Share

บทที่ 5

Author: ฮวาฮวาตีลังกาแปล
มีนางเป็นตัวอย่าง ทุกคนล้มเลิกความคิดแล้ว แต่ละคนกัดฟันเดินไปข้างหน้า

เดินออกมาอีกราวห้าลี้ กู้หว่านเยว่เห็นนางหยางเหนื่อยจนคล้ายลาแก่ ต้องการขยับขึ้นไปช่วย แต่กลับถูกนางปฏิเสธ “หว่านเยว่ เจ้า เจ้าเหนื่อย ข้าเข็น...”

“ใช่แล้วพี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเพิ่งแต่งเข้ามาก็ต้องถูกเนรเทศไปกับพวกเรา จะยังให้ท่านลำบากอีกได้เยี่ยงไร” ซูจื่อชิงรู้ความ เรียกซูจิ่นเอ๋อร์น้องสาวมาช่วยเข็นด้วยกัน

ใครรู้ซูจิ่นเอ๋อร์ตัวเล็กแต่อารมณ์ร้าย ใบหน้าเปี่ยมอารมณ์ไม่พอใจ “ข้าเหนื่อยจะตายแล้ว เข็นไม่ไหว ก็ควรให้กู้หว่านเยว่เข็น ใครให้นางเป็นดาวหายนะทำให้พวกเราต้องถูกเนรเทศกันเล่า”

“น้องหญิง เจ้าพูดส่งเดชอันใด เรื่องนี้ตำหนิพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ได้”

ซูจื่อชิงโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว เหตุใดน้องหญิงคิดเห็นเฉกเดียวกันกับบ้านเหล่านั้นได้เล่า?

สีหน้าซูจิ่นเอ๋อร์กลับเปลี่ยนไปแล้ว รู้สึกเกลียดกู้หว่านเยว่เพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งส่วนอยู่ภายในใจ

กู้หว่านเยว่คร้านจะตามใจอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ “เจ้าเองก็รู้ว่าพี่ใหญ่ของเจ้าเอ็นดูเจ้าที่สุด บัดนี้เขาหมดสติยังไม่ฟื้น ปรากฏว่าแม้แต่เข็นเกวียนของเขาสักเล็กน้อยเจ้าก็ไม่ยินดี ช่างเอ็นดูอย่างเสียเปล่าโดยแท้”

“ข้ามิได้หมายความเช่นนี้”

นางเพียงเหนื่อยแล้ว มิหนำซ้ำกู้หว่านเยว่มีแรงมากเพียงนั้น ก็สมควรเป็นนางที่เข็นสิ!

“เจ้ามิได้หมายความเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็เข็นสิ”

“...เข็นก็เข็น!”

ซูจิ่นเอ๋อร์โมโหหน้าแดงขณะเข็นเกวียน ลอบบ่นพวกท่านลุงท่านอาหลายบ้านนั้นอยู่ภายในใจ เห็นนางตกระกำลำบากไฉนไม่ยื่นมือเข้าช่วย?

ปกติดีต่อนางมากมิใช่หรือ?

เพียรเดินต่ออีกห้าลี้ ซุนอู่หัวหน้านักการแห่งศาลาว่าการก็ตะโกนเสียงดังอีกครั้ง

“หยุดพักได้ เตรียมกินมื้อเย็น!”

เพียงได้ยินถ้อยคำนี้ ทุกคนก็ล้มลงกับพื้น ใบหน้าศีรษะของทุกคนล้วนเปื้อนฝุ่น รองเท้าที่สวมใส่ก็เสียดสีจนขาดแล้ว มองดูหนึ่งปราด คล้ายกับขอทานหนึ่งกลุ่มก็มิปาน

ไม่มีใครใส่ใจสภาพของตน สายตาล้วนจับจ้องอาหารที่นักการแห่งศาลาว่าการเหล่านั้นแจกจ่าย

เดินมาหนึ่งวันแล้ว พวกเขาทั้งเหนื่อยทั้งกระหายทั้งหิวตั้งแต่แรกแล้ว อยากเติมท้องให้อิ่ม

ครั้นอาหารส่งถึงมือ ทุกคนล้วนตกตะลึงเหม่อลอย

เกี๊ยวแข็งๆ คล้ายหินหนึ่งลูก ก็ไม่รู้ว่าเก็บไว้นานมากเพียงใดแล้ว กำลังส่งกลิ่นเปรี้ยวออกมา

“เกี๊ยวทั้งเหม็นทั้งแข็ง กินเข้าไปแล้วจะท้องเสียหรือไม่?”

นักการแห่งศาลาว่าการยิ้มเย็นทีหนึ่ง “ไม่อยากกินเกี๊ยวก็จ่ายเงินซื้อ บะหมี่หมั่นโถวห้าร้อยอีแปะ ซาลาเปาเนื้อลูกละหนึ่งตำลึง”

ปกติแล้วหมั่นโถวก็แค่หนึ่งอีแปะ

กู้หว่านเยว่ : เห็นชัดว่าเขาสามารถแย่งเงินโดยตรงได้เลย กลับยังมอบหมั่นโถวให้เจ้าหนึ่งลูก

เพราะเหตุนี้งานของนักการแห่งศาลาว่าการลำบากเพียงนั้น แต่กลับมีคนแย่งกันสมัคร

ความสุขของนักการแห่งศาลาว่าการ เจ้าจินตนาการไม่ถึงหรอกนะ!

ทุกคนไม่กล้าตอบโต้ เพื่อเติมท้องให้อิ่ม รีบหยิบตั๋วเงินออกมาแลกหมั่นโถว

หลี่ซือซือเพื่อเอาใจทุกคน ตั้งใจออกเงินไปซื้อซาลาเปาเนื้อกลับมาเล็กน้อย เพียงแต่ รอถึงยามแจกจ่ายซาลาเปา ทุกคนล้วนไม่แบ่งให้บ้านสามอย่างรู้ใจกัน

ซูจื่อชิงและซูจิ่นเอ๋อร์เป็นคุณชายคุณหนูสูงศักดิ์ เพียงกัดเกี๊ยวหนึ่งคำ สีหน้าก็เปลี่ยนแล้ว

มองเห็นซูจิ่นเอ๋อร์ร้องไห้อ้าปากกว้าง ฟันหนึ่งซี่เปื้อนเลือดหลุดลงบนฝ่ามือนาง

“ท่านแม่ ฟันข้าหลุดแล้ว...”

นางหยางสมองไม่ดี แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ นางหยิบเกี๊ยวสีดำของเด็กทั้งสองไป จูงพวกเขาไปหาบ้านสกุลซู

กู้หว่านเยว่ไม่ห้าม ทั้งยังมิได้ตามไป นางอยากดูว่าบ้านสามจะทำอันใดกันแน่

หากพวกเขายังกล้ำกลืนฝืนทน ถ้าอย่างนั้นรีบชิ่งหนีจะดีกว่า นางกู้หว่านเยว่ไม่สามารถเข้ากับคนเช่นนี้ได้

ทางฝั่งนี้หลังนางหยางจูงลูกทั้งสองไปแล้ว ก็พูดติดขัดถึงเป้าหมายในการมาจนกระจ่าง ทั้งยังไม่ลืมกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิง พูดว่าต้องการซาลาเปาเนื้อห้าลูก

“ซาลาเปาเนื้อลูกละหนึ่งตำลึง เจ้าพูดว่าต้องการห้าลูก เจ้าเสียสติไปแล้วกระมัง? ฟันหลุดก็หลุดไปเถอะ งอกขึ้นใหม่ก็ใช้ได้แล้ว”

นายท่านรองซูหัวหลินไม่ยอมปล่อยโอกาสโยนหินลงบ่อซ้ำเติมเป็นอันขาด

นางเฉียนและชายของนางล้วนคิดเห็นเฉกเดียวกัน ช่วยพูด “พวกเจ้าบ้านสามตบแต่งดาวหายนะเข้ามา ซูจิ่งสิงยังทำให้ทั้งตระกูลต้องถูกเนรเทศ มีเกี๊ยวดำกินก็ไม่เลวแล้ว”

“พี่หญิงซือซือพูดแล้วมิใช่หรือ เหล่านี้ล้วนเป็นฝีมือกู้หว่านเยว่ ไม่เกี่ยวอันใดกับพี่ใหญ่ ไม่ให้ซาลาเปานางก็พอแล้วนี่”

ซูจิ่นเอ๋อร์รีบพูด นางอยากกินซาลาเปาเนื้อจริงๆ

“น้องหญิงเจ้าหุบปาก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับพี่สะใภ้ใหญ่ ภายภาคหน้าหากข้าได้ยินเจ้าพูดถึงพี่สะใภ้ใหญ่ไม่ดีอีก ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนพี่ใหญ่

ท่านย่า ก่อนนี้ยามพี่ใหญ่มีอำนาจบารมี ทุกคนล้วนรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ เหตุใดบัดนี้ตกลำบากแล้ว แม้แต่ซาลาเปาก็ไม่ยอมแบ่งให้บ้านสามของพวกเรา?”

ในต้นฉบับ เว้นเสียแต่ซูจิ่งสิงแล้ว ซูจื่อชิงก็คือคนมีความสามารถที่สุด

หลังซูจิ่งสิงพิษกำเริบตาย เขารวบรวมผู้อยู่ใต้อาณัติต้องการล้างแค้นให้พี่ชาย หากมิใช่เพราะร่างกายถูกทรมานจนย่ำแย่ระหว่างเดินทางเนรเทศ ท้ายที่สุดก็อาจทำสำเร็จจริงๆ

ซูจื่อชิงเผยความสามารถออกมาเป็นคำรบแรกยามเอ่ยถ้อยคำนี้ รัศมีทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าชะงักงัน หลังดึงสติกลับมาได้ ฮูหยินผู้เฒ่าขมวดคิ้วแน่น

“ไม่รู้กาลเทศะ นี่เจ้ากำลังเค้นถามข้ากระนั้นหรือ?”

ดวงตาซูจื่อชิงทอประกายวูบหนึ่ง “หลานไม่กล้า เพียงแต่หลานไม่เข้าใจ เหตุใดล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน มีเพียงบ้านสามไม่มีซาลาเปากินขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจหนึ่งเฮือก สายตาทอดมองทางซูจิ่งสิงที่อยู่ไม่ไกล ลอบตัดสินใจอย่างเด็ดขาดภายในใจ ครู่ต่อมานางพูดเสียงหนัก

“ให้ซาลาเปาบ้านสามของพวกเจ้าก็ได้ เว้นเสียแต่ว่าพวกเจ้าจะต้องหย่ากู้หว่านเยว่”

บางทีซูจิ่งสิงอาจยังมีหนทางอื่น ไม่สามารถล่วงเกินบ้านสามได้

แต่กู้หว่านเยว่ไม่เหมือนกัน นางเป็นดาวหายะคนหนึ่ง ทั้งยังตัดขาดความสัมพันธ์กับจวนโหวแล้ว รีบทิ้งจะได้สะอาดหมดจดโดยไว

“ข้าเห็นด้วย!”

ซูจิ่นเอ๋อร์รีบแย่งตอบ ขอเพียงหย่าขาดกู้หว่านเยว่แล้ว ก็สามารถกินซาลาเปาเนื้อได้ เรื่องดีเช่นนี้ไฉนเลยจะไม่ทำ?

ซูจื่อชิงกัดฟัน “น้องหญิง อย่าไร้สาระ!”

หญิงออกเรือนแล้วถูกหย่าร้างระหว่างถูกเนรเทศ จุดจบเอน็จอนาถอย่างมาก

พี่สะใภ้ใหญ่เพิ่งแต่งเข้ามา สกุลกู้เป็นผู้บริสุทธิ์ก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย น่าสงสารมากพอแล้ว เช่นนั้นจะหย่านางเพียงเพื่อซาลาเปาไม่กี่ลูกได้อย่างไร?

“ข้ามิได้ไร้สาระ”

เห็นว่าซูจื่อชิงตำหนินางอยู่หลายครั้งเพราะกู้หว่านเยว่ ซูจิ่นเอ๋อร์เองก็มีอารมณ์ขึ้นมาแล้ว ขอบตาแดงเค้นถามออกไป

“ไม่หย่ากับนาง พวกเราจะกินอะไร เหตุใดพี่รองท่านมักปกป้องนาง ข้าต่างหากคือน้องหญิงของท่าน นางเป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง!”

หลี่ซือซือพูดผสมโรง “จิ่นเอ๋อร์พูดไม่ผิด หรือว่าเจ้าจะให้ครอบครัวทนหิวเพราะกู้หว่านเยว่? ยิ่งไปกว่านั้น นางเป็นดาวหายนะคนหนึ่ง อยู่กับนางก็มีแต่อับโชคไปด้วยกัน หรือเจ้าไม่กลัวทั้งครอบครัวล้วนต้องอับโชคเพราะนางกระนั้น?”

ซูจิ่นเอ๋อร์ได้รับการสนับสนุนแล้ว รีบยืนข้างกายหลี่ซือซือ

ทุกคนของสกุลซูต่างพากันเปิดปาก

“ใช่ หย่ากู้หว่านเยว่!”

“นางเป็นดาวหายนะ ไม่หย่านาง พวกเจ้าบ้านสามก็อย่าคิดจะได้กินซาลาเปา”

“รีบหย่านาง หย่านาง...”

นางหยางถูกทุกคนถ่มน้ำลายตกใจกลัวจนกอดศีรษะแน่น ซูจื่อชิงขมวดคิ้วแน่นอย่างสับสน หันมองกู้หว่านเยว่ที่อยู่ไม่ไกล

ขอร้องล่ะ มองพี่หญิงทำไม? อยากหย่าก็หย่า พี่หญิงไม่ใส่ใจ

กู้หว่านเยว่กอดอก ท่าทีคล้ายกำลังดูละครสนุก พยายามมองข้ามไอเย็นน้อยๆ ภายในหัวใจ

ตอนนี้เอง เสียงแหบพร่าแผ่วเบาแต่หนักแน่นดังขึ้นจากเกวียน

“ข้าไม่มีวันหย่าภรรยา”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (4)
goodnovel comment avatar
จีรพันธ์
ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
goodnovel comment avatar
Chayapa Sompaiboon
สนุกสุดๆสนุกมากกกก
goodnovel comment avatar
Dumpjea
ไอ้พวกนี้ ต้องเสียใจทีหลังแน่ ทำแบบนี้กับนางเอก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1768

    ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสิ่งที่คนทั้งสองกล่าวนั้นพอจะมีมูล และอาจเป็นไปได้จริง ๆ “ท่านพอจะทราบหรือไม่ว่าหมอเทวดาเผยศิษย์น้องของท่านอยู่ที่ใด?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยถาม เขาเร่งรีบที่จะรักษาอาการป่วยของเสด็จแม่ มิเช่นนั้นคงไม่เสียเวลามาพูดคุยกับนักต้มตุ๋นผู้นี้หมอเทวดาเผยกระแอมเบา ๆ แล้วลูบเคราของตน“ท่านหมายถึงศิษย์น้องของข้าผู้นี้น่ะหรือ ศิษย์น้องของข้าเขาพเนจรไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ตามร่องรอยได้ยาก แม้แต่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหนแต่ว่านะ ข้าเห็นท่าทางของท่านดูเหมือนอยากจะพบเขาจากใจจริง ข้าลองช่วยท่านติดต่อเขาดูก็ได้”เขาก็คิดไม่ถึงว่ายาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนของเขาจะมีสรรพคุณถึงเพียงนี้ ทำให้ทั้งสองคนนี้ท้องเสียได้เช่นนั้นก็ถือเป็นการชดเชยเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พวกเขาก็แล้วกัน“ท่านพูดจริงหรือ?”เป่ยหมิงโยวหลานประสานมือคารวะพลางเอ่ยขึ้น“หากผู้อาวุโสสามารถช่วยตามหาหมอเทวดาเผยได้ ข้าน้อยจะมอบรางวัลตอบแทนให้ท่านอย่างงาม ซาบซึ้งในบุญคุณนี้อย่างหาที่สุดมิได้”“รางวัลตอบแทนไม่ต้องหรอก เมื่อครู่ท่านก็ให้ข้าไปแล้วมิใช่หรือ”หมอเทวดาเผยไม่เคยให้ความสำคัญกับชื่อเสียงลาภ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1767

    “เจ้าเป็นศิษย์ของตาเฒ่าจอมหลอกลวงผู้นี้หรือ?”ถังซือมองเผยหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ดีจริง ๆ เจ้าคนหลอกลวงมาคนเดียวยังไม่พอ ยังมีพรรคพวกมาอีกเป็นโขยงไม่นึกเลยว่าตาเฒ่าหลอกลวงผู้นี้จะเป็นคนมีอิทธิพล พรรคพวกบางคนในกลุ่มนี้ถึงกับสวมชุดเกราะอีกด้วย“ศิษย์ข้า ช่วยข้าด้วย!” หมอเทวดาเผยคร่ำครวญเผยหยวนจนปัญญา “ท่านอาจารย์ ท่านไปก่อเรื่องอะไรมาอีกแล้ว?”“พวกเขาโดนพิษจากก๊าซในหนองน้ำ ข้าอุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือพวกเขา แต่พวกเขากลับกล่าวหาว่าข้าเป็นคนหลอกลวง” หมอเทวดาเผยกล่าวเสียงแผ่วเบา “ข้าก็ไม่ได้หลอกพวกเขาสักหน่อย พิษข้าก็แก้ให้แล้ว เพียงแต่ขายยาปลอมให้พวกเขาไปเท่านั้นเอง”เผยหยวน นี่เรียกว่าไม่ได้หลอกลวงได้ด้วยหรือ?หมอเทวดาเผยเบ้ปาก เขาก็ไม่ได้อยากหลอกลวงใครนะ แต่พอเขาบอกว่าเขาสามารถใช้นิ้วเพียงไม่กี่นิ้วก็แก้พิษให้พวกเขาได้แล้ว พวกเขากลับไม่เชื่อ ดึงดันจะให้เขาเอายาออกมาให้ได้นี่มิใช่การเสนอตัวมาให้โดนหลอกเองหรอกหรือ?เขาจนปัญญา จึงได้แต่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อ ปั้นยาเซินถุ่ยเติงเหยี่ยนขึ้นมาสองสามเม็ด แล้วยื่นให้พวกเขาอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้อาบน้ำมานานเกินไปกระมังพอพวกเขากินเข้าไปก

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1766

    ไม่รู้ว่าเหล่าสหายที่อยู่ในต้าฉี ตอนนี้จะเป็นอย่างไรกันบ้าง“น้องเล็ก การเดินทัพของวันพรุ่งนี้ให้ข้าจัดการเถิด เจ้าไปพักผ่อนเสีย”จงหลี่เดินเข้ามาพลางมองกู้หว่านเยว่ด้วยสีหน้าอ่อนโยนเมื่อเห็นดวงตาของน้องเล็กเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย บนใบหน้าของเขาก็แสดงความเจ็บปวดใจออกมา ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“อย่าหักโหมเกินไปนัก”“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ จัดการเรื่องพวกนี้เสร็จก็เรียบร้อยแล้ว”กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า แม้ว่านางจะเหนื่อยล้า ทว่ากลับรู้สึกตื่นเต้นเสียมากกว่าวันรุ่งขึ้น กองทัพใหญ่ยังคงมุ่งหน้าไปยังเมืองอื่น ๆ ต่อไปหน่วยลาดตระเวนของแคว้นเป่ยตี้ที่อยู่ในตงโจวนั้น แทบจะถอนกำลังออกไปจนหมดแล้ว ส่วนน้อยที่เหลืออยู่ก็วิ่งหนีกันแตกกระเจิงไปคนละทิศละทางการยึดคืนเมืองเหล่านี้ จึงราบรื่นเป็นพิเศษ ขณะเข้าเมือง กู้หว่านเยว่ก็พลันได้ยินเสียงทะเลาะวิวาทดังมาจากข้างหน้า“ข้าว่าตาเฒ่า เจ้าเลวเกินไปแล้ว เหตุใดจึงนำยาปลอมมาหลอกพวกเราล่ะ?!”“ใช่แล้ว รีบคืนเงินให้พวกเราเดี๋ยวนี้!”เสียงสองเสียงดังขึ้น จากนั้นก็ตามด้วยเสียงของตาเฒ่า“ยาปลอมอะไรกัน? นี่คือยาจริง พวกเจ้าดูไม่เป็นเองต่างหาก มีตาแต่ห

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1765

    “ใส่ใจให้มากหน่อย ดูว่ามีข่าวคราวของหมอเทวดาเผยหรือไม่ เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ ฟังให้น้อยลงหน่อย”เป่ยหมิงโยวหลานกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“อ้อ” ถังซือพยักหน้าด้วยความหดหู่ นี่เขาถูกรังเกียจแล้วหรือ?กลางโรงน้ำชา การซุบซิบนินทาของคนเหล่านั้นยังคงดำเนินไปอย่างเผ็ดร้อน โดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเจ้าตัวก็นั่งอยู่ข้าง ๆ พวกเขา“คนกลุ่มนี้พูดจาเหลวไหลสิ้นดี ไม่มีอะไรเป็นความจริงเลยสักประโยคเดียว”เสียงห้าว ๆ ดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นคนของกลุ่มทหารรับจ้างฉื่อหรงที่เดินทางมาถึงที่นี่เช่นกัน หลังจากที่พวกเขาจัดการกลุ่มทหารรับจ้างเสินสุ่ยแล้ว ก็เดินทางมายังเมืองศูนย์กลางเพื่อรับภารกิจไม่คิดเลยว่า จะมาได้ยินเรื่องซุบซิบนินทาเข้าพอดีลั่วหรงมองพวกเขาอย่างเห็นใจ แม้ว่าท่านจะเป็นถึงองค์ชายหลาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็คงไม่มีวันได้หัวใจของหว่านเยว่ไปครอง“หัวหน้า คนที่ประกาศภารกิจดูเหมือนจะอยู่ทางนั้น” หลันเตี๋ยชี้ไปยังบุรุษอาภรณ์สีเขียวที่สวมหน้ากากคนหนึ่งซึ่งอยู่ตรงมุมหนึ่ง“ไป พวกเราไปกันเถอะ”ลั่วหรงพยักหน้า พาคนของตนมาอยู่ตรงหน้าเป่ยหมิงโยวหลาน...ทางด้านนี้ กู้หว่านเยว่ยังไม่รู้ว่า เรื่องเ

