บทที่ 2 อยากมีสามี ไม่ใช่อยากมีลูก
สามวันต่อมา
ภายในห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองย่านถนนธุรกิจ มีสาวสวยสองคนกำลังเดินดูเสื้อผ้าที่แขวนไว้ตามราวในห้องเสื้อยี่ห้อหรูอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ปากก็ยังพูดคุยกันไม่หยุด
“ป่านเบื่อพ่อกับแม่มาก ๆ เลยแก้ว พวกเขาจะให้ป่านกลับไปดูตัวอีกแล้ว”
“ก็รีบ ๆ หาลูกเขยให้ท่านสิ พวกท่านจะได้เลิกเซ้าซี้” ปัทมาบอกกับเพื่อนรักพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ทาบชุดในไม้แขวนเข้ากับตัวและมองไปที่กระจกบานใหญ่
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากมีสามีนะแก้ว แต่มันยังไม่ถูกใจใครเป็นพิเศษนี่นา” อินทิราตอบกลับฉะฉานตามสไตล์ของเธอเอง
“ก็น้องปอไง” ปัทมาซึ่งเป็นคนที่นิสัยเรียบร้อยมาก แต่ชาชินกับปากร้าย ๆ ของเพื่อนดี จึงไม่รู้สึกแปลกใจอะไรกับคำพูดเหล่านั้น
“ป่านอยากมีสามีนะแก้ว ไม่ใช่อยากมีลูก” สาวสวยรูปร่างสมส่วนกล่าวกับเพื่อนสนิทที่รูปร่างสูงโปร่งเหมือนนางแบบด้วยสีหน้าสุดเซ็ง
“ห่างกันแค่เก้าปีเอง เดี๋ยวนี้เขาไม่ถือกันแล้ว อีกอย่างป่านก็ดูอ่อนกว่าอายุจริงตั้งเยอะ ให้น้องเขาไว้หนวดไว้เคราหน่อยก็ดูแก่กว่าแล้ว” ปัทมาเม้มปากกลั้นยิ้มเมื่อพูดจบ
“ป่านอยากได้คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่า สุขภาพดี เอาอกเอาใจเรา โอ๋เราเวลาเราเศร้า ง้อเราเวลาเราโกรธ รักเราหลงเราหัวปักหัวปำโดยไม่มีข้อแม้ ถ้ามีแบบนี้ป่านแต่งทันที”
“ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เจ้าชู้ด้วยไหมป่าน” ปัทมาถามเพราะไม่แน่ใจว่าเพื่อนรักลืมเรื่องสำคัญเหล่านี้หรือเปล่า
“เหล้าไม่ว่า บุหรี่นี่พอรับได้แต่อย่าจัดมาก ส่วนเจ้าชู้นี่อย่าหวัง อาละวาดวงแตกแน่”
“เฮ้อ!”
“ทำไมต้องถอนหายแรงขนาดนั้นด้วยล่ะแก้ว” อินทิราถามยิ้ม ๆ
“ก็ผู้ชายที่ป่านต้องการคงหาไม่ได้ในโลกใบนี้หรอก คุณสมบัติที่ป่านเรียกร้องมาทั้งหมด หาได้จากผู้ชายเกรดดีที่สุดในโลกสามคนมารวมกันเลยนะ”
“แสดงว่าป่านต้องมีสามีทีเดียวสามคนเลยใช่ไหม” อินทิรากระซิบถามเบา ๆ แล้วหัวเราะชอบใจเมื่อเห็นเพื่อนสาวหน้าแดงด้วยความเขินอายกับคำพูดของตน “บรื่อ.. แค่คิดก็ซู่ซ่าแล้ว” เธอทำหน้าทะเล้น ทำตัวดีดดี้น ลูบแขนลูบไหล่ขึ้นลง
“ป่านทะลึ่ง”
“เปล่านะ..” รีบปฏิเสธหน้ายู่ “เค้าไม่ได้ทะลึ่งซะหน่อย เค้าคิดจริง ๆ ต่างหาก”
“นี่แหละเขาเรียกทะลึ่ง ไม่เอาแล้ว แก้วไม่คุยกับป่านเรื่องนี้แล้ว เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่า ป่านว่าชุดนี้เหมาะกับแก้วไหม” ปัทมาหยิบชุดใหม่ในราวมาทาบกับตัวให้เพื่อนช่วยดู
