"สวัสดีตอนเช้าเจ้าค่ะ ท่านลุง"
ลี่เซียนที่เดินจูงมือบุตรตัวน้อยลงมาขึ้นรถม้าของท่านลุงฉีคนบังคับรถม้าที่นางนัดหมายเอาไว้เมื่อวานว่าให้มารับนางด้านล่างของโรงเตี๊ยมที่นางพักเพื่อเดินทางไปที่บ้านท่านตาเหวินผู้นำหมู่บ้านผิงอานเพื่อจะไปพบช่างที่จะมาสร้างบ้านให้นาง ลี่เซียนที่กำลังจะก้าวขึ้นรถม้าสังเกตเห็นสีหน้าของท่านลุงฉีที่ไม่ค่อยจะดีนักจึงเอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย
"มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ ท่านลุง"
เห็นท่าทางอึกอักเกรงอกเกรงใจของคนตรงหน้าจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
"หากมีอันใดท่านลุงบอกแก่ข้าได้นะเจ้าคะ อย่าได้เกรงใจ"
ท่านลุงฉีที่มองนางอย่างตัดสินใจจึงเอ่ยขึ้น
" เอ่อ คือ แม่นางลุงว่าจะไปส่งแม่นางที่บ้านท่านผู้เฒ่าเหวินแล้วจะกลับไปรับตอนบ่ายๆเลยได้หรือไม่ พอดีบุตรสาวลุงไม่สบายไม่มีใครพาแกไปโรงหมอ ลุงว่าจะพานางไปโรงหมอก่อนแล้วจะมารับแม่นางได้หรือไม่"
ท่านลุงฉีกล่าวอย่างเกรงใจเพราะนางนั้นได้ว่าจ้างรถม้าของท่านลุงไว้ทั้งวันได้ฟังดังนั้น จึงได้ส่งยิ้มไปให้แล้วกล่าวอย่างเข้าใจ
" ไปเถอะเจ้าค่ะ ท่านอย่าได้คิดมาก อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ไปที่ไหนต่อ ท่านลุงไปส่งข้าแล้วค่อยมารับเมื่อท่านเสร็จธุระแล้วก็ได้เจ้าค่ะ"
ท่านลุงฉีเมื่อได้ยินลี่เซียนกล่าวเช่นนั้นก็ยกยิ้มขึ้นอย่างยินดีนัก
"ขอบใจแม่นาง"
"ท่านลุงเรียกข้าว่าลี่เซียนเถอะเจ้าค่ะ อย่างไรต่อไปเราก็เป็นคนหมู่บ้านเดียวกันแล้ว มีอะไรก็พึ่งพากันได้"
นางที่ทราบจากท่านลุงฉีว่าบ้านของท่านลุงนั้นอยู่เลยไปจากที่ดินที่นางซื้อไปไม่กี่ลี้ ต่อไปก็จะเป็นคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันมีอันใดช่วยเหลือกันได้ก็ช่วย ท่านลุงฉีที่ส่งยิ้มกว้างมาให้รีบพยักหน้ารับ
"งั้นเรารีบไปกันเถอะเข้าค่ะ เดี๋ยวบุตรท่านจะคอย"
จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านผิงอาน พอไปถึงที่หมายลี่เซียนจึงให้ท่านลุงฉีไปทำธุระของตัวเองต่อเลย
เมื่อเดินเข้ามาในบ้านของท่านตาเหวินก็เห็นทุกคนมานั่งคอยกันอยู่แล้ว
"ขอโทษที่ให้รอเจ้าค่ะ"
ทุกคนเมื่อเห็นนางเดินเข้ามาพร้อมกับร่างเล็กกลมป้อมของเสี่ยวซีก็ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับท่านตาที่เอ่ยขึ้น
"ทุกคนพึ่งจะมาถึงก่อนหน้าเจ้าไม่นานหรอกนะเซียนเอ๋ออย่าได้คิดมาก ว่าอย่างไรเสี่ยวซีน้อยวันนี้มีเพื่อนมาเล่นด้วยแหน่ะ"
