แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ในพระตำหนักจินหลวนอันอันสง่างามและโอ่อ่า

ฉินอู๋ต้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน สวมฉลองพระองค์ลายมังกร นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร

พระพักตร์ดูสง่างาม มิมีแววโกรธแต่ยังดูทรงอำนาจ

มิว่าจะเป็นขมับที่ขาวโพลน หรือรอยย่นสามเส้นบนหน้าผาก ล้วนแต่บอกเล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทรงงานราชการตลอดทั้งวัน

ใต้บันไดหยก มีเก้าอี้ไม้หนานมู่เนื้อทองสองตัวอยู่ทางซ้ายและขวา มีชายชราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้น

คนทางซ้ายสวมชุดขุนนางสีม่วง และเข็มขัดสีทองลายดอกไม้เลื้อยรอบเอว

แม้ว่าเขาจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้วแต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังและกระปรี้กระเปร่า!

มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสแห่งสำนักขุนนางใหญ่!

คนทางขวามีอายุเท่าเว่ยเจิงสวมชุดนักปราชญ์ บนคางมีหนวดเคราสีเทายาวประมาณสามนิ้ว ในมือถือเข็มทิศหยกขาวไว้

เสื้อคลุมสีเทาของเขาปักลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งเจ็ดดวง!

แววตาของเขาดูลึกซึ้งและสงบ แต่การเคลื่อนไหวเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งในใต้หล้าได้ในพริบตา

มิใช่ใครอื่นนอกจากเหลยเจิ้น หัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง!

ชายสองคนนี้เป็นทั้งขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในราชวงศ์ต้าเหยียน และได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิฉินอู๋ต้าวเป็นอย่างสูง

คณะเสนาบดีส่วนใหญ่ประกอบด้วยขุนนางอาวุโสประจำสำนักขุนนางใหญ่ และเสนาบดีขั้นสองจำนวนห้าคน ซึ่งร่วมกันช่วยองค์จักรพรรดิบริหารราชการแผ่นดิน ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจสูง

สำนักหอดูดาวหลวงมีหน้าที่รับผิดชอบในการเฝ้าสังเกตดวงดาว คำนวณปฏิทิน และรักษาความสงบเรียบร้อยในพระราชวัง

ยิ่งไปกว่านั้น ความแข็งแกร่งของหัวหน้าโหรหลวงนั้นมิอาจหยั่งรู้ได้ และมิอาจประมาทได้เลย

ในขณะนี้

ณ ท้องพระโรงอันกว้างขวาง กองขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ต่างยืนเรียงรายอยู่สองฝั่งด้วยสีหน้าจริงจัง

หลังจากที่ฉินซูเข้าไปในท้องพระโรง เขาก็คุกเข่าลงด้วยความเคารพและโค้งคำนับฉินอู๋ต้าวที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร

“ลูกขอถวายบังคมเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วพูดอย่างใจเย็น “ลุกขึ้นเถอะ!”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากที่ฉินซูยืนขึ้น ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ในท้องพระโรงต่างก็โค้งคำนับเขาอย่างพร้อมเพรียงกัน

หัวหน้าโหรหลวงเหลยเจิ้นจ้องมองตรงไปที่เขา หลังจากหยุดชั่วครู่ก็มองไปทางอื่น

สิ่งที่ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นก็คือ หลังจากมองฉินซูแวบหนึ่งแล้วดวงตาของเหลยเจิ้นก็แสดงความประหลาดใจและสับสนออกมา

ในเวลานี้ ชายหนุ่มจากต่างแคว้นในชุดหรูหรา ที่อยู่กลางท้องพระโรงก็เอ่ยขึ้น

“องค์จักรพรรดิ ขณะนี้ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ของพระองค์ก็มากันครบแล้ว เราเริ่มเจรจาเลยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

“เจรจา?”

ฉินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูประหลาดใจ

ชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างซึ่งแต่งกายด้วยอาภรณ์งดงาม มีเข็มขัดหยกคาดเอว อธิบายด้วยเสียงต่ำ “เสด็จพี่ นี่คือคณะทูตจากเป่ยเยี่ยน"

“เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทหารต้าเหยียนของเรารุกคืบขึ้นเหนือ ยึดเมืองชิ่งโจวซึ่งถูกเป่ยเยี่ยนยึดครองตั้งแต่รัชศกเจียคังที่สามสิบเจ็ดคืนได้ เช่นนั้นเป่ยเยี่ยนจึงโกรธมากจึงส่งพวกเขามาเจรจา”

“คนที่เพิ่งพูด คือองค์ชายห้าแห่งเป่ยเยี่ยน มู่หรงฟู่”

“ชายร่างกำยำที่อยู่ด้านข้างคือองครักษ์ส่วนพระองค์ของเขา เขาเป็นที่รู้จักในฐานะนักรบอันดับหนึ่งแห่งเป่ยเยี่ยน ชื่อของเขาคือหนิวจิน!”

“ผู้อาวุโสที่อยู่ถัดจากมู่หรงฟู่ นามว่าเฉิงจืออี้ เขาเป็นสมาชิกอาวุโสสูงสุดของสำนักขุนนางใหญ่เป่ยเยี่ยน เขาเป็นผู้นำในการเจรจาครั้งนี้ มู่หรงฟู่แค่ติดตามเขามาเพื่อฝึกฝนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย

ฉินซูยังคงประทับใจฉินอี้น้องชายคนที่แปดของเขา

ในความทรงจำของเขา อีกฝ่ายอายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปี เป็นคนตรงไปตรงมาและใจกว้าง และให้ความเคารพต่อพี่ชายทุกคน

แม้กระทั่งรู้ว่าฉินซูจะถูกปลดหลังจากวันชุนเฟินปีหน้า ในยามที่ทุกคนมองเขาอย่างเย็นชา หรือแม้กระทั่งซ้ำเติม ฉินอี้ยังคงรักษาความเคารพต่อฉินซูไว้

เป็นเพราะนิสัยของเขาที่มิเป็นปรปักษ์กับผู้ใดอย่างชัดเจน ทำให้เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับพี่น้องทุกคน และเป็นที่รักใคร่จากทุกฝ่าย

ในเวลานี้ ฉินอู๋ต้าวผู้ซึ่งประทับบนบัลลังก์มังกรพูดอย่างใจเย็น

“มู่หรงฟู่ เป่ยเยี่ยนของเจ้าจะเจรจาอย่างไร?”

มู่หรงฟู่ยกคางขึ้นเล็กน้อย มองตรงไปยังฉินอู๋ต้าวด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง

“แน่นอนว่ากระหม่อมต้องการให้แคว้นของท่านคืนเมืองชิ่งโจวตามสนธิสัญญาที่ลงนามในตั้งแต่รัชศกเจียคังปีที่สามสิบเจ็ดพ่ะย่ะค่ะ เมืองชิ่งโจวเป็นเมืองขึ้นของเป่ยเยี่ยน”

“นอกจากนี้ เมืองชิ่งโจวยังเป็นของเป่ยเยี่ยนมาเป็นเวลากว่าสี่สิบปีแล้ว”

“ท่านฉวยโอกาสตอนที่เป่ยเยี่ยนมิทันระวังเข้ามายึดเมือง ท่านทรงคิดว่าเป่ยเยี่ยนของเรา รังแกง่ายหรือ?”

หลังจากที่มู่หรงฟู่พูดจบ เฉิงจืออี้สมาชิกอาวุโสสูงสุดของสำนักขุนนางใหญ่เป่ยเยี่ยนก็พูดเช่นกัน

เขากล่าวด้วยท่าทางที่มิเย่อหยิ่งและมิอ่อนน้อมว่า “จักรพรรดิเหยียน ทหารห้าแสนนายของเป่ยเยี่ยนเรากำลังเตรียมกองกำลัง ทันทีที่จักรพรรดิมีราชโองการ พวกเขาจะบุกเข้าตีเมืองทั้งเจ็ดทางตอนเหนือในต้าเหยียนของท่าน เพื่อป้องกันมิให้ผู้คนแถบชายแดนระหว่างทั้งสองแคว้นต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว ได้โปรดคืนเมืองชิ่งโจวด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวมิได้ตัดสินใจในทันที ทว่ามองไปที่ขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ด้วยความสนใจอย่างมาก และถามอย่างแผ่วเบา "ใต้เท้าทุกท่าน พวกเจ้าคิดอ่านเช่นไร?"

