15.00
รถลัมโบกินี่สีดำขับเข้ามาจอดรอที่มหาลัยพร้อมกับเจ้าของรถหนุ่มหล่อที่ลงมายืนรอทิชา
หน้าตาของเขา เรียกได้ว่าทำให้สาว ๆ ที่เห็นถึงกับกริ๊ดตาม แต่เขากลับไม่มองใครเลยเฝ้ารอแต่คนที่เขานัดไว้
เมื่อเห็นว่าทิชากำลังลงมาจากอาคารเรียนก็รีบเดินเข้าไปหาทิชาแทบตกใจที่อยู่ดี ๆ เขาก็เดินเข้ามาหา เพราะไม่คิดว่าเขาจะมารอเธอเร็วแบบนี้ กว่าเธอจะได้สติเขาก็เดินมาหยุดตรงหน้าแล้ว
"มารับ...."
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ไม่แคร์สายตาของคนรอบข้างที่มองมาเลย
"อ้อ เอ่อ ค่ะ ฉันไปก่อนนะดาว”
"เออ โชคดีนะมึง”
ทิวเทพเดินนำทิชามาที่รถคันหรู ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไปนั่งและเดินอ้อมมาฝั่งคนขับพร้อมกับออกรถทันที
กว่าทิชาจะได้สติ ก็ตอนที่รถเลี้ยวออกมาจากมหาลัยแล้ว
"เราจะไปไหนกันค่ะ”
"กินข้าว..."
"แล้วเรื่องสัญญา.....”
"ค่อยคุยตอนถึงร้าน นั่งเงียบ ๆ ไป..."
"ค่ะ...."
ช่วงเย็นของทุกวันในกรุงเทพเป็นช่วงที่รถติดมาก ๆ ความเงียบในรถบวกกับการจราจรที่ค่อนข้างติดขัดทำให้ทิชาที่เรียนมาทั้งวันเหนื่อยและเผลอหลับไป
เปิดโอกาสให้ชายหนุ่มข้างกายแอบมองเธอ ดวงตาที่หลับพริ้ม ปากจิ้มลิ้มที่เผยอออกเล็กน้อยทำให้หัวใจชายหนุ่มเต้นแรง
เธอเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก เขาอยากจะดึงเธอเข้ามากอดและจูบให้หายอยาก
ความรู้สึกที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกเขา ทั้งอยากครอบครอง อยากดูแล และอยากจะหวงเธอไว้คนเดียวไม่ให้หนุ่มที่ไหนมองเธอ เพราะตอนที่เขารออยู่ เขาเห็นมีหนุ่ม ๆ แอบมองเธออยู่ไม่น้อย แต่คนตัวเล็กนี่กลับไม่สนใจใครเลยไม่รู้ว่าเธอซื่อหรืออะไรกันแน่
"ไม่ระวังตัวเลยนะ ยัยนี่นิ ถ้าฉันเป็นคนไม่ดีเธอจะทำยังไง"
เขาพึมพัมเบา ๆ มือหนาเอื้อมไปเกลี่ยปอยผมที่ตกลงมาออกจากใบหน้า พร้อมกับก้มไปปรับเบาะให้คนตัวเล็กนอนสบายๆ
คนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยและหลับต่ออย่างสบายใจ
17.30
หลังจากฝ่ารถติดมาได้ทิวเทพก็พาทิชามาถึงยังจุดหมายซึ่งเป็นภัตตาคารหรูแห่งหนึ่ง ทิวเทพได้ให้ลูกน้องจองห้องส่วนตัวไว้แล้ว
"ตื่นได้แล้ว ทิชา"
"งืมมม ขออีก 5 นาทีนะ”ทิชางัวเงียตอบ พร้อมกับปัดมือเขาออก
"ถ้าไม่ตื่น ฉันจะอุ้มเธอลงไปทิ้ง"
ลมหายใจอุ่น ๆ ที่รดแก้มเธอ พร้อมกับคำขู่นั้น ทำให้ทิชารีบลืมตาขึ้น และหันไปหาต้นตอเสียง
