ลัลนาที่ทีแรกเป็นฝ่ายเดินนำ กลับถูกร่างสูงเดินแซง และให้เธอเป็นคนตามแทน ในขณะที่มือหนายังไม่คลายออกจากกัน เขาพาเธอเดินมายังร้านคาเฟ่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ โรงแรม โชคดีที่ในร้านไม่มีใคร อาจเพราะเป็นช่วงบ่าย คนตัวสูงลากเธอมานั่งด้านในของร้านที่เป็นมุมส่วนตัว เพื่อให้เวลาเธอสงบจิตสงบใจ ในขณะที่ตนเองเดินไปสั่งช็อกโกแลตปั่นให้เธอ และกาแฟให้ตนเอง
ลัลนายกเครื่องดื่มขึ้นดื่ม เมื่อเขาวางลงตรงหน้า ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศ และความหวานจากเครื่องดื่มส่งผลให้จิตใจเริ่มสงบขึ้น
"ใจเย็นขึ้นรึยัง"
"ฉันต้องใจเย็น?" เธอจึงยียวนตอบกลับ ในขณะที่คนตรงข้ามมองเธอนิ่ง
"มันไม่มีอะไร" รพีภัทรเริ่มต้นอธิบายหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างจ้องมองกันสักพัก
"อะไรที่ว่าคืออะไร" เธอยียวนตอบกลับบ้าง
"อย่ากวน"
"คุณก็ต้องอธิบายมามากกว่านี้สิ"
"แล้วคุณอยากรู้อะไร" เขาวางถ้วยกาแฟลง ถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
"ทำไมคุณไม่บอกฉันว่ามาสัมมนาที่นี่ คุณรู้ไหมฉันเกือบหลุดโป๊ะไปแล้วตอนที่มีคนบอกว่าเห็นคุณ" ลัลนาพูดขึ้นอย่างหัวเสีย ถึงเวลานั้นจริงๆ คนต้องสงสัยถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้แน่ๆ
"เอาตรงๆ ผมก็เพิ่งรู้ว่าโรงแรมที่มาพักจะเป็นที่เดียวกับคุณ" ทีแรกที่เขารู้ว่าคนตรงหน้าจะมาถ่ายละครที่เขาใหญ่ ก็ยังแอบตกใจไม่คิดว่าจะมาที่เดียวกัน แต่โรงแรมมีตั้งเยอะ ใครจะไปคิดว่าจะต้องมาพักที่เดียวกัน
"แล้วทำไมมินนี่รู้ล่ะว่าคุณอยู่ที่นี่" รพีภัทรถอนหายใจยาว เรื่องนี้เขาก็หนักใจไม่น้อย
"ความจริงแล้วหมอที่โรงพยาบาลผมรู้จักกับมินนี่ เคยเรียนด้วยกัน" เมื่อคนตรงหน้าพูดแบบนั้น ลัลนาก็เข้าใจได้ทันที มนิสราคงจะรู้ว่าหมอพีร์มาสัมมนาที่นี่ผ่านคนนั้นแหละ
ลัลนาถอนหายใจหงุดหงิด ที่ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้
"มันไม่มีอะไรคุณมั่นใจได้" เขามองสบตาเธอนิ่ง ยืนยันผ่านสายตาว่าไม่มีอะไรอย่างที่เธอคิดแน่นอน
"ตัวคุณฉันเข้าใจ แต่อีกคนนี่สิ" เธอบ่นพึมพำ เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้วมองเธอแปลกๆ จึงรีบอธิบาย "ฉันหมายถึงถ้าคนอื่นมาเห็นคุณกับมินนี่อยู่ด้วยกัน จะกลายเป็นเรื่อง ความจริงเรื่องอดีตคุณกับเขาใช่ว่าคนอื่นจะไม่รู้" ถึงจะไม่ได้แพร่หลายไปในวงกว้าง แต่หลายคนก็พอรู้มาบ้างถึงความสัมพันธ์ของพวกเธอทั้งสามคน
"ผมรู้..แต่ก็ช่างเขาสิ ผมอธิบายให้คุณเข้าใจคนเดียวก็พอแล้ว" เขาตอบกลับเรื่อยๆ ยกกาแฟขึ้นจิบ ในขณะที่หัวใจคนฟังเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกจากอก
"แล้วคุณกลับวันไหน" เธอแสร้งเปลี่ยนเรื่อง เบือนหน้าหนียกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่ม
"พรุ่งนี้ คุณล่ะ?"
