แชร์

องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน
องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน
ผู้แต่ง: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง

บทที่ 1

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่

“ตายซะ!”

เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า

“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”

ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้

ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย

‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘

‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’

‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘

ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!

ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…

‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘

ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว

มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเอง

ในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น

(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)

มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้

หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไรเล่า?”

“ฆ่าตัวตายรึ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”

ฉินซูเงยหน้ามองฟ้าหัวเราะลั่น หลังจากหัวเราะอยู่นานเขาก็พูดต่อน้ำเสียงเย้ยหยัน “เศษสวะอย่างพวกเจ้าคิดจะให้ข้าฆ่าตัวตายเช่นนั้นรึ? ใครให้พวกเจ้ากล้าพูดเช่นนี้กันเหลียงจิ้งหรูรึ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็มองหน้ากันด้วยความงุนงน

“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่ฉินซูยังกลัวจนขาแข้งอ่อนอยู่เลยมิใช่รึ เหตุใดตอนนี้ถึงกล้าถึงเพียงนี้กัน?”

“ข้าก็มิรู้ แต่ในเมื่อองครักษ์ของเขาถูกเราฆ่าไปหมดแล้ว ตอนนี้เราถือดาบ เขามีแต่ตัว อย่างไรวันนี้เขาก็ต้องตาย”

“เขาคงคิดจะถ่วงเวลา เมื่อครู่ที่พูดถึงเหลียงจิ้งหรูอะไรนั่น อาจจะเป็นยอดฝีมือที่เขาแอบฝึกฝนไว้ก็ได้ อย่ามัวพูดมาก รีบเข้าไปจัดการเขาเถอะ!”

มือสังหารเหล่านั้นมองฉินซูอย่างดุดัน แกว่งดาบคมกริบในมือแล้วพุ่งเข้าหาฉินซู

ฉินซูส่งเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา กวัดแกว่งมือออกมาตบพวกเขาหลายครั้ง

ฝ่ามืออันรวดเร็วและรุนแรงนั้นตัดผ่านความว่างเปล่าไป

ทันทีหลังจากนั้น…

“ตุ้บ”

“ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ!”

เสียงล้มลงดังขึ้นอึกทึก ร่างของชายชุดดำเจ็ดคนกลายเป็นละอองเลือด แตกสลายไปในอากาศในทันใด!

ชายชุดดำคนสุดท้ายเห็นสิ่งนี้ก็ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ราวกับถูกฟ้าผ่า!

เพียงมิกี่ฝ่ามือก็ทำให้คนทั้งคนกลายเป็นละอองเลือดได้ นี่มันวิชาเทพเซียนอะไรกัน?!

เขาตกตะลึง ดาบในมือร่วงหล่นลงกับพื้นเสียงดัง “เคร้ง”

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามอย่างเย็นชา “บอกมา ใครส่งเจ้ามาฆ่าข้า?”

“ตึก ๆ!” (เสียงหัวใจเต้น)

ชายชุดดำรีบคุกเข่าลงบนพื้นและร่างกายสั่นระริก “กราบ… กราบทูลองค์รัชทายาท… เป็น… เป็นท่านอ๋องซิ่น..."

ฉินซูหรี่ตาลงพร้อมกับยิ้มมุมปาก “เจ้าสี่รึ? ฮ่า ๆ เช่นนั้นตัวข้าจะเล่นกับเจ้าเอง!”

ชายชุดดำสับสนอย่างสิ้นเชิงในเวลานี้

วัน ๆ องค์รัชทายาทฉินซูเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสุรานารี ร่างกายอ่อนแอ แม้แต่แรงจะจับไก่ก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ในวังยังเล่าลือกันมานานแล้วว่า ฝ่าบาทได้ทรงตัดสินพระทัยแล้วว่าจะปลดเขาออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาท และแต่งตั้งองค์รัชทายาทใหม่ในวันชุนเฟิน(1)ปีหน้า

หลังจากที่ฉินซูได้ยินข่าวลือเรื่องนี้ก็ยิ่งท้อแท้ในตัวเองหนักขึ้น เอาแต่ใช้เงินซื้อความสุขอย่างมิรู้จักพอ

แต่ไฉนตอนนี้องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้จึงดูเหมือนเป็นคนละคนไปแล้วเล่า?

