Home / รักโบราณ / ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ / ตอนที่ 3 บ้านหลังน้อยกับสามชีวิต

Share

ตอนที่ 3 บ้านหลังน้อยกับสามชีวิต

last update Last Updated: 2025-08-15 16:19:40

รถม้าแล่นไปตามทาง สองข้างถนนจากเดิมได้ยินเสียงพูดคุยจอแจของผู้คนหลังผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วยามความวุ่นวายของบ้านเมืองก็ค่อย ๆ จางหายเหลือไว้เพียงความเงียบสงบและท่วงทำนองจากธรรมชาติ

เยว่ฉีเลิกผ้าม่านกั้นหน้าต่างขึ้นมองออกไปยังทิวทัศน์ซึ่งประดับประดาไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่ ป่าไม้เขียวชอุ่ม มองดูธรรมชาติที่ห่างไกลจากความเจริญ

ปลายทางของรถม้าคือหมู่บ้านชวีซาน หมู่บ้านชนบทตั้งห่างออกไปจากเมืองโม่ฉีหนึ่งชั่วยาม ซึ่งแต่เดิมคือที่ตั้งของจวนตระกูลหาน

“ธรรมชาติก็ไม่เลว มีคำกล่าวว่าธรรมชาติช่วยบำบัดผู้ป่วย”

“บำบัด?” คำพูดไม่คุ้นหูชวนให้บุรุษตรงหน้าสงสัย จึงเอ่ยถาม

“บำบัด คือ การรักษา ว่ากันว่าธรรมชาติช่วยรักษาผู้คนได้” เยว่ฉีไม่คิดปิดบังคำพูดไม่คุ้นชิน เอ่ยอธิบายอย่างใจเย็น รอยยิ้มประดับดวงหน้า น้ำเสียงอ่อนโยน

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วย”

“ในความทรงจำของข้าล้วนมีเรื่องเช่นนี้ ถึงจะไม่สามารถรักษาได้ทุกอาการเจ็บป่วย แต่สภาพจิตใจกลับสามารถ” ยามเอ่ยประโยคนี้นัยน์ตาเยว่ฉีมีประกายความคิดถึงเคลื่อนผ่านบางเบา ทำให้หานลั่วฉีไม่อาจสัมผัสถึง

ด้านหลังรถม้าของทั้งคู่มีรถม้าแล่นตามมาด้วยสองคัน หนึ่งคันคือรถม้าของหานลั่วซาน อีกคันคือรถม้าขนสัมภาระซึ่งมีเพียงน้อยนิดของผู้เคยเป็นถึงคุณชายใหญ่

ใช้เวลาร่วมหนึ่งชั่วยามกับอีกสองเค่อทั้งสามคนก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านชวีซาน เพราะต้องคอยระวังไม่ให้กระทบกระเทือนร่างกายผู้ป่วยรถม้าจึงเดินทางช้ากว่าปกติเล็กน้อย

โลกที่เยว่ฉีคนใหม่มาอยู่เรียกว่า ทวีปหลงเหริน แบ่งออกเป็นสามดินแดนใหญ่ คือดินแดนระดับล่างเฟยฮ่าว ดินแดนระดับกลางเทียนหลง และสุดท้ายดินแดนระดับสูงหลินหลง

จวนตระกูลหานที่เยว่ฉีเคยอยู่ตั้งอยู่บนดินแดนระดับล่างเฟยฮ่าว เมืองโม่ฉี ซึ่งห่างจากหมู่บ้านชวีซานหนึ่งชั่วยาม

ยิ่งระดับการอยู่อาศัยสูงเท่าใด ระดับการฝึกปราณจะยิ่งสูงมากเท่านั้น ทั้งจำนวนผู้ฝึกปราณก็จะมีมากขึ้น ด้วยทรัพยากรที่มีมากกว่าทั้งยังมีระดับสูงกว่า

