Share

บทที่ 4

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ดูเหมือนหนิวจินจะมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เขาถือดาบและตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “ฉินซูปล่อยองค์ชายของกระหม่อมเดี๋ยวนี้!"

ฉินซูยิ้มอย่างดูแคลนและมองเขาราวกับว่าเขากำลังมองร่างไร้วิญญาณ!

ทันใดนั้นใบหน้าของเฉิงจืออี้มืดครึ้มลงทันที เขาสังหรณ์ใจมิดีเสียแล้ว!

เขากำลังจะขอให้หนิวจินวางดาบลง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น

“ฉึก!”

เลือดพุ่งออกมาบนหน้าผากของหนิวจินทันที

จากนั้นก็หงายหลังล้มลงในแอ่งเลือด!

หลังจากขุนนางทั้งหมดตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองที่เหลยเจิ้น

บุคคลเดียวที่สามารถฆ่านักรบอันดับหนึ่งของเป่ยเยี่ยนได้อย่างง่ายดาย คงมีเพียงหัวหน้าโหรหลวงเท่านั้น

ฉินซูยังลอบเหลือบมองเหลยเจิ้น และแอบพยักหน้าในใจ

สามารถใช้กำลังภายในฆ่าคนได้โดยมิเผยกำลังภายนอกเช่นนี้ หัวหน้าโหรหลวงผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าอย่างแท้จริง

เขาอยากรู้มากว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเหลยเจิ้นไปถึงขั้นไหนแล้ว

ตั้งแต่ที่เขาเดินทางข้ามมิติมาจนถึงตอนนี้ เขายังมิได้เข้าใจระบบการบ่มเพาะของใต้หล้านี้เลย

ส่วนเจ้าของร่างดั้งเดิมขององค์รัชทายาทนั้น มิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับวรยุทธ ดังนั้นฉินซูจึงมิได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ จากความทรงจำที่ติดตัวมาเลย

ในเวลานี้ มู่หรงฟู่มองไปยังหนิวจินที่ถูกฆ่าตายอย่างไร้ทางต่อต้านอยู่ตรงนั้น เหงื่อเย็นไหลลงจากหน้าผากมิขาดสาย

ใบหน้าของเฉิงจืออี้ก็ดูน่าเกลียดมิแพ้กัน

เขามองไปที่เหลยเจิ้นและพูดด้วยความโกรธ “ท่านหัวหน้าโหรหลวง ท่านรุนแรงเกินไปหรือไม่ หนิวจินแค่ต้องการให้องค์รัชทายาทของท่าน…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสนาบดีคนหนึ่งก็ขัดเขาขึ้น

“ผู้อาวุโสเฉิง คนหนุ่มมิรู้ธรรมเนียมก็ว่าไปอย่าง แต่ท่านอายุปูนนี้แล้วยังมิเข้าใจกฎพื้นฐานที่สุดอีกหรือ?”

“เรื่องก็คือ เขากล้าชักดาบต่อหน้าองค์จักรพรรดิของเรา ท่านหัวหน้าโหรหลวงยังเหลือร่างเขาไว้เช่นนี้ ก็ถือว่าเมตตามากแล้ว”

“ฮึ กล้ามาอวดเก่งในท้องพระโรงต้าเหยียนของเรา นี่คือสิ่งที่ต้องเจอ!”

เสนาบดีคนอื่น ๆ ต่างก็พูดกันทีละคน

เฉิงจืออี้สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันจนพูดมิออกเพราะถูกตำหนิ

ท้ายที่สุดแล้ว ขุนนางเหล่านี้พูดถูก หนิวจินเป็นฝ่ายชักดาบก่อน

เพียงแต่ว่า เขามิอาจกล้ำกลืนความโกรธนี้ไปได้

ดังนั้นเขาจึงคำนับต่อฉินอู๋ต้าว และพูดด้วยความมิพอใจอย่างยิ่ง

“จักรพรรดิต้าเหยียน หนิวจินของเราชักอาวุธต่อหน้าพระองค์ เขาสมควรตายจริง ๆ พวกเราเป่ยเยี่ยนยอมรับเรื่องนี้ได้”

“แต่องค์รัชทายาทของท่านตบองค์ชายหกแห่งเป่ยเยี่ยนของเรา จะคิดบัญชีเรื่องนี้อย่างไรดี?”

