คนผู้นั้นรับงานชั้นต่ำทำบ่อยอยู่แล้ว เขารับถุงเงิน “ว่าแต่บุรุษที่มากับนางมีฝีมือยุทธหรือไม่”“ไม่ เขาเป็นแค่พ่อค้า ชอบอ่านตำราเฉกบัณฑิต”คนฟังพยักหน้าเหยียดยิ้มหยัน เอ่ยอย่างไม่ยี่หระว่า “ดี! เช่นนี้ข้าจะพากลุ่มอันธพาลสองสามคนไปจับแม่นางคนงามผู้นั้นมาผลัดกันชื่นชมทั้งวันทั้งคืนแล้วกัน”ดวงตาคนพูดฉายประกายประหลาด เขาทำท่าครุ่นคิด ภาพฉุดคร่าสตรีมาขืนใจในป่าผุดพรายเต็มสมอง มุมปากแหยะยิ้มกรุ่มกริ่มชวนขนลุกน่ารังเกียจ ขณะว่าต่อ “อ้อ...กระทำย่ำยีต่อหน้าบุรุษผู้นั้นเลยปะไร ได้ผลดีนักแล ว่ะฮ่าๆ”ตงซิ่วไม่อยากพร่ำวาจากับคนผู้นี้อีกจึงเอ่ยตัดบท “ตามใจเจ้า ห้ามให้เรื่องโยงใยมาถึงข้าแล้วกัน”คนรับเงินทำงานชั่วช้าค่อยๆ หรี่ตา ปิดหน้าปิดตาเสียขนาดนั้น ข้าคุยตั้งนานยังไม่รู้จักเลย แล้วใครจะโยงใย กระนั้นเขาเพียงรับปากอย่างหนักแน่นว่า “ได้...”เรือนหลักของจวนสกุลหานติงยวี่ถิงถูกเชิญเข้าด้านใน เซียวหงเย่เดินตามไม่ห่าง ทว่าระหว่างทางต้องช่วยนางจัดการกล่องไม้บรรจุยาบำรุงจึงต้องรั้งอยู่กับกลุ่มพ่อบ้านก่อนครั้นฮูหยินหานรู้ว่าเจ้าของโรงยามาส่งยาด้วยตนเอง นางก็รีบออกมาต้อนรับพร้อมบุตรีที่อยู่ในวัยสาวสะพ
คนตระกูลหานชอบความสงบ รักธรรมชาติชื่นชมสายน้ำภูผา จวนของสกุลหานจึงอยู่ทางใต้ของเมืองหลวง ติดกับเขตชานเมืองที่มีแนวชายป่ารถม้าใช้เวลาเดินทางทางเรียบราวหนึ่งชั่วยามครึ่ง ระหว่างทางยังมีบึงมรกตขนาดใหญ่เชื่อมกับภูเขาสูงเด่น รอบด้านเต็มไปด้วยดอกไม้เหมาะแก่การแวะชื่นชมทิวทัศน์“ไปส่งสินค้าให้สกุลหานก่อน ค่อยกลับมาเที่ยว” เซียวหงเย่สั่งการด้วยสุ้มเสียงขบขัน ทำเอาใครบางคนที่แอบเปิดผ้าม่านรถม้าตลอดทางต้องมองค้อน“รู้แล้วน่า”“อ้อ...เห็นแอบมองข้างทางตลอดยังทำตาละห้อย นึกว่าอยากแวะเที่ยวก่อน”“ข้ามีความรับผิดชอบเรื่องการค้ามาก อย่าใส่ร้าย”ถกเถียงกันไม่นานก็ถึงจุดหมายปลายทาง รถม้าจอดตรงประตูจวนหานพอดิบพอดีติงยวี่ถิงสำรวจความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมด้วยคันฉ่องคันใหญ่ที่ใส่รถม้ามาอย่างถ้วนถี่ตามวิสัยแม่ค้าที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ ภายใต้สายตาของเซียวหงเย่เช่นนี้ เขาจึงอดมิได้ต้องยื่นมือช่วยนาง ช่วยสำรวจอีกแรงหญิงสาวเห็นมือใหญ่ข้ามฝั่งจากตั่งยาวอีกด้านมาทำรุ่มร่ามก็ถามเสียงดุ “ทำอะไรน่ะ?”“นั่งนิ่งๆ สิ ปอยผมตรงนี้ยังไม่เรียบร้อย”“ฮึ!” แค่นเสียงหนึ่งทีก่อน นางถึงนั่งนิ่งๆ ให้เขาช่วยจัดเก็บปอยผมที่
“ย่อมจริงดั่งที่ท่านป้ากล่าวมาเจ้าค่ะ อาจเป็นเพราะเคยหย่าร้างและยามนี้ยังไร้สถานะต่อกันด้วย จึงมิอาจสะดวกชิดใกล้เกินไป”เสี่ยวจิงนิ่วหน้าทำท่าครุ่นคิด “แล้วถ้าหากพวกเขาได้แต่งงานกันอีกครั้ง ยังต้องระแวดระวังเว้นระยะห่างเหินหรือไม่?”“เจ้าน่ะพูดเหมือนง่าย แต่จะทำน่ะมันยากมากนะ” เจียวมิ่งตบบ่าเสี่ยวจิง จินอีต๋าช่วยออกความเห็น “เช่นนี้เราก็หาโอกาสให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขสร้างความผูกพันให้แน่นแฟ้นด้วยตัวเอง ไม่แน่ว่าอาจมีงานมงคลรอบใหม่กับคนเดิมเกิดขึ้นก็เป็นได้”ดวงตาเจียวมิ่งกับเสี่ยวจิงทอประกายวาบ“ข้าเห็นด้วย”วันรุ่งขึ้น เสี่ยวจิงกับเจียวมิ่ง จู่ๆ ก็ท้องเสียทั้งคู่“นายหญิง พวกข้ากินสิ่งใดเข้าไปก็สุดรู้เจ้าค่ะ” เสี่ยวจิงบอกเสียงแหบ“ข้าเดินไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” เจียวมิ่งตัวพับตัวอ่อน“พวกเจ้ากินไม่เลือกจนท้องไส้ปั่นป่วนเนี่ยนะ” หรือว่าเป็นอาหารที่นางหัดทำกันล่ะ! โธ่เอ๋ย...ติงยวี่ถิงให้รู้สึกผิดยิ่งนัก แต่นางก็กินนะ แม้ไม่ค่อยอร่อยเท่าใด ทว่าไม่เห็นท้องเสียเลยนี่นา แล้วเช่นนี้จะไปส่งยาบำรุงให้จวนสกุลหานยังไงเล่า? นัดลูกค้าเอาไว้แล้วด้วย!จังหวะนั้นเซียวหงเย่เดินมาเผ
โรงยาเจี้ยนคังหลังจากถูกปล่อยให้อารมณ์บางอย่างค้างเติ่งคืนก่อน กระทั่งต้องรู้สึกกระดากอายจนเก็บมาจำฝังใจ อีกทั้งคืนนี้ ไม่มียานอนหลับช่วย สตรีผู้หนึ่งจึงไม่อนุญาตให้ใครบางคนได้รับโอกาสเข้ามานอนร่วมเตียงแล้ว“กลับไปนอนโรงเตี๊ยมเลยนะ!” เซียวหงเย่พลันถูกติงยวี่ถิงไล่ส่งเสียงดังลั่น ปิดประตูใส่ดังปัง เร่งมือลั่นดาลใส่กลอนหน้าต่างทุกบานอีกด้วย “คืนนี้ข้าจะตามใจเจ้าปะไร” ชายหนุ่มเคาะประตู พยามแงะหน้าต่าง สุ้มเสียงทุ้มนุ่ม “ให้ข้าเข้าไปเถอะ”“ไม่ให้เข้า!”“ให้ข้าแก้ตัว”“ไม่ต้องแก้ตัวด้วย”“ให้แก้ผ้าก็ได้”“...” เซียวหงเย่พยายามง้อ “ฮูหยินข้า...ให้สามีเข้าไป” ติงยวี่ถิงร้องเฮอะ “ฝันไปเถอะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินท่าน”“ยวี่ถิง...”“ไม่ต้องเรียก!” นางหมดอารมณ์แล้วไง “ไปซะ!”“โอ๊ย! หน้าต่างหนีบนิ้ว”“เอานิ้วออกไป!”ปึก! หน้าต่างบานสุดท้ายปิดสนิท ศึกสามีภรรยาทำเอาบ่าวไพร่กลัวจนหัวหดถ้วนหน้า มีเพียงจินอีต๋า เสี่ยวจิง เจียวมิ่ง ที่ยืนหลบมุมแอบมองอยู่กล้ายื่นหน้าออกมาเสี่ยวจิงกระซิบว่า “ท่านป้าจิน มิสู้ส่งตัวไฉ่ตันเข้าไปเป็นทัพหน้าช่วยระงับศึกแก้ปัญหา”เจียวมิ่งส่งเสียงจุ๊ๆ ก่อนปรายตามองเด
