Share

บทที่ 0008

Author: อันอี่หราน
ครึ่งเดือนถัดมา งานเลี้ยงครบเดือนขององค์หญิงหย่งอันก็ถูกจัดขึ้น

เดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่คิดจัดเป็นงานใหญ่ แต่ถูกพระสนมเฉินเฟยห้ามไว้ เหตุเพราะตำแหน่งของติ้งกั๋วโหว บวกกับความสัมพันธ์ระหว่างตนกับรัชทายาท นางรู้สึกว่าฐานะล่อแหลม เป็นที่จับจ้องของทุกฝ่าย จึงอย่าให้เอิกเกริกจะดีกว่า

เดิมฮ่องเต้ก็ไม่ยินยอม แต่สุดท้ายก็พ่ายให้แก่ความยืนกรานของพระสนมเฉินเฟย จึงตัดสินใจไม่เชื้อเชิญเหล่าขุนนางทั้งหลาย แค่ปิดตำหนักฉลองก็เพียงพอ

วันนี้อากาศไม่สู้ดีนัก เดิมทีพระสนมเฉินเฟยคิดจะไปคนเดียว ที่ไหนได้ขณะออกจากตำหนัก หูก็ได้ยินเสียงบ่นอ้อแอ้ของเด็กน้อย

[วันนี้เป็นวันครบเดือนของเรา ซ้ำยังมีพิธีแต่งตั้งอีก ทำไมไม่พาเราไปด้วย ท่านแม่ไม่รักเราแล้วหรือ ฮือ ๆ ๆ...]

พระสนมเฉินเฟยได้ยินดังนี้ ก็หยุดชะงักที่หน้าประตู หันหน้ามามองลู่ซิงหว่าน พร้อมกับถอนหายใจ “พาหวานหว่านไปด้วยก็ได้มั้ง เพราะเป็นพิธีแต่งตั้งของนางเอง”

[เย้ ท่านแม่น่ารักที่สุดในโลกเลย!” ]

พระสนมเฉินเฟยยิ้มอย่างอ่อนใจ แต่ก็มีความสุขนัก

ในวันนี้ ลู่ซิงหว่านในฐานะเจ้าของงาน ย่อมได้รับของขวัญมากมายหลายชิ้น

ถึงคราวที่พระสนมเต๋อเฟยจะให้ของขวัญ ลู่ซิงหว่านดูแล้วดูอีก ไม่เห็นจะมีของชอบซักอย่างหนึ่ง

[หึ นี่น่ะหรือผู้เป็นใหญ่ในวังหลัง มีแต่พวกเครื่องหยกแกะสลัก แล้วนั่นอะไรอีก? เครื่องกระเบื้องถ้วยโถโอชาม? เครื่องประดับเสื้อคลุม? ไม่เห็นจะเหมาะกับเราซักอย่าง พระสนมเต๋อเฟยขี้เหนียวแบบนี้ คงเพราะเอาเงินไปให้ลูกชายติดสินบนเหล่าขุนนางมากกว่า]

[พระสนมหลานเฟย? เป็นแม่ขององค์ชายรองใช่ไหม? ให้โสมร้อยปีมาหนึ่งต้น ไม่เลว ๆ ให้ท่านแม่ไว้บำรุงร่างกาย ข้าชอบพระสนมหลานเฟย]

[พระสนมให้อะไรมาอีก? เป็นภาพเขียนหรือนี่ ก็ดี ๆ ได้ยินว่าภาพเขียนของแคว้นฉู่ขายได้ราคาดี]

[สนมเยว่กุ้ยเหรินล่ะ? ไม่เลว ๆ...]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินเสียงวิจารณ์ของลูกน้อย จนไม่รู้จะโกรธหรือขำดี สรุปคือนอกจากของขวัญของพระสนมเต๋อเฟยแล้ว อย่างอื่นนางล้วนชอบทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เต๋อเฟยให้มา นั่นคือของล้ำค่าต่างหาก ถึงว่าเด็กก็คือเด็ก มักใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งเสมอ

แต่ฮ่องเต้ก็จับคำพูดของลู่ซิงหว่านได้ประโยคหนึ่ง นั่นคือองค์ชายสามติดสินบนเหล่าขุนนาง

แสดงว่ายังมีหลายคนที่จ้องชิงบัลลังก์ของตนอยู่!

