว่าพี่สาวของเธอจะเดือดร้อนตรงไหนเลย ก็มีผู้ชายเลี้ยงซะดิบดีขนาดนั้น
“แกน่ะมันรักแต่ตัวเองไม่เคยรักคนอื่นที่รักและหวังดีกับแกเลยยัยมุก ฉันล่ะไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าแกเลยจริงๆ…เรื่องห้องที่ฉันจะโอนเป็นชื่อของยัยมีนน่ะ ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันขายห้องนั้นทิ้งไปซะ…” กวินตาพูดออกไปแบบจริงจัง ในเมื่อมุกกาไม่คิดจะสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป งั้นเธอเธอจะสั่งสอนน้องสาวของเธอเอง
“ขายห้องนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าพี่กวางขายแล้วมุกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะคะ…” มุกดาเอ่ยพูดออกไปแบบไม่ยอม ถ้าขายห้องนี้แล้วเธอจะไปอยู่ไหนล่ะ
“ก็ไปอยู่หอพักศึกษาไง หรือแกจะไปอยู่กับแฟนยัยมีนที่แกไม่แย่งมาก็ได้ ในเมื่อแกบอกว่าผู้ชายเลี้ยงแล้วมันสบาย แกก็ให้เขาเลี้ยงแกก็แล้วกันยัยมุก ฉันจะไม่ส่งเสียเงินอะไรให้แกอีกต่อไปแล้ว” กวินตาพูดบอกไปแบบเด็ดขาด เพราะนี่คือการลงโทษน้องสาวไม่รักดีของเธอ ที่ทำผิดขนาดนี้แล้วยังไม่สำนึก ก็ต้องโดนดัดนิสัยแรงๆแบบนี้แหละ
“พี่กวาง…ทำไมพี่กวางต้องใจร้ายกับมุกแบบนี้คะ…นี่มุกเป็นน้องสาวของพี่นะคะ..” มุกดาพูดออกไปแบบเสียใจที่พี่สาวของเธอทำอย่างนี้กับเธอ แบบนี้มันไม่รักไม่แคร์ความรู้สึกของเธอเลย
“ก็เพราะแกเป็นน้องสาวของฉันนี่ไง ฉันถึงได้ดัดนิสัยของแกแบบนี้ ในเมื่อแกไม่สำนึกกับสิ่งที่ทำลงไป แกก็ลองเรียนรู้รสชาติชีวิตเอาเองก็แล้วกัน เผื่อมันจะทำให้แกมีสำนึกบ้าง…” กวินตาพูดไปแบบใจแข็งกับน้องสาวของเธอ
“แต่ตอนนี้มุกท้องนะคะ พี่กวางไม่สงสารหลานตัวเองเหรอคะที่จะต้องไประหกระเหินเร่รอนอยู่ข้างนอกน่ะ” มุกดาพยายามหาสิ่งที่จะทำให้พี่สาวเปลี่ยนมา
“แกท้องกับใครแกก็ให้คนนั้นรับผิดชอบดูแลแกไปสิยัยมุก ในเมื่อแกมีปัญหาแย่งเขามาจากพี่สาวของตัวเองได้ แกก็น่าจะมีปัญญาดูแลลูกของตัวเองได้เหมือนกัน แค่นี้นะ ฉันไม่อยากจะคุยกับแกแล้ว ฉันเหนื่อย…” กวินตาพูดไปอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะกดวางสายใส่น้องสาวไปอย่างโมโห เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งจะทะปวดหัวกับคนอย่างน้องสาวของเธอจริงๆ
ด้านมุกดาพอโดนพี่สาวพูดแบบตัดเยื้อใยอย่างนั้นก็โกรธจัด เพราะไม่ใครเข้าข้างเธอเลยสักคนทั้งแม่แล้วก็พี่สาวต่างก็พากันด่าและต่อว่าเธอ แล้วตอนนี้ยังจะมาขายห้องที่เธออยู่อีก สงสัยว่าเธอจะต้องใช้เรื่องที่เธอท้องนั้นพึ่งพาปรมินทร์จริงๆซะแล้ว และจากที่เธอท้องปลอมๆเธอก็ต้องหาโอกาสที่จะท้องขึ้นมาจริงๆเพื่อจะจับเขาให้ได้