"เหมือนกันค่ะ"
"คุณไม่ได้เอารถมานี่" จำได้ว่าเขาเห็นรถเธอจอดอยู่ตรงช่องจอดรถข้างๆ กัน
"ขามาพี่กันต์มาส่งค่ะ แต่ตอนนี้น้องในสังกัดอีกคนมีงาน" แปลได้ว่าเธอคงต้องกลับเอง
"งั้นกลับกับผม พรุ่งนี้ไม่มีอะไรแล้ว ความจริงผมจะกลับคืนนี้ แต่รอกลับพร้อมคุณพรุ่งนี้เลย
"ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพร้อมรถตู้ในกองได้" เธอรีบตอบกลับอย่างเกรงใจ เขาทำงานเสร็จแล้วจะให้อยู่รอเธอก็ใช่เรื่อง
"คุณเพิ่งบอกไปว่ากลัวคนมองไม่ดี แล้วนี่คนจะมองยังไงถ้ารู้ว่าผมให้คุณนั่งรถตู้กองกลับ ทั้งๆ ที่ตัวเองอยู่ที่นี่เหมือนกัน" เขายกเหตุผลที่เธอเคยพูดไว้มาอ้าง
"พรุ่งนี้กว่าจะถ่ายเสร็จก็ช่วงบ่ายเลยนะคะ"
"ผมรอได้ ไม่มีปัญหา" ลัลนามองคนตรงข้ามที่เลิกสนใจเธอ คำนวณเวลาให้เธอเสร็จสรรพ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวเล็กจึงปล่อยเลยตามเลย ขอตัวกลับไปกองถ่ายเพราะใกล้ถึงคิวตนเองแล้ว
"ฉันต้องกลับเข้ากองแล้ว"
"ที่คุณถ่ายละครอยู่ ตรงคอกม้าที่คนมุงกันเยอะๆ รึเปล่า"
"ใช่ค่ะ ตรงนั้นแหละ วันนี้อชิต้องถ่ายฉากขี่ม้า" ชื่อพระเอกของเรื่องทำให้คนที่นั่งตรงข้ามใบหน้าเริ่มตึง
"ผมไปด้วยได้ไหม"
"ยังไงนะคะ?" ลัลนาถามย้ำอีกครั้ง ไม่แน่ใจว่าตนเองหูฝาดไปรึเปล่า อย่างเขาเนี่ยนะ จะไปกองละครที่มีคนวุ่นวายเต็มไปหมด
"ผมขอไปนั่งรอด้วย"
"ทำไมคะ?"
"งานผมเสร็จแล้ว" เขายกข้อมือดูเวลาก่อนอธิบายต่อ "ใกล้เย็นแล้วด้วยจะได้ไปหาอะไรกินกันต่อ ไม่ดีรึไงคนจะได้เห็นว่าคุณกับผมรักกันดี" รพีภัทรจ้องมองคนตรงหน้ารอคำตอบ ไม่เข้าใจว่าทำไมตนเองต้องพูดอธิบายยาวเหยียดขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ไม่ใช่นิสัยตนเองสักนิด
"เอาแบบนั้นก็ได้ แต่คุณจะเบื่อรึเปล่า"
"ผมอยู่ได้" เขาตอบรับสั้นๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อนเธอ แถมยังหันมาพยักหน้าเรียกเธอซ้ำ "ไปสิ อย่าปล่อยให้คนอื่นรอ"
ลัลนายกมือเกาหัวด้วยความมึนงง ก่อนจะเดินตามคุณหมอหนุ่มไปยังกองถ่ายของตัวเอง
สรุปใครเป็นนักแสดง แล้วเขาเป็นอะไรเนี่ย?
แต่ก็ดีเหมือนกัน มนิสราจะได้รู้สักทีว่าควรจะจบเรื่องของตัวเองไปได้แล้ว เลิกมาวุ่นวายกับสามีคนอื่นสักที!
