“งั้นเดี๋ยวเก้าโทรตามลุงชัยก่อนนะคะ” มือที่กำลังจะหยิบโทรศัพท์ต้องชะงัก เมื่อถูกมือหนาคว้าไว้เสียก่อน หางตาเขาเหลือบไปทางประตูเล็กน้อย ทำให้เธอต้องหันไปมองตาม
“อย่ามอง! อย่าเพิ่งถามด้วย”
เอ...ชักไม่ชอบมาพากลแฮะ
“เรียกแท็กซี่เถอะ...”
จังหวะนั้นก็บังเอิญมีแท็กซี่เลี้ยวเข้ามาจอดส่งผู้โดยสารพอดี นพรดาจึงรีบกัดฟันลากคนตัวโตขึ้นรถ แต่ตอนที่เธอจะไปนั่งข้างหน้า เขากลับฉุดตัวเธอลงมานั่งข้างๆ แทน ยังไม่ทันได้ถาม เสียงเข้มๆ ก็สั่งขึ้นเสียก่อน
“รีบออกรถ”
“แล้วคุณจะไปที่ไหนครับ” แท็กซี่หันมาถาม
“ช่วยไปส่งที่เพนท์เฮ้าส์...ด้วยค่ะ” นพรดารีบตอบแทนเจ้านายที่ตอนนี้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด ตัวเกร็งร้อนผ่าว แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือจากตัวเธอเสียที
“บอสคะ คุณไหวไหมคะ หรือเราจะแวะโรงพยาบาลก่อนดี”
“ไม่! ไม่ต้อง ผมไหว” เขาเอ่ยลอดไรฟันด้วยน้ำเสียงพร่าแปร่งหู
“แต่ท่าทางคุณดูไม่ดีเลย เก้าว่า...อุ๊ย!”
นพรดาอุทาน ตัวแข็งทื่อ เมื่อจู่ๆ อีกฝ่ายก็ซบใบหน้าลงมาที่ซอกคอเธอเสียนี่
อีบอสชีกอนี่ อยู่ๆ ก็คิดจะมาแต๊ะอั๋งกัน ไหนว่าสมภารไม่กินไก่วัดไงวะ
“ร้อน...ผมร้อนจัง”
ใช่! เธอก็เริ่มจะร้อนเหมือนกัน วันนี้ก่อนมาก็จัดไปหลายคาราเบลอยู่ ตอนนี้มันก็เริ่มออกฤทธิ์ ปั่นป่วนมวนท้องไปหมด ยิ่งมาโดนคนหล่อกระตุ้นด้วยการถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่
“บะ...บอสคะ ให้เก้าโทรเรียกคุณแซนดี้ให้ไหมคะ หรือจะเป็นคุณน้ำใสดี” ชื่อที่เอ่ยนั่นคือ ‘ตัวท็อปพร้อมใช้งาน’ ในสังกัดที่เขามักจะเรียกมาใช้งานแก้ขัดยามหิวจัดๆ
“ไม่...” ปากบอกไม่ แต่ปลายจมูกโด่งคมกลับเริ่มซุกไซ้มาที่ซอกคอขาวผ่องจนหญิงสาวขนลุกซู่ซ่า ต้องรีบเอามือดันใบหน้าเขาให้ออกห่างอย่างทุลักทุเล
“บอสตั้งสติหน่อย นี่เก้าเอง เลขาคุณไงคะ ไม่ใช่เด็กในสังกัดบอสนะ เก้า...”
“เก้า...เก้าไหน” นพรดากัดฟันแน่นเมื่อข้าศึกชักจะเล่นหนักข้อขึ้นทุกทีๆ
“หรือว่าจะกลับไปตามแม่สาวที่คลับคนเมื่อกี้...” เสียงเริ่มตะกุกตะกักขาดหายเพราะพยายามดันตัวออกห่าง แต่มือปลาหมึกกลับโอบเอวดึงเธอเข้าหาไม่หยุด
อีตาบอสนี่โดนผีหื่นเข้าสิงหรือไงวะ หรือเห็นเธอแต่งตัวสวยเซ็กซี่เกินเบอร์เข้าหน่อยเลยเกิดอารมณ์ แต่ยัยคนเมื่อกี้เปิดเนื้อหนังมากกว่าอีกนะ เขายังสลัดทิ้งเลย
“ไม่เอา...”