“น่ารักดีแต่มันเรียบร้อยเกินไป ชุดนี้เซ็กซี่กว่าเยอะ” อินทิราหยิบชุดเกาะอกตัวสั้นสีเหลืองสดใสมาทาบตัวเพื่อนสาว “เหมาะกับหุ่นนางแบบอย่างแก้วมาก”
“ไม่เอาหรอก แก้วไม่มีอะไรจะให้โชว์เหมือนป่าน” เธอบอกกับเพื่อนรักขณะแขวนชุดเก็บที่เดิม ที่สำคัญการแต่งตัวแนวนี้ไม่ใช่สไตล์ของเธอสักนิด
“เดี๋ยวนี้เขาก็พึ่งฟองน้ำกันทั้งนั้นแหละ ส่วนน้อยที่จะเป็นของจริง” อินทิราหยิบชุดนั้นมาทาบกับตัวเสียเอง
“แต่ของจริงก็ดูเด่นกว่าเห็น ๆ อย่างป่านใส่เหมาะมาก แต่งแบบไหนก็สวยเพราะมีทั้งอกและสะโพก เอวก็เล็ก ถ้าแก้วแต่งคงเหมือนเด็กประถมใส่ชุดผู้ใหญ่ ดังนั้นเชิญเพื่อนรักเซ็กซี่ตามสบายเลยจ้ะ แก้วขอกะโปโลแบบนี้ดีแล้ว มันดูเหมาะกับแก้วมากที่สุดแล้ว”
“ป่านแต่งตัวแบบแก้วบ้างดีกว่า จะได้มีแฟนน่ารัก ๆ แบบแก้วบ้าง”
“พี่ชาลีดุจะตาย แบบนั้นน่ารักตรงไหน” เธอพูดถึงคนรักซึ่งก็คือผู้จัดการใหญ่ของบริษัท และตอนนี้ยังต้องควบตำแหน่งเลขาส่วนตัวซีอีโอคนใหม่ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เพราะเขารักแก้วมากต่างหาก จึงได้เข้มงวดกวดขันมากเป็นพิเศษ”
“เหมือนป่านกับน้องปอหรือเปล่า”
“กลับมาที่ปออีกแล้วเหรอ ป่านเบื่อมันมากเลย เพราะมันนี่แหละที่ทำให้ป่านต้องอยู่เป็นสาวแก่จนถึงทุกวันนี้” อินทิราทำหน้าเซ็งสุดขีด เมื่อนึกถึงเด็กหนุ่มที่เข้ามาติดพันจนแกะไม่ออกนามว่าชินวุฒิ หรือน้องปอของเพื่อนสนิท “ป่านรักปอก็จริง แต่ก็แบบน้องชายเท่านั้น”
“แต่เขาไม่ได้คิดกับป่านแบบพี่สาวนี่” ปัทมาแย้ง
“มันคงคิดว่าป่านเป็นแม่ทูนหัวของมันกระมัง”
“แต่แก้วว่าน้องปอเขาอยากให้ป่านเป็นภรรยาของเขามากกว่า ไม่งั้นคงไม่ประกาศไปทั่วหรอกว่ารักป่าน”
“ให้มันฝันไปคนเดียวเถอะแก้ว วัยกำลังคะนอง เดี๋ยวก็ลืม” เธอคิดไม่เหมือนเพื่อนรัก เพราะเธอคิดว่าชินวุฒิติดเธอมาตั้งแต่เด็กมากกว่า จึงคิดว่าเธอคือคนรัก ถ้าลองได้เจอสาว ๆ รุ่นเดียวกัน และเปิดใจยอมรับ เขาอาจจะค้นพบว่าเธอนั้นไม่ใช่คนที่เขารักแบบชู้สาว
“น้องปอเขาอาจจะรักนิรันดรก็ได้”
“ในโลกนี้ไม่มีเรื่องรักนิรันดรหรอก ความรักเป็นเพียงความรู้สึกชั่ววูบ ความรู้สึกนี้ย่อมเปลี่ยนไปตามกาลเวลาและอารมณ์ อาจจะมีทั้งเพิ่มขึ้นและน้อยลง ดังนั้นอย่าวาดหวังความรักให้สวยเกินไปและก็อย่าซ้ำเติมการอกหักให้ทุกข์เกินเหตุ”
“พ่อหรือแม่สอนมาเนี่ย คมยิ่งกว่ามีดโกนอีก” ปัทมาเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อยขณะถาม
