"เมาก็หลับไปก่อน" รพีภัทรปรายตามองคนตัวเล็กที่นอนเอนบนเบาะข้างคนขับ หันข้างมองเขาตาแป๋ว
"บอกแล้วไงว่าไม่เมา"
"..." เมื่อเห็นเธอยืนยันแบบนั้นเขาก็ไม่สาวความยาวต่อความยืด เปิดเพลงคลอเบาๆ เพื่อให้บรรยากาศไม่เงียบเหงาจนเกินไป ถึงอย่างนั้นก็ยังรับรู้ถึงสายตาที่มองมา
"คุณพีร์"
"ครับ?" เขาหันมองเธอเล็กน้อย เลิกคิ้วเป็นคำถาม เมื่อเห็นเธอเอ่ยเรียกชื่อ แต่ไม่พูดอะไรต่อ
"ทำไมคุณถึงไม่มีแฟน"
"ยังไม่จบกับเรื่องนี้อีกรึไง" รพีภัทรถามย้อนกลับน้ำเสียงดุ ไม่ตอบคำถาม
"ก็คุณไม่ตอบคำถามสักทีล่ะ"
"ก็ไม่มีอะไร แค่ไม่อยากมี" เขาอธิบายสั้นๆ จนคนตัวเล็กเบ้ปากหงุดหงิด ถามอะไรก็ไม่ยอมตอบกัน!
"หรือคุณจะเป็นอย่างที่เขาว่ากัน"
"เป็นอะไร....แล้วใครว่า?"
"เป็นเกย์ไง" รพีภัทรถอนหายใจเซ็งๆ เบื่อกับข่าวลือที่มักจะได้ยินผ่านหู
"..."
"ไม่ตอบซะด้วย ฉันเข้าใจนะคุณไม่ต้องปิดหรอก ถือซะว่าเป็นเพื่อนสาวกัน"
ถึงแม้เธอจะรู้สึกเหมือนอกหักครั้งแรกในชีวิตก็เถอะ!
"นอนไปเถอะ" เขาบอกปัดเสียงเนือยๆ เมื่อเห็นคนตัวเล็กไม่มีท่าทีหยุดซักไซ้
"ถ้าคุณเป็นเกย์จริงๆ อยากลองกับผู้หญิงไหม"
เอี๊ยดดดดด
"ว๊ายยย!!"
ลัลนาร้องขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเสียงล้อรถบดถนนดังลั่น คนตัวเล็กผุดลุกขึ้นตั้งท่าจะโวยวาย แต่เมื่อเห็นท่าทางของคนขับรถที่หันมาจ้องเธอเขม็งจึงรีบเสหลบสายตาทันที
จะทำหน้าโหดอะไรขนาดนั้นพ่อคุณ!
"ยังไงนะ!?"
"คะ?"
"พูดอะไรออกมารู้ตัวรึเปล่า" เขาถามย้ำอีกครั้งอย่างเอาเรื่อง สายตาจ้องกันอย่างคาดคั้น ไม่ยอมให้เธอหลบตา
"รู้..."
"รู้? แล้วยังพูดแบบนั้น คุณเป็นอะไรรึเปล่า" น้ำเสียงเขากึ่งตกใจและแปลกใจ จ้องมองคนที่เพิ่งเบือนหน้าหนี
"ไม่เป็นไร ฉันก็แค่สงสัยเฉยๆ" เขาออกรถอีกครั้ง ขยับมาจอดชิดริมฟุตบาท ปลดล็อคเข็มขัดนิรภัย หันมาคาดคั้นเธออีกครั้งด้วยสายตาจริงจัง
"บอกมาว่าเป็นอะไร" ถึงแม้จะรู้จักคนตรงหน้าไม่นาน แต่ก็พอจะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนสำมะเลเทเมา เพราะฉะนั้นการที่คนตรงหน้ามีอาการแบบนี้ย่อมหมายความว่าอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างในใจ
"ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ฉันก็แค่เสนอแนะแนวทางให้คุณ"
"แนวทางคือนอนกับผมเนี่ยนะ!"
