“เห็นอยู่กับตา” นางกระเง้ากระงอดอีก“ก็เจ้าจะมาแต่มิบอกล่วงหน้า ข้ามิอาจเตรียมการต้อนรับองค์หญิงได้ทัน”“แต่เมื่อก่อนก็ไม่เห็นต้องบอก” นางเอ่ยแง่งอน เข้ามาเกาะแขนอย่างสนิทสนม แต่ฉับพลันหน้าที่ยิ้มอยู่ก็เปลี่ยนเป็นงอง้ำฉับพลัน“นั่นเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ข้ามีชายาแล้ว” เขาตอบหน้าตาเฉย“หม่อมฉันได้ยินมาว่าท่านอ๋องพามาด้วย อยู่ไหนล่ะเพคะ หม่อมฉันอยากเห็นว่าจะงดงามสักเพียงใดถึงทำให้ท่านอ๋องทรงใจอ่อน”“เจ้ากลับไปเถอะ... ไฉ่อี” เขาตัดบท“หม่อมฉันไม่ดีตรงไหน เหตุใดจึงไม่ไว้หน้ากันถึงเพียงนี้...” นางไม่ย่อท้อทวงถาม ดวงหน้างามยามนี้ฉ่ำน้ำตาเพราะท่าทางรังเกียจที่อีกฝ่ายมีให้หลี่ชงเหอได้แต่ผ่อนลมหายใจอึดอัดครู่หนึ่ง“ข้าจะบอกกับเจ้าเป็นครั้งสุดท้ายว่าข้าจะไม่มีวันแต่งงานกับเจ้า”“เหตุใดกัน อย่าบอกว่าเพราะหม่อมฉันเป็นสตรีเผ่าหรวนนะเพคะ”“ไม่ผิด น้ำกับไฟมิควรหลอมรวม”“ท่านอ๋อง!”“กลับไปซะ ไฉ่อี จะไม่มีการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น”“แล้วท่านอ๋องจะต้องเสียใจที่ไล่หม่อมฉัน”“ข้าไม่เคยเสียใจ หากทำให้ปู่เจ้าไม่พอใจก็ยกพลมาได้เลย”หลี่ชงเหอยื่นจำใจยื่นคำขาด เขาต้องจัดการเรื่องระหว่างสองแคว้นให้สิ้น
“เสด็จแม่!” หลี่ชงเหอถึงกับอุทานฟางถิงถิงที่ถูกรวบร่างสวมกอดแน่นก็ถึงกับหน้าซีดคอหดพยายามผลักไส แต่อ้อมแขนอีกฝ่ายแข็งแกร่งราวคีมเหล็ก ไม่ว่านางจะพยายามอย่างไรก็มิอาจหลุดออกจากอ้อมกอดได้ ยิ่งเห็นสายตาของเหยียนชิวอี้ที่มองมาราวกับเห็นนางเป็นตัวประหลาดก็ยิ่งหวั่นใจ“ปล่อยเพคะ”หลี่ชงเหอคนดื้อยิ่งโดนว่ายิ่งดื้อแพ่ง ผละจากร่างนุ่มนิ่มด้วยความเสียดายแล้วจับมือนางก้าวขึ้นบันไดมาเผชิญหน้ามารดาด้วยสีหน้ายิ้มกริ่ม“เสด็จแม่หายประชวรแล้วรึพ่ะย่ะค่ะ”“ไม่หายจะมายืนรอเจ้าตรงนี้รึ” เหยียนชิวอี้สีหน้าเรียบเฉยตอบ “แล้วดรุณีน้อยผู้นี้คือ...” “บุตรีเศรษฐีฟางที่ลูกเคยบอกเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”“งดงาม งดงามมาก”“ลูกถึงได้เลือกนางอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ”เหยียนชิวอี้หรือเหยียนหลิว แม่ครัวเอกสกุลจินเมื่อกาลก่อนรับรู้คลื่นความสุขของบุตรชายจากน้ำเสียงก็ให้คลายใจ นางเพ่งมองฟางถิงถิงครู่ใหญ่ก่อนจะเผยรอยยิ้มยินดี“มาให้ดูใกล้ๆ ทีสิ สะใภ้”ฟางถิงถิงถึงกับงันกับคำเรียก แม้จะสงสัยในบทสนทนาที่ดูจะมีอะไรๆ มากกว่านั้น แต่นางได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของคนผู้นี้แล้ว นางก็ค่อยๆ ปลิดมือหลี่ชงเหอออกก่อนจะย่อตัวลงค้อมคำนับ