“ไม่เอา แล้วคุณจะเอาอะไร...” ปากถามอย่าเหลืออด แต่ตาเหลือบมองเห็นสายตาของผู้ชมด้านหน้าที่กำลังมองผ่านกระจกหลังมาช่วยลุ้นก็ชักจะฉุน
ถีบเจ้านายตกแท็กซี่นี่ผิดกฏบริษัทไหม จะโดนไล่ออกหรือเปล่าวะเนี่ย
“บอสคะ สติค่ะ ตั้งสติก่อน” ยิ่งว่าก็เหมือนยิ่งยุ สติไม่มา มีแต่อารมณ์ด้านมืดล้วนๆ เมื่อมือข้างหนึ่งของเขาวางแหมะลงที่ต้นขาขาวเนียนของเธอ ก่อนลูบไล้ขึ้นมาเรื่อยๆ
นพรดาถึงกับตาโต ลมหายใจติดขัด จากตรงนี้กว่าจะถึงเพนท์เฮ้าส์ของหมอนี่อีกไม่ไกลเท่าไหร่ แต่เธอเริ่มจะรับมือความหน้ามึนของเขาไม่ไหวแล้ว ไม่แน่ว่าอาจมีหนังสดบนแท็กซี่ได้
“พี่คะ ขับเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม”
“ครับๆ” คนขับแท็กซี่รีบรับคำ
บ้าเอ๊ย! ผู้ก็ไม่ได้ ยังต้องมารับมือเจ้านายตัวร้ายอีก นี่วันซวยอะไรวะ
คิดไม่ทันขาดคำ มือเจ้ากรรมของอีกฝ่ายก็วางแหมะลงมา บนทรวงอกอวบอิ่มเข้าให้
“เชี่ย!”
ผลัวะ!
“โอ๊ย!” ชายหนุ่มอุทาน เมื่อถูกฝ่ามือหนักๆ ฟาดแสกหน้าจังบะเริ่มจนหน้าชาเห่อ ก่อนที่เจ้าของภูเขาไฟคู่แฝดจะแงะมือเขาออกจากของรักของหวงของเธออย่างรวดเร็ว
“เจ็บนะ นี่คุณกล้าดียังไงมาตบผม”
“ก็บอสมาจับนมเก้าก่อนนี่” หญิงสาวเถียงกลับหน้าดำหน้าแดง ก่อนกลืนน้ำลายฝืดคอ นึกขึ้นได้เมื่อเห็นแก้มขาวๆ ของอีกฝ่ายขึ้นรอยแดง
ชิบหายแล้วอีเก้า ตบเต็มแรงขนาดนั้นเธอจะโดนบอสกินหัวไหมเนี่ย แค่คิดก็เห็นซองขาวลอยมาแต่ไกล
“ขะ...ขอโทษค่ะบอส เจ็บไหมคะ เก้าลืมตัวไปนิด”
ดวงตาดุเข้มจ้องมองใบหน้าสวยเฉี่ยวแปลกตา ที่กำลังทำให้ใจเขาสั่นไหวรุนแรง ความต้องการทางธรรมชาติกำลังเล่นงานเขาอย่างหนักหน่วงชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายร้อนรุ่มกระสับกระส่าย โดยเฉพาะตรงจุดกึ่งกลางที่เริ่มขยายตัวจนคับตึงไปหมด เขากำลังเสียการควบคุมตัวเองจนอยากจะจับแม่สาวตรงหน้าขย้ำแล้วกลืนลงท้องซะเดี๋ยวนั้น
“บ้าเอ๊ย...”
“หายใจเข้าลึกๆ นะคะบอส อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว” ปากบอกเขา แต่กลับเป็นเธอที่สติกระเจิงหายไปหมดแล้ว
“ตั้งสติเข้าไว้...อุ๊บ!”
ราวกับถูกไฟฟ้าแรงสูงชอร์ตอย่างจัง!