จากนั้นจึงเรียกเด็กผู้หญิงอายุประมาณห้าขวบที่นั่งเล่นอยู่ตรงลานบ้าน เห็นว่าเป็นบุตรของคนงานที่จะมาสร้างบ้านให้นางที่วันนี้ไม่มีใครดูแลจึงพามาด้วยให้มาพาเสี่ยวซีไปเล่นด้วย ลี่เซียนจึงก้มลงพูดกับบุตรสาวตน
" เล่นกันดีๆ นะคะห้ามดื้อเข้าใจไหมคะลูก"
บอกบุตรสาวที่พยักหน้ารับ เสี่ยวซีของนางนั้นเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายมากใช้ระยะเวลาเพียงไม่นานนางและเสี่ยวซีก็แทบจะเหมือนแม่ลูกกันจริงๆ หากนางไม่บอกก็ไม่มีใครรู้ว่าเสี่ยวซีไม่ใช่บุตรของนาง ซึ่งนางก็อยากให้เป็นแบบนั้น เมื่อเด็กทั้งสองเดินออกไปนั่งเล่นด้วยกัน ทุกคนจึงพากันมานั่งล้อมโต๊ะตัวใหญ่ มีท่านตาเหวินที่ยกน้ำชามาให้อย่างใจดีแล้วนั่งลงฟังนางที่แจ้งความต้องการกับนายช่าง เมื่อทุกคนหันมาทางนาง จึงได้เอ่ยขึ้น
"ข้าอยากได้บ้านหลังไม่ต้องใหญ่มากนัก เจ้าค่ะ มีห้องนอนสองห้องแล้วก็ห้องครัว แล้วแบ่งเป็นห้องโถง ให้มีระเบียงด้านหน้าด้วยนะเจ้าคะ ส่วนห้องน้ำนั่นให้แยกออกจากตัวเรือนเจ้าค่ะ แล้วก็อยากจะให้ยกพื้นเรือนขึ้นสูงสักเล็กน้อย ใช้ไม้ปูเป็นพื้นเจ้าค่ะ พอจะเข้าใจหรือไม่เจ้าคะ"
ลี่เซียนที่ใช้ถ่านขีดๆ เขียนบนแผ่นไม้ที่เตรียมไว้ให้ช่างดูเห็นนายช่างที่พยักหน้ารับก็โล่งใจ
" แต่ถ้าใช้ไม้มาปูพื้นก็ต้องใช้ไม้เยอะ น่าจะหลายตำลึงอยู่นะแม่นาง"
นายช่างเอ่ยขึ้นอย่างเป็นกังวลเพราะในหมู่บ้านส่วนมากจะใช้พวกกระเบื้อง โคลนและอิฐ มาสร้างที่อยู่อาศัย
" ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ นายช่างแจ้งราคามาได้เลย ต้องใช้เวลาสักกี่วันถึงจะเสร็จเจ้าคะ"
" หน้าจะประมาณห้าวันถึงจะเสร็จเรียบร้อย ทั้งค่าของและค่าแรงน่าจะสามตำลึงทอง"
เมื่อนายช่างแจ้งราคามาถึงจะใช้เงินถึงสามตำลึงทองแต่นางก็ถือว่าคุ้มเพราะคำว่าบ้านนั้นคือที่ที่นางต้องอยู่ไปตลอดไม่มีที่ใดอบอุ่นเท่าบ้านเราเอง
อ๋องสามมู่เหยียนหรงที่กลับมาจากเข้าเฝ้าฮ่องเต้ รีบสาวเท้าตรงมายังเรือนนอนของตนกับผู้เป็นชายาอย่างเร่งรีบกลายเป็นภาพชินตาของบรรดาบ่าวไพร่ที่จะเห็นภาพเหล่านี้เมื่อวันเวลาสี่วันเวียนมาบรรจบวันนี้พระองค์รีบเร่งสะสางงานเพื่อจะได้รีบกลับมาอยู่กับชายารัก ซึ่งวันนี้เป็นวันของพระองค์หากจะถามว่าเหตุใดจึงกล่าวว่าวันนี้เป็นวันของพระองค์น่ะหรือ เหตุเพราะการแย่งชิงกันที่จะได้นอนกอดมารดาของเจ้าสี่แสบ ทำให้ต้องทำการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันนอนกับมารดา และผู้เป็นบิดาเช่นพระองค์ก็มิได้รับข้อยกเว้น