Share

บทที่ 2

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!

ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”

คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”

เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!

หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”

“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไปกันเถอะ แม้ว่าฉินซูจะผ่านด่านนี้ไป แต่พี่สามก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เรามารอดูการแสดงกันดีกว่า”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ลงจากภูเขาตามไป

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ฉินซูกลับไปยังตำหนักบูรพา

ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในตำหนักบูรพา หน้าห้องบรรทมของฉินซู

มีร่างหญิงงามยืนอยู่

นางสวมอาภรณ์ฝ่ายในสีเขียวอ่อน และรูปร่างของนางก็สง่างามได้สัดส่วน!

บนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น ใบหน้ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต หัวตาเรียว หางตาชี้ขึ้น คิ้วโค้งเรียวดั่งใบหลิว ริมฝีปากแดงอมชมพู และฟันขาวสะอาด

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และงดงาม

ชื่อของนางคือหลินชิงเหยา นางเป็นบุตรีของหลินซี ซึ่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง นางเป็นคนรักขององค์ชายสาม อ๋องฉี ทั้งสองมีใจให้กัน

เพียงแต่ด้วยสถานะของนางที่ตอนนี้มาปรากฏตัวในห้องบรรทมองค์รัชทายาทเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมิน้อย

ทันใดนั้น ขันทีน้อยก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูหลิน แย่แล้ว ท่านอ๋องฉีถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน เขาสั่งให้ข้าน้อยมาแจ้งให้ท่านทราบว่าแผนการถูกยกเลิก ท่านควรออกไปทางประตูหลังให้เร็วที่สุดขอรับ”

หลินชิงเหยาตกตะลึงและอุทานขึ้น “ว่ากระไรนะ?! เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?"

“ข้าน้อยมิทราบขอรับ คาดว่าคงมีเรื่องด่วน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา กรุณาออกไปทางประตูหลังก่อนเถิดขอรับ”

“ได้!”

หลังจากที่หลินชิงเหยารู้สึกตัว นางก็หันหลังกลับเดินไปที่ประตูหลัง

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งขวางทางนางไว้

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน หลินชิงเหยาและขันทีน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด!

ขันทีน้อยคุกเข่าลง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท คือ... คือ…”

ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชา คว้าคอของอีกฝ่ายแล้วยกเขาขึ้น

“กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หักคอของอีกฝ่ายและเหวี่ยงร่างนั้นออกไป

หลินชิงเหยาหวาดกลัว นางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท พระองค์... พระองค์จะทรงทำอะไรเพคะ?”

ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

“หม่อมฉัน... เดิมทีหม่อมฉันมีบางสิ่งที่อยากทูลขอคำปรึกษากับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้หม่อมฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

หลินชิงเหยาพูดเช่นนั้นก็เตรียมผละจากไป

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าแต่กลับมายืนหน้าห้องบรรทมข้า เจ้าปิดบังอะไรไว้? ยังต้องให้ตัวข้าพูดอีกรึ?”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบด้วยท่าทีขี้เล่น ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาเพียงครั้งเดียวก็ดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

หลินชิงเหยาตกใจมากจนใบหน้าของนางซีดเผือด นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“องค์รัชทายาท ท่านโปรดอย่าทำเช่นนี้ หากอ๋องฉีรู้เข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินซูก็ตะคอกสวนไปอย่างเย็นชา “กล้าวางกับดักข้า ตัวข้าจะให้เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขานั้นโง่เขลาเพียงใด!"

ฉินซูมิรอช้า อุ้มหลินชิงเหยาเดินตรงไปที่ห้องบรรทม

เมื่อมาถึงห้องบรรทม เขาก็โยนหลินชิงเหยาลงบนเตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวนาง

หลินชิงเหยาตื่นตระหนก พูดอย่างรีบร้อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงทำเช่นนี้มิได้ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดอีก… อื้อ…”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ ฉินซูก็ประกบจูบกับปากของนาง

นางที่ยังมิเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน สมองพลันว่างเปล่าในทันที

จบแล้ว คราวนี้เนื้อเข้าปากเสือเป็นที่เรียบร้อย

กว่านางจะรู้สึกตัว ฉินซูก็เปลื้องอาภรณ์ของนางจนเปลือยเปล่า

ในเวลานี้ นางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อ้อนวอนว่า “องค์รัชทายาท ช้าก่อนเพคะ ท่านทำเช่นนี้มิได้!”

“หึหึ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเจ้าก็เพราะต้องการให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้อ๋องฉีจับได้คาหนังคาเขามิใช่รึ? ข้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีกรึ?!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบนางอีกครั้ง มือไม้ซุกซนไปทั่ว

หลินชิงเหยาพยายามต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่ก็มิเป็นผล

ภายใต้การรุกรานของฉินซู ความปรารถนาในใจนางก็ถูกกระตุ้นขึ้น นางค่อย ๆ หยุดต่อต้าน และจากนั้นก็เริ่มตอบสนองเขาแทนเสียด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็มิลังเลอีก ตรงเข้าประเด็นหลักทันที!

ประมาณสามในสี่ของชั่วยามต่อมา ฉินซูนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้แผ่นหลังนุ่มนวลและเรียบเนียนดั่งหยกของหลินชิงเหยาอย่างคิดมิตก

หลินชิงเหยานอนเหงื่อชุ่มอยู่ในอ้อมแขนของฉินซู ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ สีหน้าที่แสดงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เดิมทีตามแผนการของอ๋องฉี นางมาที่นี่เพื่อจัดฉากให้ฉินซูตกหลุมพราง จะได้โค่นเขาลงโดยเร็วที่สุด

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้กลับกลายเป็นฉินซูที่กำชัย

สิ่งที่ทำให้นางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือ ทักษะอันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ของฉินซู มันทำให้นางได้ลิ้มรสในความสุขสมของการเป็นสตรีอย่างลึกซึ้ง

ความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ทำให้นางหลงใหลจนถอนตัวมิขึ้น

นางมิเสียใจเลยที่ได้มอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับฉินซู

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของนาง ฉินซูจึงพูดอย่างใจเย็น “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าข้า ตอนนี้เจ้าก็กลับไปรายงานกับอ๋องฉีได้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินชิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายมิถูก หยาดน้ำตาไหลริน

แม้ว่าเดิมทีนางจะถูกบังคับ ทว่าต่อมานางก็ตอบสนองด้วยความเต็มใจ แล้วไฉนตอนนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!