“พ่อกับแม่ป่านสอนแต่ให้จับผู้ชายมาให้ได้สักคนเพราะอายุมากขึ้นทุกวัน พวกเขากลัวจะไม่ได้อุ้มหลานตาหลานยาย” อินทิราพูดติดตลกเชิงเหน็บแนม “ส่วนไอ้คำคมเมื่อกี้เป็นพ่อของคนอื่นเขาเขียนสอนลูกเอาไว้ก่อนตาย จำมาจากโลกโซเชียล” บอกกับเพื่อนสาวคนสนิทแล้วจึงกวักมือเรียกพนักงานของร้าน “ป่านจะเอาชุดนี้แหละ เหมาะกับหัวข้อของงานดี”
“สวยดีนะ ดูเรียบร้อยแต่แอบเซ็กซี่” ปัทมาพยักหน้าเห็นด้วยกับชุดราตรียาวสีบานเย็น ตัวเสื้อเป็นแขนกุด คอเหลี่ยมเปิดกว้างพอดีระดับอก ด้านหลังตัดต่อด้วยลูกไม้โปร่งสีดำไปจนถึงช่วงเอว ส่วนกระโปรงเป็นทรงรัดรูปแล้วค่อย ๆ สยายบานออกไป ถ้าเพื่อนสาวของเธอสวมใส่ลงไปบนเรือนร่างแล้วคงดูเด่นสะดุดตา ด้วยสีสันของชุดและผิวเนื้อขาวเนียนอมชมพูของเธอ แต่ที่น่ามองที่สุดคงจะเป็นแผ่นหลังที่เผยให้เห็นรำไรอยู่ภายใต้ผ้าลูกไม้สีดำ อะไรที่วับ ๆ แวม ๆ นี่แหละชวนให้น้ำลายหกดีนัก
“จริง ๆ แล้วป่านไม่อยากเสียเงินซื้อชุดใหม่เลยนะ ถ้าไม่ติดว่าต้องรับรองหุ้นส่วนชาวต่างชาติของบริษัทด้วย”
“งานเลี้ยงต้อนรับซีอีโอคนใหม่เชียวนะ ป่านกล้าแต่งตัวปอน ๆ เหรอ”
“เอาชุดราตรีเก่า ๆ มาดัดแปลงสักหน่อยก็หรูแล้ว ดูเหมาะกับเจ้านายคนใหม่เราดีออก” นึกถึงผู้ชายหน้าคมเข้ม หล่อเหลาขั้นเทพคนนั้นแล้วยังเคือง ๆ ไม่หาย ตั้งแต่วันที่ประชุมแนะนำตัวจนมาถึงวันนี้ก่อนเลิกงาน เขาช่างขยันหาเรื่องให้เธอเข้าไปพบได้บ่อยครั้งจริง ๆ แล้วไอ้เรื่องที่ถามก็ไม่ได้เกี่ยวกับเธอโดยตรงสักนิด เหมือนจงใจกวนประสาทกันมากกว่า...
“ลูกจะน่าจะพูดกับพ่อให้ดีกว่านี้นะ” เขาตำหนิลูกชายที่ทำตัวห่างเหินจนเหมือนไม่ใช่พ่อกับลูกคุยกัน “แม้แต่คำทักทายลูกก็ไม่คิดจะพูดกับพ่อเลยเหรอ”“ผมก็พูดกับท่านแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ครับ”“ลูกไม่ดีใจที่ได้เจอพ่อบ้างเหรอ”“ถ้าท่านไม่มองผมด้วยสายตาแบบนั้นผมอาจจะดีใจก็ได้” ทำไมเขาต้องดีใจ ในเมื่อเจอกันทุกครั้งเขาก็มักจะพูดถึงแต่เรื่องให้กลับไปอยู่ตะวันออกกลางด้วยกัน ไปรู้จักกับครอบครัวของชีคคนนั้น ชีคคนนี้ เพื่อประโยชน์ของธุรกิจในอนาคต“พ่อไม่รู้ว่าพ่อมองลูกยังไง พ่อรู้แต่ว่าพ่อปรารถนาดีต่อลูกเสมอ”“ท่านก็น่าจะรู้ว่าผมไม่เคยต้องการ เพราะสิ่งที่ผมได้รับจากคุณแม่และคุณพ่อในทุกวันนี้มันดีที่สุดในโลกแล้ว” เขาพูดถึงพ่อบุญธรรมด้วยความเคารพจากหัวใจปัง!ชีคอัมรานตบโต๊ะดังลั่นด้วยความโกรธสุดขีด เมื่อได้ยินลูกชายในไส้ยกย่องพ่อบุญธรรมด้วยความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อหน้าต่อตา คิดไว้ไม่ผิดว่ามันต้องมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาจึงสั่งให้ผู้ติดตามจองห้องอาหารแห่งนี้ไว้ทั