ดินแดนระดับต่ำมักจะหาทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกปราณได้อย่างจำกัด อีกทั้งของระดับสูงยังหายากในดินแดนระดับล่าง สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ผู้ฝึกปราณก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้นได้ยาก ผู้ฝึกปราณส่วนใหญ่จึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อจะขึ้นไปยังดินแดนที่สูงกว่า

แต่ไม่ว่าจะเป็นดินแดนระดับใดก็ล้วนแล้วแต่มีการแข่งขันสูงไม่ต่างกัน

นอกจากพรสวรรค์ความสามารถแล้วสิ่งที่ผู้คนที่นี่คิดว่าควรจะมีมากที่สุดคือ โชค โชควาสนาในการพบพานเครื่องมือซึ่งช่วยในการฝึกปราณ รวมไปถึงทรัพย์สินพอให้ใช้จ่ายออกไปได้อย่างไม่จำกัด

รถม้าหยุดแล้ว เยว่ฉีมองกำแพงเก่าโทรมตรงหน้าพลันขมวดคิ้ว

คงไม่ใช่บ้านหลังนี้ใช่ไหม?

ไม่ต้องให้นางรอคำตอบนานเกินไป เมื่อคนขับรถม้าพูดขึ้นมาว่าถึงบ้านพวกเขาแล้ว

เยว่ฉีพลันขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน คนตระกูลหานแสนประเสริฐอวดอ้างว่าตนเป็นผู้ฝึกปราณมีคุณธรรม หวาดกลัวชื่อเสียงจะเป็นที่กล่าวถึง ดูการกระทำแต่ละอย่าง สมควรโดนด่าสามวันแปดวัน

เยว่ฉีถอนหายใจยาว หันไปมองสามี

คนผู้นี้ต่างหากที่ควรจะรู้สึกมากกว่านาง ทว่าพอได้สบสายตาหนักแน่นตรงหน้า ความหงุดหงิดในใจพลันสลายลงไปมาก เอ่ยเสียงอบอุ่นเป็นกันเอง

“ก็ดีกว่าบ้านหลังนั้น ถึงจะทรุดโทรมไปบ้างแต่ยังดีที่มีที่ซุกหัวนอน” ยามกล่าวประโยคนี้ใบหน้าเยว่ฉีประดับรอยยิ้มเล็กน้อยอยู่ตลอด

หานลั่วอี้พยักหน้าเห็นด้วย ธรรมชาติของชนบทก็ไม่แย่อย่างที่คิด ทั้งเงียบสงบและเป็นส่วนตัว อาจจะไม่สะดวกสบายเท่าตระกูลใหญ่ที่อยู่อาศัยมาตลอดยี่สิบปี แต่กลับให้ความรู้สึกสบายใจมากกว่าความกดดันเหล่านั้นหลายเท่า

ทั้งคู่ลงมาจากรถม้าแล้ว แม้หานลั่วอี้จะถูกผู้คนกำหนดให้ไม่สามารถฝึกปราณได้ แต่ก็ยังเป็นถึงผู้ฝึกปราณขั้นสาม ในหมู่บ้านนี้ถือได้ว่าอยู่ระดับสูงสุด ก่อนจะป่วยหานลั่วอี้เป็นถึงผู้ฝึกปราณขั้นหก ซึ่งถือได้ว่ามีความสามารถโดดเด่นแต่หลังจากต้องพิษจนเส้นลมปราณเสียหายไปจนถึงขาทั้งสองข้างความสามารถก็ลดลงอย่างมาก และการที่เส้นลมปราณเสียหายยากจะรักษา หมอมีชื่อมากมายจึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่อาจรักษาได้ 

เยว่ฉีผลักรถเข็นชายหนุ่มผ่านประตูกำแพงบ้านที่เปิดอ้าไว้ครึ่งหนึ่งเข้าไป นางเข็นรถเข็นไปหยุดไว้ใต้ต้นไม้ข้างกำแพง ก่อนจะพาร่างเดินไปสำรวจดูว่าบ้านพอจะอยู่อาศัยได้หรือไม่

