ตอนที่ 2 เนรเทศ
“ถึงแล้วครับคุณหนู” คนขับรถหันมาบอกฉันหลังจากจอดรถที่หน้าบ้านหลังนึงเป็นบ้านสไตล์ไทยประยุกต์ชั้นเดียวยกสูง ขนาดของตัวบ้านถือว่าไม่เล็กไม่ใหญ่ แต่ก็ใหญ่กว่าบ้านหลังอื่นๆ ในละแวกเดียวกัน แต่ก็ยังเล็กว่าบ้านที่ฉันอยู่มากๆ เลยเพราะบ้านที่ฉันอยู่อย่าเรียกว่าบ้านเลยต้องเรียกคฤหาสน์ถึงจะถูก แต่บ้านหลังนี้ เห้อ ฉันได้แต่ถอนหายใจเพราะถึงบ้านหลังนี้จะเล็กสำหรับฉันมากแต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้คือบ้านของตายายของฉันเอง และฉันต้องอยู่บ้านหลังนี้ไปอีกนานจนกว่าจะทำตามข้อตกลงที่ฉันให้ไว้กับแม่สำเร็จ
แล้วถ้าจะถามว่าทำไมฉันต้องมาอยู่ที่บ้านตายาย แล้วข้อตกลงของฉันกับแม่คืออะไร คงต้องย้อนไปวันที่ฉันไปช็อปปิ้งจนถูกแม่ดุนั่นแหละ
‘คุณจะจัดการกับลูกยังไง คุณจะตีลูกเหรอ ไม่ได้นะคุณจะตีลูกไม่ได้ผมไม่ยอม’ พ่อฉันรีบเดินมายืนขวางหน้าฉันเพื่อไม่ให้แม่ตีฉันได้
‘อย่ามาปัญญาอ่อนคุณ ลูกโตขนาดนี้แล้วฉันจะตีลูกทำไม แล้วอีกอย่างฉันไม่นิยมใช้ความรุนแรงกับลูกแต่กับคุณนะไม่แน่’
‘อ้าวเหรอ แล้วคุณจะจัดการกับลูกยังไงอย่าใจร้ายกับลูกมากนะผมสงสารลูก’
‘อย่ามาบีบน้ำตา ฉันไม่เห็นใจหรอกนะ แล้วคุณก็ห้ามมายุ่งกับการลงโทษลูกๆ ของฉันด้วย ไม่งั้นฉันจะเอานาฬิกาที่คุณแอบซื้อมาไปขายให้หมด แล้วเอาเงินไปบริจาคให้บ้านเด็กกำพร้า’
‘อย่านะที่รัก ถ้าคุณอยากได้เงินไปบริจาคบอกผมอยากได้เท่าไรผมให้คุณเลย แต่อย่ายุ่งกับนาฬิกาของผมนะ เพราะบางเรือนหาไม่ได้แล้วจริงๆ’
‘ได้ ฉันจะไม่ยุ่งกับของของคุณ แต่คุณก็ห้ามมายุ่งกับวิธีจัดการของฉัน’
‘ได้จ้ะที่รัก’ อ้าวพ่อ ทำไมทิ้งกันแบบนี้อะ เห็นนาฬิกาดีกว่าลูกเหรอ แค่นาฬิกาเองไปยืมเพื่อนใส่ก็ได้มั้ง คนอื่นเขายังยืมกันเลย
‘ส่วนตาวี แม่จะไม่ว่าอะไรที่ลูกซื้อรถ เพราะแม่ถือว่าเงินที่ลูกซื้อเป็นเงินที่ลูกหามาได้จากการทำงาน แต่แม่อยากจะเตือนลูกไว้อย่าง จะทำอะไรให้นึกถึงความปลอดภัยภัยไว้ด้วย เข้าใจไหม’
‘ครับผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะระวัง’
‘ดี ส่วนยัยวรรณแม่จะส่งเราไปอยู่กับตายาย’
‘อะไรนะคะ จะให้หนูไปอยู่กับตายายงั้นเหรอ ทำไมทีพี่แม่ไม่เห็นลงโทษอะไรเลยทำไมทีกลับหนูแม่ถึงส่งหนูไปอยู่อื่นล่ะ แม่ลำเอียงอะ’