ในขณะที่ชายชุดดำยังสับสน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งร่าง ราวกับตกลงไปในหุบเขาน้ำแข็ง!

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นสายตาเย็นชาของฉินซูกำลังจ้องมองมา!

เขาหวาดกลัวจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง พลันรีบอ้อนวอนขอชีวิต

“องค์… องค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยินดีทำงานชดเชยความผิดและกล่าวโทษองค์ชายสี่ต่อหน้าองค์จักรพรรดิ…”

ทว่ามิทันที่เขาจะพูดจบ ฉินซูก็สะบัดมือใส่เขาจนกลายเป็นละอองเลือด

แค่ข้ารับใช้ตัวเล็ก ๆ เพียงคนเดียว หากฝ่าบาทเชื่อเขาก็คงปาฏิหาริย์แล้วกระมัง

นอกจากนี้ เมื่อเขาเดินทางข้ามมิติมาเขาได้นำพลังการบ่มเพาะตนอันน่าทึ่งติดตัวมาด้วย

ตอนนี้มิว่าองค์ชายหน้าไหนเขาก็มิกลัวทั้งสิ้น และพร้อมจะจัดการให้สิ้นซาก

ทั้งบัลลังก์และหญิงงาม เขาต้องการทั้งหมด!

ดวงตาของฉินซูฉายแววเย็นชา เขาหันหลังกลับและเดินลงจากภูเขาไป

เดินไปมิไกล ก็ได้พบกับกลุ่มทหารองครักษ์

บุรุษอายุประมาณยี่สิบสามยี่สิบสี่ปีสวมอาภรณ์พญางู มีราชองครักษ์ล้อมหน้าล้อมหลัง

บุคคลนี้มิใช่ใครอื่นแต่เป็นองค์ชายหก ฉินเหยี่ยน!

เมื่อพวกเขาเห็นฉินซูก็พากันตกตะลึง

แววตาประหลาดใจฉายไปทั่วใบหน้าของฉินเหยี่ยน จากนั้นเขาก็เดินออกจากฝูงชน พูดอย่างเหน็บแนมว่า “โอ้ นี่องค์รัชทายาทมิใช่หรือ ช่างบังเอิญเสียจริง”

ฉินซูถามด้วยรอยยิ้มแกน “บังเอิญ? เจ้าพาคนขึ้นเขามามากมายเพียงนี้มิใช่เพื่อมาหาข้ารึ?”

ในความทรงจำของเขา ฉินเหยี่ยน องค์ชายหกผู้นี้เป็นคนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ และเคยวางแผนเล่นงานเขามาหลายครั้ง

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้กลับพาองครักษ์ขึ้นเขามา วัตถุประสงค์ย่อมชวนให้สงสัย

ฉินเหยี่ยนสะดุ้งไป หัวเราะแห้ง ๆ แล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท ท่านล้อเล่นแล้ว ข้าแค่เห็นว่าสายลมและแสงแดดวันนี้ค่อนข้างเป็นใจ เหมาะแก่การเดินเล่นบนเขา เช่นนั้นข้าจึงอยากมาเที่ยวเล่นบ้าง”

องครักษ์ที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็พูดเช่นกันว่า “องค์ชายตรัสถูกแล้ว เหตุใดหรือ ภูเขาลูกนี้เป็นขององค์รัชทายาทเพียงผู้เดียวหรือ ท่านมาได้ เรามามิได้หรือ?”

ชายคนนี้ชื่อเฉินฉวิน เป็นองครักษ์พกดาบ(2)ขององค์ชายหกฉินเหยี่ยน ฝีมือมิธรรมดา

ดวงตาของฉินซูเย็นชาอย่างมาก จ้องมองไปยังเฉินฉวิน

เมื่อเฉินฉวินสัมผัสได้ถึงการจ้องมองอย่างอาฆาตของฉินซู หัวใจของเขาก็เต้น “ตึกตัก” อย่างอธิบายมิได้

เหตุใดดวงตาขององค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ถึงน่ากลัวเพียงนี้?

