“อีสาลี่ก็มิได้ดูแย่ซะเมื่อไหร่ ออกจักงามผิดไพร่”“ผมไม่รู้ ผมแค่ไม่ได้รักเธอ ผมรักคุณพิมแก้ว” ตอบอย่างหนักแน่นทั้งที่ไม่แน่ใจว่ารักหรือเปล่า แต่ถ้าในเมื่อเจอกันแค่ไม่กี่อาทิตย์จนวาร์ปมาที่นี่แล้วยังมีความรู้สึกว่าอยากได้เป็นเมียทั้งๆ ที่สถานการณ์ตกต่ำลงขนาดนี้ มันก็คงเรียกได้ว่าความรักแล้วกระมังจากที่เคยอยากได้ ตอนนี้อยากได้มากกว่าเดิมอีก“ฮึ! มึงนี่ใฝ่สูงเสียจริง คิดหรือว่าคุณหนูที่งดงามเช่นนั้นจักมาเหลียวแลไพร่อย่างเรา แม้แต่ชายตามองบ่าวชายยังมิเคยเห็น”“แม่หญิงพิมแก้วนั้นมีขุนหลวงมาสู่ขอออกมาก บ้างส่งทอง ส่งเบี้ยอัฐ ส่งเครื่องประดับราคาแพงระยับมาให้ ยังมิเคยผ่านตาหล่อนเลย”อ้ายเทิดพูดพลางซดสุราอย่างชีช้ำ เขาเองก็แอบชอบสาลี่เหมือนกัน รวมถึงชอบคุณพิมแก้วด้วย ผู้หญิงสวยๆ ใครจะไม่ชอบเล่า แต่ต้องยอมรับเหมือนกันว่าในบรรดาบ่าวทั้งหมด อ้ายสามมันดูดีราศีจับ แต่บ่าวมันก็เป็นได้แค่บ่าวล่ะวะสุดท้ายหมามันก็ได้แต่แหงนหน้ามองจันทร์แค่เท่านั้น“มึงชอบอีสาลี่ เลยเจ็บใจใช่หรือไม่” อ้ายคำที่อาวุโสที่สุดว่าพลางตบบ่าอ้ายเทิดหนักๆ ที่ถึงเขาจะคอยดุด่าว่ากล่าวอ้ายสามอ้ายเทิดที่อายุไล่เลี่ยกัน แต่ก็รู้ส
แต่ทว่า แสงสว่างของคบเพลิงพร้อมกับอ้ายแดงที่มาตรวจความเรียบร้อยรอบเรือนบ่าวหนึ่งเวียนได้ตรงเข้ามาขัดสภาพการณ์ตรงหน้าได้ทันท่วงที แสงสว่างจากคบเพลิงไม้ส่องให้เห็นภาพของชายกลัดมันผู้มาใหม่อย่างอ้ายสามที่เขาเกลียดขี้หน้าพยายามชำเราสาลี่ เด็กสาวที่สวยที่สุดในเรือนบ่าวในช่วงหัวค่ำอย่างไร้ยางอาย“พะ... พ่อแดง!” เสียงสั่นเครือของหล่อนพร้อมน้ำตารื้นอย่างตกใจ อ้ายแดงที่ส่องไฟเห็นทุกภาพการณ์ ไม่ทันได้คิดอะไร รีบตะโกนลั่นป่าวประกาศให้บ่าวชายแถวนี้รู้งานบัดสี แล้วไปเอาตัวมันออกจากสาลี่เสีย“เอ้ย!! ไอ้คำไอ้ทิด ไอ้เทิด ไอ้สามมันจักเอาอีสาลี่เป็นเมียกลางที่รโหฐานแล้วโว้ย!!”เช้าวันต่อมา ข่าวลือที่อ้ายสามพยายามจะคร่อมบ่าวสาวในเรือนออกญาเลื่องลือไปเจ็ดคุ้งน้ำ สามก๊กตื่นมาในช่วงเช้าบนแคร่ไม้ตัวเดิมด้วยอารามเมาค้าง เขาปรือตาขึ้นพร้อมกับเช้าตรู่ที่โดนอ้ายคำอ้ายเทิดลากไปที่เรือนของแม่จิต ที่ก่อนหน้านั้นกำลังตำหนิสาลี่ที่ปล่อยให้ผู้ชายถึงเนื้อถึงตัวในช่วงค่ำคืน เนื่องจากคำบอกเล่าจากลูกสาวว่าเป็นคนเข้าหาชายหนุ่มเองในอารมณ์เมามาย ไม่แปลกที่จะโดนทำเช่นนั้น“แม่ ฉันมิได้ตั้งใจ ฉันแค่เพียงเป็นห่วงอ้ายสามว่าจักเ