‘ลำเอียงเหรอ งั้นบอกแม่มาว่าเงินที่ลูกใช้ซื้อของเป็นเงินของใคร’
'ของคุณพ่อ’
‘แล้วเงินของพี่ที่ซื้อรถเป็นเงินของใคร’
‘เงินของพี่ค่ะ’
‘ใช่ ในเมื่อพี่เขาใช้เงินที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเองซื้อแม่จะว่าอะไรพี่เขาได้ แล้วอีกอย่างราคารถที่พี่เขาซื้อก็ยังไม่ถึงหนึ่งในสามที่เราซื้อของด้วยซ้ำ ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าทำไมแม่ถึงลงโทษเราแต่ไม่ลงโทษพี่เขา’
'แต่ว่าคุณพ่อก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ค่ะ แถมยังเพิ่มวงเงินให้หนูด้วย’
‘อะไรนะนี่คุณเพิ่งวงเงินให้ลูกด้วยเหรอ’
‘ก็ลูกบอกว่าวงเงินที่ให้ไปไม่พอ ผมก็เลยเพิ่มวงเงินให้ แต่ไม่เท่าไรนะคุณ แค่ห้าล้านเอง’
‘โอ๊ย ฉันจะเป็นลม’ พ่อรีบเข้าไปประคองแม่ที่ทำท่าเหมือนจะเป็นลม หลังได้ยินยอดเงินที่พ่อเพิ่มให้
‘ใจเย็นๆ นะที่รัก’
‘พักหลังที่ลูกซื้อของหนักขึ้นเป็นเพราะคุณนี่เอง ยัยวรรณบอกแม่มาวงเงินที่พ่อเพิ่มให้เต็มหรือยัง’
'เอ่อ ยังค่ะ เหลือประมาณสามหมื่น’
'ยัยวรรณ’
‘ใจเย็นที่รัก ใจเย็นๆ หายใจเข้าหายใจออก นั่นแหละดีมาก ว่าแต่วงเงินหนูเต็มแล้วเหรอให้พ่อเพิ่มเป็นสิบล้านดีไหม’ ดีค่ะ ดีมาก แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เนอะ ถ้าเพิ่มตอนนี้มีหวังหัวขาดทั้งพ่อทั้งฉันแน่ๆ
‘ยังจะเพิ่มอีกเหรอ ถ้าคุณเพิ่มคุณไปกางเต็นท์นอนในสวนเลย’
‘ไม่เพิ่มก็ไม่เพิ่ม ไม่นอนนอกบ้านจะนอนกับที่รัก’ ให้ตายเถอะพ่อฉันอยู่ที่ทำงานเป็นประธานจอมเข้มงวดพออยู่บ้านดันกลายเป็นลูกแมวซะงั้น
‘เก็บของเลย อีกสามวันนับตั้งแต่วันนี้ลูกต้องไปอยู่บ้านกับตายาย แล้วจะไม่ได้กลับมาที่นี่จนกว่าลูกจะหาเงินได้เท่ากับที่ลูกใช้บัตรไป’
‘อะไรนะคะ หาเงินให้เท่ากับวงเงินของบัตรนะเหรอ’
‘ใช่’
'แล้วหนูต้องทำยังไงถึงจะหาเงินได้ตั้งเยอะแยะขนาดนั้นล่ะคะ’ วงเงินในบัตรตั้งห้าล้านฉันใช้ไปจนเหลือแค่สามหมื่นนั่นแสดงว่าฉันต้องหาเงินให้ได้สี่ล้านเก้าแสนเจ็ดหมื่นเลยเหรอ
‘นั่นก็แล้วแต่ลูก แต่ถ้าได้ไม่ครบก็ไม่ต้องกลับมา’
'คุณแม่ ไม่เยอะเกินไปหน่อยเหรอคะ’
‘เยอะเหรอ ทีนี้รู้แล้วเหรอว่าเยอะ ทีตอนใช้ไม่เห็นเคยคิดเลยว่ามันเยอะ ไม่รู้ล่ะ ไปหาวิธีเอาเอง แล้วขอเตือนไว้เลยนะ ใครก็ตามห้ามช่วยเด็ดขาด ตาวีไปเอาบัตรเครดิตของน้องมา แม่จะยึดไว้จนกว่าลูกจะกลับมา’
