@กระท่อมกลางป่า
“ว๊าว! สวยจังเลยนะคะ ผีเสื้อเยอะมากเลย” เสียงหวานแสนสดใสเอ่ยบอกเมื่อตอนนี้เธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางผีเสื้อนับร้อยตัว ซึ่งตะเข้พาเดินลัดเลาะไปตามลำธารที่มีโขดหินมากมายกับน้ำใสๆ ที่ไหลเอื่อยๆ ทำให้เหล่าผีเสื้อแสนสวยมาบินว่อนอยู่บริเวณนี้ “เห็นมั้ยพี่คิดแล้วว่าเธอต้องชอบ” “ต้องชอบสิคะ แบบนี้ในเมืองแทบไม่มีได้เห็นเลย” พลอยใสบอกด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็หย่อนก้นนั่งลงบนโขดหินแล้วเงียบลง เมื่อพูดถึงเมืองมันก็ทำให้เธอคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ “เป็นอะไรเหรอ?” ตะเข้ที่ยืนเท้าสะเอวเงยหน้าสูดอากาศที่สดชื่นอยู่นั้นถามขึ้นเมื่อหันไปเห็นพลอยใสทำหน้าเศร้าทั้งที่เมื่อสักครู่ยังดูมีความสุขกับส่งเสียงหัวเราะออกมาอยู่เลย “คิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ…” “อ่อ โตแล้วนี่นาเราต้องหัดอยู่ด้วยตัวเองได้แล้ว” “จริงอยู่ค่ะที่โตแล้ว แต่อยู่กับพวกท่านมาตั้งแต่เด็ก…ว่าแต่พวกพี่ไม่มีครอบครัวเหรอคะ?” “พี่กับไอ้โขงโสด” “ไม่ใช่ค่ะ หมายถึงพ่อกับแม่น่ะ” “อ่อ ก็มีแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแยกกันอยู่ พวกพี่โตแล้วนี่” “แล้วพวกท่านอยู่ไหนเหรอ?” “กลับกันเถอะ ป่านนี้อาหารถูกนำมาส่งแล้วมั้ง เผื่อจะมีของอร่อยๆ กิน” ตะเข้เลี่ยงตอบคำถามนั้นของพลอยใสเพราะขืนพูดไปเธอได้รู้แน่นอนพ่อแม่ของเขาก็คือคุณลุงคุณป้าที่เจ้าตัวมักชอบถามหานั่นแหละ แล้วตะโขงก็เดินไปจูงมือพลอยใสพากลับไปยังกระท่อมซึ่งก็เห็นว่ามีหญิงสาวหน้าหวานนั่งหน้าบึ้งตึงอยู่ “สร้อย มาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชายหนุ่มเอ่ยถามพลางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ เช่นเดียวกับพลอยใสที่ก็เดินไปนั่งพร้อมกับสายตาจ้องมองหญิงสาวคนนั้นด้วยความแปลกใจว่าในป่าแบบนี้มีคนอื่นนอกจากพวกเธออยู่ด้วยงั้นเหรอ แต่ก็ไม่ได้ถามออกไปเพราะดูสีหน้าคนที่ชื่อสร้อยไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ “เพิ่งมาถึงนี่แหละ คุณป้าบอกให้หนูไปซื้อของพวกนี้มาให้” ผายมือไปที่ตะกร้าของสดของแห้งรวมไปถึงของสุกอย่างไก่ทอดที่วางอยู่บนโต๊ะ “อ้อ ลืมแนะนำให้รู้จัก นี่สร้อยฟ้าคนส่งอาหารให้พวกเราน่ะ…แล้วก็นี่พลอยใส” “อืม ที่หมู่บ้านมีปัญหากันพี่โขงก็อยู่ที่บ้านนู่นแหละ อยู่ประชุมสักพักเดี๋ยวก็มา” สร้อยฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แล้วปรับสีหน้าที่บึ้งตึงให้เป็นปกติ เพราะถูกไล่ให้ไปซื้อของกินในเมืองเข้ามาส่งทั้งที่ยังไม่ถึงเวลานี่สิ เลยหงุดหงิด อุตส่าห์จะนอนดูการ์ตูนแบบสบายๆ อยู่บ้าน “มีปัญหาอะไรกันเหรอ?” “มีโจรเข้ามาในหมู่บ้านมั้ง ฉันก็ไม่แน่ใจเพราะฟังแค่ผ่านๆ หู เดี๋ยวพี่โขงก็มารอถามเขาสิ แล้วนี่ให้ฉันทำให้เลยมั้ย?” “เอาดิ พลอยอยู่ตรงนี้คนเดียวได้มั้ยเดี๋ยวพี่พาสร้อยไปดูผีเสื้อก่อน” ตะเข้ลุกขึ้นยืนบิดตัวแล้วหันไปถามพลอยใสซึ่งก็พยักหน้าให้อย่างไม่ได้สงสัยอะไร ชายหนุ่มจึงเดินนำสร้อยฟ้าเดินเลาะไปตามลำธารขึ้นไปดูผีเสื้ออย่างที่ปากว่า ส่วนพลอยใสเธอก็เดินไปหาของกินที่สร้อยฟ้านำมาให้อย่างไก่ทอด “ว่าแต่สร้อยฟ้าเข้ามาส่งอาหารที่นี่ก็แสดงว่าสามารถเดินออกไปได้งั้นเหรอ?” ร่างบางพึมพำขึ้นคนเดียวก่อนจะลุกขึ้นยืนมองไปรอบๆ ป่า ที่มีทางเดินไปได้ทุกทางแต่เธอไม่รู้ว่าทางไหนสามารถออกจากป่าได้ พลอยใสจึงเดินถือน่องไก่เดินไปดูทางรอบๆ กระท่อม “อ๊ะส์ๆๆ พะ พี่เข้..ไปอดยากมาจากไหน เมื่อวานฉันก็เพิ่งมาหาเองนะ อ๊าส์” แต่แล้วก็มีเสียงครางของผู้หญิงดังขึ้นมาจากทางที่ตะโขงกับสร้อยฟ้าเดินไปทำให้พลอยใสต้องหยุดเดินและยืนฟังมัน “เขาทำอะไรสร้อยฟ้า?” “ทำอะไรก็เรื่องของมัน มานั่งกินดีๆ” เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังพลอยใสเธอจึงรีบหันไปมองก็เห็นว่าเป็นตะโขงเดินถือถุงผลไม้มายื่นให้ เพียงแค่เห็นของชอบอย่างสตอเบอรี่ร่างเล็กก็รีบยื่นน่องไก่ให้ตะโขงถือแล้วรับถุงสตรอเบอรี่มาถือแทน “ไปเอามาจากไหนคะ?” “มีหน้าที่กินก็กินไปเถอะ” “อื๊อ อ๊าส์ๆๆ …พี่เข้ผีเสื้อ สะ..สวยจัง” เสียงครางของคนที่บอกว่าจะไปดูผีเสื้อนั้นดังขึ้นไม่หยุด พลอยใสจึงตั้งท่าจะเดินตรงไปดูแต่ตะโขงคว้าข้อมือของเธอไว้ก่อน “หนูก็อยากไปดูผีเสื้อบ้าง” “ถ้าอยากดูอยู่ดูกับฉันก็ได้” บอกด้วยรอยยิ้มมุมปากแล้วก็ดึงมือเล็กให้กลับไปที่กระท่อมแทน พลอยใสจึงสะบัดมืออกแล้วเดินไปหย่อนก้นนั่งลงบนเก้าอี้ “ปะกี้คนที่ชื่อสร้อยฟ้ามาแล้วพี่เข้ก็บอกว่าจะพาไปดูผีเสื้อ แต่เธอร้องดังมากเลยไม่รู้ว่าพี่เข้ทำอะไรเธอหรือเปล่าถึงร้องดังขนาดนั้น” พลอยใสพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล ใบหน้าเรียวนั้นดูใสซื่อบริสุทธิ์เสียจนตะโขงไม่รู้จะอธิบายกับเธอยังไงเลยได้แต่นั่งเงียบ “หรือว่าผีเสื้อมันเยอะจนมารุมทำร้ายสร้อยฟ้า?” “ไม่รู้สิ…” “พี่โขง