Share

บทที่ 6

Penulis: จิ้งเยี่ยน
“เจ้าหลอกข้า?”

สีหน้าของเฟิ่งเชียนอวี่ไม่อาจคาดเดาได้ หน้าเขียวหน้าแดง เมื่อนึกถึงท่าทางดัดจริต หลอกลวงของตนเองที่แสดงต่อหน้าเขา อันที่จริงถูกเขาเห็นตั้งแต่แรกแล้ว เพลิงโทสะเพราะถูกทำให้กลายเป็นตัวตลกก็พลุ่งพล่านขึ้นในหัวใจ

“ว่าอะไรนะ?” ตงฟางจิ่งขมวดคิ้ว

นางกัดฟันกรอด “ท่านรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าเป็นใคร”

เฮอะ ที่แท้ก็คือเรื่องนี้

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว ท่าทางไม่ใส่ใจ “แปลกใจมากงั้นหรือ? อย่างไรก็ตาม เจ้าโง่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะโง่เหมือนกับเจ้า”

เฟิ่งเชียนอวี่ “...”

น่ารังเกียจ หลอกนางแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะยังด่านางอีก?

เฟิ่งเชียนอวี่โมโหจนหัวร้อนทันที หรี่ตากัดฟัน พูดจาข่มขู่ทันที “ท่านอ๋อง ข้าขอเตือนท่านเอาไว้จะพูดจาหรือทำอะไรก็ควรจะให้มันพอประมาณ อย่าลืมเสียละ ว่าท่านมีความลับที่เป็นจุดอ่อนอยู่ในมือของข้า”

คนทั้งโลกต่างรู้ว่าท่านอ๋องหกเป็นคนขี้โรคที่ไร้ซึ่งหนทางรักษา แต่นางรู้อยู่เต็มอกว่า เจ้าหมอนี่เพียงแค่โดนพิษเหมันต์เท่านั้น แล้วฝีมือก็ยังไม่ธรรมดาอีกด้วย

เห็นได้ชัดว่าตงฟางจิ่งผู้นี้เก็บซ่อนความลับนี้เอาไว้มานานหลายปี ความลับที่ไม่สามารถเปิดนี้ได้ถูกนางรู้เข้าแล้ว นางสามารถใช้ประโยชน์จากข้อนี้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองได้

ความคิดที่อวดดีของเฟิ่งเชียนอวี่ที่เพิ่งโผล่ออกมา ก็ถูกความเย็นเยือกที่พลุ่งพล่านออกมาบีบให้ถอยกลับไปเสียแล้ว

ทันทีที่นางเหลือบตาก็มองเข้าไปในส่วนลึกของดวงตาตงฟางจิ่ง ราวกับว่าในส่วนลึกของดวงตาแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกที่ไร้ขอบเขต ราวกับมองเพียงแวบเดียวก็สามารถทำให้คนแข็งตายได้

ตงฟางจิ่งเต็มไปด้วยท่าทีดุร้าย น้ำเสียงทุ้มต่ำอ่อนโยนมาก แต่กลับทำให้มือทั้งข้างของเฟิ่งเชียนอวี่สั่นระริกอย่างอดไม่ได้

“เมื่อครู่ชายารักกล่าวว่าอะไร? ข้าได้ยินไม่ชัดเจน น่าจะลองพูดดูอีกสักครั้ง?”

การเรียกที่สนิทสนมนี้ เมื่อเข้าหูของเฟิ่งเชียนอวี่ ราวกับกลายเป็นยันต์เร่งให้ตาย ทำให้นางตัวสั่นเทาอย่างรุนแรง เหมือนกับว่าเพียงแค่นางกล้าพูดแม้แต่อีกคำเดียว อีกฝ่ายก็จะหักคอนางทันที

เฟิ่งเชียนอวี่กลัวหัวหดเหมือนเต่าทันที ฉีกยิ้มอย่างลำบาก

“ไม่มีอะไร ท่านอ๋องอาจจะหูฟาดไป คือว่า ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ท่านอ๋อง สุขภาพของท่านอ่อนแอ ยืนนานไม่สะดวก พวกเรารีบกลับกันเถอะ”

ริมฝีปากบางตงฟางจิ่งแสยะยิ้มเล็กน้อย “ที่ชายารักกล่าวมาก็มีเหตุผล”

ทันทีที่พูดจบ เฟิ่งเชียนอวี่ก็รู้สึกหน้ามืดทันที ทันใดนั้น ก็รู้สึกว่าไหล่ทั้งสองข้างหนักขึ้นทันที กดจนนางเกือบจะก้นจ้ำเบ้า ในขณะที่หายใจ ก็ได้กลิ่นหอมเย็นสบายทันที

จากนั้นบนหัวมีเสียงของผู้ชายชาติชั่วบางคนดังลอยมา

“สุขภาพของข้าอ่อนแอ ตอนนี้รู้สึกอ่อนเพลียเล็กน้อย คงทำได้เพียงรบกวนชายารักช่วยประคองข้าออกจากวังแล้วละ”

เฟิ่งเชียนอวี่ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที เป็นเพราะถูกยั่วโมโห

เจ้าหมอนี่จงใจทรมานนางชัด ๆ

นางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ อดกลั้นเอาไว้

“ได้ ท่านอ๋อง”

ตงฟางจิ่งเหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวเสียงเรียบ “ความตื่นตัวไม่เลว หวังว่าชายารักจะสามารถมีความตื่นตัวที่ดีแบบนี้ต่อไป ไม่อย่างนั้น จะอันตรายเอามาก ๆ”

เฟิ่งเชียนอวี่ “...”

