เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อจัดการธุระส่วนตัวทั้งตนเองและบุตรเรียบร้อยแล้ว ลี่เซียนจึงพาบุตรตัวน้อยมายังที่จอดรถม้าสำหรับเช่าโดยสาร เพื่อจะไปยังหมู่บ้านผิงอาน สอบถามจากคนขับรถม้า ก็มีท่านลุงคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ที่นั่น นางจึงได้ว่าจ้างให้พานางไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้าน โดยใช้เวลาเดินทางเพียงสองเค่อก็ถึงหมู่บ้าน และเดินทางต่อไปยังบ้านของท่านผู้นำ เมื่อถึงจุดหมายจึงให้ท่านลุงคนขับรถม้ารอนางอยู่แถวนั้นก่อน นางต้องเข้าไปเจรจากับผู้นำหมู่บ้านเรื่องที่จะซื้อที่และคงต้องไปดูสถานที่จริง นางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวัน เพื่อความสะดวกในการเดินทางเพราะต้องไปอีกหลายที่และขากลับจะได้ไม่ต้องลำบากหอบบุตรหาทางกลับโรงเตี๊ยม เมื่อลงจากรถม้าก็จูงมือบุตรเข้าไปยังบ้านของผู้นำหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ด้านหน้า เห็นชายชราหนวดขาวที่ดูท่าทางใจดีกวาดลานบ้านอยู่จึงได้เดินเข้าไปสอบถาม
"ขออภัยเจ้าค่ะ ท่านตา ข้ามาขอพบท่านผู้นำเจ้าค่ะ"
ชายชราที่หันมามองนางพร้อมส่งยิ้มมาให้อย่างใจดี
"ตานี่แหละผู้นำหมู่บ้าน แม่หนูมีธุระอะไรหรือไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน"
ลี่เซียนเมื่อรู้ว่าท่านตาใจดีผู้นี้คือผู้นำหมู่บ้านจึงทำความเคารพและบอกจุดประสงค์ของนางไป
" ข้ามีนามว่าหลานลี่เซียนเจ้าค่ะ ท่านผู้นำและนี่บุตรีของข้าชื่อว่าหลานเสี่ยวซี ข้าและบุตรเดินทางมาจากต่างเมือง ประสงค์จะมาตั้งรกรากอยู่ที่หมู่บ้านผิงอานแห่งนี้ จึงอยากจะได้ที่สักผืนที่ราคาไม่แพงมากอยู่กันสองแม่ลูกเจ้าค่ะ"
เมื่อเอ่ยความประสงค์ของนางไปแล้ว ก็มองชายชราที่ทำท่าครุ่นคิด แล้วจึงเอ่ยขึ้น
" ที่ดินที่เจ้าของต้องการขายก็มีอยู่สี่ห้าแห่งนะ นางหนู มา เข้ามาข้างในก่อนแล้วลองมาดูว่าสนใจที่ผืนไหน แล้วเรียกข้าว่าท่านตาเถอะ"
ลี่เซียนที่ยิ้มรับแล้วเดินตามท่านตามานั่งลงบนเก้าอี้ที่มีโต๊ะไม้ตัวใหญ่วางอยู่แล้วยกบุตรสาวให้นั่งบนเก้าอี้อีกตัว รอเพียงไม่นานท่านตาก็เดินออกมาพร้อมแผ่นกระดาษสีเหลืองอมน้ำตาลสี่ห้าแผ่น มาวางให้นางดู ลี่เซียนที่ดูรายละเอียดที่ดินของแต่ละแปลงก็มีที่น่าสนใจอยู่ผืนหนึ่ง เป็นพื้นที่ว่างมีลำธารไหลผ่าน กว้างพอให้นางสร้างบ้านขนาดกลางแล้วยังเหลือพื้นที่ใช้สอยอีกมาก จึงได้ถามราคาของที่ดินผืนนี้
"ที่ผืนนี้ราคาเท่าไหร่หรือเจ้าคะ"
ผู้เฒ่าเหวินผู้นำหมู่บ้านผิงอานมองไปยังที่ดินผืนที่แม่นางน้อยผู้นี้สนใจแล้วจึงบอกรายละเอียดให้ทราบ
"ที่ดินผืนนี้เจ้าของแบ่งขายเพียงหนึ่งหมู่แต่ว่าทำเลดี ผืนนี้ถือว่าสวยมาก ถือว่าเจ้าเลือกได้ดี มีลำธารไหลผ่าน ราคาขายอยู่ที่ สี่ตำลึงทอง แม่หนูสนใจหรือไม่ เดี๋ยวตาจะพาไปดูสถานที่จริง อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่หรอกเดินทางเพียงหนึ่งเค่อก็ถึง"
ลี่เซียนที่กำลังนึกว่าเงินตำลึงที่นางเทออกมานับในถุงนั้นมีอยู่เท่าไหร่ หากนำมาซื้อที่ดินผืนนี้จะเหลือเท่าไหร่ จากที่นางนับนั้นมีตำลึงทองอยู่ยี่สิบตำลึงและตำลึงเงินอีกสามสิบตำลึงกับอีกสามร้อยอีแปะ ก็ยังเหลืออีกเยอะ จึงตัดสินใจว่าจะเอาแปลงนี้เลย คุยเรื่องซื้อขายและจ่ายเงินเรียบร้อย จึงได้เดินทางไปดูสถานที่จริง เมื่อถึงที่ดินผืนนั้นนางรู้สึกชอบเป็นอย่างมาก จึงเอ่ยถามท่านตาเหวินถึงการที่นางจะสร้างบ้าน ท่านตาเลยบอกว่าจะหาช่างในหมู่บ้านมาสร้างบ้านให้นางแค่ให้นางบอกว่าต้องการบ้านแบบไหน นางจึงแจ้งให้ท่านตาหาช่างไว้พรุ่งนี้นางจะมาใหม่แล้วจะมาแจ้งกับช่างเองว่าต้องการบ้านแบบไหนจะได้มาตกลงราคากันให้เรียบร้อยด้วย เมื่อนัดแนะกับท่านตาเรียบร้อยจึงได้เดินทางกลับโรงเตี๊ยมอย่างสุขใจนัก ก้มลงมองบุตรสาวที่พอกลับมาถึง นางก็จับอาบน้ำป้อนข้าวแล้วก็สลบเหมือดอย่างที่เห็นเพราะวันนี้ต้องนั่งรถม้าเกือบทั้งวันนางคงจะเหนื่อยอย่างนึกสงสาร
"เรากำลังจะมีบ้านเป็นของเราเองแล้วนะเสี่ยวซีน้อย"
ใช้นิ้วขาวสะอาดเกลี่ยแก้มแดงป่องเล่นอย่างแสนรัก
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