เช้าวันใหม่….ฮัสลานก็ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสภาพกางเกงของเขาถูกถอดแล้วท่อนเอ็นนอนนิ่งอยู่พร้อมกับคราบสีขาวๆติดท่อนเอ็นก็รู้เลยว่าเมื่อคืนเขาถูกมารียาจัดการแล้วแน่ๆ เขาก็หันไปมองข้างๆที่มีเธอนอนหลับอยู่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างขำๆเลยทีเดียว“หึๆ นับวันยิ่งหื่นขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดผมเมาคุณก็ยังจะมาขย่มผมอีกเหรอมีน คุณนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ” ฮัสลานพูดออกมาเบาๆแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจเลยทีเดียว“ไม่ได้ ผมจะยอมให้คุณหื่นกว่าผมไม่ได้…ผมต้องเอาคืนหน่อยแล้ว” ฮัสลานพูดไปแล้วเขาก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะค่อยๆขยับตัวออกจากเธอ แล้วเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นเขาก็มองเธอแล้วยิ้มอย่างอดขำไม่ได้เลย เมื่อเธอยังอยู่ในชุดเจ้าสาวที่หลุดหลุ่ยอยู่เลย เขาจึงเอามือดันกระโปรงเธอขึ้นไปแล้วเขาก็จัดการหมุดหน้าลงไปดูดเลียร่องสาวของเธอทันทีมารียาก็ได้แต่ครางออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ตัว พอมามารู้ตัวตื่นอีกเธอเธอก็โดนเขาเสียบร่องสาวไปซะแล้วทำให้เธอต้องรับศึกษาหนักจากฮัสลานแต่เช้าตรู่เลยทีเดียวผ่านไปจนช่วงเย็นมารียาและฮัสลานก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาจากห้องหอของทั้งสองเลย ทำให้ทุกคนที่คิดว่าทั้งสองนั้นเมาอาจะตื่นมาในช่วงบ่ายเลยไม่ม
จากนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับไฟที่มืดสนิทก่อนจะมีแสงสว่างเป็นทางยาวไปที่เวทีที่ตอนนี้มีฮัสลานนั้นยืนรออยู่ มารียาก็มองอย่างตื่นเต้นเลยทีเดียว แล้วลูกๆของเธอก็ค่อยๆเดินนำเข้าไปช้าๆพร้อมกับโปรยดอกไม้เข้างานไป โดยมีหลานๆของเธอที่เดินตามนั้นช่วยกันโปรยตามเช่นกันพอมารียาเดินเข้ามาแสงไฟมันก็สาดส่องมาที่ขบวนของเธอเท่านั้นและไฟทั่วห้องจัดเลี้ยงก็ปิดลง พร้อมกับดอกไม้สีขาวก็ร่วงหล่นลงมาราวกับหิมะ ทำให้แขกที่มางานได้เห็นความสวบงามของขบวนเจ้าสาวที่เหมือนกับเทพนิยายเลยฮัสลานก็ยืนรอรับตัวมารียาด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเขาเห็นลูกๆของเขาเดินนำมาด้วยรอยยิ้มสดใสในขณะที่โปรยดอกไม้ เขาก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขที่พยานรักของเขาและเธอนั้นได้เติบโตมาจนถึงวันสำคัญของเขาและมารียา พอถึงเวทีแล้วลูกๆของเขาก็รู้งานมาก รีบเดินจับมือกันแล้วยื่นกล่องแหวนมาให้เขา ทำให้แขกที่มางานนั้นพากันยิ้มเลยทีเดียว“แด๊ดดี้ครับ / แด๊ดดี้คะ ” อดัมและมารีม่าก็ยื่นกล่องแหวนให้ผู้เป็นพ่อไป…ฮัสลานก็คุกเข่าลงมาหาลูกๆของเขา แล้วเขาก็รับกล่องแหวนเอาไว้“ขอบคุณครับคนเก่งของแด๊ดดี้ จุ๊บ…จุ๊บ…มา..มายืนกับแด็ดดี้ตรงนี้นะครับ…” ฮัสลานพูดไปแล้วเขาก็หอมแก้ม