เสียงหวานถูกกลืนหายไปในลำคอทันที เมื่อถูกริมฝีปากร้อนผ่าวบดขยี้ลงมาบนกลีบปากอิ่มของเธอในวินาทีนั้น ยังไม่ทันได้ตั้งตัว อีกฝ่ายก็ฉวยโอกาสฉกปลายลิ้นเข้ามาควานหาความหวานในปากเธออย่างเร่าร้อน
จูบแรกในชีวิต! ใครจะคิดว่าจะมาในแท็กซี่แบบนี้ แล้วจูบกับใครก็ไม่ว่า ทำไมต้องเป็นอีตาบอสตัวร้ายนี่ด้วย
นพรดาดิ้นขลุกขลักเมื่อถูกเขารวบตัวเข้าไปกอด และกดท้ายทอยเธอไว้ไม่ยอมให้หนี บรรยากาศรอบกายร้อนระอุจนเกือบเดือดพล่าน หญิงสาวแทบขาดใจตายเมื่อถูกเขากวาดต้อนด้วยปลายลิ้นอย่างมีชั้นเชิง จนพาให้คนไร้ประสบการณ์ถึงขั้นตัวอ่อนระทวยหมดแรงต่อต้าน ยอมให้เขาจูบเอาๆ
“แล้วทำไมเพิ่งมาพูดเอาตอนนี้”“เพราะผมเป็นคนโง่ที่ไม่รู้จักหัวใจตัวเองไง แต่พอเกิดจะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที หัวใจผมก็หายไปแล้ว... ตอนนี้ผมไม่ใช่เจ้านาย และคุณเองก็ไม่ใช่เลขาของผมอีกต่อไป ฉะนั้นผมเลยไม่มีอำนาจอะไรจะไปบังคับคุณได้ ตอนนี้ผมมันก็เป็นได้แค่เพียงผู้ชายธรรมดาๆ คนนึงที่รักคุณอย่างหมดหัวใจ...ผมมาที่นี่เพราะผมรู้แล้วว่า คุณเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิต และผมไม่ต้องการสูญเสียคุณไปอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะครับขวัญฟ้า”นานทีเดียวกว่าหล่อนจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด หญิงสาวแกล้งอมยิ้มถามตาเจ้าเล่ห์“ไปเอามาจากไหนคะ” “ครับ?”“ก็คำพูดน้ำเน่าๆ เมื่อกี้น่ะสิ ท่องมากี่วัน”“แล้วคุณซึ้งบ้างไหมล่ะ”“ก็พอใช้ได้นะคะ” ระพีวิชญ์ยิ้มแก้มปริ ก่อนหุบฉับ “แต่คงต้องฝึกอีกเยอะ”“แปลว่าตกลง” หล่อนไม่ตอบแต่กลับย้อนถาม“แล้วคุณไม่กลัวพ่อฉันตีหัวแตกอีกหรือไง พ่อฉันน่ะไม่ใช่แค่มือหนักนะ ยิงปืนก็แม่นด้วย”คำถามนั้นทำเอาระพีวิชญ์อดหัวเราะไม่ได้ ทำไมเขาจะไม่รู้ฤทธิ์เดชว่าที่พ่อตาจอมดุ เขาเองก็เกือบตายเพราะถูกพ่อเลี้ยงดามพ์แพ่นกบาลแยกมาแล้ว “กลัวสิ” เขาแกล้งทำหน้าขรึม “ แต่...ทำไงได้ล่ะ ผมรักลูกสาวท่านนี่ ก็คงต
หล่อนหัวเราะเสียงใส เมื่อได้ยินคำบ่นของอีกฝ่ายกลับมา ระยะหลังๆมานี่ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับแม่เลี้ยงสาวดูเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก แม้สรรพนามที่ใช้เรียกขานก็เปลี่ยนจาก “คุณอร” เป็น “น้าอร” ไปด้วย ทว่าให้สนิทสนมกันมากขึ้นเท่าใด หล่อนก็ยังไม่กล้าพอที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “ แม่” และดูเหมือนคุณอรไพลินเองก็พอใจกับฐานะของตัวเอง และไม่เคยเรียกร้องอะไรเช่นกัน“ป๋ามีอะไรคะ ...จะให้ขวัญไปต้อนรับแขกพิเศษ? ได้ซิคะ ว่าแต่แขกพิเศษที่ว่านี่ใครเหรอคะชื่ออะไร และจะมาเมื่อไหร่ล่ะคะ หา...ว่าไงนะ?!! …มาถึงที่โรงแรมแล้วเหรอ ป๋าทำงี้ได้ไง...”