รุ่งเช้าที่อากาศแจ่มใส....
หรงหรงตื่นแต่เช้าตรู่ นางนอนไม่หลับทั้งคืน เพราะมัวแต่คิดเรื่องไร้สาระ หรงหรงจึงลงมือเข้าครัวทำอาหารตั้งแต่รุ่งสาง หลังจากนั้นนางรีบออกไปหาบน้ำที่ท้ายหมู่บ้านมาใส่ไว้ในตุ่มจนเต็ม
เรือนบางหลังก็เริ่มทยอยตื่นขึ้นมาบ้างแล้วประปราย
"หรงเอ๋อร์...เจ้าช่างขยันจริงเชียว ตื่นมาหาบน้ำตั้งแต่เช้าตรู่ นางเมิงช่างโชคดีที่มีบุตรสาวเช่นเจ้าจริงๆ" ลุงจางในหมู่บ้านตะโกนถามไถ่สารทุกข์สุกดิบแล้วเอ่ยชื่นชมนาง
"ท่านลุงก็พูดเกินไปเจ้าคะ นี้เป็นหน้าที่ของข้าที่ควรจะทำในฐานะลูกเจ้าคะ.."
"อืม...ตอนนี้แม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง...?
"ท่านแม่ดีขึ้นมากแล้วเจ้าคะ ขอบน้ำใจท่านลุงจางที่ยังเป็นห่วง ข้าต้องกลับไปแล้ว จะรีบกลับไปดูแลท่านเเม่ต่อเจ้าคะ.."
"ได้...ไปดีมาดีนะนางหนู..."
"เจ้าคะท่านลุง"
หรงหรงกลับมาจากหาบน้ำ นางมองไปที่โม่เฉินอย่างหมั่นไส้ เขายังคงนอนหลับอยู่ ก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี เพื่อเข้าไปดูอาการมารดาของเจ้าของร่างเดิม แต่เมื่อเห็นสภาพหญิงชราตรงหน้า หรงหรงถึงกับตื่นตระหนก
ร่างกายหญิงชราตรงหน้า ดูซูบผอมเกือบเหลือแต่โครงกระดูก หน้าตาที่อิดโรยเหมือนนอนรอความตาย นี้คงไม่ได้เจ็บไข้ปกติธรรมดาแล้วกระมัง....?
หรงหรงยืนคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ไหนๆนางก็มาอยู่ในร่างลูกสาวของหญิงชราผู้นี้แล้ว เเม่ของเจ้าของร่างเดิมก็เหมือนแม่ของนาง ถึงแม้ว่าชาติภพที่นางอยู่แม่ของนางจะตายจากเพราะอุบัติเหตุตั้งแต่นางยังเด็กก็ตาม แต่ในเมื่อสวรรค์ให้นางได้ใช้ชีวิตใหม่อีกครั้งในร่างนี้ นางจะต้องดูแลรักษามารดาเจ้าของร่างเดิมให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งให้จงได้
ทันทีที่คิดได้ หรงหรงรีบล่วงมือเข้าไปในแขนเสื้ออย่างฉับพลัน นางรีบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อจับโดนกล่องยาขนาดเล็กซ่อนอยู่ภายในนั้น นางลองหยิบกล่องยาออกมา กล่องยาก็ขยายใหญ่ขึ้นเองอัตโนมัติ เช่นนั้นแล้ว....นางก็ไม่ต้องกังวลเรื่องวิธีรักษาอาการของโม่เฉินและหญิงชราตรงหน้าอีกต่อไป
"แค้ก แค้ก แค้ก หรงเอ๋อร์...เจ้าตื่นแล้วรึ...? นางเมิงเอ่ยขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรง
"เจ้าคะ ท่านแม่...ข้าจะเริ่มรักษาอาการป่วยเบื้องต้นให้ท่านก่อน..." หรงหรงรีบเก็บกล่องยาเข้าไปตามเดิมทันที
"หรงเอ๋อร์...เจ้าอย่าได้พูดจาเพ้อเจ้อ บ้านเราไม่มีเงินมากพอที่จะไปจ่ายค่าหมอค่ายา กว่าเจ้าจะทำงานหาเงินมาได้ ใช่เพียงแค่วันสองวันเสียที่ไหน เจ้าเก็บเงินเอาไว้เถิด ยามที่เจ้าได้ออกเรือนไป จะได้มีสินเดิมเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น อย่าได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกเลย แม่แก่แล้ว ไม่จำเป็นต้องรักษาให้สิ้นเปลืองเงินทอง...แค่ก...แค่ก...." นางเมิงไม่อยากฟุ่มเฟือยสิ้นเปลืองเงินทองไปโดยไร้ประโยชน์ นางรู้ดีว่าร่างกายนางคงอยู่ได้อีกไม่นาน เมื่อนางเมิงจากไป บุตรสาวจะได้มีเงินก้อนเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น ไม่ต้องมาสิ้นเปลืองไปกับค่ารักษาที่ไร้ประโยชน์
"ใครบอกว่าข้าจะไปเรียกหมอมารักษาท่านกันเล่า..."
