Share

บทที่ 0006

Author: อันอี่หราน
หลายวันต่อมา หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ “เลียบๆ เคียงๆ” ถามความเห็นลู่สิงหว่านอยู่หลายครั้ง ในที่สุดก็ตัดสินใจแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้นางในนามว่า “หย่งอัน”

“เมิ่งฉวนเต๋อ ประกาศไปยังวังหลังทั้งหกตำหนัก องค์หญิงเก้ามีชื่อบรรดาศักดิ์ว่า “หย่งอัน” ครบเดือนเมื่อไหร่จะมีพิธีแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ” ในเมื่อทรงแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้แก่ลู่สิงหว่านแล้ว ก่อนอื่นก็คือประกาศให้ทุกคนได้รู้กันทั่ว

[ว้าว เสด็จพ่อช่างรักลูกเหลือเกิน เป็นลูกสาวของเสด็จพ่อช่างมีความสุขนัก]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินความในใจของบุตรสาวเช่นนี้ จึงได้ลูบใบหน้าน้อย ๆ ของนางอย่างมีความสุข และเห็นฮ่องเต้ก็มองดูลู่สิงหว่านด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พระสนมเฉินเฟยรู้สึกแปลกใจยิ่ง เป็นความประหลาดใจเหลือจะกล่าว หมู่นี้ฮ่องเต้ชักจะมีรอยยิ้มมากไปเสียแล้ว ฮ่องเต้ที่สีหน้าเย็นชาในอดีตหายไปไหน?

นางหันไปมองดูหวานหว่านที่อยู่ในเปล หรือจะเป็นเพราะลูกคนนี้?

ทันทีที่มีราชโองการออกไป วังหลังก็เริ่มมีคนนั่งไม่ติดแล้ว

รุ่งขึ้นวันที่สอง ได้ยินว่าฮ่องเต้เลิกประตูได้เสด็จไปตำหนักชิงอวิ๋นอีก พระสนมเต๋อเฟยก็รู้สึกโกรธยิ่งนัก นับแต่ลู่สิงหว่านเกิดมา นางไม่ได้เจอหน้าฝ่าบาทเกือบครึ่งเดือนเข้าให้แล้ว ต่อให้ไปดักรอที่นอกห้องทรงอักษร ก็ถูกเมิ่งฉวนเต๋อขับไล่ไปอีก

เมื่อนึกถึงตรงนี้ นางจังสั่งสาวใช้ที่อยู่ข้างกาย “ไปเชิญองค์ชายสาม องค์ชายห้าและองค์หญิงหกมาที่นี่”

ถูกต้อง พระสนมเต๋อเฟยมีลูกทั้งสิ้นสามคน

เหตุที่นางเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ นอกจากเพราะเป็นบุตรสาวของเสนาบดีชุยแล้ว ยังเป็นเพราะว่า...นางคลอดลูกเก่ง

ฮ่องเต้ต้าฉู่มีลูกชายเพียงแค่ห้าคน ซึ่งนางคนเดียวก็ให้กำเนิดแล้วสอง

องค์หญิงหกอยู่ใกล้กว่า ย่อมจะมาถึงเร็วกว่าใคร “เสด็จแม่ให้ลูกมาพบด่วน มีเรื่องอะไรหรือเพคะ ลูกกำลังฝึกทำว่าวกระดาษอยู่เลย!”

พระสนมเต๋อเฟยเห็นลูกสาวมาแล้วก็ลูบศีรษะนางเบา ๆ พลางกล่าวด้วยความเอ็นดู “วัน ๆ เจ้าก็ห่วงแต่เล่น คิดดูสิตั้งแต่หย่งอันเกิดมา เสด็จพ่อเจ้าเคยมาเยี่ยมเจ้าสักครั้งหรือเปล่า?”

“ท่านแม่ นั่นเป็นเพียงทารกเท่านั้น” องค์หญิงหกไม่ยอมแพ้

“น้องหกพูดเช่นนี้ก็ไม่ถูก” องค์ชายสามซึ่งบัดนี้มีอายุสิบแปดปี เข้ามาห้องด้านใน หลังจากถวายบังคมแล้วจึงได้กล่าวต่อ “น้องหญิงเก้าผู้นั้นเพิ่งเกิดมาก็ได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อ วันหน้ามิยิ่งแล้วกันใหญ่หรอกหรือ?”

กล่าวจบก็หันไปมององค์ชายห้าที่อยู่ด้านข้าง “แล้วน้องห้าเห็นว่ายังไงล่ะ?”

ปกติองค์ชายห้ามักตกเป็นเบี้ยล่างองค์ชายสามกับองค์หญิงหกอยู่เสมอ จึงกลายเป็นคนมีนิสัยกล้า ๆ กลัว ๆ และได้กล่าวตอบ “วันที่หย่งอันเกิดมา ฟ้าก็ประทานฝน เห็นทีว่าคงจะเป็นลางดี...”

“พอที” พระสนมเต๋อเฟยห้ามไม่ให้เขาพูดต่อ เพราะบุตรชายคนเล็กผู้นี้ ปกติมักไม่ค่อยมีหัวคิด จนวันนี้ยังไปเข้าข้างคนนอกอีก “งั้นพวกเจ้าก็ตามข้าไปเยี่ยมนังเด็ก...หย่งอันเถอะ”

เกือบได้หลุดปากคำว่า “นังเด็กกาลกิณี” ออกไปเสียแล้ว

กล่าวจนก็ยืนตัวตรงขึ้น สั่งสาวใช้ให้ดูแลเครื่องแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นก็เชิดหน้าเดินออกไป

องค์ชายสามที่อยู่ด้านหลังมองหน้าองค์ชายห้าพร้อมกับหัวเราะ รีบตามพระสนมเต๋อเฟยออกไปทันที

ที่ตำหนักชิงอวิ๋น

ฮ่องเต้ต้าฉู่เสด็จมาตำหนักชิงอวิ๋นทุกวัน ก็เพื่อหวังให้หวานหว่านบอกเล่าความลับให้ฟังเยอะ ๆ คราวก่อนเพราะนางตักเตือน ตนจึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติของหรงอ๋อง

เพียงแต่ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา หวานหว่านก็ไม่ยอมพูดอะไรอีก

แต่มีลูกน้อยน่ารักอยู่เป็นเพื่อนเช่นนี้ ก็ทำให้ฮ่องเต้คลายความเหนื่อยล้าไปได้มาก

“น้องหญิงเฉินเฟย” เสียงพระสนมเต๋อเฟยมาก่อนจะเห็นตัว “ข้ามาช้าไปแล้วล่ะ”

เมื่อมาถึงและเห็นฮ่องเต้ประทับอยู่ด้วย นางจึงเสแสร้งทำเป็นตกใจพร้อมคารวะ “ที่แท้ฝ่าบาทมาประทับอยู่นี่เองเพคะ มิน่าหลายวันนี้หม่อมฉันไปห้องทรงอักษรจึงไม่ได้พบฝ่าบาทเลย”

“ลำบากพี่หญิงเต๋อเฟยแล้ว” ในวังหลวง พระสนมเฉินเฟยเป็นคนอ่อนโยนที่สุด ไม่เคยแก่งแย่งชิงดีกับใคร

“เราต่างเป็นพี่น้องกัน เจ้าอย่าได้เกรงใจเลย” พระสนมเต๋อเฟยสะบัดผ้าเช็ดหน้าในมือ “เพราะลูก ๆ ต่างก็รบเร้า ได้ยินว่าวันที่องค์หญิงหย่งอันเกิดมาพร้อมกับเรื่องประหลาด จึงเกิดความสนใจ รบเร้าให้ข้าพามาเยี่ยมน้องหญิงให้ได้ ข้าจึงต้องมารบกวนเจ้าแล้ว”

[ว้าว ๆ ๆ คนนี้ก็คือพระสนมเต๋อเฟย ลูกชายนางช่างร้ายกาจนัก ในนิทานบอกว่าหลังจากเสด็จพ่อสิ้นพระชนม์ ลูกชายนางก็อ้างว่าหรงอ๋องครองราชย์โดยไม่ชอบธรรม สั่งปลดหรงอ๋องซะ แล้วตัวเองก็เป็นฮ่องเต้แทน]

[มาใกล้หน่อย ๆ ให้ข้าดูสิว่าหน้าตาเป็นยังไง?]

ลู่สิงหว่านอยู่ในเปลยกมือยกเท้า คล้ายกับอยากจะลุกขึ้น

“ให้เด็ก ๆ ดูใกล้หน่อยก็ได้!” ฮ่องเต้ต้าฉู่รับสั่งไปยังพระสนมเต๋อเฟย

พระสนมเฉินเฟยมองหน้าฮ่องเต้ด้วยความแปลกใจ หากไม่เพราะเห็นสีหน้านิ่งเฉย นางคงสงสัยว่าฮ่องเต้จะได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่านด้วยหรือเปล่า

แต่คำพูดของหวานหว่านเมื่อครู่นี้ ก็น่าตกใจเสียเหลือเกิน

ไม่ทันรอให้ทุกคนมาเข้าใกล้ ก็มีเสียงเด็กน้อยดังอ้อแอ้ออกมาอีก

[ช่างเถอะ ไม่ต้องดูหรอก ก็แค่ผู้หญิงใจร้ายคนหนึ่ง ลูกชายนางก็ไม่เอาไหน ไม่นานเดี๋ยวก็ถูกพระเอกเล่นงาน จนราชวงศ์ล่มสลาย]

