เหอจงเทาบังคับรถม้าพาบุตรเกอของตนมาที่ร้านขายผ้าที่ใหญ่ที่สุดในเมือง เมื่อมาถึงก็จอดรถม้าในที่รับฝากพร้อมกับจ่ายเงินค่าฝากรถม้าจากนั้นทั้งสองก็เดินเข้ามาในร้าน
"จะเอาอะไร" เสี่ยวเออร์ของร้านพูดอย่างไม่ใคร่จะพอใจสายตามองสองพ่อลูกตั้งแต่หัวจรดเท้าดูก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาจนๆ "ข้าต้องการผ้าสำหรับตัดชุดขอรับ" เหอฟานเสวี่ยไม่ค่อยจะพอใจน้ำเสียงและสายตาของพนักงานคนนี้นัก "ที่นี่ไม่มีผ้าราคาถูกขายให้พวกเจ้าหรอกนะ ออกไปซะ" เสี่ยวเออร์เอ่ยไล่สองพ่อลูกอย่างรังเกียจก่่อนจะหันไปหาแขกที่เข้ามาในร้านก็รีบเข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้น "คุณหนูหลิน คุณชายหม่า ไม่ทราบว่าต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ" เหอฟานเสวี่ยหันไปมองก็เห็นว่าเป็นหลินอีสหายสนิทของหม่าซูเหม่ยมากับหม่าจางอี้ "ข้ามาซื้อชุดตัดสำเร็จ มีมาใหม่หรือไม่" หลินอีเอ่ยถามอย่างเย่อหยิ่ง หลินอีนั้นมีบิดาทำงานอยู่ที่ว่าการแต่เป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆเจ้าตัวกลับชอบทำตัวเย่อหยิ่งและอวดรวยราวกับตนเองเป็นบุตรีของท่านเจ้าเมือง แต่ก็นับว่าบ้านของนางมีเงินทองทำให้สกุลหม่าอยากเกี่ยวดองด้วย "ได้เจ้าค่ะ นี่พวกเจ้าออกไปได้แล้ว" เสี่ยวเออร์หันมาไล่เหอฟานเสวี่ยกับบิดาอีกครั้ง "ข้าก็นึกว่าใครที่แท้ก็เสี่ยวฟานกับบิดาจนๆนี่เอง" หลินอีพูดพร้อมกับยิ้มเหยียด "อย่ามาเรียกท่านพ่อของข้าเช่นนี้" เหอฟานเสวี่ยจ้องหลินอีตาเขม็ง "ข้าเพียงพูดความจริงเท่านั้น พวกเจ้าทั้งสองนี่ช่างกล้ามาซื้อผ้าในร้านนี้มีเงินหรือ" หลินอีพูดเสียงดังหวังทำให้เหอฟานเสวี่ยอับอาย "มีหรือไม่มีก็ไม่เกี่ยวกับเจ้า" เหอฟานเสวี่ยตอบกลับ "นี่เจ้า! กล้าพูดเยี่ยงนี้กับข้ารึ" หลินอีพูดอย่างไม่พอใจ "เหอฟานเสวี่ยเจ้าขอโทษหลินเออร์ซะ" หม่าจางอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ "เหตุใดข้าต้องขอโทษ ข้ายังมิได้ทำอันใดนางเสียหน่อย" เหอฟานเสวี่ยตอบกลับ "เจ้ารู้หรือไม่ว่าบิดาของหลินเออร์คือผู้ใด บิดาของนางทำงานอยู่ที่ว่าการเจ้าไม่กลัวเดือดร้อนหรือ" หม่าจางอี้เอ่ยขึ้น "ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่อี้ หากเขาไม่อยากขอโทษข้าเช่นนั้นก็ให้บิดาของเขาขอโทษแทนก็แล้วกัน" หลินอีพูดพลางเชิดหน้า "เกรงว่าจะไม่ได้เพราะพวกข้ามิได้ทำอันใดผิด ท่านพ่อเราไปซื้อผ้าร้านข้างๆกันเถอะ ร้านที่เลือกรับลูกค้าเช่นนี้ข้ามิอยากซื้อขายด้วย" เหอฟานเสวี่ยหันไปชวนบิดาและเดินไปที่ร้านผ้าข้างๆซึ่งเป็นร้านเล็กๆ "อวดดี" หลินอีพูดอย่างไม่พอใจ "หลินเออร์อย่าได้โมโหไป อย่างไรเกอผู้นั้นก็ไม่มีดีเท่าน้อง" หม่าจางอี้บอกอย่างเอาใจใส่ "จริงเจ้าค่ะ คุณหนูหลินนั้นงามกว่าเป็นไหนๆ" เสี่ยวเออร์ร้านผ้าพูดอย่างเอาใจแม้ความจริงเห็นว่าเหอฟานเสวี่ยนั้นงดงามกว่าเป็นไหนๆ แต่เรื่องอะไรเขาจะกล้าพูดความจริงล่ะ "เช่นนั้นเอาชุดฝ้าฝ้ายเนื้อละเอียดมาให้สักสองชุด" หลินอีเอ่ยสั่งเสียงดังให้เหอฟานเสวี่ยได้ยินจะได้อิจฉานางที่สามารถซื้อผ้าเนื้อดีกว่าได้ "เถ้าแก่เนี้ยขอรับ ข้าเอาผ้าไหมชั้นดี 10 พับ ผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด 20 พับ ชุดสำเร็จสำหรับบุรุษ สตรี และเกอจากผ้าไหมชั้นดีอย่างละ 5 ชุดขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยเสียงดังให้คนที่อยู่ร้านข้างๆได้ยิน ทั้งสามถึงกับหน้าม้านไอ้เกอนี่มันมีเงินมากถึงเพียงนี้เชียวหรือ หม่าจางอี้คิดว่าเรื่องนี้เขาต้องรีบนำไปบอกครอบครัว ส่วนเหอจงเทาได้แต่ส่ายหน้าให้ความแสบซนของบุตรเกอดูเหมือนว่าหลังจากหายป่วยบุตรเกอของเขาจะดูมีชีวิตชีวามากขึ้น หลังจากซื้อผ้าเสร็จสองพ่อลูกก็ซื้อเครื่องปรุงและเนื้อสัตว์ รวมถึงข้าวของต่างๆจนเต็มรถม้าก่อนที่จะเดินทางกลับหมู่บ้าน รถม้าคันงามเรียกความสนใจให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดีหลายคนถึงกับตามมาดูว่าเป็นรถม้าของผู้ใด เมื่อเห็นว่าคนที่บังคับรถหมาเป็นเหอจงเทาก็ยิ่งแปลกใจมากขึ้นไปอีก ไม่ใช่บ้านนี้ยากจนมากหรอกหรือ แล้วเหตุใดตอนนี้้ถึงมีรถม้าคันงามเยี่ยงนี้เล่า "จงเทารถม้านี่เป็นของเจ้าหรือ" เมื่อรถม้าเข้ามาจอดบริเวณบ้านก็มีชาวบ้านที่ตามมาเอ่ยถาม "ใช่แล้วขอรับ นี่คือรถม้าของบ้านข้าเอง" เหอจงเทาเอ่ยตอบ "รถม้านับว่าเป็นของราคาแพงแล้วยิ่งรถม้าของเจ้างดงามเพียงนี้ต้องราคาหลายตำลึงทองเป็นแน่ เจ้าร่ำรวยมาจากที่ใดหรือ" เหล่าชาวบ้านต่างพากันเอ่ยถาม เหอฟานหนิงมองดูแล้วไม่เห็นสายตาอิจฉาริษยาเลยแม้แต่น้อยมีแต่สายตาตื่นเต้นกันทั้งนั้น "นั่นเป็นเพราะบุตรของข้าขอรับที่ทำให้ข้ามีตำลึงซื้อรถม้าได้ เสวี่ยเออร์มีโอกาสได้ร่ำเรียนสมุนไพรการปรุงยาและการรักษาจากหมอพเนจร เสวี่ยเออร์จึงใช้ความรู้ที่ี่่ได้มาเก็บสมุนไพรบนเขานำไปขายจากนั้นก็ค่อยๆเก็บเงินที่ขายได้นำมาให้ข้าซื้อรถม้าขอรับ" เหอจงเทาเอ่ยโกหกออกไปตามที่ได้เตรียมกับบุตรเกอไว้ เป็นการประกาศให้ทุกคนรู้ด้วยว่าบุตรของเขามีความรู้ด้านการรักษา "บุตรของเจ้าได้เรียนวิชาจากหมอพเนจรเช่นนั้นรึ" "โอ้ ช่างโชคดียิ่งนัก" "นี่หมู่บ้านของเราจะมีหมอแล้วงั้นหรือ" "เช่นนั้นเสี่ยวฟานจะเปิดรับรักษาหรือไม่ พวกข้าจะได้ไม่ต้องเข้าไปหาหมอในเมือง แล้วค่ารักษาแพงหรือไม่" บรรดาชาวบ้านต่างตื่นเต้นเมื่อได้ยินว่าเหอฟานเสวี่ยได้ร่ำเรียนวิชาจากหมอพเนจร ขึ้นชื่อว่าหมอพเนจรชาวบ้านเชื่อว่าเป็นหมอเทวดาที่เก่งกาจและไม่ใช่จะรับผู้ใดเป็นศิษย์ง่ายๆ ดูท่าสวรรค์จะเมตตาเหอฟานเสวี่ยแล้วหลังจากถอนหมั้นกับพวกสกุลหม่าชีวิตก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ใช่แล้ว หลังจากที่ผู้เฒ่าหม่าตายไปก็ไม่มีผู้ใดชอบสกุลหม่าสักคน "ใช่แล้วขอรับบุตรของข้าได้เรียนกับหมอพเนจรจนตอนนี้สามารถรักษาคนได้แล้วหมอพเนจรผู้นั้นจึงออกเดินทางไกลต่อ ไหนๆพวกท่านหลายคนก็มาที่นี่แล้วเช่นนั้นข้าก็ขอแจ้งว่าบ้านของข้าจะเปิดรับการรักษา ส่วนเรื่องค่ารักษานั้นไม่มีขอรับแต่หากพวกท่านจะจ่ายก็ขอรับเป็นค่าสมุนไพรเล็กๆน้อยๆเพียงแค่นั้นขอรับ" เหอจงเทาป่าวประกาศบอกเหล่าชาวบ้าน "เหตุใดไม่เก็บเงินเล่า" "ใช่ เช่นนั้นเสี่ยวฟานจะไม่เหนื่อยเปล่าหรือ" "เพราะข้าต้องการสืบต่อเจตจำนงค์ของอาจารย์ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบ "เป็นเช่นนี้นี่เอง พวกเจ้าช่างจิตใจดียิ่งนัก สามีของข้ามักมีอากาศปวดหัววันรุ่งขึ้นข้าพามารักษากับเจ้าได้หรือไม่" สตรีวัยกลางคนเอ่ยถาม "ได้ขอรับ แต่วันนี้ข้าขอให้ทุกท่านกลับไปก่อนนะขอรับพรุ่งนี้หากใครต้องการรักษากับข้าค่อยมาใหม่ ตอนนี้ข้าหิวมากแล้ว" เหอฟานเสวี่ยพูดพลางทำหน้าตาออดอ้อนสร้างความเอ็นดูให้เหล่าชาวบ้านเป็นอย่างมาก หลังจากชาวบ้านกลับไปข่าวที่เหอฟานเสวี่ยได้ร่ำเรียนกับหมอเทวดาและซื้อรถม้าคันงามอีกทั้งข้าวของมากมายก็แพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้านทำให้ครอบครัวหม่าวิ่งเต้นเป็นอย่างมาก "อาอี้ บ้านเหอซื้อรถม้าจริงรึ" นางกัวเหม่ยเอ่ยถามบุตรชาย คนสกุลเหอซื้อรถม้าได้อย่างไรกัน สามีของนางเป็นผู้นำหมู่บ้านบ้านของนางยังมีแค่เกวียนวัว "จริงขอรับ" หม่าจางอี้เอ่ยตอบมารดา "เหตุใดพวกมันถึงมีเงินซื้อรถม้า มิใช่มันเช่ามาหรอกรึ" นางกัวเหม่ยเอ่ยอย่างร้อนใจตอนนี้นางรู้สึกอิจฉาริษยาไปหมด นางไม่ต้องการให้ผู้ใดในหมู่บ้านมีความเป็นอยู่ดีกว่าครอบครัวหม่าของนาง "คงไม่หรอกขอรับท่านแม่ เมื่อตอนกลางวันข้าเจอกับเหอฟานเสวี่ยและบิดาของเขาในเมือง ข้าเห็นเหอฟานเสวี่ยซื้อผ้าไหมชั้นดีมากมายเลยขอรับ" หม่าจางอี้เอ่ยบอกมารดาลึกๆก็รู้สึกเสียดายหากครอบครัวเหอมีเงินย่อมสนับสนุนเขาได้แน่ "จริงรึ! พวกมันมีเงินถึงขนาดซื้อผ้าไหมชั้นดีเลยรึ" หม่าซูเหมยเอ่ยถามพี่ชาย ความริษยาแผดเผาไม่ต่างกับมารดา "อาอี้หากครอบครัวเหอมีเงินถึงเพียงนี้เจ้าก็จงสอบซิ่วไฉให้ได้ หลังจากแต่งกับหลินอีแล้วรับเหอฟานเสวี่ยเป็นภรรยารอง" หม่าเฉินเอ่ยบอกลูกชาย บ้านเหอมีบุตรเกอเพียงคนเดียวเช่นนั้นสมบัติมันจะไปไหนได้ "ขอรับท่านพ่อ" หม่าจางอี้รับคำนึกภาพที่มีสตรีในดวงใจและเกอที่งดงามคอยปรนนิบัติตนอีกทั้งมีเงินทองมากมายก็กะหยิ่มยิ้มในใจ #ฝากติดตามด้วยนะคะ #ยังไม่ได้แก้คำผิด"เจ้าใช่หมอที่รักษาชาวบ้านเช่นนั้นหรือ"หลินสั่วปินถามพร้อมกับปรายตามอง" ใช่ขอรับ ท่านมีเรื่องอันใดกับข้าหรือ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"ข้ามาจากสำนักตรวจการขอแจ้งข้อหาเจ้าที่เปิดรักษาโดยไม่มีใบรับรอง นำตัวไปสอบสวนและยึดทรัพย์สินทั้งหมด!" หลินสั่วปินสั่งลูกน้องเสียงดัง"เดี๋ยวก่อนนะขอรับ ที่ข้ารู้มาหมอเท้าเปล่า หมอสมุนไพรที่รักษาชาวบ้านไม่ต้องมีใบรับรองก็ได้มิใช่หรือขอรับ" เพราะวิชาสมุนไพรสามารถสืบทอดกันได้จากบรรพบุรุษไม่ต้องไปเรียนที่สำนักหมอหลวงจึงทำให้ไม่ต้องมีใบรับรองก็ได้"หึ เด็กเช่นเจ้าจะไปรู้อันใด มีผู้มาร้องเรียนกับข้าว่าเจ้าหลอกลวงเรื่องการรักษาอย่าทำเฉไฉไปอย่างไรเจ้าก็มิอาจรอดไปได้ พวกเจ้าจับเกอผู้นี้ไปขังไว้และริบทรัพย์สินที่หลอกลวงมาให้หมด! ""ท่านผู้ตรวจการข้าว่าเรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดเป็นแน่ เสี่ยวฟานมีวิชาแพทย์และสามารถรักษาได้จริงๆ พวกข้าหลานคนได้ลองพิสูจน์มาแล้ว" หนึ่งในชาวบ้านรีบเอ่ย"ใช่ๆ เสี่ยวฟานรักษาพวกข้าหายแล้วจริงๆจะเป็นการหลอกลวงไปได้อย่างไร""ใช่ ต้องมีคนใส่ความเป็นแน่""หรือเราจะไปร้องเรียนที่อำเภอ""หุบปาก! ข้าบอกว่าหลอกลวงก็คือหลอกลวงชาวบ้านเช่นพ