"ก็ถ้าคุณไม่ใช่เกย์แล้วติดอะไรล่ะ" ตัวเธอเองก็ค่อนข้างมั่นใจระดับหนึ่งว่าไม่ใช่คนไร้เสน่ห์ขนาดนั้น และไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ถ้าเขายังดึงดันปฏิเสธก็น่าสงสัยไม่น้อย
"ผม ไม่ ใช่ เกย์!" เขาย้ำทีละคำกับเธออีกหน ด้วยน้ำเสียงจริงจัง หนักแน่น
"โอเคๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นเรื่องนั้น"
"เรื่องอะไรอีก!?" คนที่เพิ่งยกมือกุมศีรษะอย่างหนักใจ หันขวับมามองคนตัวเล็กอีกครั้ง
"ก็เรื่องไซส์"
"ไซส์!! ว้อท?" เขาถามเธอหน้าเหวอ ไซส์บ้าอะไรอีกวะเนี่ย!
"ฉันเข้าใจคุณนะ แต่คุณไม่ต้องซีเรียสเลย ฉันรู้เรื่องไซส์คุณหมดแล้ว ฉันรู้ว่าคุณอาจจะเสียความมั่นใจ แต่ฉันคิดว่าไม่เป็นปัญหาสำหรับเรานะ" ลัลนารีบอธิบายรัวเร็วกลัวเขาจะยิ่งเสียความมั่นใจ ส่วนตัวเธอคิดว่าคงไม่ได้มีปัญหาอย่างที่บอกเขาจริงๆ ก็ในเมื่อเขาจะเป็นคนแรกของเธอ เพราะฉะนั้นเรื่องไซต์คงไม่ใช่ประเด็น
"เดี๋ยวๆ เอาทีละเรื่องก่อนนะ อะไรคือเสียความมั่นใจ แล้วคุณมารู้ไซต์ผมได้ไง" เขายกมือเบรกเธอ ก่อนที่คนตัวเล็กจะสาธยายไปมากกว่านี้ ยังงงจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
"คือ..วันแต่งงานหลังจากที่คุณออกจากห้องฉันเห็นคุณทำ...กล่องถุงยางตก"
"...!" รพีภัทรขบกรามแน่นใบหน้าเครียด ย้อนคิดถึงวันนั้นที่ต้องเข้าพิธีส่งตัว จำได้ว่าตนเองดื่มมาพอประมาณเลยรู้สึกร้อนและอึดอัด จึงถอดเสื้อสูทฝากไอเพื่อนตัวดีทั้งสองคนไว้
ประเด็นคือพวกมันทำอะไรกัน!!
"แล้วยังไงต่อ" ร่างสูงถามกลับเสียงเข้ม สูดหายใจเข้าเพื่อควบคุมสติ
"ละ...แล้วฉันเห็นว่ามันไซต์49 แต่อย่างที่บอก ฉันไม่ซีเรียสคุณไม่ต้องกัง..."
"พอ! พอก่อน" รพีภัทรเหมือนเส้นเลือดในสมองเต้นตุบๆ คล้ายหัวจะระเบิด ทั้งหงุดหงิดไอ้พวกเพื่อนเลว ไหนจะคนที่พยายามจะปลอบใจกันนี่อีก
เรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย!
"คุณพีร์ ใจเย็นก่อน" ลัลนาจับแขนแกร่งของคนร่างสูง สงสัยว่าเรื่องที่คิดจะเป็นจริง
"ผมดูเป็นแบบนั้นเหรอ" ทั้งเป็นเกย์ กลัวผู้หญิง ทั้งไซต์เล็กจนไม่กล้านอนกับผู้หญิง เกิดมาในชีวิตไม่เคยรู้สึกตัวเองไร้ค่าเท่านี้มาก่อนเลย!