[ถ้าเสด็จพ่อยังอยู่ต่อ แคว้นต้าฉู่ก็จะได้ยั่งยืนยาวนานกว่านี้]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ตั้งสติครุ่นคิด เห็นทีว่าองค์ชายสามกับองค์ชายห้า อาจมีคนใดคนหนึ่งไม่เอาไหนก็เป็นได้

ฮ่องเต้ต้าฉู่มองดูบุตรชายทั้งสองคน เท่าที่สังเกต องค์ชายห้าก็ดูเรียบร้อยดี ส่วนองค์ชายสามยังไม่เห็นจะมีพิรุธอะไร คงต้องรอดูอีกสักพัก

“เสด็จพ่อ หม่อมฉันขออุ้มน้องได้ไหมเพคะ?” จู่ๆ องค์หญิงหกก็เอ่ยปากขึ้น

[ไม่ ๆ ๆ อย่านะเสด็จพ่อ ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจที่สุด ในนิทานบอกว่าหลังจากท่านแม่สูญเสียลูกไป นางก็คอยมาเย้ยหยันทุกวัน จนท่านแม่แทบกลายเป็นวิกลจริต และสุดท้ายก็ไปกระโดดบ่อน้ำเพราะการยั่วยุของนาง]

[ผู้หญิงใจร้าย ร้ายกาจนัก นางถูกพระสนมเต๋อเฟยบงการมาแน่ ๆ]

“อุแว๊ ๆ ๆ...” ลู่สิงหว่านนึกต่อต้านในใจ แต่พอเปล่งเสียงออกมาจริง ๆ ก็กลับกลายเป็นเสียงร้องไห้ซะงั้น

พระสนมเฉินเฟยรู้ดีว่าองค์หญิงหกเป็นคนดื้อรั้น แต่ไม่คิดว่าอายุยังน้อยจะร้ายกาจถึงเพียงนี้ จึงไม่ยอมให้นางเข้าใกล้หวานหว่าน

ทันใดนั้นก็รีบเอ่ยปากห้าม “หวานหว่านคงจะหิวแล้ว อุ้มมาให้ข้าเถิด!”

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อเป็นห่วงน้องเล็กเช่นนี้ พลันเกิดความคิดเลวร้ายขึ้นในใจ หากตนอุ้มนางขึ้นมา แล้วไม่ระวังทำหลุดมือไป อย่างมากก็เป็นความพลั้งเผลอที่ไม่ตั้งใจเท่านั้น เสด็จพ่อคงไม่คิดประหารตนเพื่อชดเชยให้นางกระมัง

ไม่นึกว่ากลับถูกพระสนมเฉินเฟยขวางไว้

“พระสนมเฉินเฟยใจแคบจริง ๆ นะเพคะ หม่อมฉันก็แค่อยากอุ้มน้องเท่านั้น” องค์หญิงหกลืมไปว่าฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อยู่ด้วย จึงเอ่ยปากกล่าวอย่างประชด

“บังอาจ!” ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินองค์หญิงหกกล่าวเช่นนี้ บวกกับเมื่อครู่ได้ยินเสียงพูดในใจของหวานหว่าน ที่เป็นห่วงพระสนมเฉินเฟย จึงยิ่งกริ้วหนักขึ้น “ใครให้เจ้าเสียมารยาทต่อพระสนมเฉินเฟยเช่นนี้!”

กล่าวจบก็ยังไม่พอใจอีก ชี้หน้าไปทางพระสนมเต๋อเฟย “เพราะเจ้าให้ท้ายลูกจนเหลิง”

“กลับไปคัดบทบัญญัติแห่งหญิงมาให้ข้าสิบรอบ และหลายวันนี้ให้อยู่แต่ในตำหนักห้ามออกมาข้างนอก” ฮ่องเต้มองไปทางองค์หญิงหกอีกครั้ง

องค์หญิงหกเห็นเสด็จพ่อกริ้วเช่นนี้ ก็เตรียมเอ่ยปากจะโต้เถียง

พระสนมเต๋อเฟยเห็นท่าไม่ดี จึงรีบปิดปากองค์หญิงหกเอาไว้ “เป็นความผิดของหม่อมฉันเพคะ หม่อมฉันจะพานางกลับไปเดี๋ยวนี้ เฉินเฟยอย่าได้ถือสาเลยนะ”

หลังจากพระสนมเต๋อเฟยพาลูก ๆ ออกไปแล้ว ลู่สิงหว่านจึงค่อยดูดนมในอ้อมแขนของพระสนมเฉินเฟย จากนั้นก็ผล็อยหลับไป

โดยไม่ได้ยินรับสั่งของฮ่องเต้ต้าฉู่ถัดจากนั้น “เฉินเฟย ติ้งกั๋วโหวได้มาขออนุญาต พรุ่งนี้เขากับฮูหยินโหวจะเข้าวังมาเยี่ยมเจ้า”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status