“ราชวงศ์ต้าเหยียนของพวกท่าน อาศัยที่จำนวนคนมากกว่า รังแกแขกจากแดนไกลอย่างพวกเรา หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป มันก็จะทำลายชื่อเสียงของราชสำนักต้าเหยียนที่ยิ่งใหญ่ของท่านด้วยเช่นกัน”

ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินซูก็อดหัวเราะมิได้

เฉิงจืออี้ใบหน้ามืดมนว่า “องค์รัชทายาทต้าเหยียน ท่านหัวเราะเพราะเหตุใด"

ฉินซูตอบอย่างตรงไปตรงมา “ข้าหัวเราะเยาะเจ้าที่ไร้ยางอาย มิรู้จักที่ต่ำที่สูง!"

“ท่านหมายความเยี่ยงไร? หรือสิ่งที่กระหม่อมพูดมันผิดตรงไหน? มิใช่ว่าต้าเหยียนของพวกท่านอาศัยจำนวนคนมากรังแกพวกเราหรอกหรือ?”

ฉินซูโต้กลับอย่างมิรีบร้อนว่า “รังแกเจ้ารึ? ฮ่าฮ่า ขุนนางอาวุโสเฉิง คณะทูตเป่ยเยี่ยนของเจ้ามาที่พระราชวังต้าเหยียนของเรา พวกเจ้ามิเพียงแต่มิปฏิบัติตามมารยาท แต่เจ้ายังปล่อยให้มู่หรงฟู่พูดจาหยาบคายกับเสด็จพ่อของข้าด้วย ข้าถามหน่อยว่า พวกเจ้ามีความถ่อมตัวอย่างที่แขกควรมีบ้างหรือไม่?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉิงจืออี้ก็ขยับปากแต่มิสามารถพูดอะไรออกมาได้

องค์ชายคนอื่น ๆ ต่างมองไปที่ฉินซูด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป

เพียงรู้สึกว่า วันนี้ฉินซูแข็งกร้าวยิ่ง นี่คือองค์รัชทายาทไร้ค่าผู้ใช้เงินราวกับเบี้ยผู้นั้นจริงหรือ?

แม้แต่ฉินอู๋ต้าวที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และอดมิได้ที่จะมองฉินซูสองครั้ง

ทันใดนั้นท้องพระโรงก็เงียบลงในฉับพลัน

คณะทูตเป่ยเยี่ยนย่อมไม่มีอะไรจะพูด แม้ท้องพระโรงต้าเหยียนได้ยินคำพูดของฉินซูเต็มสองหู ทว่าไม่มีใครสนับสนุนคำพูดของเขาเลย

บรรยากาศนี้ช่างแปลกประหลาดจริง ๆ

ที่พวกเขาทั้งหมดเงียบเพราะฉินซูเป็นองค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด

ในเวลานี้หากพูดขึ้นมา ก็อาจถูกเข้าใจผิดอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ว่าอยู่ฝ่ายองค์รัชทายาทที่จะถูกโค่นลง นี่มิใช่เรื่องล้อเล่นเลย

เห็นได้ชัดว่าความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเขามิอาจหลบจากสายตาของฉินอู๋ต้าวได้

เขาเพียงมองไปที่เว่ยเจิงขุนนางอาวุโสสำนักขุนนางใหญ่อย่างมิตั้งใจนัก

เว่ยเจิงเข้าใจและพูดขึ้นว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิง สิ่งที่องค์รัชทายาทของข้าพูดนั้นถูกต้อง เรื่องนี้เป็นพวกท่านที่เสียมารยาทก่อน ท่านมิสามารถตำหนิผู้อื่นได้!”