คงต้องให้อิ่งอีไปจับตาดูองค์ชายสามบ้างแล้ว

สุดท้าย ย่อมเป็นของขวัญจากมารดาบังเกิดเกล้าก็คือพระสนมเฉินเฟย ทันทีที่เห็นนางหยิบของออกมา พระสนมเต๋อเฟยนั่งอยู่ข้าง ๆ ก็หัวเราะออกมา

“น้องหญิงเฉินเฟย เจ้านี่ช่างเชยซะจริง ๆ เลยนะ ให้ของเป็นทองคำหมด จวนติ้งกั๋วโหวมีความชอบเช่นนี้เองหรอกหรือ?”

[ว้าว ท่านแม่รู้ใจข้านัก กำไลทอง สร้อยทอง ปิ่นทอง และยังมีจี้ทอง เป็นสิ่งที่ข้าชอบทั้งนั้น]

[นังตัวดีเต๋อเฟย ข้าชอบซะอย่างมีอะไรไหม เจ้าจะไปรู้อะไรได้]

พลางโบกไม้โบกมือขึ้น ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมอกของแม่นม

ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินคำพูดของลู่ซิงหว่าน ก็ได้หัวเราะออกมา

พระสนมเต๋อเฟยเห็นฮ่องเต้อารมณ์ดี ก็ยิ่งได้ใจมากขึ้น “ฝ่าบาทก็ทรงเห็นว่าเฉินเฟยความคิดเชยมากใช่ไหมเพคะ เมื่อก่อนหม่อมฉันยังนึกว่านางมีความคิดความชอบที่ดีกว่านี้เสียอีก!”

“เจ้าจะรู้อะไรได้” ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่อยากสนใจนาง “ดูซิว่าหย่งอันพอใจแค่ไหน เมิ่งฉวนเต๋อ สั่งการลงไป สั่งทำคทาทองคำให้แก่หย่งอัน เอารูปแบบที่หรูหราที่สุด”

กล่าวจบพลางหันไปทางแม่นม “มา อุ้มหย่งอันมาทางนี้”

จากนั้นก็รับตัวลู่ซิงหว่านไป “ขอเพียงหย่งอันชอบก็พอ”

[เสด็จพ่อช่างรู้ใจเรานัก ทั้งเสด็จพ่อและท่านแม่ต่างดีต่อเราจริงๆ เสด็จพ่อ ข้าจะรีบหัดพูดให้เร็ว และรีบบอกความจริงให้ท่านได้รู้ เพื่อให้ข้าได้อยู่อย่างสบาย...เอ๊ย ไม่ใช่ เพื่อปกป้องเสด็จพ่อของข้าไว้]

“ฮ่าๆๆๆ...” ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็ก ก็ยิ่งเบิกบานในพระทัย

พระสนมเต๋อเฟยเห็นฮ่องเต้ทรงเบิกบานเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งโกรธแค้นพระสนมเฉินเฟยมากยิ่งขึ้น แต่ภายนอกไม่แสดงสีหน้าให้เห็น กลับยิ้มแย้มแจ่มใส “ที่แท้องค์หญิงหย่งอันชอบทองคำนี่เอง เพราะหม่อมฉันไม่ทันคิดเองเพคะ”

ข้างในตำหนักกำลังอบอวลด้วยความรัก จู่ๆ เมิ่งฉวนเต๋อก็มารายงาน “ทูลฝ่าบาท ข้างนอกมีฝนตกพ่ะย่ะค่ะ”