‘พี่วี’ ฉันส่งสายตาอ้อนวอนพี่ชายไม่ให้มาเอาบัตรของฉันไป
'ขอโทษนะตัวเล็ก แต่พี่ก็ต้องเอาตัวรอดเหมือนกัน’ แล้วพี่วีก็ดึงบัตรออกจากมือฉันแล้วนำไปให้กับแม่ ฮือ บัตรแสนรักของฉัน
และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นที่ฉันต้องมาอยู่ที่นี่ และจะไม่ได้กลับไปจนกว่าจะหาเงินได้ครบตามจำนวน แบบนี้ฉันไม่ต้องอยู่ที่นี้ไปจนตายเลยเหรอ อยากจะกรี๊ดให้เสียงดังไปถึงที่บ้านเลย ฮือออออ
ระหว่างที่ฉันกำลังเตรียมใจอยู่บนรถประตูรถอัลพาร์ดฝั่งที่ฉันนั่งอยู่ก็ถูกเปิดออกโดยผู้ชายสูงอายุซึ่งก็คือตาของฉันเอง ก่อนที่หญิงสูงอายุซึ่งก็คือยายของฉันจะพุ่งเข้ามากอดฉันที่ยังคงนั่งอยู่ในรถ
“คิดถึงจังเลยคนสวยของยาย” คุณยายกอดฉันแน่นก่อนจะปล่อย แล้วหอมแก้มฉันทั้งซ้ายขวา
“หนูก็คิดถึงยายกับตาค่ะ” ฉันคิดถึงพวกท่านจริงๆนะ ไม่ได้โกหก แต่ถึงแม้จะคิดถึงแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าฉันจะอยากมาอยู่ที่นี่สักหน่อย
“พอเถอะยายกอดหลานอยู่นั่นแล้วเมื่อไรหลานจะได้เข้าบ้านกัน หลานนั่งรถมาตั้งนานคงจะเหนื่อยแย่ ให้หลานเข้าบ้านไปพักได้แล้ว”
“จริงสิตา ฉันก็ลืมตัวไปหน่อย เข้าบ้านกันเถอะ” ฉันกับยายเดินจูงมือกันเข้ามาในบ้าน คนขับรถ แล้วก็ป้ารวยป้าแม่บ้านของที่บ้านกำลังช่วยกันขนกระเป๋าเดินทางของฉันเข้ามาในบ้านโดยมีตาคอยกำกับ
“ยายจะพาไปดูห้องนะ พอแม่หลานบอกว่าหลานจะมาอยู่ด้วยยายก็รีบให้ตาพาเข้าเมืองไปซื้อของเข้าห้องให้หนูเลยนะ ไปดูสิชอบไหม” ฉันมองรอบๆ ห้องที่ยายจัดไว้ให้ ฉันชอบมันนะน่าอยู่มาก
“ขอบคุณค่ะยายหนูชอบห้องนี้มากๆ เลยค่ะ”
“ดีแล้วจ้ะ ถ้างั้นหนูพักผ่อนไปก่อนนะ เดี๋ยวถึงมื้อเย็นยายจะมาเรียก”
“ค่ะ”
ตอนพิเศษ 2ชื่อของเธอคือหนึ่ง ชื่อของนายคือดินเหนียว“คุณแม่ขา ทำไมเราต้องไปบ้านคุณตาคุณยายด้วยคะ เราให้คุณตาคุณยายมาหาเหมือนทุกที ไม่ได้เหรอ” เด็กหญิงวรัญญาในวัยเก้าขวบถามขึ้น ตอนนี้เธอกำลังไปที่บ้านเกิดของแม่เธอซึ่งก็คือบ้านที่ตายายของเธออยู่ตอนนี้“เพราะแม่จะไปทำธุระที่ที่ดินด้วยไง อีกอย่างลูกๆ ก็ปิดเทอมแม่ก็เลยพามาเล่นบ้านตายายไม่ดีเหรอ”“ดีครับผมอยากไปเล่นบ้านตายาย” พี่วี พี่ชายเธอพูดด้วยความตื่นเต้น“ไม่ดี วรรณไม่อยากไป”“ดี”“ไม่ดี พี่วีว่าดีก็ไปคนเดียวสิ วรรณไม่ได้อยากไปสักหน่อย”“ทำไมเราถึงไม่อยากไปบ้านตายายเหรอ” แม่ถาม“ก็คุณตาเล่าให้ฟังว่าที่บ้านคุณตามีควายตัวใหญ่มาก แล้วยังมีเป็ดมีไก่ แล้วคุณตาก็ยังเคยบอกว่าตอนคุณตาไปเก็บไข่ไก่คุณตาเคยถูกไก่ตีด้วย คุณแม่ว่าไม่น่ากลัวเหรอคะ”“ไม่น่ากลัวหรอก ถ้าเราไม่ไปยุ่งกับเขา เขาก็ไม่ยุ่งกับเราหรอก แล้วพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ใกล้บ้านเราสักหน่อย ต้องไปที่สวนต่างหากถึงจะเจอ” แม่เธออธิบาย“อ้าว ไม่ได้อยู่ในบ้านคุณตาหรอกเหรอคะ”“ไม่ได้อยู่จ้ะ ที่บ้านคุณตามีแค่แมวตัวเดียวที่ลูกไม่อยากไปเพราะเรื่องนี้เหรอ”“ค่ะ ก็คุณตาบอกว่าที่บ้านมี วรรณเลยคิดว่า
ตอนพิเศษ 1สองขีด- ดิน –“ไอ้ชัด มึงห่อให้ดีๆ หน่อย นั่นของชำร่วยงานแต่งกูนะเว้ย ตั้งใจทำหน่อยดิวะ”“กูก็ตั้งใจทำอยู่เนี่ย มึงไม่แหกตาดูวะ แต่กูมีปัญญาทำได้แค่นี้คนอุตส่าห์มาช่วยแม่งยังบ่นอีก เดี๋ยวก็ปล่อยให้ทำคนเดียวหรอก”“เออๆ ไม่บ่นแล้วทำให้ดีหน่อยก็แล้วกัน”“จะมีเมียทั้งทีลำบากเพื่อนจริงนะมึง” ชัดยังบ่นไม่เลิก ตอนนี้พวกเรามารวมตัวที่บ้านของผมเพื่อมาเตรียมของชำร่วยสำกหรับงานแต่งของผมกับหนึ่งที่จะถึงในอาทิตย์หน้า นี้ก็ผ่านมาตั้งสามเดือนแล้วจากวันที่ผมขอหนึ่งแต่งงาน ในที่สุดเราก็จะเป็นสามีภรรยากันสักที“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรี๊ดของหนึ่งดังมาจากในห้องน้ำ ผมรีบทิ้งงานทั้งหมดแล้วตรงไปทางห้องน้ำทันที“หนึ่งเป็นอะไร เปิดประตู” ผมถามเสียงดังด้วยความตกใจพร้อมกับทุบประตูห้องน้ำด้วยความร้อนใจ “หนึ่งเปิดประตู”“จะเรียกทำไมเสียงดัง แล้วอยากได้ประตูห้องน้ำใหม่หรือไงถึงได้ทุบแรงขนาดนั้น” หนึ่งที่เปิดประตูออกมาบ่นผมทันที“ก็ฉันได้ยินเสียงเธอกรี๊ด เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”“เปล่า” หนึ่งตอบพร้อมกับยื่นของบางอย่างให้ผม “ที่ฉันกรี๊ดเพราะอันนี้มันขึ้นสองขีดนะ”“สองขีด” ผมมองเจ้าสิ่งนั้นที่หนึ่งยื่นให้
บทส่งท้าย หนึ่งเดียวของดิน“นายพาฉันมาบ้านนายทำไม” หลังจากกินข้าวกลางวันเสร็จดินก็บอกว่าให้ฉันช่วยไปกับเขาหน่อย เขามีอะไรจะให้ฉันดูฉันก็นึกว่าเขาจะพาฉันไปไหนที่แท้ก็พามาบ้านของเขาที่อยู่ที่อู่รถนั่นเอง“เข้ามาข้างในก่อนสิ” ฉันเดินเข้ามาในบ้านตามที่เขาบอกก่อนที่จะรู้สึกแปลกๆ“นายจัดบ้านใหม่เหรอ” ที่ฉันรู้สึกแปลกๆ เพราะเขาจัดบ้านใหม่นี่เอง “นี่เหรอที่นายบอกว่าอยากให้ฉันดู แค่นายจัดบ้านใหม่เนี่ยนะ”“ไม่ใช่ตรงนี้ ที่ฉันอยากให้เธอดูคือข้างบนต่างหาก” เขาชี้ไปที่ชั้นสอง ฉันเลยมองเขาด้วยความระแวงหมอนี่ไม่ได้คิดจะหลอกให้ฉันขึ้นไปข้างบนแล้วทำอะไรแปลกๆ ใช่ไหม “ไม่ต้องมองฉันระแวงแบบนั้นหรอกน่า ฉันสัญญากับพ่อกับพี่ชายเธอไว้แล้วว่าจะไม่ทำอะไรเธอเด็ดขาด”“นายจะรักษาสัญญาใช่ไหม” ฉันถามย้ำเพื่อความมั่นใจถึงจะรู้ว่าเขาเป็นคนรักษาสัญญามากแค่ไหนก็ตาม นี่แหละมั้งพ่อกับพี่ฉันเลยวางใจให้ฉันคบกับเขา“อืม ถ้าเธอไม่ทำให้ฉันตบะแตก” พอเขาพูดจบฉันก็หันหลังเดินลงบันไดทันทีจนเขาต้องรีบขว้าไว้ “เดี๋ยวสิหนึ่งใจเย็นๆ ฉันพูดเล่น ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก”“นายแน่ใจนะ”“แน่ใจสิ” ฉันมองตาเขาก่อนจะยอมเดินตามเขาขึ้นชั้นสองไป ดิน
ตอนที่ 29 กลับมาอีกครั้ง“ถ้าลูกไม่มีความสุขต้องรีบบอกพ่อนะ พ่อจะไปรับลูกกลับมาทันที”“นี่คุณลูกแค่กลับไปอยู่บ้านตายายจะไม่มีความสุขอะไร ไม่ได้ไปลำบากอะไรสักหน่อย”“ไม่ต้องไปฟังแม่นะลูก ถ้าลูกอยากกลับมาบอกพ่อได้เสมอเลยพ่อจะรีบไปรับ”“เอะ นี่คุณกล้าพูดแบบนี้กับฉันเหรอ ทีตอนเราเป็นแฟนกันคุณก็ยังอยากให้ฉันไปอยู่ใกล้ๆ ไม่ใช่เหรอ ขนาดพ่อฉันเอาปืนไล่ยิงคุณยังไม่กลัวเลย จะพาฉันมาอยู่ด้วยให้ได้ ทีตอนนี้ทำเป็นร้องไห้ฟูมฟาย” ฉันพึ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ย คุณตาฉันก็แสบใช่เล่นเหมือนกันนะเนี่ยก็อย่างว่าแหละแม่ฉันออกจะสวย“โธ่คุณ อย่าพูดเรื่องอดีตสิมันไม่เหมือนกันสักหน่อย”“ไม่เหมือนยังไง ทีนี้เข้าใจหรือยังว่าตอนนั้นพ่อฉันรู้สึกยังไง”“รู้สึกแล้วค้าบ” พ่อฉันตอบเสียงอ่อย“รู้แล้วก็ดี แล้วก็รู้ใช่ไหมว่าทำแบบนี้ลูกจะลำบากใจ” แม่ฉันถามเสียงดุ“รู้”“ถ้ารู้แล้วจะทำทำไม จะเลิกทำให้ลูกลำบากใจไหม”“เลิกแล้ว” แล้วพ่อฉันก็ต้องยอมแม่อีกตามเคย แม่ฉันนี่สุดยอดไปเลย“ดี” แม่ฉันบอกกับพ่อก่อนจะหันมาพูดกับดิน “ดินเราจำได้ใช่ไหมว่าสัญญาอะไรกับป้าไว้”“จำได้ครับ”“ดี งั้นก็ไปเถอะเดี๋ยวตากับยายจะรอ”