ฝ่ามือหนาอบอุ่นแทรกแทรงด้วยความเย็นนิดๆ ของร่มไพรรอบๆ ทำให้พิมแก้วหมุนตัวหันกลับไปมองเขาอย่างตกใจ ชายตรงหน้ามีสีหน้าจริงจัง เขาไม่อยากให้เธอกลับไปในขณะที่เขายังมีอารมณ์ค้างอยู่มากแบบนี้ อย่างน้อยอยากคุยกันก่อน ให้เข้าใจกันทั้งสองฝ่ายอย่างไรเขาก็ยังมองเธอเป็นภรรยาของเขาอยู่ดี แม้ว่าเธออาจไม่เห็นเขาเป็นสามีของเธอแล้วก็ตาม“คุณสาม...”“พี่...”แกร่บทว่า... เสียงดังแกรบจากใบไม้แห้งที่เหมือนถูกใครเหยียบในระหว่างที่หญิงชายทั้งสองกำลังจ้องสายตาสู้กัน ทำให้ทั้งพิมแก้วและสามก๊กผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ อดีตมาเฟียหนุ่มกลืนคำพูดลงไปในคอ มองหาต้นตอของเสียงไม่เจอว่ามีใครอยู่แถวนี้แต่พิมแก้วเห็นท่าว่าจะไม่ดีแล้ว เธอกลัวว่าใครมาเห็นภาพไม่เหมาะสมตรงนี้แล้วเอาไปรายงานเจ้าคุณพ่อ จึงขอตัวผละออกจากสามก๊กอย่างรวดเร็ว“พะ... พิมต้องรีบกลับเรือนแล้ว ขอตัวก่อนนะเจ้าคะคุณสาม” หล่อนละล่ำละลั่กบอก พลางเร่งรุดออกห่างจากสามก๊กที่เอื้อมมือไปคว้าไม่ทัน เขาพ่นลมหายใจหนัก ยืนมองแผ่นหลังเล็กที่วิ่งลนลานสไบปลิวไปจนลับตาอย่างแสนเสียดาย ก่อนที่จะล้มตัวลงนั่งห้อยขาอยู่บนสะพานไม้ ปล่อยปลายเท้าสัมผัสลำธารใสได้ข้อมูลใหม่แ
“คุณสาม... ชอบพอพิมหรือเจ้าคะ”พิมแก้วกลั้นใจถามขึ้นมาตรงๆ เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าแปลกไป เธอคิดมาตลอดว่าคุณสามแค่เห็นเธอเป็นเพียงสิ่งของ เป็นผู้หญิงรองเท้าที่ไม่ว่าอย่างไรก็จะเอาไปต้มยำทำแกงทำอะไรก็ได้ไม่ต่างกับชายมีศักดิ์ในอโยธยา ด้วยความที่สถานะเขาเหนือกว่า แต่ทั้งที่พอมาอยู่ที่นี่เขายศต่ำกว่าเธอออกมากจนไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะมาเกี่ยวข้อง น่าจะยอมแพ้ไปแล้ว ไฉนถึงยังอยากจะมาเกี่ยวดองด้วยอีก ในเมื่อก็พอดูออกไม่ใช่หรือว่าเจ้าคุณพ่อของเธอเอาเรื่องแค่ไหน การเสี่ยงมากอดรัดกับเธอกลางที่รโหฐานแบบนี้ มีแต่จะฆ่าตนเองเสียเปล่าๆ“ชอบ”“...”“ชอบมาก”แต่คำตอบของอีกฝ่าย กลับทำให้สาวน้อยนั้นแทบตะลึง“... คุณสาม”“พอใจหรือยัง ได้รู้ความรู้สึกพี่แล้วพอใจไหม” เสียงทุ้มนั้นขยับมาชิดริมกกหูอีกนิด พาให้สาวเจ้าหลับตาปี๋พยายามผลักไสใครอีกคนที่พยายามจะล่อลวงเธอให้เข้าไปในคลังเสน่ห์ ตอนที่อยู่ภพปัจจุบันเธอยอมตบแต่งกับเขาเพียงเพราะจำนนกับการพึ่งพาได้ที่เขาแสดงออกต่อเธอ แต่อย่างไรก็แค่คนไม่รู้จักที่มารู้จักกันในช่วงเวลาสั้นๆแต่ไยเธอถึงผลักเขาด้วยแรงเพียงน้อยแค่นี้เล่า? ทั้งๆ ที่ปากพร่ำบอกตลอดว่าไม่ชอบอีกฝ่าย เ