พอเช้าวันใหม่…มารียาก็ต้องออกไปลองชุดกับมุกดาและกวินตาพี่น้องของเธอทั้งสองคนที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับเธอ ซึ่งทั้งสองก็ต้องไปลองชุดที่สั่งตัดมาให้ ทำให้พวกหนุ่มๆนั้นว่างจึงเอาเด็กๆฝากคุณปู่คุณย่าและคุณยายให้ช่วยกันเลี้ยงชั่วคราว เพราะพวกเขาก็ต้องไปเต้นเช่นกันโดยฮัสลานก็เอาอดัมไปเต้นกับเขาด้วย ส่วนจาซุสก็เอาฟาดีนไปเต้นคู่กับอดัมด้วยเช่นกันณ งานแต่งงานของมารียาและฮัสลาน…ก็ถูกจัดขึ้นมาอย่างสวยงามและอลังการไปด้วยดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงเลย พร้อมกับมีรูปช่วงเวลาที่ผ่านมาของทั้งสองนั้นตั้งเรียงไปเป็นทางเข้าอย่างสวยงาม ทำให้แขกเรื่อยที่มาได้เห็นความรักของทั้งสองจนกระทั่งมีลูกคนแรกจนถึงลูกคนที่สามเลยทีเดียว พอเดินผ่านประตูงานเข้าไปด้านในเพดานก็ไฟห้อยเป็นทางราวกับในเทพนิยายเลย“อื้อหือ….คุณฮัสลานนี่เขาทุ่มเพื่อมีนจริงๆ…ยิ่งใหญ่และอลังการสุดๆไปเลย…” ปรมินทร์อุ้มลูกสาวตัวน้อยมาแล้วพูดออกไปเมื่อได้เข้ามาในงานแต่งงานของมารียาและฮัสลานแล้ว ซึ่งมันใหญ่แล้วก็อลังการมากๆ มากจนเขาเองก็คงจัดไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอก“ก็คุณฮัสลานเขาระดับไหนล่ะคะพี่ปาล์ม ดูแขกที่มาแต่ล่ะคนสิคะ ใส่เครื่องเพรชประโคม
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเย็นครอบครัวของมุกดาก็เดินทางมาถึงดูไบโดยมีมารียาและฮัสลานกับลูกๆนั้นไปรับ ก่อนจะพากันเอาของไปไว้กันที่โรงแรมของฮัสลาน จากนั้นก็ไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฮัสลาน เพราะจะได้มีพี่เลี้ยงหลายๆคนช่วยดูแลเด็กๆด้วย พอเด็กๆเจอห้องของเล่นเข้าไปก็ไม่มีใครสนใจพ่อแม่อีกเลย ทำให้พวกผู้ใหญ่นั้นได้คุยกันมากขึ้น“พี่มีนทำไมไม่มาอยู่บ้านของพ่อแม่คุณฮัสลานเขาล่ะคะ ใหญ่แล้วก็กว้างขวางขนาดนี้แล้วยังมีแม่บ้านแล้วก็พี่เลี้ยงช่วยดูแลลูกอีกเป็นสิบ…ดีออกค่ะ จะไปอยู่เพ้นท์เฮ้าท์ทำไมคะ” มุกดาพูดออกไปเพราะบ้านพ่อแม่ของฮัสลานน่ะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ แต่พี่สาวเธอกลับไม่มาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มันก็สะดวกสบายทุกอย่างเลย“พี่น่ะอยากจะมานะ แต่คุณฮัสลานน่ะเขาไม่อยากจะมาอยู่ที่นี่ เพราะเขาอยากจะมีความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่คนพลุกพล่านแบบที่นี่ แต่มันก็ดีนะพี่กับเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกให้เต็มที่ไง…” มารียาพูดบอกไปตามตรง“มันก็ดีค่ะ…แต่เท่าที่มุกเห็นพ่อแม่คุณฮัสลานก็สปอยหลานกันใช่ย่อยเลยนะคะ ถึงขั้นมีห้องของเล่นใหญ่ขนาดนั้นให้หลานเลย ถือว่าพี่มีนน่ะโชคดีแล้วล่ะค่ะที่มีพ่อแม่สามีดีแบบนี้น่ะ มุกดีใจด้วยนะค
“ไม่สำคัญแต่รีบซ่อนทันทีที่เห็นฉันเนี่ยนะคะ…จะคุณหลบหรือไม่หลบคะคุณฮัสลาน! อย่าทำให้ฉันต้องโมโหคุณนะคะ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามเท่านั้น ถ้าคุณไม่หลบ แสดงว่าคุณไม่มีอะไรปิดบังฉัน…หนึ่ง….สะ” มารียาพูดออกไปแล้วเธอก็มองเขาแบบดุๆ“โอเคๆ ผมหลบแล้ว คุณอยากจะดูก็ดูเลย แต่ดูแล้วต้องฟังคำอธิบายจากผมด้วยนะ ห้ามงอน ห้ามโกรธผม” ฮัสลานพูดบอกไปอย่างรู้เลยว่าถ้าเธอเห็นแล้วเขาจะต้องเจออะไร แต่ถ้าเขายิ่งห้ามไม่เธอเห็นน่ะ เธอก็จะยิ่งโกรธเขาน่ะสิ เขาจึงต้องค่อยๆขยับตัวหลบไป“ก็ให้มีนดูก่อนสิคะว่าคุณซ่อนอะไรเอาไว้…ไหนดูสิคะ…พรึบ….” มารียาพูดไปก็เอามืออุ้มลูกข้างหนึ่งแล้วเธอก็เอามืออีกข้างไปดุงลิ้นชักของฮัสลานออกมา แล้วเธอก็เห็นภาพถ่ายของผู้หญิงสามสี่รูปถูกยัดใส่ลิ้นชักนี่ เธอก็หยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วมองอย่างจดจ้องเลยทีเดียว กับภาพของหญิงสาวชาวอาหรับที่ดูสวยและดูเป็นผู้ลากมาดีเอามากๆ ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์หรือมีฐานะ“คุณจะอธิบายรูปพวกนี้ยังไงคะคุณฮัสลาน…ทำไมคุณถึงได้มีรูปของผู้หญิงคนนี้ไว้ในลิ้นชักของคุณได้คะ เขาเป็นใคร ” มารียาเอามือหยิบรูปขึ้นมาแล้วเอ่ยถามเขาไปด้วยสีหน้าจดจ้องอย่างโมโห เพ
ด้านฮัสลานและมารียาที่อยู่ด้วยกันมาก็เข้าปีที่ห้าแล้วและตอนนี้ทั้งสองก็มีลูกด้วยกันถึงสามคนนั่นก็คืออดัมวัยสี่ขวบ มารีม่าวัยสามขวบและอัลลาในวัยขวบครึ่ง และเธอก็ทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกได้อย่าง จนฮัสลานนั้นรักเธอแบบหัวปักปรำชนิดที่สาวคนไหนเข้าหาเขาก็ไม่คิดที่จะสนใจใครเลยสักคน“คุณฮัสลาน ผมได้ข่าวว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับภรรยาเร็วๆนี้แล้ว…แต่ผมก็ยังอยากจะขอร้องคุณให้ช่วยรับลูกสาวของผมเป็นภรรยาของคุณอีกคนได้ไหม….ผมอยากจะตอบแทนที่คุณช่วยผมไว้ครั้งนี้…” มัลเดลีนักธุรกิจผู้มั่งคั่งพูดออกไป เพราะเขาอยากจะเอาลูกสาวมาเชื่อมความสัมพันธ์กับฮัสลานให้มันแนบแน่นมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ฮัสลานได้ช่วยธุรกิจน้ำมันของเขา“ผมต้องการที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น….ดังนั้นผมคงจะรับความหวังดีจากคุณไม่ได้…” ฮัสลานพูดบอกไปแบบไม่สนใจ เพราะแค่มารียาคนเดียวเขาก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้ต้องการใครอีก“ก่อนที่คุณจะปฎิเสธ คุณดูรูปลูกสาวของผมก่อนเถอะ บางทีคุณอาจจะถูกใจลูกสาวของผมก็ได้…นี่บีนาลีลูกสาวของผม…” มัลเดลีพูดไปก็เอารูปลูกสาวของเขาส่งให้ฮัสลานดูหลายรูปเพื่อให้เขาพิจารณา และเขามั่นใจว่าลูกสาวของเขานั้นสวยและเป็นที