ฮ่องเต้ต้าฉู่รีบยืนขึ้น พร้อมรับตัวลู่ซิงหว่านจากมือแม่นม เดินอาด ๆ ออกไปข้างนอก

“หย่งอันช่างเป็นผู้นำโชคโดยแท้ วันที่เกิดมามีฝนตก วันนี้ก็มีฝนตกอีก ตกมาสองรอบเช่นนี้ ภัยแล้งของแคว้นต้าฉู่ก็ได้คลี่คลายแล้ว”

พระสนมเต๋อเฟยยืนอยู่ในมุมมืด อดไม่ได้ที่จะทำตาขวางใส่พระสนมเฉินเฟยอีก

ขณะเดียวกันนี้ ด้านนอกวังหลวง

แคว้นต้าฉู่ประสบภัยแล้งมาหลายเดือน ไม่นึกว่าพอองค์หญิงหย่งอันประสูติ ก็มีฝนเทลงมาอย่างหนัก และวันนี้ก็ยังตกซ้ำอีกครั้ง การเพาะปลูกในปีนี้ค่อยมีความหวังขึ้นหน่อย ทันใดนั้นก็มีคนคุกเข่าคำนับมาทางวังหลวง

“องค์หญิงหย่งอันคือเซียนที่สวรรค์ส่งมา คุ้มครองให้แคว้นต้าฉู่เราอยู่ยั้งยืนยง”

“ฝ่าบาทก็ทรงปรีชาสามารถ จะช่วยให้บ้านเมืองมั่นคง”

ข่าวนี้มาถึงวังหลวง ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยิ่งโปรดปรานลู่หว่านซิงมากขึ้น และแต่งตั้งให้พระสนมเฉินเฟยขึ้นเป็นพระสนมขั้นกุ้ยเฟยทันที

พระสนมเฉินเฟยกลับรู้สึกไม่สบายใจนัก

“ทุกวันนี้พระสนมเต๋อเฟยเห็นข้ากับรัชทายาทเหมือนดั่งเสี้ยนหนาม ฝ่าบาททรงทำเช่นนี้อาจจะเพิ่มความแค้นให้แก่พระสนมเต๋อเฟยอีก” พระสนมเฉินเฟยรับราชโองการแล้ว กำลังหยอกล้อกับลู่ซิงหว่านอยู่ในตำหนัก ซึ่งมีเพียงจิ่งซินและจิ่นอวี้สองคนอยู่เคียงข้าง จึงได้เอ่ยปากด้วยความกลัดกลุ้ม

“พระสนมอย่าได้เป็นกังวลเลยเพคะ ยังไงเราก็ยังมีจวนติ้งกั๋วโหวคอยหนุนหลังอยู่นะเพคะ!” จิ่นซินเอ่ยปากกล่าวปลอบใจ

[ท่านแม่ผู้โง่เขลาของข้า ท่านเป็นแม่ขององค์หญิงหย่งอัน และเป็นน้าขององค์รัชทายาทอีก ยังไงพระสนมเต๋อเฟยคงไม่ปล่อยไว้อยู่แล้ว]

[ถึงท่านอดทนก็ไม่มีประโยชน์ นางยิ่งได้คืบจะเอาศอกมากขึ้นไม่ใช่หรือ?]

[ในหนังสือนิทานบอกว่าสมัยก่อนท่านก็เคยไปออกศึกไม่ใช่หรือ? ทำไมพอแต่งงานกับเสด็จพ่อแล้วกลับกลายเป็นคนขี้ขลาดเสียเล่า? เอาความกล้าหาญในสนามรบออกมาหน่อยซี่ ให้นางได้เห็นพิษสงบ้าง]

พระสนมเฉินเฟยเมื่อได้ยินคำพูดของลู่ซิงหว่าน ก็ได้ถอนหายใจลึก เหตุผลนี้ตนก็เข้าใจดี เพียงแต่ท่านพ่อท่านแม่เคยกำชับกับตนไว้ อยู่ในวังหลวง อย่าทำตัวเด่นมากจะเป็นภัย

จึงไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้อีก ได้แต่อุ้มลู่ซิงหว่านแล้วหยอกเล่นสักพัก จนนางหิวนมจึงส่งต่อให้แม่นมไปดูแล

เดิมทีพระสนมเฉินเฟยก็คิดจะป้อนนมด้วยตนเอง แต่เพราะตอนคลอดได้ทำให้เสียสุขภาพไปมาก บวกกับคิดมากในเรื่องหลายอย่าง จึงทำให้น้ำนมไม่ค่อยเพียงพอ จึงจำใจต้องใช้วิธีนี้แทน

ดีที่หวานหว่านเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย บอกให้นางเข้าใจ ไม่นานนางก็ยอมรับแม่นมได้

เหตุเพราะพระสนมเฉินเฟยได้เลื่อนเป็นกุ้ยเฟย ทำให้สถานการณ์ในวังหลังยิ่งตึงเครียด จวบจนวันนี้ ฮ่องเต้เดินฮึดฮึดมาถึงหน้าตำหนักชิงอวิ๋น

“ฝ่าบาททรงกริ้วเรื่องอะไรหรือเพคะ?” พระสนมเฉินเฟยเห็นฮ่องเต้เดินหน้าบึ้งเข้ามา จึงถามอย่างปลอบประโลม

“เหยียนหลินจือแห่งสำนักโหรหลวง วันนี้ส่งฎีกามา บอกว่าหย่งอันเกิดมาพร้อมกับปานดอกบัวพุทธบูชา และตอนเกิดก็มีปรากฎการณ์ประหลาดบนท้องฟ้า คาดว่านั่นคือสัญญาณของปีศาจ ให้ข้าสั่งประหารนางซะ” กล่าวถึงตรงนี้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ยังทรงกริ้วไม่หาย

“อะไรนะเพคะ?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยตกตะลึงพรึงเพริด

ลู่ซิงหว่านยิ่งกลายเป็นพูดจาละล่ำละลัก

[คงเป็นแผนของเสนาบดีชุยที่อยากให้เราตายสินะ แล้วค่อยบอกว่าท่านแม่เป็นตัวกาลกิณี หนอย! ตอนคลอดเล่นงานเราไม่ได้ ตอนนี้ยังมาจองเวรเรากับท่านแม่อีก ช่างเป็นคนเลวร้ายจริง ๆ]

ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินดังนี้ ก็คล้ายกับทรงนึกอะไรได้บางอย่าง

เพราะเหยียนหลินจือแห่งสำนักโหรหลวงผู้นี้ ก็คือลูกศิษย์ของเสนาบดีชุยนั่นเอง
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
NecroDagger
น้องเก่งมาก คอยแนะไปเรื่อยๆ นะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0640