ตอนที่ 28 ถูกเท“เรียบร้อยแล้วค่ะ” พี่ปุ้มปุ้ยช่างประจำตัวฉันบอกก่อนจะก็บเครื่องสำอางใส่กระเป๋า ฉันมองสำรวจตัวเองก่อนจะขอบคุณ“ขอบคุณมากค่ะ พี่ปุ้มปุ้ย แล้วพี่วีเสร็จหรือยังคะ” ฉันถามถึงพี่ชาย ที่จะไปร่วมงานกับฉันคืนนี้“คุณวีไปด้วยเหรอคะ คุณวีไม่ได้บอกพี่ พี่เลยไม่ได้เตรียมช่างมาให้ นี่พี่มาคนเดียวนะคะ” หมายความว่ายังไง ไหนวันนั้นตกลงกันแล้วว่าพี่จะไปเป็นเพื่อนฉัน อย่าบอกนะว่าจะเทฉันนะฉันโกรธจริงๆ ด้วยนะ“พี่วี พี่วีอยู่ไหน” ฉันส่งเสียงเรียกพี่วีเสียงดังลงมาจากชั้นสองของบ้าน ดังขนาดที่ต่อให้พี่ชายฉันไปแอบในท่อระบายน้ำก็ต้องได้ยิน ถึงพี่ชายฉันจะไม่ไปแอบที่นั่นก็ตาม“เสียงดังอะไรตัวเล็ก พี่อยู่นี้” พี่ชายฉันเดินออกมาจากทางห้องรับแขก แล้วจากชุดที่ใส่ก็เป็นชุดอยู่บ้านจริงๆ“ไหนพี่บอกว่าจะไปกับฉัน แล้วทำไมยังไม่แต่งตัว อย่าบอกนะว่าพี่จะเทฉัน ฉันโกรธจริงๆ นะ” ฉันเดินโวยวายลงบันไดมา“เดินช้าๆ สิเดี๋ยวก็ตกบันไดหรอก” พี่วีรีบเดินมารับฉันที่บันได “พี่ก็อยากไปกับเรานะ แต่มีคนมาขออาสาไปเป็นเพื่อนเราแทนพี่นะสิ ตอนแรกพี่ก็ไม่ยอมหรอก แต่แม่นะสิอนุญาตแล้ว พี่เลยทำอะไรไม่ได้เลยต้องยอมถอย”“ใคร”“ไปดู
ตอนที่ 27 เด็กฝึกงาน“เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะตัวเล็ก”“ฉันบอกว่า ฉันจะไปช่วยงานพี่ที่บริษัท” ฉันพูดย้ำอีกครั้งชัดๆ ช้าๆ“พี่หูฝาดไป หรือว่าเราไม่สบายกันแน่” พี่วีเอามือแคะหูก่อนจะเอาอีกมือมาแตะที่หน้าฝากฉัน “ตัวก็ไม่ได้ร้อนหูพี่ก็ยังปกติดี หรือว่าตอนที่อยู่ที่นู้นหัวเราไปกระแทกอะไรมาหรือเปล่า”“นี่ ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย พี่อย่าเวอร์ฉันแค่เบื่อที่จะอยู่บ้านนี่ก็อยู่เฉยๆ มาตั้งหลายวันแล้ว” ฉันเดินเข้าไปเกาะแขนพี่วีแล้วเอนหัวไปซบที่แขน พี่ชายใครเนี่ยทำไมแขนแน่นแบบนี้ “อีกอย่างที่ผ่านมาพี่กับพ่อก็อยากให้ฉันไปลองฝึกงานที่บริษัทไม่ใช่เหรอ ก็ถือโอกาสตอนนี้ให้ฉันไปฝึกเลยไม่ดีเหรอ”“เอาจริงเหรอ” พี่วีถามอีกครั้ง“จริง” ฉันตอบเสียงหนักแน่นและแล้วเช้าวันที่ฉันต้องไปทำงานที่บริษัทก็มาถึง ฉันแต่งตัวเสร็จก็เดินฮัมเพลงลงมาข้างล่างด้วยความอารมณ์ดี“อารมณ์ดีขนาดนั้นเลยเหรอที่จะได้ไปทำงานน่ะ” แม่ถาม“ใช่ค่ะ” ฉันตอบก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวที่พ่อกับแม่ แล้วก็พี่วีนั่งรออยู่ก่อนแล้ว นี่ฉันว่าฉันรีบแล้วนะแต่ก็ยังช้ากว่าทั้งสามคนอยู่ดี“ถ้าลูกไม่อยากไปไม่ต้องฝืนใจไปทำก็ได้นะ ลูกสาวคนเดียวพ่อเลี้ยงได้