จำต้องแบ่งวันอยู่กับชายารักเหมือนกับบุตรทั้งสี่ แม้จะได้นอนร่วมเตียงแต่ก็มีบุตรตัวน้อยที่นอนคั่นกลาง ซึ่งวันนี้ก็เวียนมาบรรจบที่พระองค์จะได้อยู่ตามลำพังกับผู้เป็นชายา หลังจากมิได้นอนกอดชายารักมาหลายค่ำคืนเมื่อสาวเท้าข้ามผ่านประตู เห็นชายารักนั่งหวีผมยาวสลวยอยู่หน้ากระจก มองจากการแต่งกายให้รู้ว่านางอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว จนทำให้คิ้วหนาขมวดมุ่น"เหตุใดจึงไม่รออาบพร้อมกัน" ลี่เซียนที่มองสบตาสวามีผ่านกระจก เห็นสายตาร้อนแรงนั้น ให้รู้สึกร้อนวูบวาบนัก"ก็ อากาศมันร้อนอบอ้าวหนิเจ้าคะ" เสียงหวานใสที่เอ่ยขึ้นใบหน้
"ท่านแม่เจ้าขาาา"เสียงเล็กที่ร้องเรียกดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างกลมป้อมของเจ้าของเสียงที่สองมือเล็กนั้นถือข้าวของมาเต็มสองมือ ทำให้ลี่เซียนที่กำลังเล่นอยู่กับเจ้าซาลาเปาน้อยทั้งสามต้องเงยหน้าขึ้นมอง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวแสบ ดูท่าช่วงนี้จะมั่งคั่งเหลือเกินนะเราน่ะ ไปรับสินบนจากใครมากัน หืม"เจ้าตัวเล็กเห็นสายตาที่มองมาของมารดาถึงกับสะดุ้ง รีบเอ่ยจนปากเล็กสั่นระรัว "สินบนอันใดกันเจ้าคะ ลูกไม่เห็นจะเข้าใจเลย ข้าวของเหล่านี้ เป็นบิดาเมตตาลูกเองทั้งนั้น ลูกมิได้ร้องขอแม้แต่น้อย"ลูกแค่บอกว่าถุงเงินของลูกช่างเบายิ่งนักท่านพ่อก็กุลีกุจอยัดเยียดกุญแจหีบเงินให้ลูก แน่นอนว่าประโยคนี้มิได้หลุดออกไปจากริมฝีปากเล็กใบหน้าเล็กใสซื่อเอ่ยขึ้นในตาใสแจ๋ว"อืมมม บิดาเจ้าช่างประเสริฐแท้"ลี่เซียนที่เอ่ยขึ้นอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ถึงผู้ที่ทำให้นางรู้สึกจุกหน่วงในท้องอยู่ ณ ตอนนี้ แล้วหางตาก็เห็นผู้ประเสริฐกำลังเดินยิ้มร่าเข้ามาแล้วช้อนตัวเจ้าตัวแสบขึ้นอุ้ม พร้อมหอมแก้มย้วยนั้นฟอดใหญ่ มองใบหน้างอง้ำของภรรยาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม"เสี่ยวซี ซื้ออันใดมาฝากพ่อบ้าง หืม" " เยอะแยะเลยเจ้าค่ะ มีชาแบบใหม่ด้วยนะเจ้าคะ
ภาพโฉมสะคราญนอนเปลือยแผ่นหลังขาวผ่องอยู่บนตั่งเล็กริมหน้าต่าง ทำให้อ๋องสามยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความหลงใหล ช่างงดงามดังเทพธิดาที่ปรมาจารย์ผู้เป็นเอกด้านรูปวาดจรดปลายพู่กันปั้นแต่งความงามเหมาะเจาะลงตัวปรากฏเป็นภาพโฉมสะคราญที่ทำให้ผู้คนหลงใหล เส้นผมดำยาวดุจดังน้ำหมึกที่หลุดลุ่ยคลอเคลียบนกรอบใบหน้าเล็กขาวนวลเนียน คิ้วเรียวดั่งคันศรดำขลับโดยมิต้องเติมแต่ง