Share

บทที่ 0007

Author: อันอี่หราน
ส่วนทางพระสนมเต๋อเฟยเมื่อกลับถึงตำหนักฉางชิว ก็ได้ขว้างปาเครื่องกระเบื้องไปหลายชิ้น จึงค่อยหายโกรธบ้าง

“พระสนมใยต้องโกรธเช่นนี้ด้วยล่ะเพคะ” สาวใช้คนสนิทไป๋จื่อทุบไหล่ให้นางพลาง พร้อมกับกล่าวปลอบใจ “คนที่ตำหนักชิงอวิ๋นให้เป็นที่โปรดปรานเพียงไหน นางก็มีลูกสาวแค่คนเดียว ส่วนพระสนมน่ะมีองค์ชายตั้งสองคนนะเพคะ นางจะมาเทียบได้ยังไง?”

พระสนมเต๋อเฟยได้ยินดังนี้แต่ไม่เห็นชอบด้วย “ดูจากความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อนาง นางจะต้องกังลวไม่มีลูชายไปทำไมกัน? และตระกูลเดิมนางก็เป็นติ้งกั๋วโหวด้วย”

ไป๋เวยอยู่ด้านข้างรีบเดินมา “ติ้งกั๋วโหวเป็นเพียงขุนนางบู๊ แต่ตระกูลเดิมของพระสนมเป็นถึงเสนาบดี ทั้งยังเป็นที่ไว้วางพระทัยของฝ่าบาทอีกนะเพคะ”

“พวกเจ้าสองคนเอาใจข้าเก่งนัก” ภายใต้การปลอบโยนของสาวใช้ พระสนมเต๋อเฟยก็ค่อยหายขุ่นเคืองบ้าง

แต่พอนึกถึงเรื่องสนมโหรวกุ้ยเหรินเมื่อหลายวันก่อน นางก็รู้สึกไม่สบายใจอีก จึงให้ไป๋จื่อส่งข่าวถึงบิดา ว่าเลิกประชุมเมื่อไหร่ให้มาตำหนักฉางชิวสักครั้ง

ไต้เท้าชุยรับจดหมายจากไป๋จื่อ เลิกประชุมจึงรีบมาทันที

“ท่านพ่อ จัดการคนในครอบครัวของโหรวกุ้ยเหรินไปแล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” พระสนมเต๋อเฟยสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไป พร้อมกับถามเสียงเบา

“ระหว่างทางจัดการเรียบร้อยแล้ว เจ้าวางใจได้!” ใต้เท้าชุยมองดูเต๋อเฟย “เดิมคิดว่างานนี้คงต้องสำเร็จ ที่ไหนได้ยังผิดพลาดอีก”

“เคราะห์ดีที่ฝ่าบาทไม่ได้ไต่สวนละเอียด” พระสนมเต๋อเฟยยังคงไม่วางใจ

“พระสนมโปรดวางใจ หลังเกิดเรื่องข้าแทบไม่ได้ออกหน้า ถึงมีใครมาเปิดโปง ตระกูลชุยของเราก็ไม่เกี่ยวข้องด้วย”

“ท่านพ่อทำงานข้าวางใจเสมอเจ้าค่ะ” พระสนมเต๋อเฟยมองใต้เท้าชุยอย่างลังเล “เพียงแต่เราทำให้เด็กนั่นตายไม่ได้ เฉินเฟยคงจะเกิดความสงสัย”

“ถึงยังไงนางก็ได้ลูกสาว ไม่ต้องไปกังวลหรอก” ไต้เท้าชุยกลับไม่แยแส

“ไม่กังวลได้ยังไงเจ้าคะ ท่านพ่อไม่รู้อะไร กว่าครึ่งเดือนมานี้ ฝ่าบาทเสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นทุกวัน” พระสนมเต๋อเฟยยังคงไม่พอใจอยู่

ใต้เท้าชุยเห็นสีหน้าของนางก็ได้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “พระสนมอย่าไปใส่ใจเรื่องไร้สาระเลย ตอนนี้ที่สำคัญคือช่วยให้องค์ชายสามได้ครองราชย์มากกว่า”

“นึกหรือว่าข้าไม่คิด บัดนี้ตำแหน่งฮองเฮายังว่างอยู่ แล้วเฉินเฟยก็เป็นน้าแท้ ๆ ของรัชทายาท ซึ่งมีความสนิทสนมกับนางมานาน ถ้าเขาได้ครองราชย์จริง ๆ...”