เมื่อเห็นว่าเว่ยเจิงพูดแล้ว เสนาบดีคนอื่น ๆ ก็ต่างสนับสนุนตามไป

“นั่นคือ หากท่านสุภาพแต่แรก เราก็จะปฏิบัติต่อท่านด้วยความสุภาพเช่นกัน”

“สิ่งที่น่าขันก็คือ มู่หรงฟู่เป็นแค่ผู้เยาว์กลับกล้าชี้นิ้วต่อว่าองค์จักรพรรดิของเรา องค์รัชทายาทของเราตบเขาเพียงครั้งเดียวถือว่าออมมือแล้ว”

“ถูกต้อง รีบขอประทานอภัยฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นพวกท่านจะต้องลงเอยเช่นหนิวจิน!!”

ฉินซูก้มลงมองไปที่มู่หรงฟู่แล้วพูดอย่างใจเย็น “ดูสิ พวกเจ้าทำให้ทุกคนโกรธแล้ว เจ้าคงมิต้องให้ข้าสอนหรอกใช่หรือไม่ว่าต้องทำอย่างไร?”

หลังจากพูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ยกเท้าออก

ทูตเป่ยเยี่ยนอีกสองคนรีบประคองมู่หรงฟู่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

มู่หรงฟู่กัดฟันกรอด

ในฐานะองค์ชายผู้สูงศักดิ์แห่งเป่ยเยี่ยน การถูกฉินซูเหยียบต่อหน้าธารกำนัลมากมายถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับเขา

ตอนที่เขากำลังจะโจมตีเฉิงจืออี้ก็รีบชักชวนเขาด้วยเสียงต่ำ “องค์ชาย ตราบใดที่เนินเขาเขียวขจียังคงอยู่ ฟืนก็จะไม่มีวันขาดแคลน(1) ยามนี้อย่าเพิ่งแข็งกร้าวกับพวกเขาเลยพ่ะย่ะค่ะ”

มู่หรงฟู่หลับตาและหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากระงับความโกรธในใจลงแล้วเขาก็โค้งคำนับให้ฉินอู๋ต้าว

“จักรพรรดิต้าเหยียน เมื่อครู่นี้กระหม่อมพูดตรงเกินไป กระหม่อมขอประทานอภัยและขอท่านโปรดอภัยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มอย่างสงบ “มิเป็นไร ข้ามิถือสาเด็กน้อยอย่างเจ้าหรอก”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ปากของมู่หลงฟู่ก็กระตุกเล็กน้อย เขาแอบสาปแช่งอยู่ในใจ

‘มิถือสาข้า แต่ยังปล่อยให้ลูกชายทำร้ายข้าเช่นนั้นรึ?’

เฉิงจืออี๋รับช่วงการสนทนาและถามว่า “จักรพรรดิต้าเหยียน กระหม่อมขอทูลถามสักคำ พระองค์จะเริ่มทำสงครามกับเป่ยเยี่ยนของเราเพราะเมืองชิ่งโจวเพียงแห่งเดียวจริง ๆ หรือพ่ะย่ะค่ะ?”

ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วพูดว่า “ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว เรื่องนี้เราค่อยหารือกันในวันพรุ่ง พวกเจ้าเป็นแขกมาจากแดนไกล เช่นนั้นกลับไปพักที่เรือนรับรองก่อนเถิด”

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายออกคำสั่งให้ไล่แขก เฉิงจืออี้ก็พยักหน้าอย่างรู้เท่าทัน “พ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นวันพรุ่งเราค่อยคุยกัน กระหม่อมขอทูลลา!”