“ฝ่าบาท ทหารม้าเป่ยเยี่ยนนั้นเก่งกาจและมีทักษะการยิงธนูดีเยี่ยม หากเรารบกับพวกเขา เกรงว่าจะได้มิคุ้มเสีย”

“พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท กองทัพของเราต่อสู้กับพวกเขาเมื่อสี่สิบปีก่อน ส่งผลให้เราพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ และสูญเสียเมืองชิ่งโจวไป ฝ่าบาท โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบอีกครั้งด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ฝ่าบาท หากเกิดสงคราม ทุกชีวิตบริเวณชายแดนจะต้องทุกข์ยาก ฝ่าบาท โปรดคำนึงถึงความเป็นอยู่ของราษฎรเป็นสำคัญด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากได้ยินคำพูดของขุนนางเหล่านี้ ฉินอู๋ต้าวก็มิแสดงอารมณ์หรือความโกรธอะไรบนใบหน้า ดวงตาที่หมองคล้ำของเขาจ้องมองไปที่องค์ชายสาม ฉินหง

“เจ้าสาม เจ้าคิดเช่นไร?”

ฉินหงตอบด้วยเสียงนอบน้อมว่า “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า หากมิเกิดสงครามย่อมดีที่สุด หากเป่ยเยี่ยนต้องการเมืองชิ่งโจวคืนก็ให้พวกเขาซื้อคืนกลับไปได้พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่างไร เราก็ยึดเมืองชิ่งโจวมาได้ด้วยกำลัง ดังนั้นเรามิอาจคืนเมืองทั้งเมืองกลับไปได้เพียงเพราะคำพูดของพวกเขามิกี่คำ มิเช่นนั้น ในภายภาคหน้าต้าเหยียนคงมิรู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด”

หลู่เหนิง เสนาบดีกรมขุนนางกล่าวด้วยเสียงนอบน้อมว่า “ฝ่าบาท ท่านอ๋องฉีตรัสได้ถูกต้องแล้ว ให้เป่ยเยี่ยนจ่ายเงินซื้อเมืองชิ่งโจว ด้วยวิธีนี้ จะสามารถรักษาหน้าตาของทั้งสองแคว้นของเราไว้ได้พ่ะย่ะค่ะ”

“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

เสนาบดีทุกคนต่างแสดงความคิดเห็นกัน

ฉินอู๋ต้าวเอนหลังบนบัลลังก์มังกร เหลือบมองผู้คน และถามอย่างสบาย ๆ “รัชทายาท เจ้าคิดว่าอย่างไร?”

ก่อนที่ฉินซูจะทันได้เอ่ยปาก ฉินเหยี่ยน องค์ชายหกก็พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันว่า “องค์ชายรัชทายาท ถึงแม้ว่าท่านจะเอาแต่หมกมุ่นในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันมิคิดหาความก้าวหน้า แต่ครั้งนี้ที่เสด็จพ่อถามความเห็นของท่าน ท่านควรจะแสดงออกให้ดี อย่าให้เสด็จพ่อต้องผิดหวัง!”