ดวงตาที่ปิดสนิทเห็นแพขนตางอนยาวทาบทับเปลือกตา จมูกโด่งเล็กรั้นเชิดตรงส่วนปลาย และริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอน้อยๆ ช่างชวนให้อยากสัมผัสความหวานที่พระองค์รู้ดีว่าละมุนเพียงใด สายตาคมดุจพยัคฆ์ไล่สำรวจมายังลำคอและลาดไหล่ขาวละเอียดเห็นเนินอกขาวผ่องรำไรพาลให้ลมหายใจสะดุด แผ่นหลังขาวนวลตัดกับเส้นผมดำยาวที่คลอเคลียไหล่มนจนมาถึงแผ่นหลัง ดึงให้ฝ่ามือหนายกขึ้นปัดป่ายก่อนจะประทับริมฝีปากร้อนลงบนหัวไหล่ไล่พรมจูบมาตามกระดูกสันหลัง มือหนาที่พยายามดึงรั้งให้อาภรณ์ที่เกาะเกี่ยวสะโพกงามงอนให้พ้นทาง ปากร้อนก็จูบพรมไปทั่วแผ่นหลังบอบบาง จนเจ้าของร่างเย้ายวนรู้สึกตัวตื่น สัมผัสแผ่วเบาที่ขยับยุกยิกทางด้านหลังจนทำให้รู้สึกวาบหวิวจนต้องลืมตาฉ่ำน้ำมองสิ่งที่รบกวนการพัก
"ท่านพ่อมีอะไรหรือเจ้าคะ" เสียงเล็กที่กระซิบแผ่วเบากับร่างสูงที่ย่อตัวลงนั่งชันเข่าขึ้นข้างนึงเพื่อให้คุยกับร่างเล็กได้สะดวก "วันนี้ซีเอ๋อไม่อยากออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนหรือ" เสี่ยวซีที่ทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยขึ้น"อืมมม ไม่เจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่ปรนนิบัติท่านแม่ เพราะท่านแม่นั้นเหนื่อยมาก" "ให้พ่อช่วยดีหรือไม่ ส่วนซีเอ๋อจะได้ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอก" "ไม่ดีกว่าเจ้าค่ะ ซีเอ๋ออยากอยู่กับท่านแม่"ว่าพลางร่างเล็กก็ทำท่าจะหันหลังกลับเข้าไป อ๋องสามที่รีบคว้าไหล่เล็กเอาไว้ จนไม่ทันสังเกตรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์ที่ยกขึ้นของเจ้าตัวเล็ก" เมื่อวันก่อนพ่อได้ยินว่าท่านแม่ของเจ้าบ่นว่าอยากกินถังหูลู่ด้วยนะ ถ้าท่านแม่ได้กินคงจะหายเหนื่อยแน่ๆ เอ.. หรือว่าพ่อจะไปซื้อเองนะ แต่หากเสี่ยวซีเป็นคนไปซื้อท่านแม่คงจะชื่นใจจนหายเหนื่อยเป็นแน่"เสี่ยวซีน้อยที่มองใบหน้าของบิดาที่กำลังมองนางสายตาพราวระยับ"ท่านแม่ ไม่ชอบกินของหวาน"เจ้าตัวเล็กที่ใช้มือเล็กกลมยกขึ้นกอดอก"แต่พ่อได้ยินจริงๆ นะ""ท่านพ่อจะหลอกให้ลูกออกไปข้างนอก เพื่อจะได้อยู่กับท่านแม่ตามลำพังใช่หรือไม่เจ้าคะ"OoO! ".... " อ๋องสามที่โดนจับได้ รีบก้มห