เขาประสานมือแล้วหันหลังกลับไปพร้อมกับทูตจากเป่ยเยี่ยน

เมื่อมู่หรงฟู่หันกลับมา เขาก็จ้องมองไปที่ฉินซูด้วยสายตาโกรธแค้น มิสามารถซ่อนเจตนาสังหารอันรุนแรงของเขาได้

หลังจากที่พวกเขาเดินออกจากท้องพระโรง ฉินอี้กระซิบเบา ๆ ว่า “เสด็จพี่องค์รัชทายาท สายตาของมู่หรงฟู่เมื่อครู่ดุร้ายมาก ท่านต้องระวังตัวด้วย”

ฉินซูยิ้ม มิตอบรับและมิปฏิเสธ

มู่หรงฟู่เพียงคนเดียว เขามิใส่ใจสักนิด

ฉินอู๋ต้าวถามเสียงดัง “ขุนนางทั้งหลาย เรื่องของเมืองชิ่งโจว พวกเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรอีกหรือไม่?”

“เอ่อ…”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากแสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก

ในเวลานี้เหวินเยวี่ยนซานเสนาบดีกรมกลาโหม ยืนขึ้นและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท หากกรมพระคลังสามารถรับประกันการจัดส่งเสบียงได้ กองทัพของเราก็มิใช่ว่าจะสู้กับเป่ยเยี่ยนมิได้พ่ะย่ะค่ะ”

หลินซีเสนาบดีกรมพระคลังกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “มิเหมาะสมพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท ปีนี้ต้าเหยียนของเราประสบภัยพิบัติร้ายแรง ภาคใต้มีน้ำท่วม ภาคเหนือมีภัยแล้ง ถือเป็นปีที่ภัยพิบัติเลวร้ายที่สุดในรอบร้อยปี ราษฎรมากมายหิวโหย หากเกิดสงครามในยามนี้ กระหม่อมเกรงว่าจะทำให้เกิดความวุ่นวายภายในได้พ่ะย่ะค่ะ”

“ท่านพ่อ เมื่อครู่เสด็จพี่องค์รัชทายาทสนอว่า มิจำเป็นต้องส่งชิ่งโจวกลับไปให้เป่ยเยี่ยน คงมีแผนการอันชาญฉลาดอยู่บ้าง เหตุใดมิลองฟังความคิดเห็นของเขาดูเล่าพ่ะย่ะค่ะ?”

หลังจากที่ฉินเหยี่ยนพูดจบ เขาก็มองไปที่ฉินซูด้วยรอยยิ้มแกน ๆ รอคอยที่จะดูเรื่องตลก

สายตาอยากรู้อยากเห็นของเหล่าขุนนางในท้องพระโรงก็จับจ้องไปที่ฉินซูเช่นกัน

ตราบใดที่เนินเขาเขียวขจียังคงอยู่ ฟืนก็จะไม่มีวันขาดแคลน สำนวนนี้หมายถึง ตราบใดที่ยังมีชีวิตหรือความหวัง ก็จะมีโอกาสในอนาคต
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
จำลอง ดอกคำ
สนุกมากครับน่าติดตาม
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 848