    พูดถึงตรงนี้องครักษ์เงามังกรก็ถอนหายใจ “เพียงแต่อีกฝ่ายล้วนเป็นนักรบที่ตายแล้ว ไม่ได้เหลือผู้รอดชีวิตไว้”[แม่เจ้าโว้ย ทหารพลีชีพหนึ่งร้อยคน นี่มันฐานะอะไรเนี่ย][ดูเหมือนว่าชีวิตของเสด็จพ่อมีค่ามากจริงๆ สามารถทําให้อีกฝ่ายส่งทหารพลีชีพได้หนึ่งร้อยคน]เรื่องนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ ฮ่องเต้ต้าฉู่ย่อมไม่ตําหนิองครักษ์เงามังกร จึงออกคําสั่งให้คนขับรถม้าเดินทางต่อไป ต้องไปถึงสถานที่ปลอดภัยถึงจะดําเนินการต่อได้ภายในรถม้าก็เงียบกริบเช่นกันในที่สุดสนมเยว่กุ้ยเหรินก็ลองเอ่ยปาก “ฝ่า...นายท่าน ฮูหยิน คือว่า...”ซ่งชิงเหยียนเหมือนเพิ่งนึกถึงสนมเยว่กุ้ยเหรินที่ขดตัวอยู่ที่มุมห้อง ดึงนางขึ้นมา “วางใจเถอะ ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว”ในใจก็อดทอดถอนใจไม่ได้ มิน่าเล่าสนมเยว่กุ้ยเหรินถึงอยู่ในวังมาเจ็ดแปดปีก็ไม่มีทายาทสักคน เกรงว่าโอกาสที่ฝ่าบาทจะโปรดปรานนางก็มีน้อยมากในรถม้าคันเดียวมีกันแค่สี่คน ตัวเองยังสามารถลืมนางได้อย่างสนิทใจ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงฮ่องเต้ที่มีสนมมากมายส่วนฮ่องเต้ต้าฉู่ก็จัดเสื้อผ้าให้ตนเอง แล้วอุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาในอ้อมกอดของตน หยอกล้อนางว่า “หวานหว่าน ตกใจหรือเปล่า?”ลู่ซิงหว่านเอื

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0639

    เพราะว่าตอนนี้อยู่ข้างนอก ทุกคนต่างก็เปลี่ยนคําเรียกขานกัน จึงสามารถปกป้องฝ่าบาทได้อย่างทั่วถึง“ปกป้องนายท่าน!” เว่ยเฉิงดึงกระบี่ออกจากฝักกระบี่ของตัวเอง แล้วพูดกับฮ่องเต้ต้าฉู่ที่อยู่บนรถม้า “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วง คนขอวเราข้าล้วนเลือกคนที่มีวรยุทธ์สูงทั้งนั้น ต้องสามารถปกป้องนายท่านและฮูหยินให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอนขอรับ”“ได้” เสียงทุ้มต่ำของฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น ทําให้เว่ยเฉิงรู้สึกสบายใจขึ้นหลายส่วนซ่งชิงเหยียนก็กุมมือของสนมเยว่กุ้ยเหรินในเวลานี้ และพยักหน้าให้นางเพื่อแสดงให้เห็นว่านางสบายใจได้ลู่ซิงหว่านกลับไม่กลัวอย่างที่สนมเยว่กุ้ยเหรินคิดแม้กระทั่งนางยังตบแขนสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ ปากก็พึมพําว่า “ไม่กลัว”สนมเยว่กุ้ยเหรินรู้สึกอับอายขายหน้าจริงๆ [ว้าว ทําไมมันน่าตื่นเต้นจัง][เสด็จพ่อและท่านแม่ต้องสู้ๆ นะ! เสด็จพ่อไม่ใช่ฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าฉู่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในนิทานหรอกหรือ! โชว์ฝีมือให้หวานหว่านดูหน่อย ให้หวานหว่านดูบ้าง!]ซ่งชิงเหยียนกุมหน้าผากอย่างพูดไม่ออกโชคดีที่เป็นเสียงในใจ ฝ่าบาทจึงไม่ได้ยิน หวานหว่านเอ๋ย เจ้ามีกี่หัวให้ถูกตัดกันล่ะเนี่ย!แม้แต่ฮ่องเต้ต้