ทันทีที่ผลักบานประตูเข้าไปฝุ่นมากมายก็กระโดดออกมาต้อนรับจนต้องหลบหน้าหนี สำลักไอออกมาอยู่นาน เยว่ฉีเหลือบสายตาเข้าไปสำรวจด้านในอีกครั้ง ไม่มีแสงลอดผ่านลงมาจากหลังคา พยักหน้าพึงพอใจ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าหลังคาไม่รั่ว ก่อนจะเดินเข้าไปเปิดหน้าต่างออกเป็นอย่างแรก

บ้านหลังน้อยนี้มีห้องอยู่ทั้งหมดสองห้องเพียงพอสำหรับพวกเขาสามคน ถึงจะยังตะขิดตะขวงใจที่ต้องนอนร่วมห้องกับหานลั่วอี้ แต่ยังไงก็ได้ชื่อว่า เป็นสามีภรรยา นอนห้องเดียวกันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องไม่สมควร

สำรวจบ้านคร่าว ๆ แล้ว เยว่ฉีก็เดินออกมาด้านนอก ข้างบ้านหลังน้อยมีเพิงสำหรับหุงหาอาหารตั้งอยู่ มีเตาสำหรับใช้ทำอาหารและฟืนซึ่งโดนแมลงกัดเจาะจนเป็นรูไปหมดแล้ว ข้างเพิงหญ้ามีบ่อน้ำบ่อหนึ่ง มีฝาไม้ผุ ๆ ปิดเอาไว้ พอเปิดดูน้ำในบ่อยังมีพอให้ใช้ ไม่ต้องลำบากออกไปตักน้ำที่ไหนไกล

ในลานบ้านขนาดเล็กเต็มไปด้วยเถาวัลย์ หญ้า และต้นไม้ ไม่จำเป็นต้องมีคนบอกแค่ดูก็รู้แล้วว่าบ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างมานานแค่ไหน

“ยังดีที่หลังคาไม่เป็นอะไร ทำความสะอาดสักหน่อยก็นอนได้แล้ว มีห้องอยู่สองห้องพอดี พอให้หานลั่วซานได้นอนอย่างสบาย ๆ” ท่าทีไม่ทุกข์ร้อนและคำพูดสบาย ๆ ของเยว่ฉี ไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยคลายความอยุติธรรมในใจหานลั่วอี้ได้หลายส่วน

เขามองหน้าภรรยานิ่ง ก่อนจะกล่าวเสียงเนิบช้าหนักแน่น

“เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นบ้านที่ดีของเรา” ไม่รู้ว่าเพราะสายตาที่มองมา หรือประโยคคำว่า บ้านของเรากันแน่ ถึงทำให้หัวใจเยว่ฉีอบอุ่นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ระหว่างที่เยว่ฉีเดินสำรวจบ้าน คนขับรถม้าของตระกูลก็ขนสัมภาระมาไว้ข้างตัวหานลั่วอี้หมดแล้ว มองหีบของที่มีเพียงไม่กี่ใบเยว่ฉีอดทอดถอนใจไม่ได้

ตลอดระยะเวลาตั้งแต่รถม้ามาจอดหน้ากำแพงบ้านเกือบท้ายหมู่บ้าน ชาวบ้านโดยรอบผ่านไปผ่านมาต่างมองมาด้วยความสงสัยใคร่อยู่ ถึงกับมีบางคนเดินเข้ามาใกล้สอบถามกับคนขับรถม้า ยังดีที่บ่าวเหล่านั้นไม่ได้ปากมาก พูดเพียงว่ามาส่งคนเท่านั้น

ชาวบ้านหลายคนต่างอยากรู้อยากเห็น เพราะพวกเขาบางคนทันได้เห็นว่าในบรรดาคนที่ลงจากรถม้ามา มีคนนั่งรถเข็นคนหนึ่ง และเด็กนอนหลับไม่ได้สติคนหนึ่ง แถมทั้งคู่ยังเป็นบุรุษ ส่วนสตรีที่มีสติดีกับร่างกายผอมแห้ง