ฉินซูเพียงแค่เหลือบมองเขาอย่างเย็นชา จากนั้นก็คำนับจักรพรรดิฉินอู๋ต้าวแล้วพูดว่า

“เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า มิว่าทูตของเป่ยเยี่ยนจะพูดอย่างไร เมืองชิ่งโจวก็มิควรถูกคืนกลับไปอยู่ในมือของพวกเขา กว่าห้าร้อยปีครึ่งสหัสวรรษแล้ว นับตั้งแต่แคว้นต้าเหยียนสถาปนาขึ้น นับตั้งแต่ก่อตั้งแคว้น เมืองชิ่งโจวก็เป็นดินแดนของต้าเหยียน”

“ในรัชศกเจียคังปีที่สามสิบเจ็ด เมืองชิ่งโจวถูกเป่ยเยี่ยนยึดไป ตอนนี้เราเพิ่งได้ในสิ่งที่เป็นของเรากลับมา ดังนั้นจึงมิจำเป็นต้องเจรจาอะไรอีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป มู่หรงฟู่ก็พูดด้วยความโกรธทันที “ฝ่าบาท หากฝ่าบาททรงทำตามที่องค์รัชทายาทของท่านว่าจริง ๆ แคว้นของเราทั้งสองก็มีแต่จะต้องทำสงครามเท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น ราษฎรจะต้องเดือดร้อน ผู้คนมากมายจะต้องล้มตาย ท่านจะกลายเป็นคนบาปที่สุด กระหม่อมแนะนำให้ท่าน... "

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินซูก็ตบเขาด้วยหลังมือ!

“เพียะ!”

มู่หรงฟู่มิทันระวังตัว จึงถูกตบจนล้มลงไปกับพื้นทันที

หนิวจิน องครักษ์ที่อยู่ข้างกายเขาไม่มีเวลาโต้ตอบแม้แต่น้อย!

หลังจากได้ยินเสียงดังกล่าว ทหารที่ถือดาบอยู่ด้านนอกพระราชวังก็รีบกระโดดเข้ามาอย่างรวดเร็ว จ้องมองคณะทูตเป่ยเยี่ยนด้วยสายตาดุดัน

หลังจากที่มู่หรงฟู่รู้สึกตัว เขาก็คำรามด้วยท่าทางท่าทางดุร้ายแต่ภายในจิตใจกลับหวาดหวั่น “สารเลว เจ้ากล้าตบข้ารึ?!”

ดวงตาของฉินซูกลอกตามองไปรอบ ๆ จากนั้นเขาจึงเหยียบไปที่ใบหน้าของมู่หรงฟู่ และพูดอย่างเย็นชา “ตบเจ้ารึ? เพราะว่าเจ้าล่วงเกินเสด็จพ่อของข้า ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ตอนนี้เลยด้วยซ้ำ!”

หลังจากพูดเช่นนั้น ประกายดุดันที่เต็มไปด้วยเจตนาสังหารก็ฉายบนใบหน้าของเขา!

ม่านตาของหนิวจินหดตัวลง เอื้อมมือใหญ่ออกไปและคว้าดาบจากมือของทหารนายหนึ่งโดยมิต้องคิด

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินซูก็แสดงสีหน้าชื่นชม พลางคิดไปว่า ‘ขุดหลุมดักไว้ ก็กระโดดลงหลุมมาจริง ๆ!’

หากเขากล้าดึงดาบออกจากฝักในท้องพระโรงของต้าเหยียน ผู้กล้าอันดับหนึ่งแห่งเป่ยเยี่ยนผู้นี้ต้องพบจุดจบเป็นแน่!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Sompan Nakha
ตอนที่ 3 แล้วกระโดดมาตอนที่ 215 เลย แอพอะไรว่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 865

    จวนอ๋องฉู่องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าฉินอวี่"ทูลท่านอ๋องฉู่ ฝ่าบาทมิทรงเห็นด้วยที่จะส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน อีกทั้งยังทรงส่งแม่ทัพฉงไปประจำการที่ชายแดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อปฏิเสธชัดเจน?" ฉินอวี่ถามย้ำ"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง การที่ฝ่าบาททรงส่งแม่ทัพฉงไปชายแดนเหนือ น่าจะประสงค์ฉวยโอกาสโจมตี""ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อต้องการฉวยโอกาสโจมตีตลบหลังเป่ยเยี่ยน ขณะที่พวกเขากำลังสู้กับแคว้นฉี"พูดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว "แล้วแคว้นฉีจะรับมืออย่างไร? เสด็จพ่อทรงส่งหัวหน้าโหรหลวงไปเกลี้ยกล่อมหรือไม่?"องครักษ์พยักหน้า "ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ หัวหน้าโหรหลวงเดินทางขึ้นเหนือไปแล้ว น่าจะไปเจรจากับอ๋องเซียงหยางพ่ะย่ะค่ะ""ดี! ดีมาก! การกระทำของเสด็จพ่อเช่นนี้ มิต่างกระไรกับการประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าต้าเหยียนของเราละทิ้งฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้ไปแล้ว!""ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทถูกละทิ้ง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอ๋องอีกแล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 864