ครู่หนึ่งหลินชิงเหยารู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างท่วมท้น

แต่ในใจของฉินซูนั้นมิรู้สึกอะไรเลย ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

หลินชิงเหยามองฉินซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นจึงสวมอาภรณ์อย่างเงียบ ๆ แล้วลงจากเตียงไป

ก่อนออกไป นางหยุดฝีเท้ามองย้อนกลับไปที่ฉินซู

ในใจที่แตกสลาย มีความเกลียดชังปะปนอยู่ด้วย

“ฉินซู ข้าเกลียดท่าน!”

หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉินซูมิสนใจ บุตรีคนเดียวของเสนาบดีกรมพระคลัง ย่อมมิสามารถก่อปัญหาอะไรใหญ่โตได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้ว่า หลินชิงเหยารู้สึกสั่นไหวในใจแล้ว เพียงรอเวลา นางก็จะตีตัวออกหากจากอ๋องฉีเอง

หลังจากสวมอาภรณ์เสร็จเขาก็เดินออกจากห้องบรรทมไปด้วย

ในเวลานี้ มีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเห็นร่างของขันทีน้อยอีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอย่างมาก!

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามเบา ๆ “มีอะไร?”

ขันทีน้อยสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องสำคัญโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว จัดการศพของเขาด้วย และเตือนทุกคนในตำหนักบูรพา ว่าใครก็ตามที่คิดจะทรยศข้าแม้แต่นิด จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยมิละเว้น!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีน้อยตกใจมากจนเหงื่อไหลเย็น องค์รัชทายาทกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 848

    ไช่ซือได้สติ ก็แผดเสียงคำราม “พลโล่รีบจัดทัพ ล้อมมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้!”“เฮ!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องนั้น พลโล่กรูเข้ามาตั้งวงล้อมรอบส่วนทหารที่เหลือก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพลโล่ภายในวงล้อมนั้น ในมิช้าก็เหลือเพียงฉินซู เกาตงและไช่ซือซึ่งเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าใคร“เจ้าเป็นใคร จงเอ่ยนามมา!”เกาตงจ้องฉินซูอย่างดุดันแล้วตะโกนถามฉินซูยิ้มอย่างสุขุม มิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่เศษเหล็กพวกนี้ คิดว่าจะขังข้าได้รึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”สิ้นคำเขาก็กระโจนร่างขึ้นสูง!“แย่แล้ว เขากำลังจะหนี! รีบหยุดมันไว้!”เกาตงสั่งการ พลหอกที่อยู่ด้านหลังพลโล่ก็รีบยกหอกขึ้นสูงแทงใส่ฉินซูที่อยู่กลางอากาศกระบี่ยาวในมือของฉินซูสะบัดหนึ่งครั้ง หอกเหล่านั้นก็หักกลางลำทันที!หลังจากนั้น ฉินซูมิเพียงแต่มิหนีไปไหน แต่กลับร่อนลงด้านหลังพลโล่ และสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกคราเริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งครั้นเห็นการกระทำของเขา เกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยโทสะจนต้องคำรามลั่น “กระจายกำลัง! รีบกระจายกำลังออกไป!”ขณะกล่าว เขาก็สั่งให้ไช่ซือและคนอื่น ๆ ไล่ตามฉินซูไปติด ๆแต่ฉินซูก็หาไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 847

    แต่ทันใดนั้นเอง!จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลออกไป!ตามด้วยเสียงคำรามโทสะ “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก! รีบตั้งรับเร็วเข้า!!”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาตงและไช่ซือก็ต่างหัวใจสั่นสะท้าน!เมื่อได้สติ เกาตงก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม “โคตรแม่งมันสิ กล้าลอบเข้ามาโจมตีกลางวันแสก ๆ เตรียมอาวุธ อย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้!”“ขอรับ! เร็วเข้า! รีบเตรียมอาวุธรับมือ!”ไช่ซือสั่งการ เหล่าทหารที่ยังหลับใหลอยู่ต่างกระโดดออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบทันใดพวกเขาติดตามเกาตงและไช่ซือวิ่งไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทว่าทุกคนกลับต้องตะลึงงัน!เห็นเพียงร่างหนึ่งอยู่มิไกลข้างหน้า กำลังพุ่งเข้าสังหารฝูงชน!นอกจากนี้ ยังไม่มีเงาร่างของศัตรูคนอื่นใดอีก!ไช่ซือมีสีหน้าตกตะลึง “เจ้าคนบ้าบิ่นคนเดียว กล้าบุกเข้าค่ายเราเชียวรึ?”“เจ้าคนสามานย์ คิดว่าค่ายทหารม้าหุ้มเกราะของเราจะยอมง่าย ๆ รึ นำดาบข้ามา ข้าจะลงมือสับมันเอง!”เกาตงรับดาบรบมาแล้วเตรียมจะลงมือด้วยตนเองไช่ซือรั้งตัวเขาไว้แล้วเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพเกา อย่าใจร้อนนักเลยขอรับ ดูท่าทีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”เกาตงขมวดคิ้วพลางมองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status