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0638

    ฮ่องเต้ต้าฉู่และคณะเดินทางลงใต้ต่อ แล้วเลือกที่พักต่อไปก่อนออกเดินทาง อัครมหาเสนาบดีและคนอื่นๆ ได้กําหนดสถานที่ตั้งหลักสําหรับฝ่าบาทตามทางแล้ว ล้วนเป็นอำเภอที่เจริญรุ่งเรืองแต่ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้รูปแบบการเดินทางแล้ว ตอนนี้เป็นการเยี่ยมเยือนส่วนตัวแล้วประการที่สองคือสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในอําเภอไถจินซึ่งจําเป็นต้องป้องกันดังนั้นฮ่องเต้ต้าฉู่จึงปรึกษากับเว่ยเฉิงและซ่งชิงเหยียน เปลี่ยนเส้นทางและเลือกเมืองอื่นๆ เพื่อพักระหว่างทาง เพื่อสํารวจประเพณีท้องถิ่นดูว่าสถานที่อื่นๆ ก็มีพฤติกรรมที่หลอกลวงและปกปิดเช่นเดียวกับอําเภอไถจินหรือไม่ดังที่หวานหว่านกล่าวไว้ อําเภอไถจินที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ยังเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ แล้วอําเภออื่นๆ ล่ะซ่งชิงเหยียนยังไม่ทันได้พูดอะไร ลู่ซิงหว่านก็พูดก่อน[ได้สิ ๆ ! ออกมาเที่ยวเล่นก็ต้องเที่ยวเล่นไปทั่วอยู่แล้ว ถ้าทุกที่ถูกคนจับตามองอยู่ จะมีความหมายอะไรอีกล่ะ][ทําไมไม่ให้ผู้บัญชาการเว่ยเลือกสถานที่เล็กๆ หน่อย พวกเราไปเดินเล่นกัน ยังไงก็ต้องรับรองความปลอดภัยของเสด็จพ่อนะ!][ออกมาห้าวันแล้ว แต่ก็ยังปลอดภัยอยู่ เดิมคิดว่าจะถูกลอบสังหารในวันแรกท

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0637

    “ตอนนี้เกรงว่าพระมเหสีคงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสส่งองค์หญิงหกออกจากตําหนักจิ่นซิ่ว” สนมหลานพูดอย่างมีความหมายลึกซึ้งพระสนมหลานเฟยพูดได้ไม่ผิด เดิมทีเสิ่นหนิงก็ไม่ยอมรับองค์หญิงหกอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้ฮ่องเต้เป็นคนออกปากเอง นางจึงปฏิเสธไม่ได้ไม่สู้ครั้งนี้วางแผนซ้อนแผน ส่งองค์หญิงหกออกไปก็แล้วกันพระสนมหลานเฟยพาจิ่นซินไปที่ตําหนักหรงเล่อแม้แต่ไทเฮาที่อาศัยอยู่ในวังหลังมานานขนาดนี้ เมื่อเห็นบาดแผลบนใบหน้าของจิ่นซิน ก็อดไม่ได้ที่จะอกสั่นขวัญแขวน“จิ่นซิน” ไทเฮาจับมือจิ่นซินปลอบ “พระสนมของเจ้าไม่อยู่ มีเรื่องอะไรเจ้าก็บอกแม่นมซูได้เลย ข้าจะตัดสินใจแทนเจ้าเอง”จิ่นซินกลับมีสมองอย่างหาได้ยาก เพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “บ่าวไม่เป็นอะไรเพคะ ไทเฮาเพคะ จิ่นซินเป็นเพียงบ่าวคนหนึ่งเท่านั้น หากผู้เป็นนายอารมณ์ไม่ดี จะตีจะด่าสักหน่อยก็สมควรแล้วเพคะ”แม้ว่าไทเฮารู้ว่าคําพูดของจิ่นซินเป็นคําพูดที่สุภาพ แต่เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของนาง บวกกับบาดแผลบนใบหน้าของนาง ก็เห็นถึงความอดทนและความคับข้องใจอย่างชัดเจนจึงหันไปมองพระสนมหลานเฟย “ในเมื่อชิงเหยียนไม่อยู่ ช่วงนี้ให้จิ่นซินอยู่ในวังของเจ้าเถอะ