พวกเขาไม่กลัวคนเข้ามาใหม่แต่กลัวคนมาสร้างความลำบากให้มากกว่า ชาวบ้านที่บ้านใกล้เคียงบางคนถึงขั้นออกมานั่งหน้าประตูบ้านเพื่อมองสำรวจอย่างจริงจัง

“คุณชายใหญ่ พวกข้าขนของเสร็จแล้วเช่นนั้นขอตัวลา” หานลั่วอี้มองท่าทีเชิงเคารพระคนดูแคลนก็ไม่พูดอะไรพยักหน้าน้อย ๆ ให้คนทั้งสาม

เมื่อคนไปแล้วตอนนี้ก็เหลือเพียงหานลั่วอี้ เยว่ฉี และหานลั่วซานนอนหลับอยู่บนฝูกข้างกายพี่ชาย บุรุษหนุ่มหันหน้าไปมองน้องชายต่างมารดาด้วยสีหน้าหลากหลาย ทว่าในความหมายของสายตากับไม่มีความเคียดแค้นชิงชังปรากฏอยู่

เยว่ฉีสงสัยในความสัมพันธ์ของทั้งสองคน เห็นได้ชัดว่า มารดาเด็กน้อยคนนี้ไม่ได้มีความรู้สึกดีต่อหานลั่วอี้แต่ทำไมเขาถึงได้ดูเป็นห่วงเด็กน้อยคนนี้เสียเหลือเกิน

คนก็ไปแล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลามามัวสงสัยความสัมพันธ์คนทั้งคู่ ยังมีเวลาอีกมากให้นางได้ถามไถ่เรื่องราวหลายอย่าง ตอนนี้สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรก คือการทำความสะอาดบ้านหลังน้อยนี้ให้พอซุกหัวนอนได้

เยว่ฉีบอกกับหานลั่วอี้ว่าจะไปทำความสะอาดบ้าน ชายหนุ่มต้องการช่วยเหลือ ถึงขาจะใช้การไม่ได้แต่ส่วนอื่น ๆ ยังสามารถใช้งานได้ปกติ แต่เยว่ฉีปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่า หานลั่วซานต้องมีคนคอยดูแล

พอคิดถึงความปลอดภัยของน้องชาย หานลั่วอี้จึงไม่ดึงดันช่วยเหลืออีก ยอมกลับไปอยู่ข้าง ๆ น้องชายแต่โดยดี ส่วนเยว่ฉีก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป

หานลั่วอี้ได้แต่มองตามแผ่นหลังภรรยาหายลับเข้าไปในบ้าน นัยน์ตาชายหนุ่มพลันปรากฏคลื่นอารมณ์

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 20 สัตว์อสูรบุกรุก

    ทันทีที่ก้าวเข้ามาในบ้าน เยว่ฉีก็เห็นเฟิงซิ่วกำลังนั่งแกะสลักอยู่ไม่ไกลจากประตูเรือน อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นผงกหัวทักทายนางเล็กน้อย หลัวหรูจึงใช้โอกาสนี้เรียกสามีให้มานั่งด้วยกันทั้งสามคนนั่งล้อมโต๊ะอาหารบนลานเล็ก ๆ หน้าบ้าน เยว่ฉีมองหลัวหรูทีมองเฟิงซิ่วทีพร้อมยิ้มกรุ้มกริ่ม จากนั้นจึงหยิบอาหารออกมาวางบนโต๊ะ กลิ่นหอมนำมาก่อนใครเพื่อน ก่อนจะตามมาด้วยหน้าตาอาหารดูน่ารับประทาน สีสันสวยงามตัดกันได้อย่างลงตัวเรียกความต้องการอยากของกระเพาะได้เป็นอย่างดีกลิ่นหอมนี้ส่งผลให้ทั้งสองคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ“พี่หลัว พี่เฟิงพวกท่านลองชิมดู” ทั้งสองคนพยักหน้าขึ้นลง ก่อนจะใช้ตะเกียบที่เยว่ฉีนำมาด้วยคีบอาหารเข้าปากสิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความอร่อยล้ำไม่ต่างจากอาหารในร้านชื่อดังในเมือง พอเคี้ยวไปเรื่อย ๆ ความอร่อยล้ำก็เปลี่ยนเป็นความประหลาดใจ และเมื่ออาหารถูกกลืนลงท้องสิ่งที่ตามมายิ่งทำให้ทั้งสองคนต้องตกตะลึงเบิกตากว้างมองเด็กสาวซึ่งกำลังยิ้มกว้างมาให้“พี่หลัว พี่เฟิงเป็นเช่นไรบ้าง”“เจ้าทำได้เช่นไร !!!” สองเสียงประสานกันเสียงดังทำเยว่ฉีตกใจสะดุ้งโหยงก่อนจะหัวเราะออกมา นางเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ“พี่ทั้งสอง