เวลาผ่านล่วงเลยมาหนึ่งเดือนการเพาะปลูกเป็นไปตามที่เหอฟานเสวี่ยได้วางแผนไว้ นอกจากนั้นเขายังทำปุ๋ยหมักเพื่อบำรุงต้นข้าวและพืชผักของเขาให้เจริญเติมโตได้ดีอีกด้วยเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลเพราะพืชผักยังไม่เติบโต ตอนนี้ในอำเภอกำลังคึกคักเพราะมีการสอบซิ่วไฉผู้คนต่างลุ้นว่าตำแหน่งซิ่วไฉจะเป็นของผู้ใด เหอฟานเสวี่ยไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เขายังคงทำหน้าที่รักษาชาวบ้านที่เจ็บป่วยเช่นเคย"เดี๋ยวท่านน้าต้มยาที่ข้าให้ทุกวันก่อนนอนนะขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอกผู้ป่วยที่มารักษา"จ้ะ ขอบใจมากนะจ๊ะหมอเทวดาน้อย" ตอนนี้เหอฟานเสวี่ยมีฉายาใหม่แล้วคือหมอเทวดาน้อย บรรดาชาวบ้านที่มารักษาก็ต่างพากันเรียกเขาเช่นนี้ หลังจากตรวจชาวบ้านคนสุดท้ายเสร็จเหอฟานเสวี่ยก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย"นี่ๆ พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าชื่อของซิ่วไฉในปีนี้ประกาศแล้ว" เสียงชาวบ้านที่อยู่ด้านนอกเอ่ยขึ้น"จริงรึ""จริงสิ ข้าเพิ่งกลับมาจากอำเภอ""ผู้ใดสอบได้หรือ""หม่าจางอี้น่ะสิ เฮ้อ ปกติครอบครัวนั้นก็หยิ่งยโสอยู่แล้วตอนนี้ล๔กชายได้เป็นซิ่วไฉคงเดินชูคอตั้งเป็นแน่""นั่นน่ะสิ ต่อไปนี้คงเที่ยวดูถูกใครต่อใครไปทั่ว""ลูกเสียใจหรือเปล่า"
วันรุ่งขึ้นเหอจงเทาออกไปสอบถามเหล่าชาวบ้านเรื่องการจ้างเพาะปลูกตามที่บุตรเกอต้องการ เขาบอกชาวบ้านทุกครัวเรือนยกเว้นเพียงสกุลหม่ า เหอจงเทาบอกให้ชาวบ้านมาฟังรายละเอียดในยามเชิน (15:00-16:59) เพราะเป็นช่วงที่ชาวบ้านที่มารักษาจะกลับไปกันหมดแล้วเมื่อยามเชินมาถึงเหล่าชาวบ้านก็ต่างมาที่บ้านเหอเพื่อที่จะฟังรายละเอียดและตัดสินใจว่ารับจ้างหรือไม่ เสียงพูดคุยจอแจของบรรดาชาวบ้านที่พากันตื่นเต้นเพราะมีคนจ้างงาน