"อ้าว....แล้วที่เจ้าเอ่ยมา หมายความว่าเช่นไร....?
"ข้านี้แหละหมอ.....ข้าจะรักษาท่านเอง"
"เหลวไหล....เจ้าจะเอาสิ่งใดมารักษาแม่ เจ้ามิเคยร่ำเรียนวิชาแพทย์ เลิกล้อแม่เล่นได้แล้ว..." นางเมิงส่งยิ้มให้บุตรสาว นางรู้ว่าบุตรสาวเป็นเด็กที่กตัญญูรู้คุณ คงแค่พูดเอาใจคนแก่ก็เท่านั้น
"ล้อเล่น....ข้านี้นะจะล้อท่านเล่น นี้ข้าพูดจากใจจริง ท่านแม่ยื่นมือออกมาก่อน ขอข้าตรวจดูชีพจรท่านแค่แปปเดียว..."
นางเมิงเริ่มไม่เชื่อหูตัวเอง แต่เมื่อเห็นบุตรสาวกำลังนำกล่องสี่เหลี่ยมออกมาวางไว้ตรงหน้า นางเมิงถึงกับตกตะลึงมองอย่างสงสัย
ถึงสายตานางเมิงจะไม่ค่อยดีนัก แต่ก็ยังพอมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่ากล่องตรงหน้านั่นคือสิ่งใด....
"นั้นมัน....? นางเมิงอุทานเสียงหลง
หรงหรงเปิดกล่องยาออก เพื่อหยิบอุปกรณ์มาตรวจดูอาการมารดา
หญิงชราเพ่งมองกล่องสี่เหลี่ยมตรงหน้าอย่างงุนงง เหตุใดบุตรสาวนางถึงได้มีไว้ในครอบครอง แล้วกล่องสิ่งนี้เหตุใดจู่จู่ถึงได้ปรากฏขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์
"นี้คือกล่องยาวิเศษ เมื่อวานข้าเข้าป่าได้ไปเจอกับท่านเซียนท่านหนึ่งเข้าโดยบังเอิญ ท่านแม่รู้หรือไม่ ท่านเซียนบอกว่า...ข้าเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา จึงได้มอบกล่องยาวิเศษนี้ให้แก่ข้า แล้วท่านเซียนยังถ่ายทอดวิชาแพทย์ให้ข้าอีกเยอะแยะมากมาย ท่านแม่....ท่านอย่าได้แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้คนนอกรู้โดยเด็ดขาดเลยนะเจ้าคะ ท่านจะต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ แล้วท่านเซียนยังย้ำข้าอีกว่า....หากข้าไม่รีบรักษาท่าน ข้าจักต้องมีอันตรายถึงแก่ชีวิตเชียวนะเจ้าคะ..." หรงหรงพูดไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง จนนางเมิงเริ่มคล้อยตาม
"ต้ายจริง...ร้ายแรงปานนั้นเชียว...? นางเมิงอุทานออกมาอย่างตกใจ เมื่อได้ฟังสิ่งที่บุตรสาวกล่าว
"ใช่เจ้าคะ ท่านแม่ลองไตร่ตรองดูเอาเถิด ข้าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านธรรมดาทั่วไป ท่านต่างรู้ดีที่สุด ข้าจะมีของวิเศษเช่นนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ....?
"อืม...ที่เจ้าพูดมามันก็จริง..."
"ใช่ไหมละ..."
"หรงเอ๋อร์ แต่ที่แม่ไม่เข้าใจ ท่านเซียนจะให้ของวิเศษมาฟรีๆได้อย่างไร เขาจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกแน่นอน...?