"มะ..ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันแค่คิดว่าเรื่องแบบนี้คุณน่าจะฝึกกันดะ...อื้อออ!" เสียงหวานที่กำลังเจื้อยแจ้วอยู่ คำพูดถูกกลืนเข้าไปในลำคอทันที เมื่อริมฝีปากร้อนประกบแนบชิดเรียวปากบาง ในขณะที่นิ้วร้ายเลื่อนไล้ไปกดแนบบนต้นคอระหว่างที่สัมผัสกัน ไม่ยอมให้คนตัวเล็กผละหนี
จุมพิตค่อยๆ ทวีความลุ่มลึกมากขึ้น จูบที่เริ่มต้นช้าๆ ปลุกเร้าความต้องการด้วยลิ้นที่แทรกเข้ามา โพรงปากไวต่อความสัมผัสถูกบดขยี้อย่างหนักหน่วง ลมหายใจคนอ่อนประสบการณ์ขาดเป็นห้วงๆ เมื่อถูกไล่ต้อนด้วยจูบที่ทำให้รู้สึกคล้ายถูกกลืนกิน ริมฝีปากนุ่มถูกคลอเคลียไม่ห่าง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดไม่มีใครยอมใคร ยิ่งเขาเพิ่มน้ำหนักรสจูบ เธอยิ่งกำแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้แน่น
คนช่ำชองค่อยๆ ละริมฝีปากออกจากกันช้าๆ เมื่อเห็นเธอคล้ายเริ่มหายใจตามไม่ทัน คนตัวเล็กหอบสะท้านกอบโกยอากาศที่ขาดหายไป เมื่ออกกระเพื่อมเริ่มกลับเป็นจังหวะปกติ คนตัวสูงจับคางมนเชยขึ้นมาตั้งท่าจะจู่โจมอีกครั้ง
ลัลนาดันอกแกร่งหลุดเสียงอู้อี้คล้ายประท้วง ช้อนตามองคนตัวสูงที่ยังคงจ้องเธอนิ่ง แต่แววตาเขาดูร้อนแรงอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน ร่างบางเสหลบตาเมื่อเขายังไม่ย้ายสายตาหนีไปไหน ก่อนจะลอบถอนหายใจเมื่อคนตัวสูงออกรถอีกครั้ง
คนตัวเล็กหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา ยังมึนงงและสับสนไปหมด ก่อนจะหันมองซ้ายมองขวา สำรวจสถานที่โดยรอบ เมื่ออยู่ๆเขาจอดรถชิดริมถนน ทั้งๆ ที่อีกเพียงไม่กี่ร้อยเมตรจะถึงที่เพนท์เฮ้าส์
ลัลนามองตามคนตัวสูงที่เปิดประตูรถออกไป โดยไม่กล้าถามว่าไปไหน และไม่คิดอยากจะถามด้วย เขาเดินปรี่ไปยังร้านสะดวกซื้อที่เปิดบริการยี่สิบสี่ชั่วโมง เห็นเขายืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์คิดเงินไม่ถึงสองนาทีก็เดินกลับมา
เมื่อร่างสูงกลับขึ้นมาบนรถปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาจ้องเธอนิ่ง ลัลนาเบือนสายตาหนีไม่ยอมสบตาอีกครั้ง แสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าเขายังไม่ละสายตาไปจากเธอ จนกระทั่งรู้สึกถึงบางอย่างที่ถูกวางลงบนตัก
กล่องเล็กๆ คุ้นตาที่เธอเคยเห็นในคืนวันแต่งงาน คนตัวเล็กลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ เมื่อเห็นบางอย่างที่ต่างออกไป นั่นคือตัวเลขขนาดไซต์ที่กำกับไว้ข้างกล่อง ซึ่งตัวเลขเพิ่มจากที่เธอเห็นไปมากทีเดียว!!
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้