“พิมเป็นห่วงพี่หรือ”เด็กสาวรีบหันขวับไปมองเขา เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมคายกับลำแขนแกร่งที่โผล่พ้นออกมาผ่านซอกลำต้น แต่จุดที่ต่ำกว่านั้นเธอกลับไม่กล้ามอง ทั้งที่ก็เคยเห็นมาถึงสองครั้งสองคราแล้ว“ในฐานะเพื่อนมนุษย์ที่ร่วมหายใจในอากาศเดียวกัน... พิมเป็นห่วงอยู่แล้วเจ้าค่ะ”สามก๊กกระตุกยิ้มเพียงเล็กน้อย ถึงยังไงเธอก็ยังปากหนักอยู่ดี“เราไม่ใช่คนรู้จักกันที่อยู่ในฐานะมนุษย์ร่วมโลก แต่เป็นผัวเมียกันต่างหากล่ะ”“...!”“ถึงโลกนี้เราอาจจะไม่มีโอกาสได้มาเกี่ยวข้องกัน แต่พี่จะไม่ลืมว่าครั้งหนึ่ง พี่เคยได้กอดพิมอย่างแนบแน่น”“ทั้งที่มีบ่าวหญิงออกมากมาหลงชอบ แต่กลับมาพูดแบบนี้กับพิมงั้นหรือเจ้าคะ?” สาวน้อยอดที่จะรู้สึกแบบนั้นไม่ได้ คุณสามในภพอนาคตเป็นผู้ชายที่มีสาวๆ มากมายในอ้อมกอด ถึงมาในภพนี้เขาก็ยังคงเนื้อหอมมีแต่ใครต่อใครมารุมตอมสามก๊กเหลียวมองไปทางแผ่นหลังเล็กผ่านซอกต้นไม้ เห็นเพียงไหล่นวลที่โผล่พ้นออกมาจากสไบและชุดรัดอก และผมยาวสีดำขลับ เขายอมรับว่าตัวเองนั้นสนใจผู้หญิงในครั้งแรกด้วยรูปโฉมทั้งนั้น แต่เชื่อไหมว่าตั้งแต่ที่ได้พิมแก้วมาเป็นเมีย จนถึงตอนนี้ก็ยังลืมใบหน้าเธอในระหว่างที่กอดกันไม่ได้
“คุณสาม... อ้ายสามหล่อเหลาหรือ?” พิมแก้วถามย้ำ เธอรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นคมคาย แต่ไม่คิดว่าจะมีคนมาชมเขาต่อหน้าเช่นนี้“เจ้าค่ะคุณหนู บ่าวในครัวที่อิฉันอยู่ชอบพออ้ายสามออกมาก” ท้ายคำพูดในใจของบ่าวจิตก็นึกถึงลูกสาวตนเองด้วย หากแต่ไม่กล้าบอกแม่หญิงน้อยของตนอย่างเต็มปาก “แต่อ้ายนั่นออกจักขรึมนัก มิค่อยพูดค่อยจากับบ่าวหญิงคนใด”พิมแก้วไม่รู้ว่าทำไมพอได้ยินว่ามีแต่บ่าวสาวชอบพอกับสามก๊ก ทั้งๆ ที่ยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายแค่เพียงใบหน้าและชื่อละม้ายคล้ายเท่านั้นหรือเป็นสามก๊กตัวจริง ก็เต็มตื้นไปด้วยความไม่พอใจจนสีหน้าออกอาการอย่างเห็นได้ชัด“ก็เจ้าคุณพ่อให้เขาไปทำงานตรงเรือนใหญ่ที่บ่าวหญิงมากกว่าเรือนเรา ก็มิแปลกดอกถ้าจักมีหญิงใดชมชอบชายผู้นั้น”ทำท่าทางเหมือนเข้าอกเข้าใจ แต่ความจริงมันช่างขัดเคืองสิ้นดี“ฉันจักไปหาเขา จักไปสอบถามให้รู้ความ”แต่เพราะทนความอยากรู้อยากเห็น (และอยากพบหน้าอีกฝ่าย) ไม่ไหว สาวเจ้าจึงผลุนผลันลุกขึ้นจากตั่งไม้สักอย่างกระฟัดกระเฟียด พาให้บ่าวจิตบ่าวจวนสะดุ้งไปด้วย จนเธอเดินสไบปลิวออกไป บ่าวทั้งสองจึงรีบเดินตามไปด้วยเด็กสาวแอบด้อมๆ มองๆ ตรงเรือนบ่าวท้ายเรือนใหญ่ของเจ้าคุณพ่อ วั