ตอนนี้ใบหน้าของทิวเทพอยู่ห่างเธอแค่นิดเดียว อีกนิดเดียวปลายจมูกโด่งนั่นก็จะโดนแก้มเธอแล้ว
"ตื่นแล้วค่ะ ๆ ถึงแล้วหรอคะ"
แก้มของทิชาเห่อร้อนขึ้นมา เธอรีบหันหน้าออกจากทิวเทพเพื่อซ่อนใบหน้าที่ร้อนนั่น
"อืม ลงมาได้แล้ว”
เมื่อลงมาจากรถ ทิวเทพเดินนำทิชาไปที่ห้องไพรเวตรูมทันที
"เธอจะกินอะไร"
"อะไรก็ได้ค่ะ คุณสั่งเลย"
"อืม"
หลังทิวเทพสั่งอาหารเสร็จและกำลังนั่นรออาหารอยู่นั้น เขาก็หยิบเอกสารสัญญาที่เตรียมไว้ส่งให้ทิชาอ่าน
"นี่สัญญาที่ฉันเขียนขึ้นมา อ่านซะ"
ทิชารับมาอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วน เธอค่อย ๆ อ่านทีล่ะข้อ ตามที่ทิวเทพเขียนขึ้นมา
1.ต้องอยู่ร่วมกันแบบสามีภรรยา
2.ต้องออกงานสังคมตามความจำเป็น ห้ามหลีกเลี่ยง
3.ห้ามทั้ง2ฝ่ายมีคนอื่น
4.ระยะเวลาคือ 6 เดือน ค่าจ้างรอบแรกจะได้ทันทีหลังเซ็นสัญญา
5.ผู้ที่มีสิทธิ ยกเลิกสัญญามีเพียงทิวเทพเท่านั้น
6.หลังการหย่า จะมีค่าชดเชยให้ตามความเหมาะสม
7.ต้องแสดงความเป็นสามี-ภรรยากันในทุกที่่ โดยไม่มีข้อแม้
"มีคำถามหรืออยากเพิ่มอะไรไหม"
"เอ่อ ฉันอยากเพิ่มอีกสัก 2 ข้อค่ะ ข้อแรกคือ ในระยะเวลา 6 เดือน ห้ามทำร้ายร่างกายฉันหรือข่มขู่ฉัน....
"อีกข้อล่ะ"
"ห้ามโกหกกันค่ะ มีอะไรต้องบอก ฉันไม่ชอบคนโกหก"
"ตกลง"
"ว่าแต่ ข้อ1 กับข้อ 2 หมายความว่าไงคะ ทิชาไม่เข้าใจ"
"ข้อแรก ก็ใช้ชีวิตเหมือนคู่สามี-ภรรยาทั่วไป ข้อสอง ฉันเป็นนักธุรกิจ ต้องเข้าสังคม ถ้าฉันแต่งงานยังไงก็เป็นข่าวแน่นอน มันเลี่ยงไม่ได้"
"แล้วมันจะไม่กระทบตอนเราหย่ากันหรอคะ"
"เรื่องนั้นฉันจัดการเอง เอาเป็นว่า ตกลงตามนั้น"
ทิวเทพดึงเอกสารมาเพิ่ม 2 ข้อที่ทิชาขอ และเซ็นชื่อลงไว้พร้อมกับส่งให้ทิชาเซ็น
"เซ็นซะ เดี๋ยวเอกสารฉันจะเก็บไว้เอง"
"ได้ค่ะ"
หลังจากคุยกันจบอาหารก็มาพอดี ทิวเทพสั่งไวน์แดงมาให้ทิชาดื่ม
"ดื่มเพื่องานแต่งงานของเรา"
เขายกแก้วขึ้นมาชนแก้วกับเธอ
"แก้วเดียวนะคะ ไม่อยากเมา"
"ถ้าเธอเมาฉันไปส่งเอง ไม่ต้องห่วง"
ทิชาค่อย ๆ ยกไวน์แก้วนั้นดื่ม
"อร่อยค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"อืม"
หลังจากดื่มและลงมือทานอาหารไปสักพักบัตเลอร์ก็เดิมเข้ามาพร้อมช่อกุหลาบแดง ทิวเทพเดินไปรับช่อดอกไม้พร้อมกับเดินมาหาทิชา
"ถึงแม้เรื่องของเราจะเป็นสัญญาระยะสั้น แต่ฉันอยากทำให้ถูกต้อง"
"ทิชา แต่งงานกันฉันนะ"
ทิวเทพยื่นดอกไม้ให้ทิชาและจ้องเข้าไปในดวงตาของทิชา ทิชารับดอกไม้มาและจ้องตากลับดวงตาสีดำขลับน่าค้นหา ดึงดูดเธออย่างประหลาด
"ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับคุณ"
เธอตอบกลับพร้อมหน้าแดงจากฤทธิ์ไวน์ และจากดวงตาของทิวเทพที่จ้องมองมาที่เธอ
ทิวเทพเปิดสูทหยิบกล่องกำมะหยี่ออกมาเปิด เขาดึงแหวนเพชรออกมาพร้อมกับสวมที่นิ้วนางของทิชา
"จองไว้นะ ห้ามถอด ห้ามหาย"
"คุณเห็นฉันเป็นเด็กหรือไง"
"อืม เด็กน้อย"
ทิชายกแหวนที่นิ้วขึ้นมาดู ไม่อยากจะเชื่อเลยเธอกำลังจะแต่งงานกับนักธุรกิจหนุ่ม ที่สาว ๆ ต่างอยากได้มาครอบครอง
ฉันต้องฝันไปแน่ ๆ
"พรุ่งนี้เธอมีเรียนไหม"
"ไม่มีค่ะ"
"งั้นพรุ่งนี้ฉันไปรับ เราต้องไปหาพ่อแม่ฉัน"
"ไวขนาดนั้นเลยหรอคะ?! ฉันยังไม่ได้ตั้งตัวเลยนะ”
"ใช่”
หลังทานอาหารเสร็จทิวเทพก็ถามถึงที่พักของทิชาแล้วขับรถมาส่งเธอ
"ขอบคุณสำหรับวันนี้นะคะ"
"อืม พรุ่งนี้สาย ๆ ฉันมารับ"
"ค่ะ"
ทิวเทพมองหน้าทิชา หน้าของเธอแดงระเรื่อจะฤทธิ์ของไวน์ มันทำให้เขาอดใจไม่ไหวเขาโน้มตัวไปหอมแก้มของเธออย่างอดไม่ได้
"มัดจำไว้ก่อนนะ"
ทิชาตกใจ นั่งตัวแข็งเทื่อ เขาหอมแก้มฉัน หอมแก้มฉันนนนน โอ้ยยย
"ฝันดี ยัยบ๊อง"
"ค่ะ...."
ทิชาลงรถเธอยกมือขึ้นสัมผัสแก้มที่เขาหอมและเดินเหม่อ ๆ เข้าคอนโดไป
ดาวที่นั่งรอเพื่อนของเธออยู่พร้อม ๆ กับลดาและน้ำชา เมื่อเห็นเธอเดินเข้ามาก็รีบถามทันที
"เป็นไงบ้าง เค้าว่าไงบ้าง เรียบร้อยดีไหม"
"...."
"ทิชา เหม่อไรเนี่ย"
"ห่ะ ว่าไงนะ ฉันไม่ได้ฟัง”ทิชาสะดุ้งตกใจที่เพื่อนตะโกนเรียกเธอ
"ฉันถามว่าเป็นไงบ้าง เหม่อนะแก หรือเค้าทำไรแก"
"เปล่า ๆ เรียบร้อยดี พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอพ่อกับแม่เขาหน่ะ"
"ไวมาก แกเล่ามาเลยนะ ว่ายังไงบ้าง"
ฉันเล่าทุกอย่างให้เพื่อน ๆ ฟัง ทั้งเรื่องสัญญา เรื่องที่เขาขอแต่งงานแต่ไม่ได้เล่าที่โดนเขาหอมแก้มหรอกนะ ไม่อยากโดนพวกนางแซว
"ดีแล้วล่ะ จะได้สบายใจทั้งสองฝ่าย งั้นฉันกับยัยชากลับก่อนนะ"
"บ๊ายบายย"
"ฉันออกไปเที่ยวนะ แกอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”ดาวถามทิชา หลังจากที่เพื่อนคนอื่น ๆ ลุกออกไป
"ได้ ๆ แกไปเถอะ"
"โอเค เจอกันแก"
หลังจากดาวออกไป ทิชาก็เข้าห้องตัวเอง พลางคิดถึง
เหตุการณ์ในรถ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าว เมื่อคิดถึงริมฝีปากนุ่ม ๆ นั่น
มัดจำงั้นหรอ ฉันจะรอดจากเค้าได้จริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย ทำไมเค้าถึงได้มีอิทธิพลกับฉันขนาดนี้นะ
ทิชาคิดก่อนจะผล็อยหลับไป.....