“งั้นเราก็กำจัดให้หมดซะ” ใต้เท้าชุยกล่าวเสียงเบา แววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม

พระสนมเต๋อเฟยเห็นบิดามีแผนอยู่ในใจ นางก็ไม่คิดเรื่องอื่น เพราะตอนนี้ก็มีแต่พระสนมเฉินเฟยที่เป็นศัตรูตัวฉกาจ

มีแต่กำจัดนางซะ ตนถึงจะได้ดำรงตำแหน่งฮองเฮาอย่างไร้เสี้ยนหนาม จากนั้นค่อยกำจัดรัชทายาทไปเสีย แล้วลูกชายของนางก็จะได้ครองราชย์อย่างชอบธรรม

ส่วนทางด้านตำหนักชิงอวิ๋นนั้น ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อต้อนรับการมาเยือนของติ้งกั๋วโหว

เหตุเพราะพระสนมเฉินเฟยยังต้องอยู่ไฟ จึงได้แต่พบกันในห้องเท่านั้น

“ถวายบังคมพระสนมพ่ะย่ะค่ะ” ติ้งกั๋วโหวกับฮูหยินแสดงความเคารพอย่างนอบน้อม จากนั้นค่อยเดินเข้ามา จับมือพระสนมแล้วพิจารณาดู

“ได้ยินว่าวันคลอดเสี่ยงอันตรายนัก จิ่นซินให้คนไปส่งข่าวที่บ้าน” โหวฮูหยินเอ่ยถึงเรื่องนี้ทีไร น้ำตาเป็นต้องไหลทุกครั้ง

“ดีที่สุดท้ายก็ปลอดภัย เราจะเข้าวังก็ไม่สะดวก สองวันนี้พ่อเจ้าได้ทูลขออนุญาต เราจึงมาเยี่ยมเจ้าได้”

“แม่เคยบอกแล้วว่าไม่อยากให้เจ้าเข้าวัง พี่สาวเจ้าด่วนจากไปก็เพราะอยู่ในวังนี้...”

ไม่ทันรอให้นางกล่าวจบ ติ้งกั๋วโหวรีบชิงขัดจังหวะ “ฮูหยินระวังคำพูดหน่อย”

โหวฮูหยินเพิ่งนึกได้ว่าตนหลุดคำพูดที่ไม่สมควร จึงรีบปิดปากไม่กล้าพูดจาอีก แต่สีหน้ายังคงโศกเศร้า

“ท่านแม่โปรดวางใจเถิดเจ้าค่ะ” พระสนมเฉินเฟยดึงมือโหวฮูหยินมา พร้อมพูดปลอบใจนาง “ลูกจะระวังตัวให้มาก”

กล่าวจบก็มองไปทางลู่ซิงหว่านซึ่งกำลังหลับอุตุด้วยความรัก “ดีที่ได้ลูกคนนี้...”

แต่ก็นึกได้ว่าพูดเช่นนี้อาจจะไม่เหมาะนัก “ดีที่ลูกคนนี้น่ารักและเลี้ยงง่าย ทำให้ข้าไม่ต้องรับโทษจนเกินไป”

ติ้งกั๋วโหวและฮูหยินค่อยยื่นหน้าไปดูลู่ซิงหว่าน

ขณะที่ลู่ซิงหว่านตื่นมา ก็เห็นชายหญิงสองคนกำลังโผล่หน้ามาดูตนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พลันเห็นใบหน้าของหญิงวัยกลางคนดูละม้ายคล้ายคลึงกับท่านแม่ จึงรู้ว่านางคือท่านยายของตนแน่นอน จึงได้อ้าปากและส่งเสียงหัวเราะให้พวกเขา

“ดูเร็วเข้า หวานหว่านยิ้มให้เราด้วยแน่ะ!” โหวฮูหยินรีบสะกิดท่านโหวที่อยู่ข้าง ๆ

“เห็นแล้ว ๆ” ท่านโหวเห็นแม่หนูน้อยส่งยิ้มให้ตน ก็รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก

เพิ่งนึกได้ว่าตนให้คนทำจี้ผิงอันไว้รับขวัญหลานตัวน้อย จึงรีบหยิบออกมา และวางไว้บนร่างลู่ซิงหว่าน

[หนักจัง หนักมาก ที่แท้ท่านตาร่ำรวยถึงเพียงนี้ นี่เป็นจี้อันใหญ่มากเลย!]