“พ่อว่าเขาก็ดูดีนะ หน้าที่การงานก็มั่นคง” อินทรีย์ไม่อ้อมค้อมอีกต่อไป เพราะไหน ๆ เธอก็รู้แล้ว“เขาอาจจะดูดีในสายตาของพ่อ แต่เขาไม่ได้ดูดีในสายตาของหนูนี่” เพื่อนของเอกอรุณดูดีแค่ไหนก็ไม่สามารถมาลบภาพคนที่อยู่ในใจเธอตอนนี้ได้หรอก คนที่อยู่ในใจแต่ไม่สามารถจับจองเป็นเจ้าของได้คนนั้น“ลูกจะเลือกไปจนถึงอายุเท่าไหร่ ไม่ได้ยินที่ป้าบุหงาเขาพูดเหรอ” อินทรีย์เตือนสติลูกสาวช่างเลือก“จำได้สิจ๊ะ” อินทิราตอบกลับแล้วนึกถึงคำพูดของผู้เป็นป้าเมื่อเย็นนี้ ‘เมื่อไหร่หลานของป้าจะได้แต่งงานกับเขาสักทีนะ ป้าจะได้อยู่เห็นหลานแต่งงานหรือเปล่า’“พ่อก็คิดไม่ต่างกับป้าเขาหรอก พ่อก็อายุมากแล้วนะป่าน อยากเห็นลูกสาวเพียงคนเดียวเป็นฝั่งเป็นฝา อยากมีหลานตาเอาไว้อุ้มบ้าง ถ้าได้อย่างที่หวังพ่อจะได้ตายตาหลับ”“ไร้สาระอีกแล้วนะพ่อ ทำไมต้องเอาเรื่องความเป็นความตายมาขู่หนูด้วย” เธอหน้างอใส่บิดา สตาร์ทรถแล้วขับออกไป “พ่อยังไม่ตายง่าย ๆ หรอก รอให้บวชลูกชายหนูก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องนี้&rdquo
“แต่ป่านไม่เอาค่าเช่าเลยนะพี่นวล ป่านยกให้ทำฟรี ๆ แต่ถ้าป่านแก่ตัวทำงานไม่ไหว ก็ให้ไอ้เจี๊ยบมันรับเลี้ยงป่านด้วยละกัน” เธอพูดถึงหลานชายซึ่งเป็นลูกชายคนโตของทั้งคู่ ที่ดูแววว่าจะเอาดีในด้านนี้ต่อจากบุพการี“ไม่ได้หรอกป่าน ถ้าให้ก็ต้องให้เหมือนกันทุกคน ถึงพี่จะงกแต่พี่ก็มีคุณธรรมนะ” ดารากล่าวติดตลกตามสไตล์ของเธอ“แม่ว่าเรากลับมาที่เรื่องของน้องก่อนดีกว่านะ เรื่องนี้เสือกับเมียก็รับไปแล้วกัน” อุไรกล่าวด้วยสีหน้าวิตก เพราะไม่อยากให้ลูกสาวต้องเดินทางไปทำงานไกลหูไกลตาเกินไป“มาทำงานที่โรงเรียนพี่ไหมล่ะ แต่เงินเดือนคงน้อยกว่าที่เก่าประมาณสิบเท่า” สิงหเสนอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้แก่น้องสาวคนสวย“ป่านก็อยากกลับมาทำนะคะพี่สิงห์ แต่ป่านชอบงานที่ป่านทำอยู่มากกว่า”“มาหาทำเลเปิดร้านขายส่งแบบพี่ไหมล่ะ กำไรดีนะแต่เหนื่อยหน่อย” วิหคเสนอบ้าง“ไม่เอาหรอกค่ะ ป่านไม่อยากแย่งลูกค้าพี่นก ถ้าป่านทำจริง ๆ ลูกค้าคงแห่มาที่ร้านป่านกันหมด โดยเฉพาะลูกค้าหนุ่ม ๆ” เธอพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง ไม่ได
ก๊อก ๆ ๆ ปัทมาเคาะให้สัญญาณก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของคนรัก แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อคนที่อยู่ในห้องนั้นไม่ใช่เขา “สวัสดีค่ะบอส” เธอกล่าวทักทายชายหนุ่มที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของคนรัก “คือแก้วไม่เห็นเลขาของคุณชาลีที่หน้าห้อง ก็เลยถือวิสาสะเข้ามาเอง” อธิบายต่อเพราะกลัวเขาจะตำหนิ “ไม่เป็นไรคุณแก้ว มาหาคุณชาลีเหรอครับ” ยัสซันรู้ว่าเธอคือเพื่อนสนิทของอินทิรา และเป็นคนรักของผู้จัดการใหญ่ที่เป็นญาติสนิทของเขาด้วย “ค่ะ แล้วเขาไม่อยู่เหรอคะ” “เลขาหน้าห้องบอกว่าเขาไปพบคุณแม่ผม แต่เดี๋ยวก็คงจะมาเพราะนัดกับผมไว้แล้ว เชิญคุณแก้วนั่งรอก่อนสิ” “ค่ะ” ปัทมารับค