ในขณะนั้นเอง ฉินซูยื่นมือออกไปดึงดาบจากเอวของเฉินฉวิน และฟันด้วยหลังมือ!

“อั่ก!”

โลหิตพุ่งออกไปราวกับศร ศีรษะของเฉินฉวินลอยขึ้นไปในอากาศ และหล่นลงสู่พื้น

ร่างไร้หัวสั่นไหวเล็กน้อยก่อนจะหงายหลังลงพื้นไป!

เฮือก!

เมื่อเห็นเหตุการณ์มิคาดฝันนี้ ทุกคนอ้าปากค้างลืมหายใจทันที!

ฉินเหยี่ยนก็ตกใจกลัวเช่นกัน ตะโกนขึ้นด้วยใบหน้าซีดเซียว “องค์รัชทายาท เหตุใดถึงฆ่าองครักษ์ข้าง

กายของข้า หากมิให้คำอธิบาย ข้าจะไปร้องเรียนท่านกับเสด็จพ่อ!"

“ดี เจ้าไปทูลเสด็จพ่อได้เลย ให้เสด็จพ่อรู้ว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าขบถและต่อต้านอย่างไร!”

“ท่าน...”

ฉินเหยี่ยนโกรธมากจนคันฟัน และเขาพูดอย่างมิมั่นใจ "ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาท กลับมาทะเลาะกับบ่าวไพร่ มิคิดว่าเสื่อมเกียรติหรืออย่างไร?”

ฉินซูวางมือไพล่หลังแล้วพูดอย่างเย็นชา "พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าคือองค์รัชทายาท เหตุใดจึงมิคุกเข่าและทำความเคารพข้าอีก?!"

ใบหน้าของฉินเหยี่ยนยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น!

องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังเขาก็มองหน้ากันด้วยความสับสน หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาทั้งหมดก็คุกเข่าลงด้วยสีหน้ามิเต็มใจ

“ถวายบังคมองค์ชายรัชทายาท”

ฉินเหยี่ยนมิสามารถรักษาหน้าไว้ได้ จึงประสานมือโค้งคำนับให้ฉินซูเล็กน้อย

ฉินซูแค่นเสียงเย้ยหยันว่า “ตั๊กแตนตำข้าวสะกดรอยจักจั่นโดยมิรู้ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง(3) น่าเสียดาย แผนการแยบยลขององค์ชายหกถูกกำหนดให้ล้มพับมิเป็นท่า”

หลังพูดจบเขาก็มิสนใจใครอีก และเดินลงเขาไปทันที

หลังจากที่เฝ้าดูเขาจากไป ฉินเหยี่ยนก็กัดฟันและพูดว่า “สารเลว เจ้าบอกว่าพี่สี่ส่งคนมากำจัดเขาแล้วมิใช่หรือ ไฉนยังมีชีวิตอยู่อีก?”

คนสนิทคนหนึ่งกล่าวอย่างเคร่งขรึม “องค์ชาย ข้าน้อยเห็นกับตาว่าคนของท่านอ๋องซิ่นตามองค์รัชทายาทขึ้นไปบนภูเขา อีกทั้งทุกคนยังพกอาวุธ มิผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“ไป ขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น!”

ฉินเหยี่ยนออกคำสั่ง ก่อนจะเดินขึ้นเขาไป

มิไกลนัก ฉินเหยี่ยนอดมิได้ที่จะหรี่ตามอง และอ้าปากค้างอีกครั้ง!

