“ทุกคนล้วนแสดงความเต็มใจร่วมมือพะยะค่ะ เรื่องนี้เกี่ยวพันหลายสิ่งเป็นเรื่องสำคัญ หากผู้ใดกล้าไม่ให้ความร่วมมือเจตนาก็ชัดเจน”ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้พยักหน้าน้อยๆ เสียงแผ่วแต่เด็ดขาด“ดีมาก...ขอให้รู้ไว้ นี่มิใช่เพียงเรื่องของชีวิตของลูกข้าแต่คือภัยเงียบของแผ่นดิน ใครทำ...ข้าจะลากคอมันขึ้นมาประหารแขนประจานไว้ที่หน้าประตูวัง”มือกำแน่นดวงเนตรวาววับ บรรยากาศทั่วทั้งท้องพระโรงกดดันหนักหน่วง ขุนนางทุกคนไม่กล้าขยับไหว “พวกมัน…บังอาจถึงเพียงนี้ ครั้งแรกลอบสังหารองค์หญิงองค์ชายทั้งสามคนไม่สำเร็จ จึงหันมาเล่นงานทีละคนแทนอย่างนั้นหรือ คิดว่าแผ่นดินนี้เป็นสนามซ้อมกระบี่งั้นรึ”จังหวะนั้นขุนนางอาวุโสผู้หนึ่งจากตระกูลกู้ผู้เคยดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีในฮ่องเต้องค์ก่อนเสียงแหบแผ่วแต่เปี่ยมด้วยน้ำหนักแห่งวัยวุฒิและประสบการณ์ ยกมือประสานกันตรงหน้า ก้าวออกหนึ่งก้าวแล้วเอ่ยด้วยความรอบคอบ“กระหม่อมขอประทานอภัยที่กล้ากล่าวล่วงพระราชดำริพ่ะย่ะค่ะ แต่เมื่อพิเคราะห์จากสิ่งที่เกิดขึ้น หากครั้งแรกมุ่งเป้าไปที่องค์หญิงรองเยี่ยนอิง องค์หญิงใหญ่หว่านชิง และรัชทายาทหยางหลิน ต่อมาคือองค์หญิงใหญ่หว่านชิง ส่วนครั้งล่า
ลมหนาวปลายราตรีพัดโชยผ่านแนวสนเสียงหวีดหวิว เงาจันทร์ฉายแสงเงียบงันคลอเคลียระเบียงหินหน้าตำหนักของกุ้ยเฟยหยุนซิน เงาร่างเล็กในชุดคลุมบางเบากอดตุ๊กตาไหมพรมแน่น เดินช้าๆ ผ่านแสงตะเกียงที่ริบหรี่ตรงทางเดินด้านหลังตำหนักจนหยุดลงหน้าประตูห้องหนึ่ง...เป็นห้องของไป๋เหวินหลงเสียงประตูถูกเคาะเบาๆ ร่างสูงในสีขาวสะอาดของไป๋เหวินหลงปรากฏขึ้น พร้อมแสงไฟอ่อนจากในห้องที่สาดส่องออกมา เมื่อดวงตาเฉียบคมสบกับเงาร่างบอบบางเบื้องหน้า ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความประหลาดใจปนห่วงใยทันควัน"องค์หญิงรอง"เยี่ยนอิงกอดตุ๊กตาเสี่ยวหลงแนบอก ใบหน้าซีดเซียวจากลมหนาว สบตาเขานิ่ง"ท่านแม่ทัพ..." เสียงเยี่ยนอิงเอ่ยออกมาเบาๆไป๋เหวินหลงไม่รีรอถอดเสื้อคลุมออกอย่างรวดเร็ว คลุมไหล่ให้เยี่ยนอิงโดยพลัน ก่อนจะเปิดประตูให้เยี่ยนอิงเข้ามานั่งในห้อง เร่งตะเกียงเพิ่มจนแสงสว่างขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ รินชาร้อนใส่ถ้วยกระเบื้อง ส่งให้เยี่ยนอิง"องค์หญิงรองมาทำไมในยามนี้ เดินตากลมหนาวมาแบบนี้ได้อย่างไร"เยี่ยนอิงรับถ้วยชาด้วยสองมือสองแก้มแดงระเรื่อ ไม่รู้ว่าเพราะอาย เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเบาๆ พร้อมรอยยิ้มแฝงเศร้า"เยี่ยนอิงเดินเล่นอ