‘แล้วท่านจะมั่นใจได้อย่างไรคะว่าแบบนี้เป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าเผื่อ.. สมมุติว่าเขาตามป่านไปล่ะคะ’ เธอไม่อยากคิดลำพองใจไปเอง แต่ถามเผื่อเอาไว้ก็ไม่เสียหายตรงไหน‘ฉันจะพยายามปิดให้สนิทที่สุดจนกว่าเขาจะแต่งงานแล้ว ถ้าถึงเวลานั้นจริง ๆ ก็คงไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป ฉันจะย้ายหนูกลับมา’ทำไมท่านประธานถึงมั่นใจนักว่าจะไม่มีปัญหา ทำไมท่านถึงไม่ถามเธอก่อน เพราะคนที่มีความรู้สึกคือเธอไม่ใช่ท่านซะหน่อย ถึงแม้เธอจะไม่เคยคิดไกลถึงขั้นแต่งงานกับเขา แต่การที่เขาไปมาหาสู่เธอบ่อย ๆ แบบนี้ มันทำให้เธอลืมคิดถึงตอนที่ไม่มีเขาไปซะสนิท แล้วอยู่ ๆ ก็มีคำสั่งสายฟ้าฟาดลงมาแบบนี้ เธอไร้เรี่ยวแรงจะตัดสินใจใด ๆ สมองของเธอกำลังสับสนจนจับต้นชนปลายไม่ถูก“นอนพักสักหน่อยนะ ถ้าไม่ดีขึ้นค่อยไปหาหมอ” ยัสซันเปิดประตูห้องแล้วประคองเธอไปที่เตียงนอน“คุณกลับไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อน” เธอไล่ส่งเมื่อเขาเปิดแอร์และห่มผ้าให้เรียบร้อยแล้ว ถ้าเขายังอยู่เธอคงต้องเสียน้ำตาต่อหน้าเขาแน่“ผมไม่กลับ ผมจะทิ้งให้คุณอยู่คนเดียวได้ยังไง&r
“แก้วแอบฟังพี่คุยโทรศัพท์เหรอ” แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นตีหน้าขรึมใส่หญิงสาว “ไม่น่ารักเลยนะเรา”“อย่ามาว่าแก้วแบบนี้นะคะ” เธอต่อว่าคนรักแล้วเมินหน้าหนีไปทางอื่นอย่างน้อยใจ แต่เมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้คำตอบก็รีบหันมาทำหน้าบึ้งตึงขู่เขา “แก้วไม่ได้แอบฟัง แต่บังเอิญเดินเข้ามาพอดีต่างหากค่ะ บอกแก้วมาตรง ๆ เลยนะว่าเกิดอะไรขึ้นกับป่าน ถ้าพี่ชาลีไม่บอกแก้ว แก้วจะไปถามป่านเขาเอง” เธอขู่เพราะรู้ว่าเรื่องนี้เป็นความลับชาลีประกบมือเข้าหากัน วางคางลงบนปลายนิ้วขณะมองคนรัก สงสัยว่าเธอได้ยินตั้งแต่ตอนไหนเพราะรู้สึกจะรู้เยอะเหลือเกิน“ถ้าพี่เล่าให้ฟัง แก้วห้ามพูดต่อไปนะแม้กระทั่งกับป่าน เพราะถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป นั่นหมายถึงออกจากปากพี่คนเดียว เพราะคุณน้าท่านไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครแม้กระทั่งกับคุณเรย์มองด์และบอส” เมื่อเห็นคนรักพยักหน้ารับคำแข็งขันจึงยอมเล่าให้เธอฟัง“ท่านทำแบบนี้ทำไมคะพี่ชาลี” ปัทมาตั้งคำถามเมื่อฟังจบ“เพราะป่านเขาทำงานดี ท่านจึงอยากให้ไปดูแลสาขาที่นั่น” เรื่องเดีย