    ไช่ซือได้สติ ก็แผดเสียงคำราม “พลโล่รีบจัดทัพ ล้อมมันไว้ อย่าให้มันหนีไปได้!”“เฮ!”ท่ามกลางเสียงคำรามกึกก้องนั้น พลโล่กรูเข้ามาตั้งวงล้อมรอบส่วนทหารที่เหลือก็รีบหลบไปอยู่ด้านหลังพลโล่ภายในวงล้อมนั้น ในมิช้าก็เหลือเพียงฉินซู เกาตงและไช่ซือซึ่งเป็นผู้มีวรยุทธ์สูงส่งกว่าใคร“เจ้าเป็นใคร จงเอ่ยนามมา!”เกาตงจ้องฉินซูอย่างดุดันแล้วตะโกนถามฉินซูยิ้มอย่างสุขุม มิได้ตอบคำถามของเขา แต่กลับหัวเราะเยาะ “แค่เศษเหล็กพวกนี้ คิดว่าจะขังข้าได้รึ? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง!”สิ้นคำเขาก็กระโจนร่างขึ้นสูง!“แย่แล้ว เขากำลังจะหนี! รีบหยุดมันไว้!”เกาตงสั่งการ พลหอกที่อยู่ด้านหลังพลโล่ก็รีบยกหอกขึ้นสูงแทงใส่ฉินซูที่อยู่กลางอากาศกระบี่ยาวในมือของฉินซูสะบัดหนึ่งครั้ง หอกเหล่านั้นก็หักกลางลำทันที!หลังจากนั้น ฉินซูมิเพียงแต่มิหนีไปไหน แต่กลับร่อนลงด้านหลังพลโล่ และสะบัดกระบี่ยาวในมืออีกคราเริ่มการสังหารอย่างบ้าคลั่งครั้นเห็นการกระทำของเขา เกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยโทสะจนต้องคำรามลั่น “กระจายกำลัง! รีบกระจายกำลังออกไป!”ขณะกล่าว เขาก็สั่งให้ไช่ซือและคนอื่น ๆ ไล่ตามฉินซูไปติด ๆแต่ฉินซูก็หาไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 847

    แต่ทันใดนั้นเอง!จู่ ๆ ก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้นจากที่ไกลออกไป!ตามด้วยเสียงคำรามโทสะ “ข้าศึกบุก! ข้าศึกบุก! รีบตั้งรับเร็วเข้า!!”เมื่อได้ยินดังนั้น เกาตงและไช่ซือก็ต่างหัวใจสั่นสะท้าน!เมื่อได้สติ เกาตงก็ยิ้มเหี้ยมเกรียม “โคตรแม่งมันสิ กล้าลอบเข้ามาโจมตีกลางวันแสก ๆ เตรียมอาวุธ อย่าให้พวกมันรอดกลับไปได้!”“ขอรับ! เร็วเข้า! รีบเตรียมอาวุธรับมือ!”ไช่ซือสั่งการ เหล่าทหารที่ยังหลับใหลอยู่ต่างกระโดดออกมาจากกระโจมอย่างรวดเร็ว เข้าสู่สภาวะพร้อมรบทันใดพวกเขาติดตามเกาตงและไช่ซือวิ่งไปยังทิศทางของเสียงที่ดังขึ้น ทว่าทุกคนกลับต้องตะลึงงัน!เห็นเพียงร่างหนึ่งอยู่มิไกลข้างหน้า กำลังพุ่งเข้าสังหารฝูงชน!นอกจากนี้ ยังไม่มีเงาร่างของศัตรูคนอื่นใดอีก!ไช่ซือมีสีหน้าตกตะลึง “เจ้าคนบ้าบิ่นคนเดียว กล้าบุกเข้าค่ายเราเชียวรึ?”“เจ้าคนสามานย์ คิดว่าค่ายทหารม้าหุ้มเกราะของเราจะยอมง่าย ๆ รึ นำดาบข้ามา ข้าจะลงมือสับมันเอง!”เกาตงรับดาบรบมาแล้วเตรียมจะลงมือด้วยตนเองไช่ซือรั้งตัวเขาไว้แล้วเอ่ยเตือน “ท่านแม่ทัพเกา อย่าใจร้อนนักเลยขอรับ ดูท่าทีไปก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด”เกาตงขมวดคิ้วพลางมองไปยังก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 846

    เกาตงเช็ดคราบเลือดที่มุมปากแล้วกัดฟันกรอด “วางใจเถิด ข้าตายมิได้ หนี้เลือดในวันนี้ วันพรุ่งข้าจะให้พวกมันชดใช้คืนร้อยเท่าพันทวี!”สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น ใบหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัวหลังจากครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็สั่งการ “ไช่ซือ เจ้าเกณฑ์คนไปซุ่มโจมตีรอบ ๆ ป้องกันมิให้พวกมันมาลอบโจมตีอีก! ส่วนคนอื่น ๆ ก็พักผ่อนอยู่ที่นี่ ฟื้นฟูพละกำลังให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งค่อยบุกขึ้นเขาไปล้างแค้นความอัปยศในวันนี้!”“น้อมรับบัญชา! ท่านแม่ทัพเกาวางใจได้ หากพวกมันกล้ามาอีก ข้าจะทำให้พวกมันมิได้กลับไปอีก!”ไช่ซือโบกมือแล้วนำทหารฝีมือดีหลายพันนายไปซุ่มโจมตี......เหนือหุบเขาเจี่ยเซิ่งมาหาฉินซูแล้วกล่าวอย่างกระตือรือร้น “บุตรแห่งนักปราชญ์ ตอนนี้ดึกมากแล้ว พวกเราควรนำคนลงจากเขาไปลอบโจมตีพวกมันดีหรือไม่ขอรับ?”เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ดวงตาของทุกคนรอบข้างก็พลันสว่างไสวขึ้นมาทันที ต่างเตรียมพร้อมที่จะลงมือฉินซูถอนหายใจเหลือบตามองพวกเขา แล้วกล่าว “พวกมันเพิ่งจะประสบความสูญเสียใหญ่หลวงไปเมื่อครู่ ตอนนี้คงวางแผนซุ่มโจมตีรอเราตกหลุมพรางอยู่เป็นแน่!”เจี่ยเซิ่งคิดดูแล้วก็เห็นด้วย จึงจำใจยอมแพ้ฉินซ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 845

    “รองแม่ทัพของอ๋องเซียงหยางทุกคนล้วนเป็นผู้ที่สามารถนำทัพทำศึกได้ดีเยี่ยม เพียงแต่อ๋องเซียงหยางตั้งมั่นแน่วแน่ที่จะแก้แค้นให้บุตรชายของตน ดังนั้นเมื่อใดที่อาการบาดเจ็บของเขากำเริบขึ้นมาอีกครั้ง เขาย่อมต้องพักรบ ซึ่งจะทำให้พวกท่านเป่ยเยี่ยนมีเวลาเสริมสร้างปราการป้องกันเมือง!”“พูดง่ายนี่ ต่อให้อ๋องเซียงหยางมาถึงแนวหน้า เขาย่อมต้องปักหลักตั้งค่ายใหญ่โต คิดว่าลอบโจมตีเขาง่ายนักหรือ?”ชิวเจ๋อเอ่ยปาก “ข้าน้อยยินดีช่วยเหลือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านปล่อยข้ากลับไป ข้าจะลอบเข้าหาอ๋องเซียงหยาง แล้วลงมือโจมตีเขาให้บาดเจ็บ เช่นนี้เขาก็จำต้อง...”ยังมิทันกล่าวจบ เจี่ยเซิ่งก็แค่นยิ้มเย็นเอ่ย “ปล่อยเจ้ากลับไปรึ? เจ้าเห็นพวกข้าโง่เง่าเต่าตุ่นหรือไร? อีกอย่างวรยุทธ์ของเขาทั้งทรงพลังลึกล้ำจนมิอาจหยั่งถึง อย่างเจ้าน่ะหรือจะทำกระไรเขาได้?”ชิวเจ๋อหน้าซีดด้วยความอับอาย มิรู้จะพูดอย่างไรเจี่ยเซิ่งมิสนใจเขา หันไปทางฉินซูแล้วกล่าว “บุตรแห่งนักปราชญ์ อ๋องเซียงหยางมีวรยุทธ์แกร่งกล้า กวาดสายตาไปทั่วเป่ยเยี่ยน ผู้ที่สามารถทำร้ายเขาได้เห็นจะมีเพียงท่านเจ้าสำนักเท่านั้น ดังนั้นเก็บเจ้านี่ไว้ก็เปล่าประโยชน์ เชือดม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 844