ลัลนาที่กำลังอ่านบทอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคุณหมอหนุ่มที่ก่อนหน้าเธอเห็นเขาวุ่นวายอยู่ในครัว ย้ายตัวมาโอบกอดเธอด้านหลัง ก่อนที่เจ้าตัวจะแทรกกายลงมานั่งซ้อนหลังเธอ ใบหน้าคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอเธอ"อะไรคะคุณพีร์""ข้าวเสร็จแล้ว""นาวขออีกแป๊บได้ไหมคะ เหลืออีกตอนเดียว" ลัลนาก้มหน้าอ่านบทต่อในมือถือปากกาขีดเขียนลงในหน้าจอไอแพดเมื่อวิเคราะห์อารมณ์ตัวละครในบทนั้น"หืม...แล้วทำไมต้องไปง้อมัน""คะ?" ลัลนาที่กำลังใช้สมาธิอยู่เอียงคอมองคนตัวสูงที่กำลังเพ่งมองหน้าจอไอแพดเธออยู่"ไอ้นี่อะ" เขาชี้ไปยังที่เธอวงกลมไว้ "ทำไมต้องไปง้อมัน" ก่อนจะถามย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง"ก็...คนนี้ฤดีรักพระเอกนี่คะ พอรู้ว่าพระเอกจะไปรักคนอื่นก็เลยง้อ" เธอกล่าวถึงบทฤดี นางร้ายละครเรื่องต่อไปที่เธอต้องรับบทเล่น"ก็ปล่อยมันไปสิ! ทำไมต้องไปรักมัน" ลัลนาปรายตามองคนตัวสูงที่ขมวดคิ้วจริงจัง"คุณพีร์ นาวจะอ่านบท อย่ากวนค่ะ" เธอดุคนรักเสียงเข้ม รพีภัทรจึงก้มใบหน้าหอมแก้มเธอ ไม่พูดอะไร แต่ก็ไม่ลุกออกไปไหน เธอจึงอ่านตอนที่เหลือต่อ ลัลนาขีดเส้นใต้ เขียนอารมณ์ความรู้สึกของบทตัวเองไปเรื่อย ก่อนจะสะดุ้งตกใจอีกหน เมื่อคนที่นั่งซ้อนหลังโว
"เราจะกินข้าวก่อนหรือเดินซื้อของก่อนดีคะ" ลัลนาเอ่ยถามคนรักหลังจากที่เดินเข้ามาในห้าง วันนี้พวกเธอมีแพลนซื้อของขวัญให้คุณแม่ซึ่งอาทิตย์นี้จะจัดงานเลี้ยงวันเกิด "ผมว่าซื้อก่อนก็ได้" คนตัวสูงจับมือคนตัวเล็ก เดินไปยังโซนช็อปแบรนด์เนม"อ้าว ไหนว่าคุณแม่ไม่เอาของแบรนด์ไงคะ" ลัลนาท้วงอย่างประหลาดใจ จำได้ว่าเขาบอกว่าหลายปีมานี้ คุณแม่สั่งห้ามเด็ดขาด ว่างดรับของแบรนด์เนมทุกชนิด เธอคิดว่าคุณแม่สามีคงจะมีเยอะ ซื้อเองจนครบหมดแล้ว เลยไม่อยากให้ใครมาซื้อให้อีก"ก็...ลองเดินดูก่อน" เขาตอบเธอเสียงเบา ลัลนามองท่าทางเลิ่กลั่กแปลกๆ ของสามีหนุ่ม ถึงอย่างนั้นก็ไม่ท้วงอะไร เดินตามแรงจูงไป เมื่อเดินเข้าไปในช็อปดัง BA คนเดิมที่เคยมารับรองเธอกับคุณหญิงรจณีก็เดินออกมาต้อนรับ คล้ายเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ลัลนาเดินตามแรงจูงอย่างงงๆ เมื่อเขาลากเธอไปยังห้องด้านใน"อะไรกันคะคุณพีร์?""พอดีผมอยากให้นาวช่วยเลือกกระเป๋าให้ก่อน" ลัลนามองพนักงานคนเดิมที่ถือกระเป๋ามา ก่อนจะหันมองเขาอย่างมึนงง"เลือกกระเป๋าเหรอคะ""ใช่ช่วยเลือกให้หน่อย ผมเลือกไม่ค่อยเก่ง" ลัลนาคิดว่าเขาอาจจะต้องซื้อให้เพื่อน หรือคนสำคัญระดับหนึ่งถึงต้องมา