ขวัญฟ้าแทบกรี๊ดสลบ ทว่าอีกฝ่ายรู้ทันชิงวางสายไปก่อน ทำให้หล่อนหมดโอกาสปฏิเสธไปโดยปริยาย“แขกพิเศษ ใครกันนะ?” หญิงสาวทำหน้ายุ่ง ชักเริ่มสังหรณ์ใจแปลกๆ‘ห้องรับแขกพิเศษ’ ที่ใช้รับรองเฉพาะแขกวีไอพีสำคัญๆของโรงแรมที่ส่วนมากจะเป็นผู้มีชื่อเสียงระดับประเทศ หรือไม่ก็อาจเป็นแขกของท่านเจ้าของโรงแรมเอง ภายในตกแต่งตามสไตล์ล้านนางดงาม เพดานสูงสลักเสลาด้วยไม้แกะสลักสวยแปลกตาเข้ากับบรรยากาศรอบๆ และเมื่อมองผ่านมีหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่มีกรอบโค้งยาวจรดพื้นจะเห็นบริเ
“ตัวก็สูงนะคะ หุ่นคล้ายๆนางแบบ แต่ดูสวยสง่ากว่าเยอะเลยค่ะ อ้อ...แล้วเวลายิ้มมีรอยลักยิ้มน่ารักๆด้วยล่ะค่ะ”“คุณขวัญฟ้า!” อธิปัตย์งึมงำ ทำให้ทุกคนหันไปมองอย่างสนใจ ฝ่ายระพีวิชญ์ถึงกับนิ่งอึ้งไป จนกระทั่งพยาบาลคนนั้นออกไปจากห้อง คนเป็นเพื่อนจึงอดถามด้วยความเป็นห่วงไม่ได้“เอาไงดีล่ะไอ้พี” คนถูกถามนิ่งคิดไปพักเดียวก็ยิ้มออกมา ในขณะที่คนอื่นๆล้วนรอฟังคำตอบ“ก็แกบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่า ฉันกำลังจะกลายเป็นผู้บริหารที่เนื้อหอมที่สุดในประเทศ แล้วฉันจะทำงานเยอะๆ ได้ไงล่ะ ถ้าไม่มี...ผู้ช่วย...จริงไหม...”ชายหนุ่มเอ่ยออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย คำตอบนั้นแม้ไม่ให้ความกระจ่างอะไรซักนิดหากคำว่า ‘ผู้ช่วย’ ของเขานั้น ทำให้รัชนีพัชราถึงกับหน้าม่อยลงอย่างผิดหวังอย่างแรง หลังจากการแถลงข่าวเรื่องโครงการก่อสร้างรีสอร์ตสุดหรูในเครือ ทวิชา โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ตเสร็จสิ้นลงไปไม่นานนัก ข่าวต่างๆก็เริ่มตามมาเป็นระลอก โดยเฉพาะกระแสข่าวเล็กๆน้อยๆของนักบริหารหนุ่มรูปหล่อคนใหม่ของเมืองไทยเท่านั้นที่ยัง เป็นข่าวรายวันอยู่ทุกคนล้วนจับตามองว่า สาวคนไหนกันแน่ ที่จะสามารถคว้าหัวใจ ชายหนุ่มที่แสนเพอร์เฟกค
กุหลาบแรกแย้มสีขาวสวย ตัวแทนของความรักบริสุทธิ์ที่ครั้งหนึ่งหล่อนเคยได้รับจากใครคนหนึ่ง หากมายามนี้มันกลับเปื้อนทั้งหยดเลือดและหยาดน้ำตา ขวัญฟ้าเงยหน้ามองเพดาน หลับตานิ่ง เพื่อสะกดกลั้นไม่ให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา ดอกกุหลาบงามหลุดมือร่วงลงสู่พื้นช้าๆ พร้อมกับหัวใจรักอันชอกช้ำ... จบสิ้นกันเสียที“ขอให้คุณสมหวังกับคนที่คุณรักอย่างแท้จริงนะคะ ลาก่อน... ”“ไง เพื่อนยาก” อธิปัตย์โผล่หน้าเข้ามายิ้มทะเล้น“ไปไหนมาคะพี่ปัตย์ เพื่อนเจ็บทั้งทีจะดูแลบ้างก็ไม่มี” คนเป็นน้องแกล้งตวาดแวด ทว่าคนถูกตวาดใส่กลับลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้“เรื่องอะไรพี่ต้องดูด้วย ถึงไม่มีพี่ ไอ้พีมันก็มีคนที่อยากดูแลอยู่แล้วนี่ จริงไหมครับ...”คนถูกกระแนะกระแหนหันไปพยักเพยิดกับคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ระพีวิชญ์ขมวดคิ้ว แต่พอประตูเปิดกว้าง รอยสงสัยจึงกลับกลายเป็นความดีใจแทน “พี่วินทร์!” คนเจ็บทำท่าจะลุก ทำให้หญิงสาวที่อยู่ใกล้ๆต้องรีบเข้ามาประคองไว้ อธิปัตย์เปิดทางให้ไรวินทร์เดินนำเข้ามาก่อน แต่พอตัวเขาจะก้าวตามเข้ามาก็บังเอิญเหลือบไปเห็นดอกกุหลาบตกที่พื้นเสียก่อนชายหนุ่มเอียงคอมองอย่างสงสัย ก่อนก้มเก็บ