วันรุ่งขึ้นเพื่อน ๆ ที่รู้ข่าวก็แห่กันมาเยี่ยมจนฉันแทบไม่ได้พักทุกคนต่างตกหลุมรักเจ้าสองแฝด“อร๊ายยยย หลานฉันน่ารักมากแก ถ้าฉันมีลูกชายฉันจองนะ”“แกแต่งงานให้ได้ก่อนนะ น้ำชา”มันทำท่าชำเลืองไปทางแฟนมันก่อนจะพูดออกมา“ก็....รออยู่ล่ะนะ....”“พอ ๆ เลิกมาหวานกันเลย เกรงใจคนโสดบ้างงง”ดาวพูดขึ้นก่อนจะหันไปเล่นกับหลาน“น่ารักจริง ๆ หลานน้า โตขึ้นอย่าเหมือนแม่นะ”“ดาววว นี่เพื่อนนะ!”ดูมันบอกลูกฉันสิ ฉันไม่ดีตรงไหนกัน! เหมือนเด็ก ๆ จะเริ่มรำคาญเสียงรอบ ๆ ตัว ทัชชาเริ่มเบะปากก่อนจะร้องไห้เสียงดังออกมา‘อุแว้ อุแว้ อุแว้’และแน่นอนว่าเมื่อคนหนึ่งร้อง อีกคนก็ร้องตามทันที‘แงงงงงงงงง’เสียงร้องของสองแฝดทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบทันที พี่ทิวเดินไปอุ้มลูกมาให้ฉันคนนึ่งและตัวเองอุ้มไว้อีกคนนึ่งก่อนจะออกปากไล่ทุกคนให้ออกไปจากห้อง“ลูกน่าจะหิว ทุกคนออกไปก่อนนะ”บรรดาน้า ๆ ทั้งหลายรีบเดินออกจากห้องไปเหลือเพียงพ่อ แม่ลูกเท่านั้นฉันเปิดเสื้อออกให้นมทัชชาก่อน พอคนโตเงียบคนเล็กก็เงียบตาม ทัชชกรหลับต่อในอ้อมแขนของพี่ทิวดูท่าจะเป็นหนุ่มขี้รำคาญเหมือนพ่อซะด้วย“หนูว่าทัชชกรน่าจะเหมือนพี่ทิวแน่ ๆ เลยค่ะ”“ท
“โอ๊ยย พี่ทิว หนูปวดท้องง”กลางดึกคืนหนึ่ง ทิชาตื่นขึ้นมาจากความเจ็บปวดที่ท้อง ร่างบางนอนกุมท้อง อีกมือก็เอื้อมไปเขย่าเรียกสามีที่นอนอยู่ข้างๆ“ทิชา เป็นอะไรครับ จะคลอดเหรอ”“ปวดท้องงง โอ้ยยยย”“ไอ้นัท เตรียมรถ”ทิวเทพตะโกนลั่นบ้านเรียกให้นัทที่มาทำงานเตรียมออกรถไปโรงพยาบาล ร่างสูงประคองทิชาลงจากเตียงเบา ๆ แต่พอเธอลุกขึ้นยืนน้ำคร่ำก็ไหลออกมาจนเขาตกใจ‘ซ่า.......’“ทิชา!”“พะ พี่ทิว หนูปวด โอ้ยยยย”เขาก้มลงช้อนตัวทิชาวิ่งออกจากห้องทันทีพอขึ้นรถมาได้ อาการปวดก็ยิ่งถี่กว่าเดิม มันทั้งปวด ทั้งบิดในเวลาเดียวกัน มือเล็กปัดป่ายไปทั่วจนคว้าหมับ! เข้ากับผมดำสลวยของทิวเทพ ก่อนจะออกแรงขยุ้มจนร่างสูงสะดุ้งไปด้วย“ทิชา ใจเย็น ๆ นะ หายใจลึก ๆ ”“โอ้ยยย เงียบไปเลย มาปวดเองไหมล่ะ ปวดจะตายอยู่แล้ว!”ทิวเทพถึงกับอึ้งไปเลยเขาไม่เคยได้ยินเธอขึ้นเสียงใส่เขามาก่อนแม้แต่ครั้งเดียว เขาบีบมือเธอเพื่อให้กำลังใจพร้อมกับเร่งนัทให้ขับไวขึ้น ทิชาออกแรงดึงผมเขาเต็มที่จนเขาขมวดคิ้วแน่น“โอ้ยยย เร็วกว่านี้ได้ไหม!!!”