หากมีงานพวกเขาก็จะมีเงินไม่ต้องเก็บแต่ผักป่ามากินอย่างน้อยก็มีรายได้ไว้กักตุนเสบียงยามฤดูหนาว"ทุกท่านมากันครบแล้วใช่หรือไม่ขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"ครบแล้วๆ" ชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้น"เช่นนั้นข้าจะเริ่มบอกรายละเอียดของงานเลยนะขอรับ งานที่ข้าจะจ้างพวกท่านมีทั้งหมด 4 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกคือการเตรียมแปลงและเพาะปลูกผัก ส่วนที่สองคือการเตรียมที่นาและปลูกข้าว ส่วนที่สามคือการทำโรงเรือนเพาะปลูก ส่วนที่สี่คือทำโรงเลี้ยงสัตว์และโรงเก็บของขอรับ" เหอฟานเสวี่ยพูดเสียงดังเพื่อให้ได้ยินกันอย่างทั่วถึง"เสี่ยวฟาน หมู่บ้านเรานั้นเเห้งเเล้งนักการเพาะปลูกมากขนาดนี้จะไม่สูญเปล่าหรือ" หนึ่งในชาวบ้านเอ่
เหอฟานเสวี่ยเดินนำเนื้อหมูเอาไปเก็บไว้ที่รถม้าก่อนที่จะเดินไปซื้อของต่อรหว่างที่กำลังเดินไปนั้นก็พบชายวัยกลางคนผู้หนึ่งทำท่าทางอ่อนแรงก่อนจะล้มลงแล้วคนที่คาดว่าเป็นผูู้ติดตามก็รีบเข้าไปประคองทันทีเหอฟานเสวี่ยจึงรีบเดินเข้าไปดู"เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยถาม"นายท่านของข้าอยู่ดีๆก็ล้มลงไป" บ่าวรับใช้ที่ติดตามเอ่ยบอก"ขอข้าดูหน่อยนะขอรับ ข้าพอรู้วิชาแพทย์รบกวนพวกท่านอย่าให้คนมามุงมิเช่นนั้นนายท่านอาจจะหายใจไม่สะดวก" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก ผู้ติดตามมีแววตาลังเลอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายก็ยอมให้เกอน้อยตรงหน้าตรวจดูอาการของนายตนแล้วช่วยกันคนออกไป เหอฟานเสวี่ยจับชีพจรตรวจดูก็ต้้องตกใจคนผู้นี้ถูกพิษไม่ผิดแน่ก่อนจะหันไปพูดกับคนที่ติดตามบุรุษผู้นี้"ท่านรีบพาเขากลับจวนเถิด เราต้องไปรักษาเขาที่จวน" "ดะ ได้ขอรับ" ผู้ติดตามรีบให้บ่าวคนอื่นไปเอารถม้ามาทันที"เสวี่ยเออร์เกิดอันใดขึ้นหรือ" เหอจงเทากำลังจะเดินกลับไปที่เกวียนเห็นคนกำลังมุงดูและเห็นว่าบุตรเกอของตนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้ามาถาม"นายท่านผู้นี้ป่วยขอรับท่านพ่อ ข้าต้องรักษาเขา" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยบอก บิดา"เจ้ารักษานายท่านได้จริงๆหรื