เสียงเด็กน้อยยังคงพร่ำเรียกร้องความสนใจอย่างไม่ย่อท้อนั้นทำให้หล่อนได้คิด หล่อนจึงตัดสินใจร้องบอกคนขับ“เอ่อ...คุณช่วยเปิดกระจกแป๊บนึงได้ไหมคะ ฉันอยากได้ดอกไม้”แม้ขัดใจหากคนฟังก็จำต้องเปิดกระจกให้อย่างเสียไม่ได้ ดอกกุหลาบหลากสีหลายดอกชูช่อสวยน่ารัก ทว่าหญิงสาวกลับเลือกหยิบเพียงดอกกุหลาบแรกแย้มสีขาวสะอาดขึ้นมาเพียงดอกเดียว ทำให้คนขายตัวน้อยถึงกับหน้าเสีย “ไม่รับเพิ่มอีกซักดอกหรือจ๊ะพี่สาว สวยๆทั้งนั้นเลย ซื้อหลายดอกหนูลดให้ก็ได้นะ”“ไม่ล่ะจ้ะ พี่ขอกุหลาบสีขาวนี่ดอกเดียวพอแล้ว เอ้า...นี่เงินค่ากุหลาบจ้ะ”หล่อนส่งเงินให้ แต่พอหนูน้อยเห็นก็อุทาน“แบ๊งค์พัน! โอ้ย!...พี่ไม่มีแบ๊งค์ย่อยเหรอจ้ะ เช้านี้หนูเพิ่งขายได้ไม่กี่ดอกไม่มีเงินทอนหรอกจ้ะ”“ไม่ต้องทอนหรอกค่ะ เก็บไว้ซื้อขนมกินเถอะ พี่ให้”“คุณครับ ไฟเขียวแล้ว” คนขับหันมาเตือน ทำให้หญิงสาวต้องรีบยัดเงินใส่มือเด็กน้อยที่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้น พลางเงยหน้าส่งยิ้มแป้นให้ ดวงหน้าขะมุกขะมอมสว่างสดใสขึ้น ดุจแสงแรกของดวงตะวัน ก่อนยกมือไหว้ท่วมหัว“ขอบคุณค่าพี่สาวคนสวย หนูขอให้พี่โชคดี มีแฟนหล่อๆ รวยๆ นะจ้ะ” คนได้ฟังอดยิ้มเศร้าๆ กับตัวเ
“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ”คุณหมอเดินออกมาแจ้งกับผู้หญิงร่างบางที่ยืนรออยู่หน้าห้อง แล้วหันไปกล่าวกับชายร่างสูงที่สวมชุดปลอดเชื้อซึ่งเดินตามออกมาทีหลัง“โชคดีมากๆเลยนะครับที่ได้คุณหมอเก่งๆอย่างคุณไรวินทร์มาช่วยอีกแรง”“คุณหมอชมผมเกินไปแล้วครับ ที่จริงผมก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมายเลย”“แต่ดิฉันเห็นด้วยกับคุณหมอนะคะ โชคดีมากๆ ที่คุณวินทร์ยอมกลับมา ไม่งั้นฉันก็คงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ ยิ่งตอนนี้คุณระพีวิชญ์ก็ไม่อยู่ด้วย มีหวังดิฉันแย่แน่ๆ เลยค่ะ” สราวดีส่งยิ้มบางๆ ให้“ติ๊ดๆ”เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สราวดีรีบเปิดกระเป๋าหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมา หล่อนหันไปบอกชายหนุ่มข้างๆ ที่เตรียมเดินเลี่ยงไปอีกทางอย่างรู้มารยาท“เบอร์ที่บ้านน่ะค่ะ” ไรวินทร์พยักหน้าน้อยๆ เชิงรับรู้“ค่ะ คุณนิ่ม...ว่าไงนะคะ ใครเป็นอะไรนะคะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน ค่ะๆ เข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย... ”คนฟังไม่ทันเอ่ยถาม หญิงสาวก็รีบหันมาบอกเสียก่อน “คุณวินทร์คะ คุณนิ่มเพิ่งโทรมาบอกให้รีบไปที่โรงพยาบาลค่ะ เรื่องคุณระพีวิชญ์...”“จริงสิ! นายระพีวิชญ์ถูกยิง” ไรวินทร์เพิ่งนึกได้ “เขาเป็นไงบ้าง”“ตอนนี้ยังอยู่ในไอซียูค่ะ”“งั้นคุ