Share

ตอนที่ 2 จดหมายทวงสัญญา

last update Last Updated: 2025-02-21 07:47:00

จดหมายฉบับหนึ่งที่ถูกส่งมาจากสกุลเซี่ย ตระกูลแม่ทัพแห่งเมืองหนานจง ทำให้ท่านผู้เฒ่าสกุลจ้าว จ้าวหยวนจงถึงกับกุมขมับ ไม่รู้ว่าเขาหลงลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไร เรื่องที่เขาเคยทำสัญญาใจกับท่านผู้เฒ่าสกุลเซี่ยเอาไว้ ว่าภายภาคหน้าจะยกหลานสาวของตน ให้ออกเรือนไปกับหลานชายของอีกฝ่าย เพื่อเป็นการตอบแทนที่ครั้งหนึ่งในอดีต ท่านผู้เฒ่าสกุลเซี่ย เคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้

“ฟงฉี...เจ้าไปตามนายท่านใหญ่มาพบข้าที่ห้องตำรา” บ่าวรับใช้คนสนิทรับคำสั่งแล้วจึงออกจากเรือนฟงเฟยไป

จ้าวหยวนจงแต่งงานกับซิ่วเหมยฉี ตระกูลรุ่งโรจน์ ร่ำรวยมาจากการค้าขายตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ นับเป็นตระกูลคหบดีอันดับต้นๆ ของเมืองหนานจาง สองสามีภรรยามีบุตรชายสืบสกุลอยู่สองคน คนโตคือจ้าวหวังเหล่ย ปีนี้มีอายุได้สามสิบหกปี และคนที่สองคือจ้าวหวังหย่ง อายุสามสิบสี่ปี จ้าวหวังเหล่ยแต่งงานกับหวงฟางหรง บุตรสาวของพ่อค้าสกุลหวง บุตรชายคนโตและสะใภ้ใหญ่มีทายาทสืบสกุลด้วยกันทั้งหมดสามคน

คนโตเป็นบุตรีมีนามว่า จ้าวฟางหรู คุณหนูใหญ่ผู้มีรูปโฉมงดงาม และกิริยามารยาทเพียบพร้อม มีความสามารถด้านการเขียนอักษร เล่นหมากล้อม ท่องบทกวี และการเล่นดนตรี ปีนี้แม้จะเข้าสู่วัยสิบแปดปีแล้ว แต่ทว่านางกลับไม่ยอมที่จะออกเรือนไปกับผู้ใดเสียที แม้ว่าจะมีบุรุษมากมายที่มาหมายปองโฉมสะคราญเช่นนางก็ตาม

คนที่สองเป็นบุตรชาย มีนามว่าจ้าวฟางฉี คุณชายหนุ่มที่มีอายุน้อยกว่าพี่สาวไปเพียงหนึ่งปี เขานับว่าเป็นเด็กหนุ่มที่มีอนาคตไกล เพราะเขาชื่นชอบด้านการศึกษาตำรา และเป็นลูกหลานคนแรกของตระกูลจ้าว ที่เลือกเดินเข้าสู่เส้นทางแห่งการเป็นขุนนาง จ้าวฟางฉีใช้ความสามารถสอบผ่านเค่อจวี่ ในระดับจวี่เหรินได้ตั้งแต่วัยสิบหก สร้างชื่อเสียงให้ตระกูลจ้าวเลื่องลือไปไกล

และคนที่สามเป็นบุตรี มีนามว่า จ้าวฟางเซียน แม้เด็กหญิงจะอยู่ในวัยเพียงสิบสี่ปี แต่ทว่านางกลับมีความรู้และความสามารถในด้านการบัญชี คอยช่วยบิดาและมารดา จัดการดูแลบัญชีร้านค้าของสกุลจ้าวได้เป็นอย่างดี อีกไม่กี่เดือนจ้าวฟางเซียนก็จะเข้าพิธีปักปิ่นแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีหลายสกุลที่หมายตานางเอาไว้ ให้บุตรชายหรือหลานชายของตน แต่ทว่าทั้งจ้าวหวังเหล่ยและหวงฟางหรง ต่างก็คิดว่านางยังเด็กนัก จึงไม่เคยหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดคุยกัน

ภายในเรือนขนาดกลาง ซึ่งเป็นที่พำนักของนายท่านใหญ่จ้าวหวังเหล่ย ยามนี้ทุกคนในครอบครัวกำลังนั่งกินมื้อเช้าร่วมกันอยู่พร้อมหน้า บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่นปรองดอง จ้าวหวังเหล่ยมีภรรยาเพียงหนึ่งเดียว ทำให้ไร้ปัญหาเรื่องเรือนหลัง นับตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษมา ตระกูลจ้าวยึดมั่นธรรมเนียมมีภรรยาเดียวมาตลอด ทำให้สตรีที่แต่งเข้ามาเป็นสะใภ้นั้น ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยไปกับการแย่งชิงความโปรดปรานในเรือนหลัง หวงฟางหรง ฮูหยินใหญ่ของจวนตระกูลจ้าว จึงใช้ชีวิตอยู่ในจวนนี้อย่างสงบสุข เป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่บุตรีและบุตรชาย

“นายท่านใหญ่ขอรับ นายท่านผู้เฒ่าให้ข้าน้อยมาเชิญท่านไปพบที่เรือนฟงเฟยขอรับ”

ฟงฉีรายงานออกมา จ้าวฟางเซียนเหลือบมองบ่าวรับใช้คนสนิทของท่านปู่เพียงแวบเดียว ก่อนที่นางจะลงมือกินอาหารตรงหน้าต่อไป แม้ภายในใจจะรู้สึกตื่นเต้นยินดีก็ตาม

“ท่านพ่อมีเรื่องอันใดอยากจะพูดคุยกับข้าเช่นนั้นรึ แล้วได้เรียกเจ้ารองไปด้วยหรือไม่” จ้าวหวังเหล่ยเอ่ยถามบ่าวรับใช้คนสนิทของบิดา เป็นคำถามที่จ้าวฟางเซียนเคยได้ยินมาแล้วหนหนึ่ง นางยกมุมปากขึ้นเพียงเล็กน้อย

“บ่าวเองก็มิทราบขอรับ แต่นายท่านผู้เฒ่าให้บ่าวมาตามนายท่านใหญ่ไปพบเพียงผู้เดียว” ฟงฉีตอบตามตรง จ้าวหวังเหล่ยจึงพยักหน้าให้

“เจ้ากลับไปแจ้งท่านพ่อให้ข้าที ว่าข้าขอกินมื้อเช้ากับฮูหยินและคุณหนูคุณชายเสร็จก่อน แล้วข้าจะไปพบเขา” ฟงฉีรับคำสั่งแล้วจึงคำนับลา ก่อนที่จะเดินออกจากเรือนฟางเฟยไป

จ้าวหวังเหล่ยกินอาหารตรงหน้าอย่างเร่งรีบขึ้น เพราะไม่รู้ว่าบิดามีเรื่องสำคัญอันใด ถึงได้เรียกหาเขาเพียงผู้เดียว และเรียกหาตั้งแต่เช้าเช่นนี้ จ้าวหวังเหล่ยกินอาหารตรงหน้าไปอีกไม่กี่คำก็วางตะเกียบลงบนชาม ก่อนที่จะบอกภรรยาและลูกๆ ให้กินกันต่อตามสบาย จากนั้นเขาจึงดื่มน้ำพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วรีบเดินออกจากเรือนฟางเฟย มุ่งหน้าสู่เรือนฟงเฟยอย่างไม่รีรอ

หวงฟางหรงรู้สึกใจคอไม่ดี ที่จู่ๆ พ่อสามีก็เรียกเขาให้ออกไปพบในยามนี้ ไม่รู้ว่ามีเรื่องรีบร้อนอันใด เขาเพิ่งจะกินข้าวไปเพียงไม่กี่คำเท่านั้น นางมองตามแผ่นหลังของสามีไปด้วยแววตากังวล ทว่าเสียงของบุตรชายช่วยดึงสายตาของนางให้กลับมามอง ใบหน้าหล่อเหลาที่เหมือนกับบิดาของเขาไม่มีผิดเพี้ยน

“ท่านปู่คงจะเรียกท่านพ่อไปคุยเรื่องจดหมายที่มาจากตระกูลเซี่ยนั่นแหละขอรับ ท่านแม่อย่าได้เป็นกังวลไปเลย”

จ้าวฟางฉีที่สังเกตท่าทีของมารดากล่าวออกมา ก่อนที่เขาจะคีบหมูตุ๋นใส่ชามให้แก่ผู้เป็นน้องสาวอย่างใส่ใจ จ้าวฟางเซียนส่งยิ้มให้พี่ชายรอง เพื่อเป็นการขอบน้ำใจเขา

“นั่นน่ะสิเจ้าคะท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งคิดมากไปเลย ประเดี๋ยวจะกินข้าวไม่ลงเอาได้ ว่าแต่ฉีเอ๋อร์….เจ้ารู้ได้เช่นไร ว่าที่ท่านปู่เรียกหาท่านพ่อ เป็นเพราะเรื่องจดหมายที่มาจากตระกูลเซี่ยน่ะ”

จ้าวฟางหรูเห็นด้วยกับน้องชาย ก่อนที่นางจะเอ่ยถามเขาออกมา จ้าวฟางเซียนยกยิ้มเพียงเล็กน้อย เพราะทุกถ้อยคำที่มารดา พี่ชายรองและพี่หญิงใหญ่พูดคุยกันออกมาในยามนี้นั้น ล้วนแล้วแต่เป็นถ้อยคำที่นางเคยได้ยินได้ฟังมาแล้วหนหนึ่ง

“ก็ข้าเป็นคนรับจดหมายนั้นเองกับมือ ครั้นข้านำจดหมายนั้นไปให้ท่านปู่ ไม่นานนักท่านปู่ก็ให้ฟงฉีมาตามท่านพ่อไปพบ แล้วจะเป็นเพราะเรื่องใดไปได้อีก” จ้าวฟางฉีตอบพี่สาว แล้วจึงหันไปคีบเนื้อปลาให้กับจ้าวฟางเซียนอีกครา

“กินให้มากๆ หน่อยเซียนเอ๋อร์…จะสิบห้าอยู่แล้ว ยังดูเหมือนอายุสิบปีอยู่เลย”

เป็นคำพูดเช่นเดิมที่เคยได้ยินมาไม่ผิดเพี้ยน จ้าวฟางเซียนจึงส่งค้อนน้อยๆ ให้พี่ชายอย่างเช่นที่นางเคยกระทำ เรียกรอยยิ้มจากใบหน้าหล่อเหลา ของพี่ชายรองได้เป็นอย่างดี

“ตระกูลเซี่ย...ใช่ตระกูลแม่ทัพแห่งเมืองหนานจงใช่หรือไม่เจ้าคะท่านแม่”

จ้าวฟางหรูเอ่ยถามมารดา นางวางตะเกียบลงบนชาม พลางใช้ผ้าเช็ดปากอย่างเนิบนาบ ทุกท่วงท่าสง่างามสมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่

“อืม...ตระกูลแม่ทัพเซี่ยแห่งเมืองหนานจงนั่นแหละ แต่ไม่นานมานี้แม่ได้ยินมาว่า ตระกูลเซี่ยเพิ่งจะสูญเสียบุตรชายคนรองไป ยามนี้ตระกูลเซี่ยจึงเหลือเพียงคุณชายใหญ่ที่เป็นทายาทสายตรงเพียงผู้เดียว"

“ตระกูลขุนนางฝ่ายบู๊ส่วนมากก็เป็นเช่นนี้ อายุไม่ยืนยาว”

จ้าวฟางหรูไม่ชื่นชอบบุรุษที่มีหน้าที่เสี่ยงชีวิตเพื่อบ้านเมืองเช่นนั้น หากวันใดวันหนึ่งนางต้องเลือกตระกูลที่จะแต่งออกไปจริงๆ ตระกูลแม่ทัพ หรือพวกขุนนางฝ่ายบู๊ย่อมไม่อยู่ในตัวเลือกของนาง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 37 - 1 สุขสันต์นิรันดร (จบ)

    หลังจากพูดคุยกันอยู่นานเกือบสองเค่อ เสียงของทารกน้อยที่นอนอยู่ห้องข้างๆ ก็ดังขึ้นมา จ้าวฟางเซียนรีบบอกกล่าวมารดา แล้วรีบเดินออกไปหาบุตรชาย หลังฟื้นมาจากฝันร่้ายในวันนั้น จ้าวฟางเซียนก็รู้สึกเสียใจเป็นอันมาก ที่สองวันแรก นางไม่อาจให้นมบุตรชายเองได้ ดีที่แม่สามีมองการณ์ไกล เตรียมแม่นมเอาไว้ให้ เผื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและสองวันแรกที่นางคลอดลู่หมิงออกมา ก็เกิดปัญหาขึ้นมาจริงๆ หลังจากที่นางตื่นขึ้นมา ก็พยายามดูแลร่างกายตนเอง และกินอาหารบำรุงน้ำนม ไม่ถึงเจ็ดวัน นางก็ขออนุญาตแม่สามี ให้นางป้อนนมลูกด้วยตัวเอง จางซื่อก็ไม่ได้ห้ามปรามอันใด เพราะน้ำนมจากมารดาย่อมดีกว่านมจากผู้อื่นอยู่แล้ว นับตั้งแต่นั้นมา จ้าวฟางเซียนก็ให้นมเซี่ยลู่หมิงเองเรื่อยมา ทว่ามีแม่นมฉินอยู่คอยช่วยดูแลบุตรชาย ในเวลาที่นางไม่ต้องให้นมหวงซื่อเดินตามบุตรสาวเข้ามาในห้องของหลานชาย นางมองไปยังบุตรสาว ที่ออกเรือนมาได้ไม่ถึงสามปี ทว่ายามนี้ได้มาเห็น ว่านางนั้นมีครอบครัวที่สมบูรณ์พูนสุขเพียงใด ก็พลอยให้รู้สึกโล่งใจ จากที่เคยคิดเป็นกังวล ว่านางจะได้พบเจอกับความยากลำบาก ในการใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลขุนนางใหญ่ ก็ทำให้นางวางใจล

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 37 สุขสันต์นิรันดร์

    วันเวลาผันผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากฤดูที่หนาวเย็นยะเยือก แปรเปลี่ยนมาเป็นฤดูใบไม้ผลิ เทศกาลลี่ชุนก็ได้เวียนมาถึงอีกหน อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ สรรพสิ่งเริ่มงอกงาม หลายครอบครัวที่ทำการเกษตร เริ่มต้นการเพาะปลูก สรรพสัตว์เริ่มออกจากการจำศีล เพื่อออกหากิน เหล่านายพรานกลับมาทำอาชีพของตนบ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น ชาวเมืองยิ้มแย้มแจ่มใส เด็กน้อยที่กำลังวิ่งเล่น ส่งเสียงหัวเราะออกมา จนทำให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ได้ยิน ต่างก็พากันยิ้มได้ จวนตระกูลเซี่ยยามนี้ ก็ไม่ต่างไปจากสถานที่อื่น หรือจวนอื่นนัก ทว่าวันนี้ที่จวนสกุลเซี่ย ได้จัดงานครบเดือนให้แก่คุณชายน้อย ที่มีอายุครบหนึ่งเดือนพอดี บรรยากาศภายในจวน จึงเต็มไปด้วยความชื่นมื่นมีความสุขตระกูลจ้าวถือโอกาสที่เหลนน้อยอายุครบเดือน พากันเดินทางมาจากเมืองหนานจาง เพื่อมาเยี่ยมเยือนจ้าวฟางเซียน และบุตรชายของนางที่จวนสกุลเซี่ย เมืองหนานจง จ้าวฟางเซียนมองไปยังผู้คนจากตระกูลเดิมของตน ด้วยความรู้สึกตื้นตันใจ นางไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่า ชีวิตของนางจะมีโอกาส ได้มาเห็นภาพแห่งความสุขเช่นในวันนี้ท่านปู่ท่านย่าที่อายุมากแล้ว ก็ยังอุตส่าเดินทางมาถึงที่นี่ เพื่อมาอวยพรให้เ

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 36 - 1 เป็นเพียงแค่ความฝัน

    “หลงเอ๋อร์…จ้าวซื่อกับเจ้า ได้ตั้งชื่อเตรียมเอาไว้ให้เขาแล้วใช่หรือไม่”จางซื่อถามบุตรชายออกมาขณะที่ส่งทารกในห่อผ้าไปให้เขา เซี่ยเฟยหลงหัดอุ้มเด็กกับภรรยามาบ้างแล้ว แม้จะมีท่าทีเงอะงะงุ่มง่าม ทว่ากลับดูไม่ขัดตาเท่าใดนัก เซี่ยเฟยหลงก้มมองดวงหน้าเล็กเท่าฝ่ามือของบุตรชาย ก่อนที่จะเอ่ยนามของเขาออกมา“เซี่ย…ลี่หมิง”เพราะเขาคือแสงสว่างอันงดงาม ส่องลงมายังบนโลกมนุษย์ให้ความอบอุ่นแก่ผู้คน จ้าวฟางเซียนเป็นผู้ที่ตั้งชื่อบุตรชาย ส่วนตัวเขาเป็นผู้ที่ตั้งชื่อบุตรสาวเอาไว้ ทว่ากลับไม่ได้ใช้ ช่างเป็นวาสนาของเจ้าตัวน้อยเสียจริง ที่ได้ชื่อที่มารดาเป็นผู้ที่ตั้งให้“นามไพเราะ ความหมายดี…หมิงเอ๋อร์หลานย่า” จางซื่อยื่นมือไปรับหลานชายกลับมา เซี่ยเฟยหลงไม่ดื้อดึง ส่งทารกในห่อผ้ากลับคืนให้แก่มารดาทันที“จ้าวซื่อเป็นคนตั้งชื่อให้เขาใช่หรือไม่” นายท่านผู้เฒ่าเซี่ยเอ่ยถามหลานชายออกมา ก่อนที่จะกวักมือเรียกลูกสะใภ้ให้พาเหลนตัวน้อยมาให้เขาได้เชยชมบ้าง“ขอรับท่านปู่…นางตั้งชื่อบุตรชาย ส่วนข้าตั้งชื่อบ

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 36 เป็นเพียงแค่ความฝัน

    หลังจากที่ตรวจพบว่า จ้าวฟางเซียนตั้งครรภ์ จางซื่อก็ได้ส่งแม่นมฉิน ให้มาทำหน้าที่คอยดูแลฮูหยินน้อยอย่างใกล้ชิด แม้เซี่ยเฟยหลงจะรับปากกับมารดาว่า เขาจะไม่ล่วงเกินภรรยา ขอเพียงแค่ให้เขาได้นอนกอดนางก็พอคราแรกจางซื่อก็ไม่ยินยอม ทว่าจ้าวฟางเซียนกลับช่วยพูดให้แม่สามีเข้าใจ จางซื่อจึงยอมอ่อนข้อให้แก่บุตรชาย ทว่ากลับให้แม่นมฉิน มานอนเฝ้าอยู่ที่หน้าฉากกั้นแทน เช่นนั้นแล้วหากเซี่ยเฟยหลงมีความคิดเหลวไหล ย่อมถูกแม่นมฉินจับได้“โหวเหย…ท่านต้องเห็นใจบ่าวด้วยสิเจ้าคะ บ่าวก็ไม่ได้อยากทำเช่นนี้ แต่ในเมื่อนายหญิงท่านสั่งมา บ่าวจะกล้าขัดได้อย่างไรกัน”เซี่ยเฟยหลงจ้องหน้าแม่นมตาเขม็ง แม่นมฉินฉีกยิ้มกว้างออกมา ก่อนที่จะสั่งให้คนนำตั่งตัวยาวมาวางไว้ ด้านหน้าฉากกั้น จ้าวฟางเซียนนึกขัน ให้กับใบหน้าของสามีที่กำลังบูดบึ้ง พลางมองไปยังแม่นมฉินด้วยแววตาอบอุ่นแม่นมฉินแคล้วคลาดจากความตายในความทรงจำของนาง หรืออาจจะเป็นเพราะนางมีครรภ์ ถึงได้ทำให้เหตุการณ์บางอย่างเปลี่ยนไป นางเองก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เพราะถ้าหากเหตุการณ์ดำเนินไปตามที่นางเคยพบเจอแม่นมฉินจะต้องจากไปตั้งแต่ต้น

