บทที่ 9
...
พราวฟ้าที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กอหญ้านั่งมองสาวตัวเล็ก ๆ ที่เล็กกว่าเธอมาก เธอดูเหมือนเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่น่าจะต้องมาเจอชะตากรรมอะไรแบบนี้เลยสักนิด กอหญ้าลืมตาขึ้นมาเห็นพราวฟ้า ก็ยิ้มหวานให้ เธอลุกขึ้นมานั่งนิ่ง ๆ เห็นจานผลไม้มากมายวางอยู่บนโต๊ะ
“ผลไม้ที่สวนหรอคะพี่พราว”
“อันนี้ไม่ใช่จ๊ะ พี่ลงไปซื้อมาเมื่อกี้เอง ทานสิ”
กอหญ้ามองนิ่ง ๆ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ ก็มันรู้สึกไม่อยากกินจริง ๆ นี่นา พราวฟ้ามองกอหญ้านิ่ง ๆ ก่อนจะลุกเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบจานมะม่วงที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เอามาวางให้กอหญ้าและคอยแอบมองปฏิกิริยาของเธออย่างตั้งใจ
กอหญ้าเองนั้นเมื่อเห็นมะม่วงกลับรู้สึกอยากอาหารขึ้นมาซะอย่างนั้น เธอหยิบมะม่วงชิ้นโตออกมากัดรสชาติที่ได้ถึงจะไม่เปรี้ยวมากมายแต่ก็มีรสชาติเปรี้ยวแฝงอยู่ เธอทำหน้าเหยเกนิดหน่อย ก่อนจะกัดต่ออย่างอารมณ์ดี กอหญ้าดูทีวีไป พรางหยิบมะม่วงกินไปด้วย โดยที่พราวฟ้าเองก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พราวฟ้าที่เห็นกอหญ้ามีอาการแบบนี้เธอจึงหยิบมะม่วงในจานขึ้นมากัดหนึ่งคำ ก็ต้องคายทิ้งเพราะมันเปรี้ยวมากถึงมากที่สุด
ทำไมกอหญ้าถึงทำหน้าว่าเปรี้ยวแค่เล็กน้อยเท่านั้น กอหญ้าหันมามองพราวฟ้าที่คายมะม่วงทิ้ง ตาหยี เธอหัวเราะกับพฤติกรรมของพราวฟ้า
“มันไม่ได้เปรี้ยวขนาดนั้นนะคะพี่พราว”
“สงสัยเพราะพี่ไม่ชอบอะไรเปรี้ยว ๆ ละมั้ง”
“พี่พราวขนาดทำตาหยียังสวยมาก อิจฉาความสวยพี่พราวซะแล้วสิ”
“ทำไมอยู่ ๆ ก็มาชมพี่ละ กอหญ้าเองก็สวยมากนะรู้ตัวไหม”
“ได้ครึ่งหนึ่งพี่พราวก็ดีสิคะ”
“กอหญ้า พี่ถามอะไรหน่อยได้ไหม”
“ได้สิคะ”
“กอหญ้าไม่ได้ท้องใช่ไหม”
มือที่กำลังหยิบมะม่วงอยู่ชะงักกลางอากาศกับคำถามของพราวฟ้าทันที ท้องงั้นหรอ คงไม่ใช่หรอกมั้ง แต่ตั้งแต่เธอมาที่นี่เธอก็รู้สึกว่าวันนั้นของเดือนยังไม่มาเลย ตอนนี้ก็อยู่มาเดือนกว่าแล้ว แต่คงจะไม่ใช่อย่างที่พี่พราวบอกหรอก สมองของเธอตีกันปนเป ก่อนจะตั้งสติหันไปมองพราวฟ้าอีกครั้ง
“ไม่ใช่หรอกค่ะพี่พราว อาจจะเพราะช่วงนี้พักผ่อนน้อยค่ะ”
“แล้ววันนั้นของเดือนมาปกติใช่ไหม”
“มาปกตินะคะ”
โกหกคำโตซะแล้วสิกอหญ้า เธอได้แต่ขอโทษพราวฟ้าในใจหลาย ๆ ครั้ง เธอยิ้มหวานหยิบมะม่วงมากัดอีกครั้ง ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องหันมองหาราชันย์กับมังกร ที่ตั้งแต่เธอตื่นมาก็ยังไม่เห็นเขาทั้งคู่เลย
“คุณราชันย์กับคุณมังกรไม่อยู่หรอคะ”
“เห็นว่าออกไปทำธุระด่วนกันนะ พี่ก็ไม่ได้ถามว่าธุระอะไร”
“ตอนค่ำวันนี้กอหญ้าต้องไปทำงานแล้ว พี่พราวจะอยู่คนเดียวได้ไหมคะ”
“ต้องไปอยู่หรอ พี่ไม่อยากให้เราไปสถานที่แบบนั้นเลย”
“ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ กอหญ้าเริ่มชินกับที่ทำงานแล้ว พี่กันต์ที่ดูแลที่นั่นก็ดูแลกอหญ้าดีมาก ๆ”
“ไม่ต้องห่วงพี่หรอกนะ เดี๋ยวเฮียกลับมาพี่ก็กลับแล้ว”
ทั้งคู่นั่งคุยกันอย่างออกรสออกชาติ ถึงแม้จะเพิ่งได้รู้จักกัน แต่กลับเหมือนว่ารู้จักกันมานานหลายปี พราวฟ้าเองก็เห็นว่ากอหญ้านั้นเป็นเหมือนน้องสาวแท้ ๆ
"พราวฟ้า"
"เฮียมาแล้วหรอ จัดการธุระเรียบร้อยแล้วหรอคะ"
"อืม เดี๋ยววันนี้เราต้องกลับไร่แล้วนะ"
"ค่ะ พราวบอกน้องแล้ว"
"กอหญ้าเอาเบอร์เฮียกับพราวไว้นะ ถ้าไอ้ราชันย์มันรังแกอะไรโทรหาเฮียได้ตลอด"
"กอหญ้าต้องเรียกว่าเฮียใช่ไหมคะ อิอิ"
"เรียกอะไรก็ได้ ไม่ใช่คุณก็พอ มันดูห่างเหินไป ฮ่า ฮ่า"
ทั้งสามคนคุยกันอีกเล็กน้อย เธอก็เดินออกมาส่งพราวฟ้ากับมังกรที่กำลังจะกลับไร่มังกร เมื่อทั้งคู่กลับไปแล้วสมองของเธอก็เริ่มทำงานทันที กอหญ้ารีบเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าและมือถือ ก่อนจะรีบออกไปยังร้านขายยา ที่จำได้ว่ามีอยู่แถว ๆ นี้
"รับอะไรดีคะ"
"ขอที่ตรวจครรภ์ค่ะ"
"อย่างเดียวนะคะ นี่ค่ะ"
"ขออีกยี่ห้อด้วยค่ะ"
กอหญ้าคลานขึ้นมาบนเตียงที่มีราชันย์นอนหน้ามุ่ยคอหักดั่งปลาทูแม่กลอง ก่อนจะมุดเข้าไปในผ้านวมผืนหนา มือเล็กลูบไล้ขาแกร่งของราชันย์อย่างเบามือ รับรู้ได้ว่าราชันย์เองก็เกร็งขาเป็นระยะ แต่ยังทำท่าทีไม่สนใจเมียเหมือนเดิมมือเล็กของกอหญ้าเลื่อนไปปลดเข็มขัดของเขาออก ปลดกระดุมกางเกงช้า ๆ รูดซิปออกก่อนจะดึงกางเกงของผู้ชายใต้ร่างของเธอออกอย่างง่ายดาย เหลือเพียงกางเกงในสีขาวแบรนด์ดังที่บัดนี้ปิดเจ้าโลกไว้ไม่มิดด้วยซ้ำ ราชันย์น้อยที่หัวเห็ดขนาดใหญ่โผล่พ้นออกมาจากขอบกางเกงใน ผงกหัวราวกับกำลังเชิญชวนให้เธอมาทำมิดีมิร้าย แต่เจ้าตัวกลับยังทำหน้ามุ่ยไม่สนใจ เพียงแค่ปลายนิ้วชี้ของเธอกระตุกทั้งกางเกงนอกกางเกงในของราชันย์ก็ถูกถอดออกโยนไปกองที่พื้นโดยที่ได้รับการช่วยเหลืออย่างไม่ขัดแม้แต่น้อยของเขามือเล็กของเธอกำเข้ากับเจ้าโลกที่ขยายเต็มที่ หัวเห็ดบานยั่วเย้าเหล่าแมลงมีน้ำหวานผุดออกมาจากปลายหัวเห็ดให้นิ้วชี้ของกอหญ้าได้ไล้วน สร้างความเสียวซ่านกระตุกถี่ กอหญ้าใช้ลิ้นอุ่น ๆ ไล้เลียไปที่หัวเห็ดบานจนทั่วยิ่งเธอวนรอบหัวมากเท่าไหร่ น้ำหวานที่ไหลเยิ้มก็ยิ่งผลิตออกมามากเท่านั้น ไล้เลียรอบหัวจนพอใจลิ้นของเธอก็ค่อย
“ค่ะเฮีย หญ้าได้ยินแล้ว เฮียดีใจเสียงดังไปแล้วค่ะ”“คุณแม่ฝากครรภ์เลยไหมคะ”“ฝากเลยค่ะ”“ได้เลยค่ะ”คนที่ดูจะตื่นเต้นสุดเหมือนจะเป็นผู้ชายข้าง ๆ มากกว่าเธอเสียอีก กอหญ้าที่เห็นราชันย์ดีใจมากก็ทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ เธอเองก็ไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเด็กผู้หญิงที่ครอบครัวล้มละลาย จะได้มีครอบครัวที่มีความสุขขนาดนี้ ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยคิดแต่จะรีบให้หมดเวลาสัญญา ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอตกหลุมรักเขาโดยที่รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่แม้แต่จะชายตามอง ผู้ชายที่เธอไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมายืนเคียงข้างเธอเป็นครอบครัวของเธอจริง ๆ“เฮีย”“ว่าไงจ๊ะเมียจ๋า”“หญ้ารักเฮียนะ”“เฮียก็รักหญ้า รักมาก ๆ รักที่สุดเลย”“แต่หญ้าเหม็นหน้าเฮียมากนะ”“…”“หญ้าว่าจนกว่าจะคลอด อยากให้เฮียอยู่ห่าง ๆ หญ้าหน่อยจะได้ไหมคะ”“แต่เฮียอะ..อยากอยู่กับหญ้าตลอดเวลาเลยจริง ๆ นะ”“อะแห่ม! เดี๋ยวเรื่องนั้นยังไงค่อยกลับไปตกลงกันเนอะ แต่ตอนนี้เรามาทำประวัติฝากครรภ์กันก่อนดีกว่าน๊า”ถึงแม้คุณหมอจะพูดแบบนั้น แต่แก้มหมอกลับยิ้มไม่หุบเมื่อเห็นความมุ้งมิ้งของสองสามีภรรยานี้ ยิ่งทำให้หมอยิ้มแก้มแทบปริ กอหญ้าเองก็ลืมตัวว่ายังอยู่ที่โรงพยาบาล ทำ
กอหญ้าไม่ได้พูดเล่น แต่เธอรู้สึกว่าราชันย์นั้นมีกลิ่นตัวที่ผิดจากปกติ เป็นกลิ่นที่เตะจมูกแบบแปลกกว่าที่ผ่านมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังคงใช้แชมพูกลิ่นเดิม ครีมอาบน้ำกลิ่นเดิม และน้ำหอมก็ยังคงกลิ่นเดิม แต่สองสามวันมานี้เวลาเจอราชันย์กลับมีกลิ่นที่แปลกไป แต่เธอไม่กล้าพอที่จะบอกกับเขา กลัวว่าผู้เป็นสามีของตนจะน้อยใจแต่พอยิ่งเห็นเขา อาการเหม็นกลิ่นตัวเขาก็ยิ่งจุกในอกมากขึ้นจนบางครั้ง ก็อยากที่จะเดินหนีเขาให้พ้น ๆ ต่างกันกับราชันย์ที่มีความต้องการที่อยากจะคลอเคลียนัวเนียกับผู้เป็นภรรยาตลอดเวลา อยากอยู่ใกล้อยากเห็นหน้าตลอดเวลา อยากจะไปไหนมาไหนทำอะไรด้วย เขารู้สึกว่ากลิ่นกายของกอหญ้าหอมเป็นพิเศษ และเป็นสิ่งเดียวที่เขาไม่รู้สึกคลื่นไส้เวลาพบเจอและเพียงแค่เขาออดอ้อนเมียได้ไม่นานนัก ความมวนท้องก็กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกที่คอ ยังไม่ทันที่จะได้เดินออกจากหน้าห้องน้ำ ราชันย์ก็หันหลังตรงดิ่งเจ้าไปกอดคอชักโครกสุดที่รักเช่นเดิม กอหญ้าเองถึงแม้จะเห็นความทรมานของราชันย์ก็เถอะ แต่พอเธอจะก้าวขาเข้าไปลูบหลังก็ต้องชะงัก เพราะเมื่อเห็นหน้าราชันย์เธอเองกลับรู้สึกคลื่นไส้มาเสียอย่างนั้น
พิเศษ ตอนที่ 3...“หม่ำ หม่ำ”เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเศษ ที่กำลังนั่งเก้าอี้รอกินข้าวอย่างใจจดใจจ่อ โดยที่เก้าอี้ข้างกันนั้นยังมีเด็กชายพี่น้องฝาแฝดที่ทำหน้านิ่งมองหน้าอลิซที มองหน้าผู้เป็นพ่อที และเด็กน้อยก็รอเพียงไม่นานผู้เป็นแม่อย่างกอหญ้าก็เดินมาพร้อมกับอาหารสีสันสดใสน่ารับประทานนำมาวางไว้ที่เก้าอี้ ส่งผลให้เด็กน้อยอารมณ์ดีอย่างอลิซปรบมือดีใจยกใหญ่“หม่ำ หม่ำ”“โอเค ข้าวมาแล้วลูกสาวป๊าจะได้กินข้าวแล้ว”“อาร์เดนหิวข้าวมั้ยลูก”“…”ไม่มีเสียงตอบรับจากลูกชายของเธอมีเพียงตาตาที่ดุราวกับเสือร้ายที่จดจ้องมองไปที่จานข้าวอย่างไม่ละสายตา ดูท่าทางแล้วเขาจะได้ลูกชายที่ค่อนข้างเงียบมากมาคนหนึ่งแน่นอน