เราไปดูเธอกันมั้ยคะป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” “เดี๋ยวฉันไปดูเอง เธอนั่งกินสตรอเบอรี่อยู่ตรงนี้แหละ” ตะโขงพูดแล้วก็เดินตรงไปที่ต้นเสียงนั้น “อ๊าส์ๆๆๆ พี่โขงแรงจัง ไม่ได้ตั้งตัวเลย” แล้วเสียงของสร้อยฟ้าก็ดังขึ้นกว่าเดิมจนพลอยใสต้องยืนกินสตรอเบอรี่แล้วมองไปทางนั้นด้วยความกังวลว่าสร้อยฟ้าจะเป็นอะไรมากมั้ย เธอยืนกินสตรอเบอรี่จนหมดไปสามสี่ลูกพอดีกับที่สองหนุ่มหนึ่งสาวก็เดินเหงื่อท่วมตัวกลับมา “สร้อยฟ้า พวกเขาทำอะไรทำอะไรเธอหรือเปล่า เจ็บตรงไหนมั้ย?” พลอยใสรีบวิ่งไปจับตัวสร้อยฟ้าหมุนไปมาเพื่อสำรวจว่าร่างกายเธอดูว่าไม่ได้ถูกผีเสื้อทำร้ายใช่มั้ย สร้อยฟ้าจึงส่ายหน้าให้พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนๆ “เธอใสซื่อดีนะ” สร้อยฟ้าหันไปบอกกับสองหนุ่มก่อนจะเดินไปคร่อมจักรยานแล้วปั่นออกไปจากป่า พลอยใสจึงรีบวิ่งไปดูทางที่สร้อยฟ้าปั่นจักรยานออกไปซึ่งทางนั้นมองไปก็มีแต่ป่า ป่าทั้งนั้นเลย… “เธอมาจากที่ไหนคะ?” “มาจากที่นั่นแหละ” ตะเข้ตอบแล้วเดินไปตักน้ำเปล่ามาดื่ม ส่วนตะโขงเขาเดินไปค้นหาของกินและได้ไก่ทอดที่เหลือจากพลอยใสมานั่งกิน แล้วจ้องมองร่างเล็กที่ยืนแก้มป่องอยู่ที่ทางออกจากป่า เธอจึงเดินมานั่งตรงข้ามสองหนุ่มแล้วมองพวกเขาด้วยสายตาเขม็ง “พวกพี่ทำอะไรเธอ?” ถามพร้อมกับหยิบสตรอเบอรี่เข้าปาก “เอา!” “เอา คือเอาอะไร?” “ก็เอาสร้อยฟ้าไง!” ตะเข้ตอบอธิบายขยายความในประโยคของตะโขงแต่ก็ดูเหมือนว่าแม่สาวน้อยตรงหน้าก็ยังไม่เข้าใจมัน หัวคิ้วของเธอขมวดเป็นปมขณะที่ปากนั้นเคี้ยวสตรอเบอรี่ที่เอาไปไว้ข้างกระพุ้งแก้ม “เอาสร้อยฟ้า เอายังไง?” “เย็xรู้จักมั้ย!? นั่นแหละ” แน่นอนว่าประโยคนี้เป็นตะโขงที่ตอบ พลอยใสจึงพยักหน้าให้ด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ เธอก้มหน้าหลบสายตาของพวกเขาแล้วจับสตรอเบอรี่ที่เหลืออยู่ในมือขึ้นมาใส่ปากแล้วเคี้ยวมันอย่างไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบสายตาคมกริบทั้งสองคู่ตรงหน้า “ไม่ถามต่อล่ะ?” “ไม่ถามแล้ว มีเสื่อมั้ยหนูอยากไปนั่งเล่นข้างลำธาร” เธอเอ่ยถามเขาโดยที่ยังคงก้มหน้าหลบสายตาพวกเขาอยู่แบบนั้น ตะเข้จึงเดินไปค้นหาเสื่อจากตู้เสื้อผ้าในกระท่อมมายื่นให้พลอยใสที่ก็เอื้อมมือมารับ เขาจึงคว้าข้อมือของเธอไว้จนพลอยใสต้องรีบชักมือกลับไป “มะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” “อยากมีเพื่อนคุยเรียกควอนออกมาได้นะ แค่เรียกชื่อมันก็ออกมาแล้วมันมีลูกด้วย” “เอ่อ ค่ะ…” “เย็นๆ เดี๋ยวรออาบน้ำพร้อมกันนะ” ตะโขงพูดขึ้นเมื่อพลอยใสกำลังจะเดินไปที่ลำธารโดยมือทั้งสองข้างนั้นเต็มไปด้วยเสื่อ และผลไม้อื่นนอกจากสตรอเบอรี่อย่างส้มกับแอปเปิ้ลและน้ำผลไม้อีกหนึ่งขวดใหญ่ๆ “อาบน้ำพร้อมกัน ถอดเสื้อผ้าด้วยมั้ยคะ?” “อาบน้ำก็ต้องถอดเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ?” “ถ้างั้นพวกพี่อาบก่อนก็ได้เดี๋ยวหนูอาบมืดๆ ดีกว่า” “พวกพี่ไม่ทำอะไรหรอกน่า ถ้าจะทำพลอยพวกพี่ก็คงไม่ใช้บริการจากผู้หญิงคนอื่นหรอกจริงมั้ย?” น้ำเสียงที่นุ่มนวลของตะเข้นั้นบอกกับหญิงสาวตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม พยายามจะไม่แสดงความเจ้าเล่ห์ความหื่นกามออกมาจนเสียแผน พลอยใสจึงทำหน้าครุ่นคิดอยู่นานเนื่องจากเธอไม่เคยอาบน้ำร่วมกับผู้อื่นโดยเฉพาะกับผู้ชายแบบนี้ “แต่หนูอาย…” “ไม่ต้องอายหรอก เธอก็จะได้เห็นของพวกพี่ด้วยไง…เธออยากเห็นมันมั้ย?” ตะเข้พยายามพูดล่อให้เหยื่อติดกับ “ของพวกพี่ สิ่งนั้นเหรอ?” พลอยใสถามพร้อมกับยกนิ้วขึ้นไปชี้ที่เป้ากางเกงของตะเข้ เขาจึงพยักหน้ารับแล้วยิ้มหวานให้เธออีกครั้ง “แต่หนูไม่เคยแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นนอกจากแม่” “ก็แค่เพิ่มพวกเราสองคนเข้าไปด้วยไง” “พวกพี่จะไม่ทำอะไรหนูใช่มั้ย?” “แค่อาบน้ำจริงๆ” ตะโขงตอบด้วยรอยยิ้มเช่นกันเพื่อไม่ให้เจ้าเด็กน้อยนี่กลัว เมื่อพลอยใสเห็นสีหน้าและรอยยิ้มที่ไม่ได้ดูร้ายน่ากลัวอะไรเธอจึงพยักหน้ารับเบาๆ “ก็ได้ค่ะ แต่เดี๋ยวหนูไปนอนเล่นก่อนนะคะ” “อืม” เมื่อสองหนุ่มตอบรับแล้วพลอยใสก็เดินไปปูเสื่อเพื่อนอนเล่นข้างลำธารที่บรรยากาศนั้นเย็นสดชื่นสบายแบบสุดๆ จนเธอไม่ได้รู้สึกว่ามันน่ากลัวรู้สึกเหมือนว่ามาพักผ่อนปิกนิกซะมากกว่า ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ปิกนิกที่นี่ไปอีกนานแค่ไหนก็เถอะ…หลังจากวิลเลี่ยมถูกจับสองหนุ่มฝาแฝดก็ถูกจับไปพร้อมกับผู้ใหญ่ช้าง ชาวบ้านหรือครอบครัวต่างไม่มีใครคัดค้านหรืออะไรเพราะหลักฐานทั้งหมดมัดตัวพวกเขาไว้แน่นแล้ว ทุกคนจึงต้องหันไปดำเนินชีวิตของตัวเองตามปกติ เช่นเดียวกับพลอยใสที่ตอนนี้ย้ายกลับมาอยู่กรุงเทพได้เดือนกว่าแล้วเรื่องที่ธุรกิจของบ้านล้มละลายไปหมดนั้นคุณพลวัฒน์ก็กอบกู้คืนมาได้ทุกอย่างและตอนนี้พลอยใสก็กำลังอยู่ในช่วงเรียนรู้งานเพื่อบริหารงานต่อจากผู้เป็นพ่อที่ไปมีแฟนใหม่เป็นชาวต่างชาติที่คอยช่วยเหลือเขามาตลอดและตั้งใจจะปักหลักอยู่ที่นั่นเลยต้องสอนงานเธอไว้ส่วนแม่ของเธออย่างคุณญานีนนั้นล่าสุดเธอได้ข่าวว่าไปมีสามีเป็นชาวต่างชาติอีกแล้ว