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 35 - 1 มีแต่เรื่องน่ายินดี

    แสงทิวากำลังจะลาลับ พร้อมกับท้องฟ้าสีน้ำหมึกกำลังเปลี่ยนเข้ามาแทนที่ สองอาชาสองชายหนุ่ม ยังคงเร่งรีบฝ่าความมืดกลับเมืองหนานจงด้วยความคะนึงหา เซี่ยเฟยหลงไม่แม้แต่คิดที่จะหยุดพัก ในเมื่อเจ้านายไม่ยินยอมที่จะพัก ทั้งคนทั้งม้าจึงได้พากันอดทนจนถึงประตูเมืองหนานจงในเวลาดึกดื่นหากเป็นชาวบ้านธรรมดา มีหรือจะสามารถผ่านทหารเวรยาม ที่ทำหน้าที่เฝ้ารักษาการณ์อยู่หน้าประตูเมืองเข้าไปได้ง่ายๆ ทว่าเซี่ยเฟยหลงคือผู้ใด ทหารเหล่านี้ย่อมรู้ดี ครั้นได้เห็นว่าท่านแม่ทัพใหญ่เซี่ยกลับมา ต่างก็พากันกล่าวต้อนรับการกลับมา ของผู้เป็นผู้บังคับบัญชาท่านแม่ทัพหนุ่มยามนี้ปลดชุดเกราะที่น่าเกรงขามออก เหลือเพียงอาภรณ์เยี่ยงคุณชายทั่วไปสวมใส่เท่านั้น เขาไม่พูดจากับทหารเหล่านี้ให้มากความ รีบกลับเข้าเมืองอย่างเร็วรี่ มุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพของตน“พวกเจ้าอย่าคิดรั้งท่านแม่ทัพไว้นาน เขาเร่งรีบกลับมาย่อมคิดถึงภรรยา” นายทหารที่เป็นหัวหน้ากล่าวกับลูกน้องที่กำลังมองตามท่านแม่ทัพผู้องอาจ ควบอาชาหายไปในความมืดมิดครั้นมาถึงหน้าประตูจวน เซี่ยเฟยหลงสั่งห้ามมิให้ผู้ใด ไปรายงานให้คนด้านในทราบ เพราะเข

  • หวนกลับมาครานี้...ข้าจะไม่ขอเป็นสตรีที่ปากแข็งอีก   ตอนที่ 35 มีแต่เรื่องน่ายินดี

    ณ ตำหนักไท่เหอ ราชสำนัก แคว้นจิ้นองค์รัชทายาทวัยสามสิบต้นๆ กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ในฐานะผู้สำเร็จราชการแทน เพราะกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ยังคงนอนป่วยรักษาตัวอยู่ ทำให้หน้าที่ดูแลบ้านเมือง ตกอยู่ในมือของเขาชั่วคราว อย่างชอบธรรม สีหน้าของเขายามนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก เป็นเพราะความต้องการของเขา ถูกเหล่าขุนนางเก่าแก่เหล่านี้ พากันกล่าวคัดค้านเขาย่อมรู้ดีว่ายามนี้ บ้านเมืองยังขาดความมั่นคง ยิ่งกับตัวเขาหากไม่สร้างผลงาน ไหนเลยจะขึ้นมานั่งบัลลังก์มังกรนี้อย่างภาคภูมิ เขาจึงอยากใช้การยึดเมืองหนานตงของแคว้นเจิ้ง มาเป็นผลงานเพื่อขึ้นครองราชย์ของตน ถึงอย่างไรบิดา ผู้เป็นกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ก็คงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว“จะทำเช่นนั้นมิได้พ่ะย่ะค่ะ ผู้สำเร็จราชการน่าจะรู้ดี ว่ายามนี้สถานการณ์ภายในของแคว้นจิ้นเรา ยังไม่เหมาะแก่การทำศึก อีกทั้งพวกเราเพิ่งจะสูญเสียแม่ทัพใหญ่อย่างท่านอู่ผา และกำลังทหารจำนวนหลายพันคนไป บ้านเมืองเรายังคงบอบช้ำอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ขอพระองค์ทรงโปรดคิดทบทวน และพิจารณาเรื่องนี้ให้ดีด้วยเถิด”“ขอพระองค์ทรงโปรดคิดทบทวน และพิจารณาเรื่องนี้ใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status