เรือนซวงเฉวียนตำหนักองค์ชายสี่บุรุษอาภรณ์สีดำปักดิ้นสีทองเกล็ดมังกรกำลังนั่งนิ่งตระหง่านเหนือทุกคนในห้อง ข้างกายคือพระชายาสุดที่รัก พระชายานามว่าหลินซิงเยียน ซึ่งก็คือสหายสนิทของติงยวี่ถิงนั่นเอง ส่วนองค์ชายสี่ทรงมีพระนามว่าเจิ้งจื่อหมิง พระองค์เป็นจอมทัพแห่งต้าเจิ้ง นายเหนือหัวสูงศักดิ์ของผู้บัญชาการสูงสุดในขุนนางฝ่ายบู๊ ครอบครองและควบคุมดูแลกองกำลังทหารทั้งหมดของแว่นแคว้นติงยวี่ถิงถูกเรียกตัวเข้ามาปรุงยาบำรุงชุดใหม่ถวายพระชายาผู้เป็นสหายกะทันหันค่อยๆ เอ่ยปากถามเสียงเบา “องค์ชายสี่มีสิ่งใดรับสั่งเพคะ”องค์ชายสี่หรี่ตา “เจ้ามียานอนหลับหรือไม่?”คนถูกถามสงสัย “พระองค์จะเอาไปทำอะไรเพคะ”ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาทว่าใบหูเผยสีแดงระเรื่อ “เจ้าคิดดู บุรุษผู้หนึ่งต้องนอนร่วมเตียงกับภรรยาทุกคืน แต่กลับบอกรักไม่ได้ ต้องควบคุมความว้าวุ่นภายในจิตใจ เสี่ยงเลือดลมพลุ่งพล่านจนลมปราณแตกซ่านหรือไม่?”ติงยวี่ถิงร้องอ้อ “ย่อมมีแน่นอนเพคะ”แต่สักพักนางเริ่มคิดหนักอันที่จริงยานอนหลับน่ะมีเยอะ นางทำไว้เยอะมาก ทว่านางเอาไว้กินเองเนี่ยสิสาเหตุเพราะอดีตสามีตัวดีตามตอแยแทบทุกคืน ลอบปีนหน้าต่างบ้าง เข้าทางป
หากลูกของนางโตมาต้องรับรู้ว่ามีมารดาเป็นคนไม่ดี ใช้เขาเป็นเครื่องมืออย่างไร้มโนธรรม ยัดเยียดความเป็นลูกให้ผู้อื่นเพียงเพื่อผลประโยชน์ไร้สาระ เขายังจะรับได้หรือไม่ เมื่อก่อนนางแย่งชิงบุรุษจากอดีตภรรยาก็แล้วไปเถิด ต่อแต่นี้ ขอให้นางปรับปรุงเสียใหม่ ผู้อื่นจะได้เห็นค่า เหวินฟางให้รู้สึกหน้าชาแล้วหน้าชาอีก นางที่น่ารักบอบบางน่าทะนุถนอมปานนี้แต่กลับถูกสายตาเดียดฉัน ท่าทางยังฉายชัดถึงความรังเกียจปานนั้นหลังจากนั้นเซียวหงเย่ก็ชี้แนะนางด้วยการแฝงคำตำหนิต่างๆ จนนางดวงตาพร่าเบลอหูชาหน้าชาไปหมดนั่นมันคำสอนบ้าบออันใด? เซียวหงเย่เปลี่ยนไป!ดังนั้น นางที่ได้รับจดหมายจากไป๋ซั่วจึงได้แต่รอเขา แต่สุดท้ายก็หงุดหงิดเกินกว่าจะนั่งๆ นอนๆ อยู่แต่ในเรือน จำต้องออกมาเปิดหูเปิดตา ถึงได้เจอไป๋ซั่วกับหญิงแพศยา!เหวินฟางจ้องมองเกาลี่อินด้วยสายตาดุร้าย น่ากลัวมากหากแต่เกาลี่อินมีหรือจะกลัว นางต้องได้ไป๋ซั่ว เขารูปงามและร่ำรวย เป็นเรื่องที่ช่วยมิได้หากนางจะลงแรงยื้อแย่งหญิงสาวเอื้อมมือกระชากแขนไป๋ซั่วอีกข้างที่ว่างอยู่ “ข้ากับเขาก็กำลังคบหากัน เจ้าอย่าได้แอบอ้างเชียวนะ” “อะไรนะ?” เหวินฟางแทบอยากกินเลือดกิน