หลังจากที่เหอฟานเสวี่ยเปิดบ้านรักษาคนในหมู่บ้านผ่านไปได้หลายวันข่าวที่มีหมออายุน้อยสามารถรักษาได้ทุกโรคก็กระจายไปทั่วอีกทั้งยังไม่คิดค่ารักษาทำให้มีชาวบ้านจากหลายหมู่บ้านต่างพากันเดินทางมารักษา "นี่ใช่บ้านของหมอเหอหรือไม่ขอรับ" "ใช่แล้ว นี่แหละบ้านหมอเหอ เจ้าเป็นอะไรมาล่ะ" "บุตรชายของข้าไม่สบายขอรับ ได้ยินว่าหมอเหอมีความสามารถเก่งกาจรักษาได้ทุกอย่างอีกทั้งไม่คิดเงินจริงหรือไม่ขอรับ" บุรุษผู้หนึ่งเอ่ยถามบรรดาชาวบ้านที่มารอรักษา "ก็จริงน่ะสิ มีชาวบ้านที่หมู่บ้านฉันมารักษาที่นี่แค่สามวันก็หายราวกับไม่เคยป่วยมาก่อน" สตรีวัยกลางคนเอ่ยตอบ "บุตรชายของเจ้าป่วยมานานหรือยังล่ะ" "ป่วยมาได้หลายวันแล้วขอรับ ข้าพาไปหาหมอในเมืองก็ไม่ดีขึ้นได้ยินคนในหมู่บ้านบอกว่าที่นี่มีหมอเทวดาสามารถรักษาได้ทุกโรคจึงลองพาบุตรชายมารักษาดู" บุรุษหนุ่มเอ่ยตอบ เขานั้นเสียค่ารักษามากมายให้กับหมอในเมืองแต่อาการของบุตรชายกลับไม่ดีขึ้นเลยจนเงินที่เก็บไว้แทบไม่เหลือ ได้ยินจากชาวบ้านในหมู่บ้่นพูดว่าที่นี่มีหมอรักษาไม่คิดเงินสักอีแปะจึงตัดสินใจแบกบุตรชายที่อ่อนแรงเดินมายังหมู่บ้านแห่งนี้ "เจ้าบอกว่าบุตรชายของเจ้าป่
หลังจากชาวบ้านแยกย้ายกันกลับไปเหอฟานเสวี่ยก็นำสมุนไพรจากมิติออกมาจัดเตรียมไว้เพื่อที่จะได้เอามารักษาชาวบ้านในวันรุ่งขึ้น "เจ้ากำลังทำอันใดอยู่หรือเสวี่ยเออร์" สวี่ฟางเอ่ยถามบุตรเกอที่กำลังแยกสมุนไพรอยู่"ข้ากำลังคัดแยกสมุนไพรอยู่ขอรับ บางส่วนต้องนำไปเผาจื้อเสียก่อน" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบมารดา"เผาจื้อเช่นนั้นหรือ มันคืออันใดแล้วต้องทำอย่างไรเล่า" เหอจงเทาเอ่ยถามอย่างสงสัย"การเผาจื้อเป็นการกำจัดพิษหรือลดผลข้างเคียงของตัวยาขอรับ อีกทั้งยังทำให้ตัวยาออกฤทธิ์ดีขึ้นขอรับ" เหอฟานเสวี่ยเอ่ยตอบบิดา วิธีเผาจื้อนั้นมีหลายวิธีเลยแหละ"เช่นนั้นพ่อจะช่วยเจ้า" เหอจงเทาเอ่ยบอกบุตรเกออย่างกระตือรือร้น"ขอบคุณขอรับ" เหอฟานเสวี่ยส่งยิ้มให้บิดาและมารดาของตน เขาไม่ได้จะใช้ตัวยาที่เตรียมวันนี้ใช้รักษาชาวบ้านหรอกเพราะอย่างไรก็คงทำไม่ทัน คงต้องใช้ยาสมุนไพรแบบสำเร็จแล้วไปก่อน สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันทำการเผาจื้อตามที่เหอฟานเสวี่ยบอกอย่างขยันแข็งขันจนเวลาล่วงเลยควรแก่การพักผ่อนจึงแยกย้ายกันไปนอนรุ่งเช้าเหอฟานเสวี่ยตื่นขึ้นปลายยามเหม่าแล้วทำกิจวัตรประจำวันของตนเองจนเสร็จ เมื่อเรียบร้อยแล้วก็มาช่วยกันเตรี