นางเอ่ยเพียงนั้นก็ได้ยินเสียงกระแอมจากด้านหลังจึงเหลียวมองก็พบหลี่ชงเหอหน้าเคร่งเครียดมองอยู่ก็หน้าเสียไป“ใครบอกว่าจะให้เจ้ากลับบ้าน”“ข้าบอกเอง“เจ้าออกจากบ้านมาเป็นชายาข้าแล้ว มิอาจหวนกลับไปได้” หลี่ชงเหอเสียงเข้มหน้ายังไม่หายตึงที่ถูกอีกฝ่ายเฉยเมยไม่เห็นหัว“แต่ข้าจะกลับ”“หากเจ้ากลับไป พี่ชายเจ้าก็ต้องถูกลงโทษ”“เช่นนั้นข้าไม่กลับ”“เปลี่ยนใจง่ายดีนี่” หลี่ชงเหอแค่นเสียงหยัน แต่หัวใจพองโต“แต่เจ้าต้องปล่อยพี่ข้าไป” นางต่อรองก่อนเอ่ยเสียงอ่อย “นะ... ข้าขอร้อง...”“ก็ได้ ข้าจะปล่อยแต่เจ้าต้องบอกเหตุผลว่าเหตุใดจึงทำเช่นนี้ทั้งที่เจ้าก็มิใช่คนสิ้นไร้ไม้ตอก”ฟางฮั่นเงยหน้าที่ข้างแก้มซีกหนึ่งมีรอยแผลเป็นทางยาวให้ดูพลางกัดกรามกรอดแสดงความคับแค้น เขาเผลอลูบแผลเป็นด้วยความเคยชินอีกครั้ง“ครั้งหนึ่งข้าเคยรักสตรีนางหนึ่ง นางเป็นหญิงชาวบ้านอ่อนหวาน ข้ากับนางสัญญาจะเข้าพิธีแต่งงานกันก่อนแล้วจะพานางกลับบ้านด้วยกัน แต่ทว่าไอ้พวกชั่วเผ่าหรวนมันเข้ามาปล้นสะดม เผาหมู่บ้านจนวอด นางถูกพวกชั่วข่มเหงก่อนจะฆ่าทิ้ง ส่วนข้าก็หนีหัวซุกหัวซุนจนมาเจอพี่น้องร่วมอุดมการณ์”“ก็เลยกลายเป็นโจรหมาล่าเนื้อรึ” หลี่
หลี่ชงเหอได้สติรีบผละ กำชับมือฟางถิงถิงแน่น “ไปกันเถอะ แถบนี้มีพวกโจรป่าชุกชุม ข้าเกรงว่า...”ไม่ทันขาดคำ พงหญ้าพุ่มไม้ใหญ่น้อยรอบบริเวณก็สั่นไหว ปรากฏร่างชายฉกรรจ์นับสิบก้าวออกมาล้อมพวกเขาไว้ในวงล้อม หลี่ชงเหอกอดลูกกวางน้อยตัวสั่นเทาเอาไว้ข้างหนึ่ง มืออีกข้างชักกระบี่จังก้าหมายฟาดฟัน แต่ครั้นพวกมันกระเหี้ยนกระหือรือกรูกันเข้ามา หลี่ชงเหอก็ส่งเสียงกังวานกร้าว“หากไม่อยากตายไวก็อย่าเข้ามา!”“คิดว่าพวกข้าคนมากกว่าจะกลัวคำขู่ของเจ้ารึ” หนึ่งในโจรป่าเอ่ยเสียงห้าวเย้ยหยันหลี่ชงเหอกระตุกยิ้มก่อนเอ่ย “ใครกันแน่ที่คนมากกว่า”“ถุ๊ย! ก็เห็นอยู่ยังจะกล้าปากดี” หนึ่งในนั้นถากถางไม่พอยังแสดงกิริยากักขฬะใส่ฟางถิงถิงตัวสั่นจนต้องกอดกระชับหลี่ชงเหอเอาไว้จนเขาต้องกอดนางแน่นปลอบโยน ไม่มีทีท่าหวาดกลัวในแววตาดุร้ายราวสัตว์ป่าที่จ้องมองมารอบทิศ เขากระตุกยิ้มครู่หนึ่งจึงผิวปากเป็นทำนองไม่นานเสียงฟึ่บฟั่บก็ดังขึ้นเหนือท้องฟ้า รอบกายปรากฏเหล่าทหารจำนวนมากล้อมกรูกันเข้ามารายรอบโจรป่าที่ตกอยู่ในวงล้อมอีกที เฉิงเผิงซู่แหวกวงล้อมเข้ามาหยุดต่อหน้าหลี่ชงเหอทันที“ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ” เขาค้อมศีรษะคำนับผู้เป็นนางพล
“ไปสิ พรุ่งนี้ข้าจะพาถิงถิงไปคำนับเสด็จแม่” เขาเอ่ยเพียงนั้นก็มองออกไปยังธารน้ำตกด้วยสีหน้าครุ่นคิด เฉินเผิงซู่เห็นผู้เป็นนายมีเรื่องให้คิดจึงปลีกตัวออกไปเงียบๆ ไม่ทันได้เห็นว่ามีใครยืนอยู่ในมุมหนึ่งหลังบานประตูฟางถิงถิงที่รู้สึกตัวตื่นหลังจากหลี่ชงเหอลุกออกไปจึงลุกตามด้วยความสงสัยและเป็นห่วง มองออกไปนอกหน้าต่างฟ้ายังไม่ทันสางดี เขาจะไปที่ใดกัน... นางผุดลุกขึ้นสวมใส่ชุดคลุมเรียบร้อยจึงตามออกมาและได้ยินสองคนคุยกันชัดถ้อยชัดคำว่าที่แท้เขาคือชิงอ๋องชงเหอ บุรุษเหี้ยมโหดแห่งแคว้นชิงตอนเหนือติดดินแดนทะเลทราย นางเคยได้ยินกิตติศัพท์ของเขาอยู่บ้างจากท่านหมอที่เดินทางไปมาระหว่างเมืองเล็กๆ ของนางกับแคว้นชิง ที่แท้ก็เป็นเขา... คนโกหก... มาช่วยชีวิตนาง ทำให้รักและรับรู้ว่าความจริงแล้วนางไม่รู้จักเขาเลย... ฟางถิงถิงน้ำตานองหน้ารีบรุดออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่หันกลับมาอีกเลย...อากาศยามซื่อร้อนอบอ้าวจนฟางถิงถิงเดินไปปาดเหงื่อไปด้วยความเหนื่อยล้า นางเร้นตัวหลบซ่อนไปตามแนวป่าไผ่ลัดริมธารน้ำตกไปอย่างไร้จุดหมาย ในใจนึกแต่จะไปให้พ้นจากคอกม้าสกุลหลี่ที่ที่มีความรักและความหลังของนางอยู่ นางตัดสินใจ
“เจ้าเกลียดข้าไม่เป็นไร แต่ข้าจะเป็นที่รักของเจ้าให้ได้”“เจ้าแน่ใจว่าทำได้รึ” เขาเอ่ยตามน้ำอันที่จริงเขามิได้เกลียดนางแม้แต่น้อย ที่พูดไปวันนั้นก็เพราะรู้สึกเหมือนกำลังถูกหลอก นางทำให้เขาหัวปั่น เขาจะไม่ถอนความเข้าใจของนางแต่จะใช้ขีวิตที่เหลือทั้งหมดเป็นคำตอบให้“ข้าย่อมทำได้”นางเอ่ยเพียงนั้นก็แนบริมฝีปากเข้ากับซอกคอของเขาแล้วกัดเบาๆ หนึ่งที “นี่สำหรับที่เจ้าทำให้ข้าเจ็บเมื่อครู่ แต่ข้าก็มีความสุขมาก”“ข้าก็สุข” เขาตอบสั้นๆ ขณะไล้นิ้วบนแก้มนวลของนาง ดวงตาดำสนิทล้ำลึกวูบไหวครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจ “ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกเจ้า”“ข้าก็มีเหมือนกัน”“เรื่องใด”“ข้าจะไม่โกหก” นางนิ่งไปครู่ก่อนเอ่ยต่อ “ที่ข้าตามเจ้ามาก็เพราะอยากตามหาครอบครัวที่แท้จริงของข้า แต่ข้าไม่รู้ว่าต้องตามหาที่ใดก็เลย...”“มากับข้า”“ใช่... เจ้ารู้แล้วคิดว่าข้าใจง่ายเกินไปหรือไม่” นางย้อนถามน้ำเสียงหวาดหวั่นหลี่ชงเหอเชยคางนางแล้วบรรจงจูบริมฝีปากเบาๆ ก่อนตอบ “ข้าก็มีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้าถือว่าเราหายกัน”“แล้วเรื่องของเจ้าคือเรื่องใด” นางถามเสียงหวาน ดวงตากวางวูบไหวหลี่ชงเหองันไป เขาสัมผัสได้ว่ายามนี้นางมีความไว้เนื้อเชื่