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 19 นำมาให้ลองชิม

    ผ่านมาครึ่งเดือนนับจากวันที่แยกออกมาจากจวนตระกูลหาน ทุก ๆ วันของพวกเขาเรียกได้ว่าราบรื่น นอกจากการปะทะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ กับหานลั่วเหมยวันนั้นทางตระกูลหานก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดอีกเลยครึ่งเดือนมานี้เยว่ฉียังไม่ได้เริ่มกิจการหาเงินอย่างจริงจัง ด้วยตัวนางต้องการบำรุงร่างกายซูบผอมนี้ให้กลับมามีน้ำมีนวลและแข็งแรงมากกว่านี้ ทุกวันเยว่ฉีจะตื่นแต่เช้าตรู่ หุงหาอาหาร ต้มยำสำหรับหานลั่วซานและผสมน้ำแห่งชีวิตให้สามีดื่มร่างกายที่บำรุงอย่างดีตลอดครึ่งเดือนเรียกได้ว่าสมความตั้งใจ ร่างกายผอมแห้ง ใบหน้าซูบผอมมีน้ำมีนวลขึ้นไม่น้อย รอยคล้ำแดดเองก็ลดลงไปมาก ทำให้สามารถเห็นโครงหน้าและเรือนกายขาวเนียนกระจ่างดุจหยกเนื้อดีของร่างนี้ได้ชัดเจนขึ้นเยว่ฉีกระพริบตาปริบ ๆ มองเครื่องหน้างดงามซึ่งสะท้อนอยู่บนผืนน้ำ สตรีผู้นี้ช่างงดงามจนนางเองยังอดใจสั่นไม่ได้ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่ใช่ใบหน้างดงามหมดจด ทว่ากลับเผยความงดงามมีเสน่ห์ดึงดูดน่าทะนุถนอมเยว่ฉียกมือจับแก้มนวลที่เมื่อก่อนไร้ซึ่งไขมัน มาตอนนี้กลับให้สัมผัสนุ่มมือไม่ต่างจากผิวเด็กทารก“งามนัก” เสียงพึมพำแผ่วเบาพร้อมรอยยิ้มกว้างสะท้อนบนผืนน้ำ ไม่คิดว่าหลังบำรุงต

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 18 แผนการหาเงิน

    “นั่งกลุ้มอันใดกัน” เยว่ฉีเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่ นางกำลังนั่งคิดอะไรคนเดียวข้างบ้านจุดเดิมกับที่ทำปังตอปักเอาไว้ หานลั่วอี้ที่ออกมาทีหลังเข็นรถมาจอดข้าง ๆพอเยว่ฉีกลับมาถึงบ้านก็ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองให้หานลั่วอี้ฟัง อีกฝ่ายจึงเล่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานลั่วเหมย เด็กสาวท่าทางอวดดีผู้นั้นปีนี้อายุสิบสี่ เป็นผู้ฝึกปราณขั้นสอง ลูกสาวคนเล็กของหานฉิงอี้กับภรรยาเอก ส่วนหานลั่วอี้คือบุตรชายคนโตซึ่งเกิดจากภรรยารองหานลั่วเหมยมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กด้วยบิดามารดาตามใจและเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของทั้งสองคน รวมไปถึงเกิดในตระกูลใหญ่ ด้วยการเลี้ยงดูเช่นนี้ทำให้นางไม่สนหัวใครหานลั่วเหมยไม่ชอบหานลั่วอี้ด้วยเพราะเก่งกาจมากกว่าพี่ชายของนาง ทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะแสดงสีหน้าไม่ยินดีที่ได้พบกัน เขาเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้ บุรุษหนุ่มจึงไม่คิดจะเอาตนเข้าไปยุ่งเกี่ยวเช่นเดียวกันความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นเช่นนั้นเสมอมา ไม่แปลกที่เด็กสาวจะเข้ามาหาเรื่องเยว่ฉีเพราะมีความเกี่ยวข้องกับเขานางไม่ชอบใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับหานลั่วอี้“ข้ากำลังคิดว่าจะหาเงินได้จากทางใดบ้าง วันนี้ก่อนจะกลับข้าได้ไ