และก็เลิกกันจากนั้นก็เงียบหายไปสองสามวันจนเมื่อวานสร้อยฟ้าไปเห็นมาว่ากำลังคบกับเจ้าของร้านอาหารและทำงานอยู่ที่นั่น เธอไม่ได้ทิ้งเพียงแต่ไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับแม่ตัวเองแล้วแต่หากแม่ลำบากถ้าเธอช่วยได้ก็จะช่วยไม่ทิ้งแน่นอน“สร้อย แต่งตัวเสร็จยังจะสายแล้วนะ?”“เสร็จแล้วจ้า” เสียงหวานของเพื่อนสาวรุ่นน้องเดินออกมากห้องนอนในชุดนักศึกษา ทว่าสภาพผมนั้นชี้ฟูพันกันไปหมด ภายใต้กรอบแว่นสายตานั้นคล้ำเหมือนคนไม่ได้หลับ
“น้องพลอย พ่อโทรมาหา” หลังจากสองหนุ่มเดินออกไปแล้วคุณใบไม้ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ของตนให้พลอยใสโดยที่หน้าจอนั้นแสดงการโทรระหว่างคุยแล้ว มือเล็กจึงรับมันมาด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ“คุณพ่อขา…”(น้องพลอย เป็นไงบ้างใบโทรมาบอกว่าลูกเกือบโดนไทเกอร์ข่มขืน น้องพลอยเจ็บตรงไหนหรือเปล่า?) น้ำเสียงที่เป็นห่วงเป็นใยของพลวัฒน์เอ่ยถามบุตรสาวด้วยความกังวล“หนูไม่เป็นอะไรค่ะ พี่เกอร์ตายและพี่แฝดเขา…ถูกตำรวจจับไปแล้ว”(อ่า ใบบอกพ่อแล้ว ทำไงได้ล่ะหลักฐานมัดแน่นขนาดนั้น)“อืม หนูคิดถึงคุณพ่อที่สุดเลย คุณพ่อขาหนูเจอคุณแม่ที่หมู่บ้านเขาไม่ให้หนูเรียกเขาว่าแม่ด้วย หนูน้อยใจมากเลย” เสียงเจื้อยแจ้วของพลอยใสเอ่ยฟ้องผู้เป็นพ่อเหมือนกับเด็กน้อยไม่มีผิด สร้างรอยยิ้มให้กับคุณใบไม้ขึ้นมาได้บ้าง เธอเดินไปนั่งบนโซฟาปลายเตียงแล้วมองลูกสะใภ้ด้วยสายตาที่อ่อนโยน(น้องพลอย พ่อรักน้องพลอยนะน้องไม่ต้องไปสนใจแม่หรอกเขาก็เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว รู้แค่ว่าพ่อรักน้องพลอยก็พอ)“หนูรู้ว่าพ่อรักหนู คุณพ่อขาถ้าคุณพ่ออยากมีแฟนใหม่หนูอนุญาตนะคะคุณพ่อมีได้เลย คุณพ่อจะได้ไม่เหงา”(พ่อยังไม่ได้สนใจเรื่องนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อจะอ
@โรงพยาบาลภายในห้องพักฟื้นขนาดกลางร่างเล็กที่ลืมตาตื่นมานานนับหลายนาทีแล้วยังคงนอนมองเพดานอยู่แบบนั้น จนกระทั่งมีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจึงหันไปมองก็เห็นว่าเป็นคุณใบไม้ที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก แต่พอเห็นคนบนเตียงฟื้นแล้วหล่อนก็ปรับสีหน้าให้เป็นยิ้มแย้มแทน“ฟื้นแล้วเหรอ นี่แม่ซื้อผลไม้มาฝากหลายอย่างเลยนะ” คุณใบไม้บอกพลางนำถุงผลไม้ที่ซื้อจากด้านล่างโรงพยาบาลวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง พลอยใสจึงหยัดกายลุกขึ้นนั่งแล้วยิ้มหวานให้คนตรงหน้า“ขอบคุณค่ะ แล้วพี่โขงพี่เข้ล่ะคะ?”