ทิชาตะโกนเร่งดังลั่นรถ เธอจะไม่ไหวแล้วสองแฝดถีบท้องตุบ ๆ ราวกับจะออกมาให้ได้ สัญชาตญาณความเป็นแม่สั่งใ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ๆ“นายครับ ผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบครับ”นนท์ที่อยู่ในสภาพร้อนใจเคาะห้องรับแขกเรียกเจ้านายไม่หยุดไม่ต่างจากคน 2 คนที่อยู่ในห้อง ทิชาผลักทิวเทพออกเต็มแรงด้วยความตกใจ“พะ พี่ทิว พี่นนท์มาค่ะ”ทิวเทพสบถออกมาเล็กน้อย ก่อนจะไปหยิบผ้ามาให้ทิชาคลุมตัวไว้ ท่าทางเขาหัวเสียน่าดูที่โดนขัดจังหวะจนทิชาอดหัวเราะออกมาไม่ได้“คิก คิก ไม่ทำหน้าแบบนั้นสิคะ พี่นนท์อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้นะ”“ถ้ามันไม่ด่วนอย่างที่หนูบอก พี่จะหักเงินเดือนมัน”ทิวเทพพูดพร้อมกับจัดผ้าคลุมขาของทิชาไว้ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ลูกน้องเข้ามา“นายครับ!!!!”“เออ กูได้ยินแล้ว!”‘แกร๊ก’พอประตูเปิดนนท์ก็พรวดพราดเข้ามาด้านในด้านท่าทีลุกรี้ลุกลนจนทิวเทพแปลกใจ นนท์ทำงานข้างกายเขามานานไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้“มีอะไร?”“เรื่องนายเข้มครับ....”ทิวเทพกำลังจะห้ามไม่ให้นนท์พูดต่อ แต่ว่าไม่ทันแล้วทิชาที่นั่งอยู่ในห้องได้ยินซะก่อน“เกิดอะไรขึ้นคะ พี่นนท์?”“เอ่อ คือ”นนท์หันมองผู้เป็นนายเพื่อขอความเห็นในเมื่อเธอได้ยินแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังทิชาอีกต่อไปเขาจึงพยักหน้าให้นนท์พูดได้เลย“นายเข้ม เสียแล้วครับ ที่ชายแดน”ทิชายกมือป
หลังจากนั้นมาทุกอย่างก็เป็นอย่างที่ทิวเทพคิดไว้ เขาต้องพาทิชาไปด้วยทุกทีเพราะเธอติดเขาแจ ถ้าเขาออกไปไหนโดยไม่พาเธอไปเธอก็จะร้องไห้จนเขาต้องรีบกลับมาหาตอนนี้ทิชาท้องได้ 5 เดือนแล้ว เธอตัดสินใจแล้วว่าจะลองมาเจอปู่กับย่าของเธอสักครั้งถึงจะอยากเลี่ยงมากแค่ไหนแต่ก็คงเลี่ยงไม่ได้และเท่าที่แม่บอกก็คือท่านรู้สึกผิดกับเรื่องที่ทำลงไปไม่น้อยเลย“พร้อมไหมครับ”มือบางเย็นและสั่นเล็กน้อย ทิวเทพจับมือทิชาไปกุมไว้มอบความอุ่นใจให้กับเธอร่างบางหันมาส่งยิ้มให้เขา นี่เป็นอีกเหตุผลที่เธอยอมมาเจอท่านทั้งสองเพราะทิวเทพเองก็มีส่วนพูดให้เธอได้คิดไม่น้อย‘พี่ว่าหนูควรไปเจอท่านซักครั้งแล้วค่อยตัดสินใจดีไหมครับ อย่างไรท่านก็เป็นญาติผู้ใหญ่นะ’‘ลองดูนะครับ เดี๋ยวพี่ไปกับหนูเอง’นี่เป็นบทสนทนาที่ทำให้ทิชามาจอดรถหน้าบ้านของพ่อเธอเวลานี้“ไปกันเถอะค่ะพี่ทิว”ทิชาบอกพร้อมสูดหายใจลึก ๆ ก่อนจะลงจากรถไปหาพ่อกับแม่ที่ยืนรออยู่“สวัสดีค่ะ พ่อ แม่”“มาแล้วเหรอลูก เข้าไปด้านในกัน ปู่กับย่ารอเจออยู่”พ่อเดินเข้ามาสวมกอดเธอก่อนจะพาทุกคนเข้าไปในบ้าน ในห้องรับแขกมีร่างสูงอายุของชายหญิงสองคนรอนั่งอยู่ เมื่อทิวเทพและทิชาก้าวม