    แสงไฟลุกโชนขึ้นจากเชิงเขาที่อยู่ไกลออกไป ปนเปไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน“ท่านแม่ทัพเกา แย่แล้วขอรับ ค่ายของเราโดนไฟไหม้!”ทหารนายหนึ่งได้สติแล้วรีบตะโกนเตือนเกาตงแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธ เขาตะโกนลั่น “ถอย! รีบถอยลงไปช่วยค่าย!”ดังนั้น พวกเขาจึงรีบหันหลังถอยลงจากเขาไปอย่างรวดเร็วระหว่างการถอยทัพ ด้านหลังของพวกเขาเปิดกว้าง พลธนูบนภูเขาจึงมิพลาดโอกาสที่ฟ้าประทานนี้เสียงสายธนูดังผึงสลับกัน ลูกธนูพุ่งทะลุห้วงอากาศว่างเปล่าราวกับลำแสงสีดำในแสงจันทร์เลือนรางพร้อมกันนั้น ก็มีก้อนหินขนาดใหญ่จำนวนมากกลิ้งลงมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องโหยหวน การลอบโจมตีของเกาตงในครั้งนี้จึงประกาศความล้มเหลว มิหนำซ้ำยังสูญเสียทหารไปอีกสองสามร้อยนายเมื่อมาถึงตีนเขา เขากับไช่ซือก็รวมกำลังกันแล้วรีบไปช่วยค่ายที่กำลังไฟไหม้ในตอนนั้นเอง เสียงแหวกอากาศดังลั่นมาจากสองข้างถนนอีกครั้ง“อ๊าก!!”“แย่แล้ว รีบแยกย้ายกันเร็วเข้า!”เสียงกรีดร้องและเสียงอุทานปะปนระงมทั่วเกาตงและคนอื่น ๆ ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธขึ้งพวกเขาต้องการตอบโต้ ทว่าภายใต้แสงจันทร์อันมืดสลัว พวกเขามิรู้ด้วยซ้ำว่าลูกธนูยิงมาจาก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 843

    “เช่นนี้… เช่นนี้...”เกาตงเล่าแผนของเขาให้ฟังไช่ซือและรองแม่ทัพคนอื่น ๆ ที่ได้ยินดังนั้น ต่างคนต่างพยักหน้าถี่ ๆ“แผนของท่านแม่ทัพเกายอดเยี่ยมยิ่งนัก ข้าน้อยเลื่อมใส!”“หึหึ รอให้บุกขึ้นไปได้แล้วข้าจะสับแขนขาพวกทหารเป่ยเยี่ยนเหล่านั้นให้ละเอียด ให้พวกเขาทรมานเจียนตาย!”ทุกคนพูดคุยกันด้วยใบหน้าที่ยิ่งเหี้ยมเกรียมขึ้นเรื่อย ๆหนึ่งชั่วยามต่อมา ดวงอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าเจี่ยเซิ่งถามด้วยความกังวลเล็กน้อย “บุตรแห่งนักปราชญ์ ฟ้าใกล้จะมืดแล้วขอรับ หากพวกเขาอาศัยความมืดลอบบุกขึ้นมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดีขอรับ?”ฉินซูครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วสั่งการ “ให้พลธนูประจำการอยู่ตามหุบเขาทั้งสองด้านฝั่งละห้าร้อยนาย แสร้งทำให้ดูน่ากลัวเข้าไว้ หากข้างล่างมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็ให้ยิงธนูทันที จากนั้นท่านและข้าจะนำทหารคนละสองพันนายเลี่ยงเส้นทางลงจากเขาแล้วอ้อมไปซุ่มโจมตีด้านหลังค่ายของพวกเขา!”“หา? ลงจากเขาหรือ? แล้วถ้าบังเอิญเจอระหว่างทางเล่าขอรับ?”“พวกเขาจะต้องอาศัยความมืดลอบขึ้นมาเช่นกัน พวกเราเลี่ยงเส้นทางลงจากเขา จึงเป็นไปมิได้ที่จะชนกับพวกเขา และต่อให้ปะทะกันก็มิได้มีกระไร การตีจากสูงลงต่ำ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status