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 17 พบคนคุ้นเคย ?

    “เจ้า!!เจ้า !!” เด็กสาวกล่าวพร้อมยกมือชี้หน้าด่า กระทืบเท้าลงพื้นอย่างขัดใจ ไม่คิดว่าสตรีผู้นี้จะบังอาจไม่รู้จักนาง “ข้าหานลั่วเหมย คงมิได้จะพูดว่าไม่รู้จักตระกูลหานใช่ไหม”อ๋อ คนตระกูลหาน มิน่าถึงได้มีกิริยาน่ารังเกียจ คนตระกูลนี้นิสัยเสียกันหมดตระกูลหรือไง? ไม่สิยกเว้นสามีนางไว้คนหนึ่งเยว่ฉีตอบรับออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “อ๋อ ตระกูลหาน” ก่อนจะก้าวแยกตัวออกไป คนตระกูลนี้อยู่ให้ห่างหน่อยเป็นดี เดี๋ยวจะถูกเชื้อนิสัยเสียลามมาเปื้อนตัว“เจ้าจะไปไหน ข้ายังไม่อนุญาตให้เจ้าไป” หานลั่วเหมยเดินตามยื่นมือมากระชากแขนเยว่ฉีเต็มแรง เด็กเล็กมักมีแรงมาก นับประสาอะไรกับหานลั่วเหมยที่เป็นผู้ฝึกปราณขั้นสอง ส่วนเยว่ฉีเป็นเพียงคนธรรมดาที่ร่างกายยังบำรุงได้ไม่เต็มที่เด็กสาวเพียงกระตุกมือเยว่ฉีก็แทบหงายหลังต้องรีบก้าวถอยหลังเร็ว ๆ กลับไปความฉุนเฉียวพลันผุดขึ้นในใจ เยว่ฉีใช้แรงที่มีกระชากมือกลับคืนมา“เสียมารยาท!!ข้าไม่ใช่ขี้ข้าของเจ้าที่คิดจะกระชากลากถูหรือขึ้นเสียงอย่างไรก็ได้ ในจวนตระกูลหานเจ้าอาจจะทำกิริยาหยิ่งยโส ยกตนใหญ่โตเพราะผู้อื่นเขาหวาดกลัว แต่ไม่ใช่กับข้า ข้าไม่ใช่คนของตระกูลเจ้าที่คิดอยากจะขึ้นเส

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 16 ข้ากับเจ้ารู้จักกันหรือ ?