วันชุนเฟิน เป็นช่วงที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน เริ่มประมาณวันที่ 20 ถึง 21 มีนาคมของทุกปี

องครักษ์พกดาบคือ องครักษ์ผู้ถือดาบแทนพระองค์

ตั๊กแตนตำข้าวสะกดรอยจักจั่นโดยไม่รู้ว่ามีนกขมิ้นอยู่ข้างหลัง หมายถึง จ้องจะจับแต่เป้าหมายเบื้องหน้าจนไม่สังเกตเห็นอันตรายที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 865

    จวนอ๋องฉู่องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าฉินอวี่"ทูลท่านอ๋องฉู่ ฝ่าบาทมิทรงเห็นด้วยที่จะส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน อีกทั้งยังทรงส่งแม่ทัพฉงไปประจำการที่ชายแดนเหนือพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าแน่ใจหรือว่าเสด็จพ่อปฏิเสธชัดเจน?" ฉินอวี่ถามย้ำ"พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง การที่ฝ่าบาททรงส่งแม่ทัพฉงไปชายแดนเหนือ น่าจะประสงค์ฉวยโอกาสโจมตี""ดูเหมือนว่าเสด็จพ่อต้องการฉวยโอกาสโจมตีตลบหลังเป่ยเยี่ยน ขณะที่พวกเขากำลังสู้กับแคว้นฉี"พูดถึงตรงนี้ ฉินอวี่ขมวดคิ้วแล้วกล่าว "แล้วแคว้นฉีจะรับมืออย่างไร? เสด็จพ่อทรงส่งหัวหน้าโหรหลวงไปเกลี้ยกล่อมหรือไม่?"องครักษ์พยักหน้า "ส่งไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ และตามรายงานข่าวที่น่าเชื่อถือ หัวหน้าโหรหลวงเดินทางขึ้นเหนือไปแล้ว น่าจะไปเจรจากับอ๋องเซียงหยางพ่ะย่ะค่ะ""ดี! ดีมาก! การกระทำของเสด็จพ่อเช่นนี้ มิต่างกระไรกับการประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าต้าเหยียนของเราละทิ้งฉินซูองค์รัชทายาทผู้นี้ไปแล้ว!""ขอแสดงความยินดีกับท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ เมื่อองค์รัชทายาทถูกละทิ้ง เขาก็ทำได้แค่รอความตายเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งรัชทายาทองค์ใหม่ ก็ไม่มีใครเหมาะสมไปกว่าท่านอ๋องอีกแล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 864

    ฉงชูโม่ชะงักไป แล้วถามย้ำ “เจ้าแน่ใจนะว่าหัวหน้าโหรหลวงขึ้นเหนือไปเพื่อช่วยองค์รัชทายาท?”“อืม อาจารย์พูดเองว่าจะมิทอดทิ้งองค์รัชทายาท”“แต่เขาไปเพียงลำพัง จะมีประโยชน์กระไรมากมาย?”กู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อันที่จริงอาจารย์ก็ลำบากใจเช่นกัน หากเกลี้ยกล่อมฝ่าบาทให้ทรงออกทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน สุดท้ายต้าเหยียนของเราก็คงหนีมิพ้นเคราะห์กรรม ราษฎรในแผ่นดินก็จะต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย เพราะอาจารย์คำนึงถึงจุดนี้ เขาจึงมิได้เตือนฝ่าบาทอย่างตรงไปตรงมา”ได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ขมวดคิ้วแล้วเงียบไปเพราะระหว่างทางที่กลับมา นางได้ลองประมาณกำลังพลทั้งสามฝ่ายดูแล้วกำลังพลของเป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนรวมกันอย่างมากก็มีประมาณเก้าแสนถึงหนึ่งล้านนาย ส่วนแคว้นฉีลำพังแค่กองทัพทหารม้าหุ้มเกราะก็มีจำนวนคนถึงหนึ่งล้านนายแล้ว นี่ยังมิรวมทัพอื่น ๆ อีกอีกทั้งแคว้นฉียังมีรากฐานที่มั่นคง อาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหล่าทหารใช้ก็เป็นของชั้นเลิศหากเกิดสงครามขึ้นจริง ๆ แม้เป่ยเยี่ยนและต้าเหยียนจะร่วมมือกัน ก็ยากที่จะเอาชนะได้ที่นางมาหาหัวหน้าโหรหลวง ก็เพียงแต่หวังว่าอีกฝ่ายจะคิดหาทางออกที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 863

    เขาครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยปาก “ฝ่าบาท หากหัวหน้าโหรหลวงสามารถเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยางได้ เมื่อเขากลับมาแล้ว ค่อยให้เขาคิดหาทางแก้ไขก็แล้วกันพ่ะย่ะค่ะ”“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้น หึ! เดิมทีตัวข้ายังปวดหัวอยู่ว่าจะลดทอนความดีความชอบขององค์รัชทายาทลงอย่างไร เจ้านั่นก็เหลือเกิน ใจกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยาง นี่ถือว่าเขาก่อเรื่องเอง แต่เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เบาแรงข้าลงไปได้มากโขเลยทีเดียว”เฉาฉุนหัวเราะแห้ง ๆ มิได้ตอบกระไรฉินอู๋ต้าวยืดเส้นยืดสาย แล้วหันกลับไปยังห้องบรรทมภายในสำนักหอดูดาวหลวงทันทีที่เหลยเจิ้นกลับมา กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ถามอย่างใจร้อน “อาจารย์ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าอย่างไรบ้างเจ้าคะ จะส่งทัพไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยนเมื่อใด?”“ฝ่าบาทจะมิส่งทัพไป” เหลยเจิ้นตอบสั้น ๆ“ว่ากระไรนะ?! มิส่งทัพไปช่วยหรือ หากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย กองทัพแคว้นฉีก็จะหันคมดาบมายังต้าเหยียนของเรามิใช่หรือ หลักการง่าย ๆ แค่นี้ฝ่าบาทมิได้ทรงคำนึงถึงหรือเจ้าคะ?”“ใช่ว่าฝ่าบาทมิได้คำนึงถึง เพียงแต่หากส่งทัพไปช่วยเป่ยเยี่ยน ก็เท่ากับการประกาศสงครามกับแคว้นฉี ด้วยกำลังของแคว้นฉี แม้ต้าเหยียนกับเป่ยเยี่ยนจะร่วมมือกัน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 862

    เว่ยเจิงมีสีหน้าประหลาดใจอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเขามิคาดคิดว่าฉินอู๋ต้าวตั้งใจจะสละองค์รัชทายาทจริง ๆเหลยเจิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย มองฉินอู๋ต้าวอย่างลึกซึ้งผาดหนึ่งแล้วส่ายหน้าช้า ๆ“เกรงว่ามิง่ายนัก เมื่ออ๋องเซียงหยางทำลายเป่ยเยี่ยนลงแล้ว เก้าในสิบส่วนย่อมต้องบุกเข้ามา และฉวยโอกาสยึดต้าเหยียนของเราไปด้วย”เว่ยเจิงเกลี้ยกล่อมด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฝ่าบาท องค์รัชทายาทได้สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่มากมายในช่วงหลังมานี้ หนานเยวี่ยก็เป็นองค์รัชทายาทที่ยึดครองมาได้ หากสละองค์รัชทายาทไป เกรงว่าจะถูกคนทั่วหล้าวิพากษ์วิจารณ์เอาได้พ่ะย่ะค่ะ”“คนทั่วหล้าจะวิพากษ์วิจารณ์ข้าอย่างไร ข้ามิสน! สิ่งที่ข้าใส่ใจคือชีวิตของราษฎรนับล้านในแผ่นดินต้าเหยียนของข้า!”ฉินอู๋ต้าวลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวต่อ “ท้ายที่สุดแล้วหายนะครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่รัชทายาทก่อขึ้น ในฐานะจักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ข้าย่อมมิอาจปล่อยราษฎรในแผ่นดินต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย ดังนั้น ขุนนางเหลย ข้าอยากจะขอให้เจ้าเดินทางขึ้นเหนือด้วยตนเอง ไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเซียงหยาง ตราบใดที่เขามิระบายโทสะกับต้าเหยียนของเรา องค์รัชทายาทจะเป็นอย่างไรก็ให้เขาจัดการ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 861