"หมอที่นี่มันยังไงวะ หยุดงานทีไร อารมณ์ดีทุกที" รพีภัทรเงยหน้ามองเพื่อนสนิทตนเองทั้งสองคนที่เดินตามกันเข้ามาสีหน้าเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหน้าไถหน้าจอสมาร์ทโฟนต่อไม่สนใจ"กูว่าน่าจะมีคนดีใจที่ได้เสียเงินห้าแสน" อวัศย์เอ่ยเสริมทัพอย่างอารมณ์ดีที่ชนะพนันไอ้เพื่อนตัวดีได้ ตั้งใจมาเยาะเย้ยโดยเฉพาะ"ไงมึงไอ้พีร์ หน้าบานอะไรขนาดนั้น" ธารณ์เดินอ้อมไปด้านหลังเพื่อนที่นั่งอยู่ ก้มหน้าดูหน้าจอโทรศัพท์ที่เพื่อนดูค้างไว้ "โหไอ้พีร์ มึงน่าจะหนักกว่าไอ้หมอก นั่งดูรูปไปยิ้มไปเนี่ยนะ!""เห้ย! อะไรของพวกมึงเนี่ย" รพีภัทรเบี่ยงหน้าจอหนีเพื่อนสนิททั้งสองคนที่พร้อมใจกันกรูเข้ามาดูโทรศัพท์ตนเอง"ไหนๆ ดูอะไร" อวัศย์พยายามชะโงกหน้าดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น"พอๆ ไปไกลๆ ตีนกูเลยพวกมึง""หึ! ไม่ต้องปิดหรอก กูเห็นหมดแล้ว มึงนั่งดูรูปคุณนาวในไอจีอย่างกับโรคจิต" ธารณ์พูดขึ้นอย่างหมั่นไส้ เมื่อรู้ว่าที่เพื่อนตัวเองยิ้มหน้าบานอย่างกับคนบ้าเพราะนั่งหลงรูปเมียตัวเองอยู่"โรคจิตอะไร นี่เมียกู""เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง" ไทม์ยังไม่วายเหน็บแนมเพื่อน"อ๋ออ...กูว่าแล้ว ที่สมัครไอจีเนี่ยเพราะเมียเลย" อวัศย์พูดขึ้นบ้าง ความจริงเ
รพีภัทรนั่งมองคนตัวเล็กที่นอนขุดคู้อยู่บนเตียง ลมหายใจผ่อนเป็นจังหวะสม่ำเสมอ คนตัวสูงเอื้อมมือสัมผัสแก้มนิ่มของคนที่นอนนิ่งอยู่ ก่อนจะก้มใบหน้าจูบซับน้ำตาที่ซึมออกมา คาดว่าเธอน่าจะฝันร้ายอยู่ใบหน้าหวานเริ่มคลายปมที่คิ้วเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสอ่อนโยนที่ได้รับ ก่อนริมฝีปากจะแย้มยิ้มนิดๆ เมื่อฝันร้ายจางหายไปร่างสูงเอนตัวพิงหัวเตียงกึ่งนั่งกึ่งนอน มือหนาเอื้อมมือลูบศีรษะคนตัวเล็ก ย้อนคิดถึงสิ่งที่เธอเล่าให้ฟัง หลังจากที่เขารู้เรื่องจากอชิระก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าเธอมีปัญหาในครอบครัว แต่ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้ ฟังจากที่เธอเล่า หลังจากนั้นเธอและแม่พากันออกมาอยู่ข้างนอก เท่ากับแม่คงจะเป็นทั้งชีวิตของเธอ แต่...ก็ยังมาโดนทิ้งไปไหนจะเรื่องวันนั้นที่ไอ้เพื่อนทั้งสองคนเล่าให้ฟัง ว่าเห็นอาการแปลกๆ ของเธอวันที่น้ำตาลจมน้ำ ตอนนั้นเขาห่วงพี่สะใภ้เพราะรู้ว่าว่ายน้ำไม่เป็น ส่วนภรรยาตนเองว่ายน้ำเก่งอยู่แล้ว ไม่คิดว่าร่างกายเธอจะไหวแต่จิตใจอ่อนแอ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิดในใจ วันที่เธอต้องการใครสักคนที่สุด แต่ตัวเขากลับไม่อยู่ข้างๆ "คุณพีร์.." รพีภัทรก้มใบหน้ามองคนตัวเล็กที่งัวเงียสะดุ้งตื่น "ขอโทษ ผมทำนาวตื่นเล