    เยว่ฉีออกมาจากร้านค้าหยกก็เดินหามุมลับสายตาคนถอดผ้าคลุมออกจากตัว ก่อนจะทำทีว่าไม่มีเรื่องอันใด แล้วเดินปะปนเข้าไปในฝูงคน ในมือมีเงินเยว่ฉีก็หายใจได้สะดวกขึ้น ใบหน้าติดกังวลก็คลายลงมีเงินก็ต้องใช้เงิน แม้ว่านางมีความคิดจะสร้างบ้านให้ดีขึ้นแต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญกว่าคือ สิ่งของอำนวยความสะดวกภายในบ้านชุดครัวมีน้อยเกินไป นอกจากกระทะใบใหญ่บนเตาอาหารกับหม้อใบเล็กแล้ว สิ่งของอื่น ๆ ล้วนใกล้จะพังจนใช้งานไม่ได้ ขนาดตะเกียบที่ใช้อยู่ตอนนี้ยังเป็นนางที่เหลาจากไม้ไผ่มาใช้ชั่วคราวส่วนถ้วยชามก็มีอย่างจำกัดและสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ ข้าว!!ข้าวในบ้านเหลือไม่มากแล้วเยว่ฉีจึงต้องการซื้อตุนเอาไว้มากหน่อยหญิงสาวเดินไปตามถนนที่ผู้คนพลุกพล่านไม่นานก็เจอร้านขายข้าว นอกจากข้าวแล้วยังมีของใช้ในครัวอื่น ๆ เช่น ถ้วย ชาม ตะเกียบ ไปจนถึงพวกแป้งเยว่ฉีคำนวณในใจ ของที่ต้องการซื้อมีมากมายเหลือเกิน ไม่สามารถขนไปด้วยตัวคนเดียวไหว จึงเอ่ยถามกับลูกจ้างร้านว่าสามารถขนของไปส่งยังจุดจอดรถเทียมลาได้ไหม ลูกจ้างร้านมองหน้ากันไปมาก่อนเอ่ยว่า หากของที่ซื้อมีราคาถึงหนึ่งตำลึงพวกเขาจะนำไปส่งให้เยว่ฉีพยักหน้าเข้าใจจากนั้นเอ่ยถา

  • ข้ามเวลามาเป็นภรรยาสามีขาพิการ   ตอนที่ 15 เสนอขายหยกวิญญาณ

    “เถ้าแก่ ปกติแล้วดอกแต้มสีชาดคู่มักให้ราคาสูงที่สี่ตำลึงมิใช่หรือ เหตุใดถึงมากกว่าราคาตลอดถึงสองตำลึง” เถ้าแก่ร้านไม่ปิดบังเอ่ยสีหน้าเบิกบาน“คุณภาพพืชวิญญาณต้นนี้สูงมาก ทั้งยังบริสุทธิ์มาก พวกเจ้าไม่ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่แพร่กระจายออกมาจากพืชตรงหน้าหรือ” ทั้งสามคนก้มหน้ามองพอลองสูดดมดี ๆ ก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยออกมาอย่างที่เถ้าแก่ว่า“ในเมื่อคุณภาพสูง ข้าเองก็ชอบทำการค้าขายแบบยุติธรรมจึงให้ราคาสูงกับพวกเจ้าสองคน” พูดไปก็เอาแต่จ้องพืชวิญญาณในมือไปด้วยคล้ายกลัวว่าหากละสายตา ดอกไม้สีขาวสองดอกนี้จะหายไป“ไปนำกล่องมาใส่พืชวิญญาณสองต้นนี้”“ขอรับ” ลูกจ้างรับคำไม่นานก็กลับมาพร้อมกล่องสำหรับเก็บพืชวิญญาณโดยเฉพาะสองกล่อง ทั้งสองแลกเปลี่ยนสินค้าเป็นเงิน เถ้าแก่ร้านกอดกล่องใส่พืชวิญญาณเอาไว้แน่น มองทั้งสามคนยิ้ม ๆแค่คิดว่าหลังหลอมเป็นโอสถแล้วจะทำเงินได้มากกว่าที่จ่ายไปก็เบิกบานแล้ว ในเมืองโม่ฉีมีไม่กี่ร้านที่สามารถขายโอสถทะลวงขึ้นระดับสาม และตอนนี้ร้านของเขาก็กำลังจะเป็นหนึ่งนั้น“หากพวกเจ้าพบพืชวิญญาณก็นำมาขายให้ร้านได้ ข้าย่อมให้ราคาเป็นธรรม” เถ้าแก่เอ่ยย้ำเป็นมั่นเป็นเหมาะกอดกล่องแล้วเดินกลั

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status