กอหญ้าไม่ลีลาให้ลูกต้องรอนาน เธอส่งสัญญาณให้ราชันย์เริ่มป้อนข้าวลูกได้ ถึงแม้อาร์เดนจะมีท่าทีไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่พอเธอป้อนข้าวให้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะไม่ทาน ผ่านไปเพียงไม่นานข้าวผัดสีสันสดใสก็หมดเกลี้ยงจานทั้งคู่ สร้างความพึงพอใจให้กับผู้เป็นแม่เป็นอย่างมาก“หม่ำ”และยังคงเป็นเช่นนี้ อาร์เดนจะส่งเสียงร้องขอก็ต่อเมื่อเห็นจานผลไม้เท่านั้น ครั้งนี้ก็เช่นกัน ลูกชายของเขาแลดูจะชอบผลไม
“ยังเลย”“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็นยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”“คุณแม่ยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”“เธอเป็นยังไงบ้างคะ”“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”“ขอบคุณมากค่ะ”เวลาผ่านไปเกือบสามชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งธันวาและเว่ยเอินเองก็สลับกันลุกนั่ง วนอยู่หน้าห้องคลอด และไม่มีท่าทีจะคลอดง่าย ๆ ยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น“ไอ้ธัน”“มาสักที”“กอหญ้าเป็นไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”“ยังเลย”“คุณเป็นใครคะ”“อ่อ..คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง..ส่วนนี่ราชันย์”“สวัสดีครับ”ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ตกใจไปด้วยเขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้“เกิดอะไรขึ้นครับ”“คุณแม่มีภาวะครรภ์เป็นพิษครับ หมอขอตัวก่อนนะคร
เขาอุ้มกอหญ้าและเดินช้าๆ ให้เข้าไปนั่งรอในรถ ทางด้านเว่ยเอินเองเธอก็รีบวิ่งมาหอบหิ้วข้าวของอย่างพะรุงพะรังเข้าไปยัดไว้ในรถเช่นเดียวกัน ก่อนที่เธอกระโดดขึ้นรถด้วยความเร็วแสง เคาะเบาะรถเบา ๆ ให้ธันวานั้นขับรถออกไปอย่างรวดเร็วปลายทางคือโรงพยาบาล ถึงแม้โรงพยาบาลจะอยู่ไม่ไกลมากนักแต่ช่วงเวลานี้ รถบนท้องถนนย่อมมีมากกว่าปกติเพราะเป็นช่วงเวลาทำงานพอดีนั่นจึงทำให้รถของเขาที่กำลังจะมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลนั้นเกิดการล่าช้าอย่างช่วยไม่ได้ ธันวาที่พยายามเหยียบคันเร่งรถอย่างเต็มที่เพื่อให้ไปถึงโรงพยาบาลอย่างเร็วที่สุด ก็ต้องฟันฝ่ากับอุปสรรคบนท้องถนน คนข้างๆ เขาเองก็ต้องฝ่าอุปสรรคความเจ็บปวดที่รู้สึกได้เลยว่ามดลูกกำลังบีบตัวลง และเวลาต่อมาก็ยิ่งทำให้เธอตกใจเข้าไปอีก เมื่อเธอรู้สึกว่าเบาะที่เธอนั่งนั้นตอนนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำที่เธอเองก็ไม่รู้ว่ามาจากไหน จะบอกว่าเธอฉี่แตกก็ไม่น่าจะใช่ เธอไม่รู้สึกเลยว่ามันไหลออกมาตอนไหน เมื่อรู้ตัวอีกทีมันก็เปียกชุ่มไปหมดแล้ว"น้ำเปียกเบาะหมดแล้ว""ห๊ะ! เดี๋ยวนะอย่าเพิ่งคลอดนะ บนรถอันตราย""คุณธันวาขับเร็วกว่านี้ได้ไหม เห็นไหมพี่หญ้าหน้าซีดหมดแล้ว""ฉันก็กำลังรีบอยู่"ใ