“เอ่อ สองคนนั้น…ช่วยพ่อที่หมู่บ้านน่ะ ที่หนูบอกเขาไงว่าวิลเลี่ยมจะขโมยพระพุทธรูป เขาเลยต้องช่วยพ่อจัดการ”“เขาถูกตำรวจจับตัวไปแล้วเหรอคะ?” พลอยใสไม่ได้สนใจประโยคที่ไม่จริงของแม่สามีเพียงแต่ถามหล่อนกลับ ซึ่งมันก็ทำให้คุณใบไม้ถึงกลับเม้มปากตัวเองแน่นก่อนจะพยักหน้าให้เบาๆ“น้องพลอยจะไปไหน?” เธอรีบเดินไปกดตัวพลอบใสที่ตั้งท่าจะลงจากเตียงไว้“ไปหาเขา…”“ตอนนี้พ่อกับชาวบ้านช่วยเคลียร์เรื่องให้อยู่ที่โรงพัก หนูเพิ่งเย็บแผลเดี๋ยวแผลจะฉีก”“แต่พวกเขา…”“แม่น่ะ เคยเตือนพวกเขาแล้วว่าหากวันใดถูกตำรวจจับก็ต้องติดคุก เคยบ่นเคยพ
เช้าวันต่อมา“พลอยครับ เช้าแล้วนะ” ตะเข้เขย่าตัวของพลอยใสเบาๆ เมื่อตอนนี้แสงแดดเริ่มส่องแสงลงมาแล้ว พวกเขาตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแล้วก็ไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันเรียบร้อยแล้ว ส่วนตอนนี้ก็มานั่งปลุกเจ้าตัวเล็กที่ยังนอนขลุกอยู่ใต้ผ้าห่ม“ปะ ปวดหัว…”“หื้ม เข้ดูน้องดิ๊ตัวร้อนมั้ย?” ตะโขงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าประตูถามขึ้น ตะเข้จึงดึงผ้าห่มออกจากตัวของพลอยใสแล้วเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผาก แล้วก็รีบชักกลับมาเมื่อตัวของพลอยใสร้อนจี๋“ตัวร้อน”“ไม่สบายอีกแล้ว รีบพากลับบ้านเถอะ”“ไม่มีรถด้วยนะ แล้วถ้าออกไปเจอตำรวจล่ะ?” น้ำเสียงที่กังวลของตะเข้เอ่ยถามแฝดพี่ ใจนึงก็เป็นห่วงพลอยใสอีกใจก็กลัวว่าตำรวจจะรอจับพวกเขาอยู่ด้านนอก“เจอก็แค่ถูกจับ…” มือหนาโยนบุหรี่ลงพื้นแล้วใช้เท้าขยี้มันจนแหลกแล้วหันไปบอกกับแฝดน้องที่มีสีหน้าดูกังวล หนีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วยังไงก็ต้องกลับบ้านและก็ต้องถูกจับอยู่ดี หนีต่อไปก็เท่านั้น…“มันหลายปีนะมึง”“แล้วจะทำยังไง กูกับมึงก็ช่วยกันทำกันอยู่สองคนมึงจะปฏิเสธว่าไม่ได้ทำเหรอ?”“กูไม่รู้ ถ้าเราโดนจับแล้วน้องพลอยล่ะ น้องไม่มีใครนะมึง”“กูก็ไม่รู้ ตอนนี้รีบพาออกไปที่บ้านเถอะ แผลก็
“มีใครอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า?” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับไฟฉายในมือหนาที่สาดส่องไปตามลำธาร เขาก้มมองสัตว์เลี้ยงตัวใหญ่ที่คืบคลานสวนกระแสสายน้ำขึ้นไปแล้วหันไปมองคนข้างกายแล้วเอ่ยถามขอความเห็น“ตามไปมั้ย?”“ตามไปดิ มันคงไม่พาเราไปหาตำรวจหรอกมั้ง” ตะโขงตอบเรียบๆ แล้วเดินตามควอนไปเรื่อยๆ ไฟฉายในมือก็สาดส่องไปรอบๆ เพื่อดูว่าสิ่งที่ควอนอยากให้พวกเขาไปดูนั้นคืออะไร จนมาหยุดอยู่ที่จุดหนึ่งซึ่งตรงนั้นลึกอยู่พอสมควรและควอนก็ดูเหมือนจะหาอะไรสักอย่างด้วยความตื่นกลัว มันว่ายวนไปบริเวณนั้นจนน้ำกระเพื่อมเสียดัง“ควอนนายไม่ต้องหาแล้ว” ตะเข้ที่ใช้ไฟฉายส่องด้านข้างลำธารเอ่ยขึ้นเมื่อไฟฉายของเขาไปกระทบกับร่างเล็กที่นอนพิงต้นไม้ใหญ่อยู่ พวกเขาไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กทันที ตะโขงยื่นไฟฉายในมือให้ตะเข้ส่วนตัวเขาก็ประคองตัวพลอยใสไว้“พลอย! พลอยตื่น! พลอย!”“น้องมาอยู่ที่นี่ได้ไง รีบพาไปที่พักเถอะ” แล้วตะโขงก็อุ้มพลอยใสก่อนจะพาเดินลุยน้ำกลับไปที่พักของเขาซึ่งเป็นกระท่อมขนาดเล็กที่ไว้นอนเพียงอย่างเดียว ใช้เวลากว่าห้านาทีพวกเขาก็มาถึงกระท่อม“พลอยครับ พลอย!…มึงหัวน้องแตก มือด้วย เข่ากับข้อศอกอีกนั่น!” ตะเข้
ร่างเล็กเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคนวิ่งตามหลังมา เธอไม่หันหลังไปมองคนพวกนั้นเลยสักนิดเพราะหากหันไปแล้วเจอคนพวกนั้นเธอคงหมดแรงวิ่งอย่างแน่นอน และที่เธอเลือกวิ่งเข้าป่ามากว่าวิ่งไปตามทางเพราะหากวิ่งไปตามทางไทเกอร์กับลูกน้องก็คงขับรถตามเธอและจับเธอได้เร็วกว่า“แฮ่กๆ เหนื่อยจัง..” มือเล็กยกขึ้นมาปาดเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองขณะที่ฝีเท้ายังคงวิ่งอยู่ตลอดเวลา ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งเข้ามาลึกแค่ไหนแล้วเพราะมองไปทางไหนก็มีแต่ป่า” พะ พลอย ยอมมากับพี่ดีๆ แฮ่กๆ อย่าให้พี่ใช้ความรุนแรงเลยนะ!!” เสียงของไทเกอร์ตะโกนลั่นป่า น้ำเสียงที่กระท่อนกระแท่นของเขานั้นบ่งบอกถึงความเหนื่อยได้ไม่ต่างจากคนตัวเล็กเลยสักนิดซ่า! แต่แล้วฝนเม็ดใหญ่ก็ตกลงมาสู่พื้นหลังจากที่ฟ้ามืดครึ้มอยู่นาน พลอยใสหยุดวิ่งแล้วขยับไปยืนแอบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ ทั้งที่เมื่อครู่ฟ้ายังสว่างอยู่แต่พอฝนลงเม็ดมาเท่านั้นอยู่ๆ ฟ้าก็มืดจนทำให้ภายในป่าก็มืดตามไปด้วย“พวกมึงหาทางออกจากป่าดิ๊” ไทเกอร์บอกกับลูกน้องเมื่อมองไปรอบตัวแล้วเริ่มสับสนกับทางออกเพราะวิ่งเลี้ยวไปมาจนมันงงไปหมดแล้ว ลูกน้องของไทเกอร์ที่ได้รับคำสั่งก็แยกย้ายกันเดิน