"นั่นอย่างไรเล่า ข้าถึงได้บอกท่านแม่อยู่นี้ไง เพราะว่าท่านเซียนได้ถ่ายทอดวิชาลับสุดยอดให้กับข้า หากว่าข้าไม่ช่วยเหลือผู้คนเพื่อสะสมบุญกุศล บุตรสาวคนนี้ของท่าน จะต้องตายจากไปโดยไร้สาเหตุแน่นอน..." หรงหรงแอบเอามือปิดปากลอบยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
"ไม่ได้ แม่ไม่ยอมเด็ดขาด"
ด้านนอกเรือน....
โม่เฉินตื่นขึ้นมาได้สักพัก เขานั่งฟังบทสนธนาของสองแม่ลูก ราวกับฟังนิทานหลอกเด็กก็มีปาน
แผนการหลอกล่อของสตรีคนนี้ ช่างร้ายกาจและแยบยลยิ่งนัก เขาจะต้องคิดทบทวนใหม่ เกี่ยวกับสตรีคนนี้เสียแล้ว เพราะนางเป็นสตรีที่เฉลียวฉลาดมีไหวพริบ ไม่ใช่ฉลาดธรรมดา แต่ฉลาดเป็นกรดเชียวละ หากจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน เห็นทีเขาคงเป็นฝ่ายที่ถูกนางทอดทิ้งไปอย่างแน่นอน
นางเมิงเมื่อได้ฟังดังนั้น จึงจำยอมให้บุตรสาวรักษาแต่โดยดี เพราะนางกลัวว่าบุตรสาวอันเป็นที่รักเพียงคนเดียว จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต..
เมื่อเห็นว่ามารดามิได้ปฏิเสธการรักษา หรงหรงจึงหยิบหูฟังออกมาฟังเสียงการเต้นของหัวใจ อย่างตั้งอกตั้งใจ
"ท่านแม่อยู่นิ่งๆสิเจ้าคะ อย่าขยับไปมา.."
"ก็เจ้าสิ่งนี้มันเย็น สิ่งของอะไรเป็นสายพะรุงพะรัง ช่างแปลกตาจริงเชียว...?
"สิ่งนี้เอาไว้ฟังเสียงการเต้นจังหวะของหัวใจเจ้าคะ"
"แล้วเหตุใดต้องฟัง หรงเอ๋อร์เจ้าคงไม่ได้กำลังโกหกแม่หรอกนะ....?
"โอ้ย....ท่านแม่ อยู่นิ่งๆสิเจ้าคะ ข้าฟังมิรู้เรื่อง"
"เจ้าก็รีบๆตรวจให้เร็วเข้าสิ.."
"ท่านแม่....โปรดให้ความร่วมมือด้วยเจ้าคะ ระวังท่านเซียนนะเจ้าคะ ท่านเซียน..." หรงหรงรีบเอ่ยชื่อท่านเซียนเพื่อเป็นการข่มขู่มารดา
"อือ..อือ เจ้าลูกคนนี้ จะทำอะไรก็รีบทำ แม่ก็แค่รู้สึกไม่คุ้นชิน..."
เสียงการเต้นของหัวใจ เต้นไม่เป็นจังหวะ เดี๋ยวช้าเดี๋ยวเร็ว ถ้ามีเครื่องมือตรวจพิษก็คงจะดีไม่น้อย หรงหรงแค่เพียงนึกถึง สิ่งของที่นางต้องการ ก็ถูกวางเอาไว้ในกล่องยาอย่างครบครัน
"ตายจริ๊ง!!!!" หรงหรงอุทานออกมาอย่างลืมตัว
"ร้ายเเรงปานนั้นเชียว....? นางเมิงก็รู้สึกตกใจขึ้นมาอีกคน เมื่อได้ยินบุตรสาวอุทานออกมาเสียงดัง
"แหะ..แหะ..เปล่าเจ้าคะ" หรงหรงยิ้มจืนๆ
"เปล่า....แล้วเจ้าจะตะโกนเสียงดังออกมาทำไมกัน แม่ใจหายใจคว่ำหมด....?
"คิก...คิก ท่านแม่เจ้าคะ ขอข้าตรวจเลือดท่านแม่สักหยดสองหยด ได้หรือไม่เจ้าคะ...?
"ช่างเถอะๆ จะทำอะไรก็รีบๆทำ หากเจ้าไม่รีบรักษาแม่ เกรงว่า....ท่านเซียน คงต้องมาเอาชีวิตเจ้าเป็นแน่ เเม่มิยอมเด็ดขาด..."
"เจ้าคะ..คิก...คิก" หรงหรงตรวจไปยิ้มไป นางไม่คิดว่า หญิงชราตรงหน้าจะเชื่อคำโกหกของนาง