    หวังฉือตุลาการศาลต้าหลี่ก้าวออกมากล่าวว่า "ฝ่าบาท ข้าน้อยเห็นว่าการที่องค์รัชทายาทสังหารบุตรชายของอ๋องเซียงหยางเป็นการกระทำที่บีบบังคับยิ่ง มิอาจตำหนิพระองค์ได้ หากมิส่งกำลังไปช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน เกรงว่าในภายภาคหน้าภัยจะมาถึงตัว ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"ตาเฒ่าเนี่ยหงสนับสนุน "ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนกับต้าเหยียนของเราจะขัดแย้งกันมาโดยตลอด แต่ยามนี้หากมิร่วมมือกันต่อต้านแคว้นฉี หลังจากที่เป่ยเยี่ยนพ่ายแพ้ ต้าเหยียนของเราก็จะไม่มีกำลังต่อต้านอีกต่อไป ขอฝ่าบาทโปรดพิจารณาไตร่ตรองด้วยพ่ะย่ะค่ะ!"หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ก้าวออกมา "ฝ่าบาท ข้าน้อยก็เห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ การร่วมมือกับเป่ยเยี่ยนยังพอเห็นโอกาสเอาชนะได้บ้าง หากปฏิเสธที่จะส่งกำลังไปช่วยเหลือ หลังจากเป่ยเยี่ยนถูกทำลาย พวกเราก็จะต้องเผชิญหน้ากับคมดาบของกองทัพทหารม้าหุ้มเกราะนับล้านของแคว้นฉีโดยตรง""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท การช่วยเหลือเป่ยเยี่ยน จะทำให้ภายในต้าเหยียนของเรามิได้รับผลกระทบจากไฟสงคราม มิฉะนั้นหากวันใดทัพใหญ่ของแคว้นฉีบุกเข้ามา ต้าเหยียนของเราย่อมต้องประสบกับ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 860

    ฉินซูกำชับ "แม่ทัพใหญ่ ท่านควรส่งคนกลับไปเสริมกำลังป้องกันเมืองเจียหยางก่อน หากอ๋องเซียงหยางบุกโต้กลับ เมืองเจียหยางก็คือแนวป้องกันสุดท้ายของเรา""ก่อนมา ข้าได้สั่งให้คนเสริมกำลังป้องกันเมืองไว้แล้ว เรื่องนี้บุตรแห่งนักปราชญ์วางใจได้เลย!""เช่นนั้นก็ยอดเยี่ยม"ฉินซูพูดจบ ก็จ้องมองแผนที่ทรายตามิกะพริบ ความคิดในสมองแล่นอย่างรวดเร็วเห็นดังนั้น ลู่อวี้และมู่หรงอวิ๋นเจิงก็ฉลาดพอที่จะมิส่งเสียงรบกวน......แคว้นต้าเหยียนท้องพระโรงของพระราชวังเมืองหลงเฉิงเมื่อฉงชูโม่เห็นฉินอู๋ต้าวก็รีบเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ให้ฟังทันทีฉินอู๋ต้าวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "เจ้าว่ากระไรนะ? รัชทายาทกล้าสังหารบุตรชายอ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นฉีเชียวหรือ?!"ขุนนางทั้งราชสำนักต่างก็ตกใจหน้าซีดเซียว และต่างมองไปที่ฉงชูโม่เป็นตาเดียว!แม้แต่เหลยเจิ้นยังมีสีหน้าประหลาดใจฉงชูโม่พยักหน้าช้า ๆ "เพคะฝ่าบาท หยวนหัวคิดจะทำเรื่องต่ำช้ากับกู้เสวี่ยเจี้ยน หลังจากองค์รัชทายาทเสด็จไปถึง ก็ได้สังหารเขาทันที"ได้ยินดังนั้น บรรดาขุนนางระดับสูงที่ต้องการตำหนิฉินซูเกิดความกระดากทันทีด้วยกู้เสวี่ยเจี้ยนเป็นศิษย์ของหัวหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status