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0636

    เมื่อได้ยินจิ่นซินกล้าที่จะเถียงตนเอง องค์หญิงหกก็โกรธทันที“เจ้าคุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!” องค์หญิงหกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจิ่นซินย่อมคุกเข่าลงอย่างเรียบร้อย แต่ร่างกายยังคงตั้งตรงตอนนี้นางจึงอยู่ในระดับเดียวกันกับองค์หญิงหกองค์หญิงหกรีบก้าวเท้าไปข้างหน้าและตบหน้าจิ่นซินหนึ่งฉาด “เจ้าบ่าวรับใช้บังอาจนัก แม้แต่นายของเจ้ายังไม่กล้าพูดกับข้าเช่นนี้ เจ้ากล้าเถียงข้าหรือ?”พูดถึงตรงนี้ ราวกับไม่คลายความโกรธ หันไปมองอิงหงที่อยู่ข้างๆ อีกครั้ง “ตบปากนางให้ข้าที!”อิงหงกลับขดตัวไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าถึงอย่างไรจิ่นซินก็เป็นคนข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟย แม้ว่านายของนางจะเป็นองค์หญิงหก แต่ว่า...เมื่อเห็นอิงหงไม่ขยับตัว องค์หญิงหกก็ยื่นขาออกไปเตะที่ขาของนาง “เจ้าไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือ?”อิงหงกัดฟัน ในที่สุดก็เดินมาตรงหน้าจิ่นซินแล้วเริ่มลงมือเมื่อเห็นใบหน้าของจิ่นซินแดงและบวมขึ้นในที่สุด องค์หญิงหกจึงเอ่ยปากให้อิงหงหยุดมือ แต่ยังคงไม่คลายความโกรธ “เจ้าคุกเข่าตรงนี้ให้ข้าสองชั่วยาม หากคุกเข่าไม่ถึงสองชั่วยาม ข้าจะตบเจ้าอีก!”พูดจบก็พาอิงหงเดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองในเวลานี้อวิ๋นหลานที่

  • เสร็จพ่อสุดจะฟลุคเพราะแอบฟังความคิดลูกสาวจอมป่วน   บทที่ 0635

    พูดจบก็ยิ้มให้เสิ่นผิงอีก “การสอบระดับกลางปีหน้า ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่เมืองหลวง”ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ใช่คนชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นจริงๆ แต่คนนี้ ในเมื่อหวานหว่านบอกว่าเขาเป็นคนมีความสามารถ เมื่อพบแล้ว ก็ไม่อาจไม่ยุ่งได้พูดจบก็เดินก้าวยาวๆ ออกไปเสิ่นผิงเพิ่งได้สติหลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่จากไปแล้ว “ขอบพระทัยฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ทําเรื่องใหญ่อีกครั้ง ในใจย่อมมีความสุขมากคนทั้งกลุ่มจึงเก็บสัมภาระอีกครั้งและเดินทางต่อฮ่องเต้ต้าฉู่เดินเที่ยวชมวิวตลอดทาง มีความสุขมากแต่หลังจากที่เขาจากไป ในวังก็มีคนก่อความวุ่นวายขึ้นคนแรกที่ก่อความวุ่นวายขึ้นก็คือองค์หญิงหกที่ตอนนี้อาศัยอยู่ในวังจิ่นซิ่วจิ่นซินอยู่ในตําหนักชิงอวิ๋นเพียงลําพัง ที่จริงแล้วก็ไม่มีอะไรให้ทํา ทั้งวันจึงไม่มีอะไรทําดังนั้นวันนี้ ตําหนักชิงอวิ๋นกลับมีคนที่จิ่นซินคาดไม่ถึงคนหนึ่งมา อวิ๋นหลานเมื่อเห็นอวิ๋นหลานมา จิ่นซินก็รีบเข้าไปต้อนรับ “พี่หญิงอวิ๋นหลานมาได้อย่างไรกัน?”จะว่าไปตําหนักจิ่นซิ่วกับตําหนักชิงอวิ๋นก็ไม่ได้มีความขัดแย้งต่อหน้าอะไรกันแต่จิ่นซินและจินอวี้ในตําหนักชิงอวิ๋นต่างก็รู้ว่าเมื่อฮองเฮายังเป็นพ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status