“พี่ทิวคะ หนูขอออกไปเที่ยวกับเพื่อน ๆ นะคะ”เสียงหวาน ๆ เรียกเขามาแต่ไกลพร้อมกับเดินมากอดแขนเขาที่นั่งดื่มอยู่ที่บาร์“หืมม จะไปไหนกัน ให้พี่ไปด้วยไหม”ทิวเทพวางแก้วเหล้าลงพร้อมกับยกมือลูบหัวเธออย่างเอ็นดู ตั้งแต่ท้องเธอก็อ้อนเขามากกว่าปกติ สงสัยถ้าลูกสาวออกมาคงจะติดพ่อน่าดู“ไม่ล่ะคะ อยากเที่ยวกันตามภาษาสาว ๆ”“งั้น ให้นนท์ขับรถให้นะ ลูก ๆ อย่าดื้อกับแม่นะครับ”ทิวเทพก้มลงไปพูดกับลูบท้องเธอเบา ๆ“โอเคค่ะ เดี๋ยวหนูมานะคะ”ร่างบางเดินออกไปขึ้นรถโดยมีสายตาของสามีมองตามไม่หยุดถ้าเพื่อนเขาไม่ทักขึ้น คงไม่ยอมละสายตาออกมา“เฮ้ย หวานไม่เกรงใจพวกกูเลยนะ สนใจงานก่อนครับเพื่อน”“นั่นดิ กลับมาคุยเรื่องงานก่อนไหม”เขายิ้มออกมาก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนต่ออีกรอบ««««»»»»ทิชาเดินยิ้มออกมา จริง ๆ อยากให้เขาไปด้วยแต่ก็เข้าใจว่าเขาคงมีธุระคุยกับเพื่อนเลยเลือกที่จะไปกันเองตามประสาสาว ๆเวลาเมาท์จะได้เมาท์ง่าย ๆ ด้วยนนท์ขับรถพาทุกคนมุ่งตรงไปยังห้างหรูใจกลางเมือง ซึ่งก็ไม่ใช่ที่ไหนไกล มันคือห้าง Timeless นั่นเอง“พี่นนท์ไปหาอะไรทำก่อนได้เลยนะคะ เดี๋ยวเสร็จแล้วทิชาโทรเรียก”“ได้ครับ ผมจะรอแถว ๆ นี้นะครับ”
หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นนท์ก็พาทิชามุ่งตรงไปที่บ้านทันที เมื่อมาถึงรถสปอร์ตที่คุ้นตาก็จอดอยู่มันคือรถพ่อแม่ทิชา ซึ่งมันก็ทำให้เธอแปลกใจเล็กน้อยว่าท่านมาทำอะไรกันที่นี่?“สวัสดีค่ะ คุณพ่อ คุณแม่”ทิชายกมือไหว้ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่ในห้อง ซึ่งมีทั้งพ่อแม่เธอและเขารวมทั้งทิวเทพกับเทวาเองนั่งอยู่ด้วย เทวาอาการดีขึ้นมาแล้ว เหลือแค่รักษาแขนที่หักเท่านั้น“สวัสดีค่ะพี่เทวา เป็นยังไงบ้างคะ”“ดีขึ้นเยอะแล้วครับ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะแล้วก็ยินดีด้วยนะ”เทวายื่นกล่องของขวัญที่เตรียมไว้ให้เธอ ทิชากล่าวขอบคุณก่อนจะรับมาแล้วเดินไปนั่งข้าง ๆ สามี“ว่าแต่พ่อกับแม่มาทำอะไรที่นี่คะ?”“เปล่าหรอก พ่อกับแม่ค้างที่นี่น่ะ เมื่อคืนเรามาคุยกันต่อนิดหน่อย”ทิชาอดคิดไม่ได้ว่าไอ้การคุยกันนั่นคงไม่ใช่มาดื่มกันต่อหรอกนะ....แต่เหมือนทุกคนจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ ทุกคนเลยพร้อมใจกันเข้าเรื่องทันที“ที่แม่ให้มาหาวันนี้ก็ไม่มีอะไรหรอก แม่มีของจะให้แม่ของทิวเทพหยิบเอกสารส่งให้เธอเปิดดู ด้านในเป็นโฉนดที่ดินพร้อมบ้านที่ตั้งอยู่แถบชานเมือ ทว่าทำเลดีมากแถมราคายังแพงสุด ๆ“นี่มันไม่มากไปเหรอคะคุณแม่ทิชาพูดออกมาอย่างเกรงใจ