"หมอพีร์คุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ?" ลัลนาเอ่ยถามร่างสูงที่วางจานผลไม้ลงข้างเธอ ก่อนที่เจ้าตัวจะนั่งลงบ้าง ระยะห่างเริ่มขยับมาใกล้ขึ้นจากวันแรกที่เขามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้วที่เขาเกาะติดเธอแจ ถึงแม้จะไม่ถึงขั้นมานั่งเฝ้าตลอด แต่หากเธออยู่ที่บ้าน เขาก็จะเรียกช่างมาคุย ส่วนตัวเองปรับปรุงนู่นนี่นั่นไปเรื่อย ซ่อมก๊อกน้ำ ยันรั้วบ้าน แต่ถ้าหากเห็นเธอตั้งท่าออกจากบ้านเมื่อไหร่คนตัวสูงก็จะละทิ้งทุกอย่างในมือ มาสแตนด์บายรอหน้าบ้านอย่างหน้ามึน เธอไม่ให้ไปก็จะตามไป บอกว่าขอเดินตามห่างๆ ก็ยังดีก็เป็นซะอย่างนี้!"ผมพักร้อนไง""พักได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ" ลัลนาหรี่ตามองคล้ายไม่เชื่อ ใช่อยู่ตามกฎหมายเขาก็มีสิทธิ์นั่นแหละ แต่เนื่องด้วยบุคลากรทางการแพทย์เป็นที่ขาดแคลนอยู่ตอนนี้ เขาไม่น่าจะมีเวลาว่าง หรือโรงพยาบาลจะยอมให้เขาลาได้ขนาดนี้ยกเว้นแต่ว่า..."ไปใช้อำนาจมืดมาอีกแล้วสิท่า" ลัลนาหรี่ตามองจับผิด ในขณะที่คนตัวสูงหน้ามึนตอบอย่างไม่สนใจ"ไม่ใช่อำนาจผมซะหน่อย อำนาจไอ้หมอกมัน"ต่างกันตรงไหน ใช่อยู่หมอหมอกเป็นถึงลูกชายเจ้าของโรงพยาบาล แต่การที่ตัวเขาได้อภิสิทธิ์ขนาดนี้ น่าจะบังคับข
ลัลนาที่เพิ่งก้าวลงบันไดมาเห็นคนตัวสูงยืนยิ้มแฉ่งรออยู่ด้านล่าง โดยมีอาหารเช้าวางอยู่บนโต๊ะอาหาร คุณหมอหนุ่มรีบวางจานในมือลงบนโต๊ะ ถอดผ้ากันเปื้อน ก่อนจะสาวเท้าเดินมาหาคนตัวเล็กที่ยืนมองอยู่"กินข้าวเลยไหมนาว""ป้าใจกับจ้อยละคะ" ลัลนาไม่สนใจที่เขาเอ่ยชวน ถามหาคนดูแลบ้านและหลานชายที่ปกติจะมาหาเธอทุกเช้า"วันนี้วันพระป้าใจเลยไปวัดเช้าหน่อย กินข้าวเช้าก่อนสิเดี๋ยวผมพาตามไปที่วัดก็ได้""ไม่เป็นไรค่ะ" ลัลนาไม่สนใจของที่ถูกตระเตรียมไว้ เขาน่าจะลงมาตั้งแต่เช้ามืด เพราะเวลานี้ยังเช้ามากอยู่เลย แต่อาหารบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว"คุณกินข้าวก่อนเถอะ ถ้าไม่กินข้าวเช้าเดี๋ยวปวดหัวนะ" ลัลนาแสร้งไม่สนใจคนที่เอ่ยเรียก ถึงแม้จะใจเต้นไม่น้อยที่เขาจำเรื่องของเธอได้ว่าต้องกินข้าวเช้า ไม่อย่างนั้นจะเวียนหัว"...""นาว" คุณหมอหนุ่มทำได้เพียงเรียกคนตัวเล็กที่เดินผ่านเลยไปอย่างไม่สนใจ ทั้งอาหารและคนทำ "จะไปไหนครับ" ลัลนาปรายตามองมือร้อนที่จับแขนรั้งเธอไว้ เมื่อเห็นแบบนั้นคนตัวสูงจึงรีบปล่อยมือ ยกมือสองข้างคล้ายยอมแพ้ "ผมแค่อยากรู้ว่าคุณไปไหน" เขาบอกเธอเสียงอ่อย"ไม่เกี่ยวกับคุณค่ะ ถ้ายังอยากอยู่ที่นี่ก็อย่าล้ำเส้