หลังจากวันนั้นที่สองพ่อลูกผู้มากเล่ห์ใช้กลเม็ดต่างๆ ขยันหาเรื่องจนนางอดสงสารทั้งสี่คนไม่ได้ ก็ดูเหมือนเรื่องราวของทั้งสี่จะเริ่มชัดเจนขึ้นโดยมีสองพ่อลูกที่เป็นผู้รับหน้าที่ผูกด้ายแดงเชื่อมโยงหนุ่มสาวให้กล้าที่จะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ไม่ปล่อยให้มันสายเกินไปจนยากที่จะแก้ไข แต่กว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดีก็เล่นเอาบอบช้ำกันไปตามๆ กัน เพราะบรรดาพระเชษฐาของสามีนางจะมีใครธรรมดาได้อย่างไร ตอนนี้ท้องของนางใกล้จะคลอดเต็มที ยิ่งใกล้คลอดนางยิ่งรู้สึกกังวล แต่ก็มีสามีที่คอยอยู่ใกล้ๆ ให้กำลังใจและยังมีเจ้าตัวเล็กที่มักจะมานั่งคุยกับน้องๆ ทั้งสามอยู่เสมอ จนเมื่อถึงวันที่นางเจ็บท้องคลอดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ท่ามกลางความตื่นเต้นดีใจของบุคคลทั้งสองที่นางรัก ทั้งนางและบุตรตัวน้อยทั้งสามล้วนปลอดภัยและแข็งแรงดี อ๋องสามและเสี่ยวซีที่เห่อเจ้าตัวเล็กทั้งสามจนไม่คิดจะออกห่างไปไหนต่างช่วยกันดูแลนางและเจ้าตัวน้อยทั้งสาม บุตรที่คลอดออกมาคนแรกนั้นเป็นอ๋องน้อยเป็นคุณชายใหญ่ของจวนบิดาให้นามว่า มู่หยวนฟง คนที่สองก็ยังเป็นบุตรชายคุณชายรองนามว่า มู่อวิ๋นซาน ส่วนคนที่สามเป็นท่านหญิงน้อยซึ่งดูจะได้รับความโปร
ตอนนี้บรรยากาศในศาลาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงพูดเจี๊ยวจ๊าวของเจ้าตัวเล็กที่ดูจะชอบพี่สาวคนสวยทั้งสองเป็นอย่างมาก จากที่ได้สนทนากันคุณหนูหลิวทั้งสองนั้นน่าคบหามากเลยทีเดียว จนตอนนี้ใช้เวลาเพียงไม่นานลี่เซียนก็สามารถพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเองอย่างสนิทใจแต่เหตุใดนางรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป พี่หย่งไท่ที่มักจะพูดคุยหยอกล้อกับเสี่ยวซีกลับเงียบจนผิดปกติจะมีหันมาตอบคำถามบ้างเมื่อมีใครถามเท่านั้นและนางยังไม่เห็นพระองค์พูดกับหลันเอ๋อแม้แต่คำเดียว ส่วนองค์รัชทายาทนั้นที่ปกติมักจะเป็นผู้ฟังที่ดีมาตลอดแต่ก็ยังสนทนากันบ้างวันนี้กลับเงียบจนน่าอึดอัด แต่นางกลับเห็นว่าสายตาคู่นั้นมักจะมองมายังสตรีผู้หนึ่งเสมอ มิใช่คู่หมั้นแต่เป็นน้องสาวของคู่หมั้น แต่เชี่ยนเชี่ยนกลับนิ่งเฉยนางรู้สึกได้ว่าเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกถึงสายตาที่มองมาแต่กลับไม่ยอมหันไปสบตายังคงพูดคุยหยอกล้ออยู่กับเสี่ยวซีด้วยรอยยิ้ม บางครั้งรอยยิ้มสดใสนั้นก็มักมีความเศร้าหมองวาบผ่านโดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าเผลอแสดงออกมาฝ่ามืออุ่นที่โอบกระชับรอบเอวทำให้นางหลุดจากภวังค์หันมามองใบหน้าหล่อเหลาของผู้เป็นสามีที่กำลังส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาใ