งูยักษ์เก้าหัวคล่องแคล่วว่องไว เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงยอดเขานั้นแล้ว กู้ชูหน่วนมองลงไปด้านล่าง เห็นภาพที่ทั้งชีวิตนี้ไม่มีทางลืม ร่างของนางพลันชะงักงันอย่างแรง นั่นช่างเป็นโศกนาฏกรรมสุดอนาถของโลกมนุษย์ เหล่าชาวบ้านถูกขังอยู่ในกรงเหล็กยักษ์ มือเท้าถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กเส้นโต อีกด้านของโซ่เหล็กถูกยึดด้วยหินก้อนใหญ่ พวกเขาแต่ละคน ร่างกายขดงอ ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องออกมาราวกับหมาป่า แต่ละครั้งเหมือนจะขาดใจ ไม่รู้เป็นเพราะเจ็บเกินทนไหวหรืออย่างไร เหล่าชาวบ้านผมสยาย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่เดิมสงบเสงี่ยมเผยให้เห็นความกระหายเลือดและฟูมฟายด้วยความเจ็บปวด พวกเขาดีดดิ้นไม่หยุด ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน โซ่เหล็กเส้นหนาขาดไปต่อหน้าต่อตาเพราะแรงดึงของพวกเขา "ปัง ปัง ปัง......" หลังจากที่โซ่ขาด พวกเขาใช้ร่างกายที่หุ้มด้วยเนื้อหนังของพวกเขากระแทกกรงเหล็ก กรงเหล็กแข็งแรงทนทาน พวกเขากระแทกจนเลือดสีแดงอาบลงมา แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับเสียสติไปโดยสิ้นเชิง คิดเพียงแค่จะต้องหลุดออกไปให้ได้ ยังมีบางคนที่ถึงขั้นใช้กะโหลกกระแทกกับพื้นอย่างแรง หน้าผากถูกกระแทกจนเ
ที่ริมเขตข่ายอาคม กู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เงยหน้ามองน้องเก้าที่กำลังวิ่งอุตลุด หาทางออกไม่หยุด นางถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้างูโง่ตัวนี้ ยืนยันหนักแน่นว่าจำคำพูดของเหล่าผู้อาวุโสได้ ทั้งยังยืดอกรับประกันว่าจะต้องพานางออกไปได้อย่างแน่นอน ปรากฎว่า... ปรากฏว่านางไม่ควรเชื่อคำพูดของงูตัวนี้เลย เจ้านี่ พานางวนอยู่ในกลุ่มภูเขาเหล่านี้รอบแล้วรอบเล่า หมุนจนนางเวียนหัวตาลาย แต่ก็ยังออกไปจากข่ายอาคมไม่ได้ น่าสงสารที่สุดท้ายก็วนจนนางแยกไม่ออกแม้กระทั่งทิศเหนือใต้ออกตก ทำได้เพียงแค่นั่งรอมันหาทางอยู่ตรงนี้ "ฟ่อ ฟ่อ......" น้องเก้ายื่นหัวใหญ่ยักษ์ไปทางขวา กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่มันไปทีหนึ่ง "หาต่อไป ข้าไม่อยากอ้อมเขากับเจ้าอีกแล้ว" "ฟ่อ ฟ่อ......" น้องเก้าส่งเสียงด้วยความน้อยอกน้อยใจ หุบเขาไป๋อวี้ใหญ่นัก ลักษณะรูปร่างของเขาแต่ละลูกก็ใกล้เคียงกัน แบบนี้กำลังรังแกงูอยู่ชัดๆ นายท่านควรจะให้พวกเขาเผาเขาให้เตียนไปเลย กู้ชูหน่วนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ที่แห่งนี้มีเขาลูกใหญ่เป็นหลายหมื่นลูก เชื่อมต่อกันไปทีละลูก หากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็ไปเผาให้เตียนเองเล
คำพูดของเขาไร้ที่ติ แต่นางไม่เชื่อ ว่าผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าอวี้จะไม่มีวิธีการจัดการกับเย่จิ่งหานเลยแม้แต่น้อย เผ่าอวี้ตัดขาดจากโลกภายนอกมาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ได้ ไม่มีทางพึ่งพาการหลบๆ ซ่อนๆ แน่ "หัวหน้าเผ่า ท่านว่า ไม่เช่นนั้นท่าน..." "พอเถิด ข้าเข้าใจความหมายของท่าน เดิมทีวันนี้ข้าตั้งใจจะมาบอกลาพวกท่าน อีกเดี๋ยวก็จะไปจากเผ่าอวี้แล้ว" ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็โล่งใจ แต่ก็อาลัยอาวรณ์ด้วยเช่นกัน "อาหน่วน หากเจ้าไม่คุ้นเคยกับการอยู่ด้านนอก ไม่เช่นนั้นอีกสักสองสามวันค่อยกลับมาอยู่เผ่าอวี้ต่ออีกสักหน่อย พวกข้ารอเจ้ามาตั้งนานกว่าเจ้าจะกลับมา นี่เพิ่งจะไม่กี่วันก็ต้องจากไปอีกแล้ว พวกข้าทำใจไม่ได้เลย เจ้าไม่มาดื่มเหล้า ไม่มีผู้ใดดื่มกับข้าเลย" ผู้อาวุโสหกมุ่ยปาก "เจ้าคิดว่าหัวหน้าเผ่าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เช่นเจ้ารึ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี" ผู้อาวุโสใหญ่ถลึงตาใส่ผู้อาวุโสหกอย่างไม่สบอารมณ์ไปทีหนึ่ง บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องตามมา ก็รั้นจะตามมาให้ได้ สีหน้าของพวกเขาเช่นนี้ หัวหน้าเผ่าไม่สงสัยก็แปลกแล้ว "ข้ายังต้องออกไปตามหาแก้วมังกร ไม่สู้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนพี่ใหญ่เฉ
"ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ท่านให้ภรรยาของท่านเถอะ หากข้าจำไม่ผิด ภรรยาของท่านตั้งท้องได้เก้าเดือนแล้วใช่หรือไม่ นางใกล้จะคลอดแล้ว ท่านยังให้นางบำรุงนั่นบำรุงนี่อยู่ทุกวัน ถึงเวลาคลอดจะลำบากเอาได้ บำรุงแต่พอเหมาะดีกว่า" ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าลุงหนิวพลันชะงักงัน สีหน้าฝืดเฝื่อนเต็มไปด้วยความกังวลและโศกเศร้า "ดูเหมือนข้าจะพูดผิดไป ลุงหนิว ท่านกับป้าหนิวรักกันดีขนาดนั้น อ่อนโยนเอาใจใส่ต่อนางทุกเรื่อง ลูกของท่านจะต้องปลอดภัย เติบโตมาอย่างแข็งแรงเป็นแน่ คำพูดเมื่อครู่ ท่านอย่าใส่ใจเลย" ลุงหนิวฝืนยิ้ม รีบตอบกลับ "ไม่ๆๆๆ ไม่ได้เกี่ยวกับหัวหน้าเผ่าเลย หัวหน้าเผ่าพูดถูก ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าก็เคยเตือนข้าหลายครั้งว่าอย่าบำรุงมากเกินไป ไม่เช่นนั้นต่อไปเด็กจะคลอดยาก ข้ารู้ว่าหัวหน้าเผ่าหวังดีกับข้า" "เช่นนั้นท่านกังวลสิ่งใดล่ะ" "ใกล้จะสิบห้าค่ำแล้ว ไม่รู้ว่า..." เมื่อพูดถึงสิบห้าค่ำ ร่างของลุงหนิวก็สั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ และไม่อยากจะพูดถึงมากนัก ด้วยความบังเอิญ ป้าหนิวเดินแบกท้องโตออกมาพอดี นางร้องตะโกน "ต้าหนิว เจ้าออกไปล่าสัตว์กลางดึกมาอีกแล้วใช่หรือไม่ ไม่เจอเจ้าทั้งคืนเล
เหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่ไม่อยากออกไป ยังอยากคุยกับกู้ชูหน่วน ผู้อาวุโสใหญ่แค่ส่งสายตาเย็นเยียบไป พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ออกไปก่อน รักษาหัวหน้าเผ่า ก่อนจะไปรักษาอี้เฉินเฟยต่อ กำลังภายในของพวกเขาถูกใช้ไปมากมายเหลือเกิน ควรจะกลับไปพักผ่อนแล้วจริงๆ "หัวหน้าเผ่า ข้ารู้ว่าเจ้าผูกพันกับอี้เฉินเฟยมาตั้งแต่เด็ก แต่...เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป ทุกคนในเผ่าอวี้จะช่วยกันตามหาแก้วมังกรอย่างสุดกำลัง เฉินเฟยเด็กคนนี้จิดใจดี เขาเองก็ไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่" "ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ" "อืม" กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง ยื่นนิ้วขาวเรียวยาวออกไปลูบใบหน้าที่คมชัดหล่อเหลาดุจเทพที่ซีดขาวของเขา ในความทรงจำ ทุกครั้งที่อี้เฉินเฟยเห็นนางมักจะยิ้มด้วยความเอ็นดู และอบอุ่นอยู่เสมอ นางอยากจะให้อี้เฉินเฟยยังเป็นเหมือนก่อนหน้า ยิ้มให้นางด้วยความอบอุ่น เรียกนางว่าเด็กโง่ เรียกนางว่าอาหน่วน "พี่ใหญ่เฉินเฟย ข้ารู้สึกว่าไหล่ของข้าหนักมาก มีหลายเรื่องที่รอให้ทำ แต่ข้าคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรกันแน่ ยามนี้...ดูเหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจแล้ว ที่จริงแล้วหนึ่งในภารกิจของข้าก
ภายในห้องนอนที่ประณีตสะอาดตา อี้เฉินเฟยใบหน้าขาวซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจอ่อนโรยรา ผมขาวโพลนทั้งหัวของเขาทั้งสะดุดตาและทำให้คนรู้สึกปวดใจ ข้างกายอี้เฉินเฟยยังมีเหล่าผู้อาวุโสผมขาวอีกหลายท่าน เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าใช้กำลังภายในไปมากเพียงใด ลมหายใจเหนื่อยหอบไม่มั่นคง สีหน้าดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้าไปในห้อง ผู้อาวุโสทุกคนพากันทำความเคารพ โดยมีผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้นำ "คาราวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอหัวหน้าเผ่าพบเจอแต่ความสุข" "พวกท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด" กู้ชูหน่วนไม่ค่อยชิน ในสมองของนางมีความทรงจำเกี่ยวกับเผ่าอวี้อยู่ไม่มากนัก จู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้เรียกว่าหัวหน้าเผ่า นางเองก็รู้สึกแปลกๆ ตอนที่ยื่นมือออกไปประครองพวกเขา กู้ชูหน่วนเผลอจับชีพจรของผู้อาวุโสใหญ่โดยไม่ทันระวัง ผู้อาวุโสใหญ่มีกำลังภายในกล้าแกร่ง ไม่รู้ว่าวิทยายุทธไปถึงขั้นใด แต่ใช้พลังลมปราณไปมาก ยามนี้พลังลมปราณไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ชีพจรของเขายังคล้ายกับอี้เฉินเฟยนัก ดูเหมือนจะมีแรงกัดกร่อนบางอย่างค่อยกลืนกินพลังชีวิตของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา แม้พลังชีวิ
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านนิ่งเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาหาข้ออ้างจะออกไปด้วยความลังเล กู้ชูหน่วนหยิบมีดสั้นออกมาจากแหวนปริภูมิ กดลงไปที่คอของตนเอง "วันนี้หากพวกท่านไม่บอกความจริงทั้งหมดกับข้าให้ชัดเจน ข้าจะตายตรงหน้าพวกท่านเดี๋ยวนี้" "อย่าอย่าอย่า...เจ้ารีบวางมีดลงเสีย หากเจ้าเป็นอะไรไป พวกเราจะอธิบายกับชาวเผ่าอวี้อีกเป็นหมื่นเป็นพันคนได้อย่างไร" "เช่นนั้นก็บอกมา หากพวกท่านรู้จักข้า ก็น่าจะรู้ว่าข้ามีความอดทนไม่มากนัก" กู้ชูหน่วนแน่วแน่หนักแน่น อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยมีดในมือ เพียงแค่นางออกแรงอีกเล็กน้อย คงได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ร้อนรนกระวนกระวาย อยากจะไปแจ้งผู้อาวุโสใหญ่ แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไป สุดท้ายก็เป็นผู้อาวุโสเจ็ดผู้มีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อนที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว "ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้" "น้องเจ็ด..." "โธ่ นิสัยของหัวหน้าเผ่าก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ หากนางเป็นอะไรไป ต่อให้เจ้าปิดบังความลับมากเพียงใดแล้วจะประโยชน์รึ" "อาหน่วน เจ้าคือหัวหน้าเผ่าที่อายุน้อยที่สุดของเผ่าอวี้เรา วิทยายุทธขั้นเจ็ด เพื่อปกปิดสถานะของเจ
หลังจากเหตุการณ์นองเลือดผ่านไป ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเสียงร้องโหยหวน ทุกที่ล้วนแต่แขวนผ้าขาวไว้อาลัย เลือดสีแดงสดและหลุมศพถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆ เหงื่อ...หยดไหลลงมา จู่ๆ กู้ชูหน่วนก็กุมหน้าอกของตัวเอง เจ็บปวดจนแม้แต่หายใจก็ยังยากลำบาก เหล่าชาวบ้านที่ล้อมอยู่รอบตัวนางพลันหน้าเปลี่ยนสี ปากพลอยพูดอะไรบางอย่าง ทว่านางกลับไม่ได้ยินเลยสักคำ เห็นเพียงแค่สายตากังวลและห่วงใยของพวกเขา นางตบกระโหลกศีรษะของตนเองอย่างแรง ดูเหมือนนางจะลืมอะไรบางอย่าง แต่นางลืมอะไรกันแน่ เหตุใดนางนึกอะไรไม่ออกเลย "อาหน่วน..." ผู้เฒ่าผมขาวหลายคนรีบเข้ามาด้วยความร้อนรน ประครองนางเอาไว้ ก่อนจะกดจุดฝังเข็มของนาง แล้วอุ้มนางกลับไปรักษาที่ห้อง หลังจากนั้น นางก็สลบไป ท่ามกลางความสะลึมสะลือ นางคล้ายจะได้ยินบางประโยค "ไม่เช่นนั้นก็ปลดปล่อยพลังที่ผนึกอยู่ภายในร่างของหัวหน้าเผ่าไปเสียเลย ยามนี้พลังที่นางผนึกไว้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้วครึ่งหนึ่ง พลังลมปราณพลุ่งพล่านไปมาไม่หยุด จู่โจมอวัยวะภายในของนาง ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป ร่างกายของนางจะรับไม่ไหว" "ไม่ได้ ยังหาแก้วมังกรทั้งหมดไม่ครบ หากผนึกถูกทำลาย เผ
"พี่หน่วน ใช่ท่านจริงๆ หรือ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ข้าคิดถึงท่านจะตายอยู่แล้ว" เสียงเด็กน้อยดังขึ้นกะทันหัน หลังจากนั้นก็มีเด็กผู้ชายวัยเจ็ดแปดขวบวิ่งเข้ามากอดขาของนางอย่างปุบปับ ไม่นานนัก เด็กที่วิ่งเล่นกับเด็กผู้ชายคนนั้นเห็นนาง ก็พากันกรูเข้ามาหมด แย่งกันเข้ามากอดขาของนาง พลางตะโกนด้วยความตื่นเต้น"พี่หน่วน ข้าคิดว่าข้าดูผิดไปเสียอีก เหตุใดคราวนี้ท่านจากไปนานเพียงนี้ พ่อแม่ของข้าบ่นถึงท่านไม่หยุด" "พี่หน่วน คราวก่อนท่านบอกว่า ครั้งหน้ากลับมาจะซื้อว่าวให้ข้า ว่าวของข้าเล่า" "ไปไปไป เจ้าเด็กนี่ วันทั้งวันคิดแต่จะเอาว่าวจากพี่หน่วน พี่หน่วนเพิ่งกลับมา ต้องเหนื่อยแย่แน่ ควรให้นางพักผ่อนให้เต็มที่" กู้ชูหน่วนก้มหน้ามองเด็กทั้งชายและหญิงสิบกว่าคนกำลังพูดเจื้อยแจ้วอยู่ข้างกายนาง แต่ละคนท่าทางสนิทสนมกับนางยิ่งนัก ราวกับนางเป็นพี่สาวแท้ๆ ของพวกเขา เสียงความเคลื่อนไหวที่นี่ดึงดูดคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน ทั้งหมู่บ้านพลันตกตะลึง ทั้งหญิงชายเด็กและคนแก่ต่างก็ล้อมกันเข้ามา "เอ๊ะ คุณพระช่วย ใช่อาหน่วนจริงๆ ด้วย ข้าคิดว่าข้าเห็นภาพลวงตาเสียอีก อาหน่วน พวกเรา...พวกเราคิดถึงเจ้าจนแท