    ฉงชูโม่ชะงักไป แล้วถามย้ำ “เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโหรหลวงขึ้นเหนือไปเพื่อช่วยองค์รัชทายาท?”“อืม อาจารย์พูดเองว่าจะมิทอดทิ้งองค์รัชทายาท”“แต่เขาไปเพียงลำพัง จะมีประโยชน์กระไรมากมาย?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริงอาจารย์ก็ลำบากใจเช่นกัน หากเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทรงออกทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน สุดท้ายต้าเหยียนของเราก็คงหนีมิพ้นเคราะห์กรรม ราษฎรในแผ่นดินก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอาจารย์คำนึงถึงจุดนี้ เขาจึงมิได้เตือนฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วเงียบไปเพราะระหว่างทางที่กลับมา นางได้ลองประมาณกำลังพลทั้งสามฝ่ายดูแล้วกำลังพลของเป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนรวมกันอย่างมากก็มีประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านนาย ส่วนแคว้นฉีลำพังแค่กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะก็มีจำนวนคนถึงหนึ่งล้านนายแล้ว นี่ยังมิรวมทัพอื่น ๆ อีกอีกทั้งแคว้นฉียังมีรากฐานที่มั่นคง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารใช้ก็เป็นของชั้นเลิศหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แม้เป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนจะร่วมมือกัน ก็ยากที่จะเอาชนะได้ที่นางมาหาหัวหน้าโหรหลวง ก็เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 863

    เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาท หากหัวหน้าโหรหลวงสามารถเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยางได้ เมื่อเขากลับมาแล้ว ค่อยให้เขาคิดหาทางแก้ไขก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หึ! เดิมทีตัวข้ายังปวดหัวอยู่ว่าจะลดทอนความดีความชอบขององค์รัชทายาทลงอย่างไร เจ้านั่นก็เหลือเกิน ใจกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยาง นี่ถือว่าเขาก่อเรื่องเอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เบาแรงข้าลงไปได้มากโขเลยทีเดียว”เฉาฉุนหัวเราะแห้ง ๆ มิได้ตอบกระไรฉินอู๋ต้าวยืดเส้นยืดสาย แล้วหันกลับไปยังห้องบรรทมภายในสำนักหอดูดาวหลวงทันทีที่เหลยเจิ้นกลับมา กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถามอย่างใจร้อน “อาจารย์ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ จะส่งทัพไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยนเมื่อใด?”“ฝ่าบาทจะมิส่งทัพไป” เหลยเจิ้นตอบสั้น ๆ“ว่ากระไรนะ?! มิส่งทัพไปช่วยหรือ หากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย กองทัพแคว้นฉีก็จะหันคมดาบมายังต้าเหยียนของเรามิใช่หรือ หลักการง่าย ๆ แค่นี้ฝ่าบาทมิได้ทรงคำนึงถึงหรือเจ้าคะ?”“ใช่ว่าฝ่าบาทมิได้คำนึงถึง เพียงแต่หากส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน ก็เท่ากับการประกาศสงครามกับแคว้นฉี ด้วยกำลังของแคว้นฉี แม้ต้าเหยียนกับเป่ยเยี่ยนจะร่วมมือกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 862