“ให้คนไปพยุงองค์หญิงสิ” ฮองเฮาเอ่ยอย่างร้อนรน แล้วหันไปสั่งสาวใช้ข้างหลัง“รีบไปเรียกหมอหลวง มาตรวจอาการอีกครั้งด้วย”เยี่ยนอิงสะบัดชายแขนออกเล็กน้อยอย่างไม่เต็มใจนักแต่ก็ยอมปล่อยให้เข้าประคอง ก่อนจะก้าวตามกันไปเยี่ยนอิงหันไปทางไป๋เหวินหลงที่ยืนส่งด้วยแววตามองห่างๆ แล้วเอ่ยเสียงใส “ขอบคุณ ท่านแม่ทัพเยียนอิงหวังว่าเราจะได้ไปที่ตลาดด้วยกันอีกสักครั้ง”เมื่อสองแม่ลูกก้าวห่างออกจากผู้คนแล้ว ฮองเฮาหลี่หลันซื่อจึงเบนสายตามองเยี่ยนอิงแล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงปฏิบัติต่อเจ้ายังไงบ้าง บอกมาให้หมดเกิดอะไรขึ้นบ้าง”เยี่ยนอิงชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถอนใจ พลางขมวดคิ้วนิดๆ สีหน้ารำคาญเจือหงุดหงิดไม่ปิดบัง กระซิบลอดไรฟัน“ท่านแม่จะสงสัยอะไรนักหนาเล่า...ก็รู้กันอยู่ว่าองค์หญิงใหญ่หว่านชิงน่ะเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวน่ารำคาญยิ่งนัก…นางไม่ปล่อยให้ลูกมีโอกาสอยู่กับท่านแม่ทัพเลยสักนิด” ราวกับรู้ว่านี่แผนการของฮองเฮาฮองเฮาเม้มปาก สีหน้าบิดเบี้ยวแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเคียดแค้น “นังปีศาจ...ไปอยู่ถึงวัด แม่ก็นึกว่าแผนการของแม่จะไร้คนขัดขวางเสียแล้ว”“นี่เป็นแผนของท่านแม่หรือเจ้าคะ” เยี่ยนอิงชะง
ณ ตำหนักกุ้ยเฟยหยุนซินกุ้ยเฟยหยุนซินประทับบนตั่ง เสียงฝีเท้านุ่มนวลของผู้มาเยือนดังกังวานเข้ามาก่อนตัว ฮองเฮาหลี่หลันซือเดินเข้ามาอย่างไม่เร่งร้อน ริมฝีปากประดับด้วยรอยยิ้มบาง“นานแล้วที่ไม่ได้ดื่มชาร่วมกับน้องหญิงแบบนี้ วันนี้อากาศดีพอดีเลย” เสียงของฮองเฮาหลี่หลันซื่อนุ่มทุ้มฮองเฮาหลี่หลันซื่อนั่งลงตรงข้าม ยกถ้วยชาขึ้นแตะริมฝีปากก่อนวางลงแล้วทอดสายตาสบกุ้ยเฟยหยุนซินตรงหน้า“ข้าได้ยินว่า…องค์หญิงใหญ่หว่านชิงเป็นผู้ช่วยน้องชายของท่าน…ท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงพร้อมกับเยี่ยนอิงจากเงื้อมมือของมือสังหารกลางเมือง…องค์หญิงใหญ่นางยังพาท่านแม่ทัพไปพักรักษาตัวที่วัดต้าเล่อด้วยตนเอง ทั้งยังอยู่เฝ้าไข้จนรุ่งสาง…น้องหญิงควรจะขอบคุณองค์หญิงใหญ่ในครานี้นะ”กุ้ยเฟยหยุนซินเงยหน้าขึ้นช้าๆ นัยน์ตาคู่งามวาบไหวด้วยรอยลึกบางอย่างที่ยากจะอ่าน ระบายยิ้มจางๆ“ขอบคุณน่ะหรือเพคะ...หม่อมฉันว่า...สิ่งที่องค์หญิงใหญ่หว่านชิงกระทำล้วนมีเงื่อนงำ คนเช่นองค์หญิงใหญ่หว่านชิงที่ภายนอกดูบอบบาง โง่เขลาดูราวกับเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ…แต่กลับทำสิ่งที่แม้แต่บุรุษยังลังเล” กุ้ยเฟยหยุนซินวางถ้วยชาลงหันกลับมาสบตาฮองเฮา“จะให้หม่อมฉันร