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1764

    ...กู้หว่านเยว่สร้างชื่อเสียงโด่งดังจากศึกที่เมืองปิงเสวี่ยเพียงครั้งเดียว ภายในเวลาไม่กี่วัน ก็แพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหล“ได้ยินข่าวแล้วหรือไม่? ตงโจวมีองค์หญิงน้อยท่านหนึ่งปรากฏตัว ตีเมืองข่าหลอแตกไปแล้ว”ในเมืองศูนย์กลางที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของที่ราบแห่งความโกลาหล ผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังนั่งสนทนากันอย่างออกรสในโรงน้ำชาถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้“จะไม่ได้ยินได้อย่างไร? หลังจากนั้นองค์ชายห้าแห่งแคว้นเป่ยตี้ยังยกทัพไปล้อมเมือง เจ้าทายสิว่าผลเป็นอย่างไร องค์หญิงน้อยท่านนั้น ใช้กำลังพลแค่ห้าพันนาย ก็สามารถเอาชนะกองทัพนับแสนของข่าปัวได้”“เรื่องนี้เจ้าคงยังไม่รู้กระมัง เป็นเพราะว่าองค์หญิงน้อยมีดินปืนอยู่ในครอบครอง ได้ยินมาว่าในวันเปิดศึกนั้น มีป้อมปืนตั้งอยู่บนกำแพงเมืองปิงเสวี่ย ขอเพียงมีคนกล้าเข้าใกล้ประตูเมืองปิงเสวี่ย กระสุนจากป้อมปืนก็จะระเบิดคนผู้นั้นจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี” ชายผู้หนึ่งในกลุ่มบรรยายด้วยความตื่นเต้นตอนที่เมืองปิงเสวี่ยเปิดศึก เขาบังเอิญติดอยู่ในเมืองพอดีเดิมทีคิดว่าโชคไม่ดี คงจะต้องเสียชีวิตในศึกครั้งใหญ่นี้เสียแล้วไม่คิดเลยว่าจะได

  • ชายาแพทย์พลิกชะตา   บทที่ 1763

    “สั่งการลงไป บอกให้ทุกคนออกไปเก็บกวาดสนามรบ”“คืนนี้ ปูนบำเหน็จแก่ทั้งสามกองทัพ!”ดวงตาของกู้หว่านเยว่ทอประกายไม่นานนัก การสู้รบในวันนี้ก็จะแพร่สะพัดไปทั่วที่ราบแห่งความโกลาหลก่อนที่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าจะมาถึง พวกเขาต้องเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่“พ่ะย่ะค่ะ!”บนใบหน้าของทุกคนเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม ไม่เคยมีช่วงเวลาใดที่สุขใจได้มากเท่าตอนนี้ประตูเมืองเปิดออก พวกเขาก็ทยอยกันออกไปเก็บกวาดสนามรบในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บจนถึงกระดูก มหาสงครามอันยิ่งใหญ่และยืดเยื้อยาวนานที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ได้เปิดฉากขึ้นแล้วยามค่ำคืน ทหารทั้งสามเหล่าทัพได้แบ่งปันสุราและเนื้อสัตว์ รวมถึงอาหาร นำมากินดื่มกันกู้หว่านเยว่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง เริ่มเขียนแผนการ การตั้งมั่นอยู่ในเมืองปิงเสวี่ย ไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน นางได้ปรึกษากับจงหลี่ไว้แล้วว่า จะนำทัพไปยึดดินแดนตงโจวกลับคืนมาก่อน จากนั้นจึงค่อยย้ายเมืองหลวงไปตั้งไว้ที่เมืองจ่าวเจ๋อของตงโจวด้วยประสบการณ์ในการปกครองเจดีย์หนิงกู่มาก่อน ทำให้นางเชี่ยวชาญขึ้นมากก่อนนอน กู้หว่านเยว่ได้ไปเติมเสบียงในยุ้งฉางใหญ่ ๆ แต่ละแห่งของเมืองปิงเสวี่ยจนเต็มเสบียงเหล่านี้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status