    เว่ยเจิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามิคาดคิดว่าฉินอู๋ต้าวตั้งใจจะสละองค์รัชทายาทจริง ๆเหลยเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉินอู๋ต้าวอย่างลึกซึ้งผาดหนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ“เกรงว่ามิง่ายนัก เมื่ออ๋องเซียงหยางทำลายเป่ยเยี่ยนลงแล้ว เก้าในสิบส่วนย่อมต้องบุกเข้ามา และฉวยโอกาสยึดต้าเหยียนของเราไปด้วย”เว่ยเจิงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่มากมายในช่วงหลังมานี้ หนานเยวี่ยก็เป็นองค์รัชทายาทที่ยึดครองมาได้ หากสละองค์รัชทายาทไป เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าวิพากษ์วิจารณ์เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”“คนทั่วหล้าจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าอย่างไร ข้ามิสน! สิ่งที่ข้าใส่ใจคือชีวิตของราษฎรนับล้านในแผ่นดินต้าเหยียนของข้า!”ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดแล้วหายนะครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่รัชทายาทก่อขึ้น ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ข้าย่อมมิอาจปล่อยราษฎรในแผ่นดินต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย ดังนั้น ขุนนางเหลย ข้าอยากจะขอให้เจ้าเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง ไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยาง ตราบใดที่เขามิระบายโทสะกับต้าเหยียนของเรา องค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาจัดการ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 861

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่ก้าวออกมากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าการที่องค์รัชทายาทสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยางเป็นการกระทำที่บีบบังคับยิ่ง มิอาจตำหนิพระองค์ได้ หากมิส่งกำลังไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน เกรงว่าในภายภาคหน้าภัยจะมาถึงตัว ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ตาเฒ่าเนี่ยหงสนับสนุน "ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนกับต้าเหยียนของเราจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ยามนี้หากมิร่วมมือกันต่อต้านแคว้นฉี หลังจากที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ ต้าเหยียนของเราก็จะไม่มีกำลังต่อต้านอีกต่อไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ก้าวออกมา "ฝ่าบาท ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การร่วมมือกับเป่ยเยี่ยนยังพอเห็นโอกาสเอาชนะได้บ้าง หากปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยเหลือ หลังจากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับคมดาบของกองทัพทหารม้าหุ้มเกราะนับล้านของแคว้นฉีโดยตรง""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน จะทำให้ภายในต้าเหยียนของเรามิได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม มิฉะนั้นหากวันใดทัพใหญ่ของแคว้นฉีบุกเข้ามา ต้าเหยียนของเราย่อมต้องประสบกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 860

    ฉินซูกำชับ "แม่ทัพใหญ่ ท่านควรส่งคนกลับไปเสริมกำลังป้องกันเมืองเจียหยางก่อน หากอ๋องเซียงหยางบุกโต้กลับ เมืองเจียหยางก็คือแนวป้องกันสุดท้ายของเรา""ก่อนมา ข้าได้สั่งให้คนเสริมกำลังป้องกันเมืองไว้แล้ว เรื่องนี้บุตรแห่งนักปราชญ์วางใจได้เลย!""เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม"ฉินซูพูดจบ ก็จ้องมองแผนที่ทรายตามิกะพริบ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้น ลู่อวี้และมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ฉลาดพอที่จะมิส่งเสียงรบกวน......แคว้นต้าเหยียนท้องพระโรงของพระราชวังเมืองหลงเฉิงเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินอู๋ต้าวก็รีบเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังทันทีฉินอู๋ต้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าว่ากระไรนะ? รัชทายาทกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีเชียวหรือ?!"ขุนนางทั้งราชสำนักต่างก็ตกใจหน้าซีดเซียว และต่างมองไปที่ฉงชูโม่เป็นตาเดียว!แม้แต่เหลยเจิ้นยังมีสีหน้าประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ "เพคะฝ่าบาท หยวนหัวคิดจะทำเรื่องต่ำช้ากับกู้เสวี่ยเจี้ยน หลังจากองค์รัชทายาทเสด็จไปถึง ก็ได้สังหารเขาทันที"ได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางระดับสูงที่ต้องการตำหนิฉินซูเกิดความกระดากทันทีด้วยกู้เสวี่ยเจี้ยนเป็นศิษย์ของหัวหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status