“หรือ...นางมีส่วนกับพวกมือสังหารพวกนั้น?”“ท่านอาอย่าเข้าใจพี่หว่านชิงผิดนะขอรับ” หยางหลินรีบพูด ราชครูโม่ชิงเหยียนที่เงียบมาตลอดทางเลิกคิ้วขึ้น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ไม่อาจปกปิดแววตำหนิได้“เฮ้อ… ข้าล่ะสงสารองค์หญิงใหญ่หว่านชิงจริง ๆ”ไป๋เหวินหลงหันมองอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยแต่โม่ชิงเหยียนพูดต่อเหมือนไม่เห็นสายตานั้น“ขับรถม้าไม่เป็นก็ยังต้องขับเอง…รู้ไหมว่านางงดงามบอบบางเพียงใด? ตัวเล็กนิดเดียวแต่กลับทำเรื่องที่บุรุษบางคนไม่กล้าทำด้วยซ้ำ”น้ำเสียงนั้นมิได้ดุดัน แต่เจือความขื่นขมและเย้ยหยันเล็กน้อยอย่างตั้งใจ“ชาวบ้านแถวนั้นเห็นแล้วยังพากันชื่นชมว่านางไม่ถือตัว เอื้อเฟื้อเสียยิ่งกว่าผู้ใด แต่น่าเศร้าที่แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่กลับเลือกจะ...เข้าใจนางผิด”“...”แม่ทัพไป๋เหวินหลงไม่ตอบ ทว่าเปลือกตาที่เคยนิ่งไหววูบ สีหน้าที่เคยไร้แววสะดุ้งเล็กน้อย“จริงๆๆ ท่านอา ระหว่างทางข้าได้ยินคนเขาพูดกันว่าองค์หญิงใหญ่ควบรถม้าเร็วรี่เพื่อพาท่านกลับวัดต้าเล่อรักษาตัว” หยางหลินช่วยยืนยันโม่ชิงเหยียนก้มศีรษะลงเล็กน้อยแววตาเงียบสงบ“องค์หญิงหว่านชิงยังเฝ้าไข้ท่านทั้งคืน…แม้จะไม่ได้คำขอบคุณสักคำ”เขาหัน
เสียงฝีเท้าทหารองครักษ์กึกก้องประหนึ่งแผ่นดินสั่นสะเทือน ทว่ากลับยิ่งตอกย้ำความเงียบเหงาในหัวใจของผู้ยืนส่งขบวนเกี้ยวของราชสำนักเคลื่อนมาหยุดตรงหน้าวัด ธงผืนแดงประทับตรานกฟ้าสัญลักษณ์ของฮองเฮาสะบัดพลิ้วในลม เหล่าองครักษ์ในอาภรณ์ประจำตำแหน่งแยกแถวอย่างเป็นระเบียบ ทั้งหมดล้วนมาเพื่อรับตัวเยี่ยนอิงหว่านชิงยืนนิ่ง ริมฝีปากยิ้มบาง มือเรียวโบกไปมาราวกับอำลาคนรู้จักในตลาด "เดินระวังหน่อยนะ ท่านแม่ทัพ...ข้าเป็นห่วงท่าน" หว่านชิงยิ้มเอื่อย ดวงตาระยิบระยับดั่งซ่อนบางอย่างไว้ภายในไป๋เหวินหลงที่กำลังจะกระโดดขึ้นบนหลังม้าแทบชะงักกลางอากาศ ลมหายใจสะดุดครู่หนึ่ง หางตาเหลือบมองกลับมา แสงแดดสะท้อนดวงหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้ระเรื่อแดงอย่างห้ามไม่อยู่ แม้ทั่วทั้งกองทัพจะเคยเห็นเขาเด็ดหัวศัตรูโดยไม่กะพริบตา แต่ไม่มีใครเคยเห็นแม่ทัพไป๋เหวินหลงหน้าแดง…โม่ชิงเหยียนที่ยืนม้าข้างๆ ไป๋เหวินหลงแค่นหัวเราะเบาๆ สายตาแลไปยังองค์หญิงใหญ่ที่ยังยิ้มหน้าระรื่น แต่ใต้รอยยิ้มนั้นมีร่องรอยความเหนื่อยอ่อนซ่อนอยู่ใต้เงาของแพขนตาเยี่ยนอิงหันมามองหว่านชิงครู่หนึ่ง อยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายกลับยอมก้าวขึ้นเกี้ยวไปเงี