หันหน้าไปก็เห็นโหวฮูหยินที่จ้องมองตนอยู่

[ว้าว มิน่าแม่ข้าถึงหน้าตางดงาม ก็เพราะท่านยายก็เป็นคนสวยเหมือนกัน!]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินเสียงพูดของเด็กน้อย ก็ได้หลุดหัวเราะออกมา แต่คำพูดต่อจากนั้นของลู่ซิงหว่าน กลับทำให้นางขำไม่ออก

[เสียดายตระกูลที่จงรักภักดีเช่นนี้ สุดท้ายกลับถูกคนชั่วปองร้าย จนต้องโทษทรยศขายชาติ ถูกประหารทั้งครอบครัว]

[พระสนมเต๋อเฟยเห็นหน้าก็รู้ว่าไม่ใช่คนดี และเรื่องนี้ก็เกิดจากน้ำมือเสนาบดีชุย บิดาผู้เหี้ยมโหดของนาง]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ สีหน้าก็แทบเปลี่ยนไปทันที แต่เพราะบิดามารดายังอยู่ จึงได้แต่อดกลั้นไว้ก่อน

ทันใดนั้นเอง องค์ชายใหญ่ก็วิ่งมาจากด้านนอก “ท่านตา ท่านยาย”

ทั้งสองได้ยินเข้าก็รีบหันหน้าไปดู จึงเห็นองค์ชายใหญ่เติบโตขึ้นและหน้าตาก็ยิ่งหล่อเหลา มีความคล้ายคลึงกับบุตรสาวคนโตอยู่มาก

“ภวายบังคมพระสนมเฉินเฟยพ่ะย่ะค่ะ คารวะท่านตา คารวะท่านยายขอรับ” ปกติองค์ชายใหญ่เป็นผู้เคร่งครัดในธรรมเนียมอยู่แล้ว

“องค์ชายใหญ่” ท่านโหวและฮูหยินเรียกพลางจะคุกเข่าลง กลับถูกองค์ชายใหญ่รั้งตัวไว้

“ท่านตา ท่านยาย วันนี้มาเยี่ยมน้องไม่ใช่หรือ? เราต่างเป็นคนกันเอง ไม่ต้องเกรงใจหรอก”

ทั้งสองคนจึงได้ยืนขึ้น

“หลายวันก่อนไม่กล้ามารบกวนท่านน้า วันนี้ได้ยินว่าท่านยายก็มาด้วย จึงไปขออนุญาตเสด็จพ่อ”

พระสนมเฉินเฟยกล่าวยิ้มๆ “เจ้าช่างรู้ธรรมเนียมมาโดยตลอดเลยนะ”

[คนนี้ก็คือพี่ชายใหญ่ที่น่าสงสารของข้าหรือ?]

เป็นเสียงของลู่ซิงหว่านแว่วมาอีก

[หน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ นิสัยก็ดีด้วย เสียดายจุดจบไม่สู้ดีนัก ในนิทานเหมือนจะเขียนว่า จวนติ้งกั๋วโหวถูกล้างตระกูลแล้ว องค์ชายใหญ่ก็มีส่วนพัวพัน ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาทไปด้วย]

[ต่อมาพระสนมเต๋อเฟยขึ้นเป็นฮองเฮา องค์ชายสามก็เป็นรัชทายาทแทน]

[จากนั้นพี่ชายคนนี้ก็เสียชีวิต ไม่บอกก็รู้ว่าเป็นฝีมือใคร!]

[เสด็จพ่อเป็นฮ่องเต้ที่เลอะเลือนนัก! เลอะเลือนที่สุด!]

ลู่ซิงหว่านโกรธจนด่าอยู่ในใจ

พระสนมเฉินเฟยตกใจกับคำพูดของนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้าตามที่หวานหว่านกล่าวมา ใต้เท้าชุยวางแผนปองร้ายจวนติ้งกั๋วโหว ทั้งยังพัวพันถึงรัชทายาท ส่วนตนในเวลานั้น ได้กระโดดบ่อน้ำเสียชีวิตไปแล้ว

ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงสั่งให้บ่าวไพร่ถอยออกไป และกล่าวกำชับ “ท่านพ่อเป็นคนเถรตรง แต่ก็ต้องระวังคนถ่อยด้วยนะเจ้าคะ”

ติ้งกั๋วโหวรู้สึกตกใจกับคำพูดเช่นนี้ของนาง “พระสนมหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

พระสนมเฉินเฟยไม่ตอบ แต่หันไปมองรัชทายาท “เจ้าอยู่ในวังก็เหมือนกัน ต้องระวังคนที่อยู่รอบข้างองค์ชายสาม”

กล่าวจบก็ลดเสียงเบาลง “ท่านพ่อก็ต้องระวังเสนาบดีชุยให้มากนะเจ้าคะ”

ติ้งกั๋วโหวและรัชทายาทเห็นนางกล่าวจริงจังเช่นนี้ ก็เข้าใจว่าคงเป็นเรื่องร้ายแรง จึงต่างพยักหน้า ไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status