นางประคองตงฟางจิ่งออกจากวังหลวงอย่างยากลำบาก หลังจากที่ขึ้นรถม้าที่อยู่ด้านนอกประตูวังหลวงแล้ว ก็เกือบจะเหนื่อยจนเป็นลม

เมื่อชาติก่อนเจ้าหมอนี่จะต้องเกิดปีหมูแน่ ๆ นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้ว เมื่อวานนี้นางไม่น่าช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลย ให้เขาพิษเหมันต์กำเริบตายไปเสียก็ดี

เฟิ่งเชียนอวี่ด่าทอในใจ รู้สึกคับแค้นต่าง ๆ นานา

เวลานี้ เสียงของตงฟางจิ่งก็ดังลอยมาอีกครั้ง

“ดูท่าทางของเจ้าจะไม่พอใจเอามาก ๆ เลยนะ คงจะไม่ใช่ว่าแอบสาปแช่งข้าอยู่ในใจหรอกกระมัง?”

ตงฟางจิ่งที่ออกจากวังหลวงแล้ว กลับมามีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเดิมอีกครั้ง ใบหน้าเย่อหยิ่งที่ยากจะเข้าถึง

เฟิ่งเชียนอวี่ตกใจ หัวเราะปลอม ๆ เนื่องจากร้อนตัว “จะเป็นไปได้อย่างไรกันละ ท่านอ๋องท่านคิดมากไปแล้ว ข้าแค่อยากจะให้ท่านมีอายุยืนยาวถึงร้อยปีเลยต่างหากละ”

ตงฟางจิ่งเลิกคิ้ว จ้องมองนางด้วยสีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “เจ้าควรจะภาวนาให้ข้ามีอายุยืนยาวถึงร้อยปีจริง ๆ ไม่อย่างนั้น ทันทีที่ข้าเป็นอะไรไป ชีวิตน้อย ๆของเจ้าก็คงยากที่จะรอดเช่นกัน”

เฟิ่งเชียนอวี่ตกตะลึง นี่มันหมายความว่าอย่างไร?

ตงฟางจิ่งแสยะยิ้ม กล่าวเตือนอย่างหวังดี “เคยได้ยินการฝังศพสังเวยชีวิตหรือไม่”

เสียงดังตูม เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้าง หัวสมองกระจ่างแจ้ง เข้าใจความหมายทันที

นางจ้องมองตงฟางจิ่งด้วยความเหลือเชื่อ น้ำเสียงสั่นเครือ “ท่านอ๋อง ข้าคือคนที่เคยช่วยชีวิตท่านเอาไว้นะ”

ไอ้ผู้ชายชาติชั่วคนนี้คงจะไม่ชั่วถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง? เรื่องชั่วช้าแบบนี้ก็ทำได้

ตงฟางจิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “ข้าก็เคยช่วยชีวิตเจ้าไว้เช่นกัน”

เฟิ่งเชียนอวี่สำลักทันที เมื่อคุ้ยเขี่ยความทรงจำบางส่วนของเจ้าของร่างเดิมออกมา ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็รู้สึกโล่งใจ กล่าวอย่างประชดประชัน

“ท่านอ๋อง ท่านอย่าข่มขู่ข้า ข้อกฎหมายของรัชสมัยเราไม่มีกฎข้อนี้”

“กฎข้อบังคับล้วนเป็นมนุษย์ที่กำหนดขึ้น ไม่มีก็มีได้ เสด็จพ่อทรงโปรดปรานข้ามาแต่ไหนแต่ไร หลังจากวันนี้ จะต้องทรงทราบถึงความรักอันลึกซึ้งของข้ากับชายารัก”

“ถ้าหากวันใดที่ข้าเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ รู้สึกว่าข้าโดดเดี่ยวไม่มีคนอยู่เป็นเพื่อนในยมโลก จะให้ชายารักร่วมเดินทางไปยังทางเดินสู่น้ำพุเหลืองด้วยกัน เชื่อว่าเสด็จพ่อจะต้องเห็นด้วยแน่”

ตงฟางจิ่งแสยะยิ้ม ค่อย ๆกล่าว

เฟิ่งเชียนอวี่สีหน้าไม่ดีอย่างอดไม่ได้ โมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว เมื่อเห็นใบหน้าที่หล่อเหลาของตงฟางจิ่ง แทบอยากจะกระโดดเข้าไปข่วนสักสองสามที

แม่งเอ๊ย ใครอยากจะรักลึกซึ้งกับนาย ใครอยากจะลงนรกไปพร้อมกับนาย นายเก่งขนาดนี้ทำไมไม่ขึ้นสวรรค์ฮะ

ต้องมาเจอกับความคิดโบราณล้าสมัยที่ไม่สิทธิมนุษยชนอันน่ารังเกียจแบบนี้ อำนาจของกษัตริย์ที่ไม่มีเหตุผลแบบนี้ ทำไมนางถึงได้ดวงซวยขนาดนี้ ทำไมถึงต้องมาที่นี่ด้วยนะ

เดิมทีคิดว่าออกจากรังหมาป่าอย่างจวนเฟิ่งนั่นแล้ว ไฉนเลยจะรู้ว่าต้องมากระโดดลงหลุมของเสืออีก สวรรค์มีความแค้นอะไรกับนาง แม่ง!

เฟิ่งเชียนอวี่หลับตา พยายามกดความโมโหมากมายลงไป ในไม่ช้าก็สงบลง

ไม่มีทางเลือกอื่นก็จำเป็นต้องทำตาม ตอนนี้นางไม่มีเงินไม่มีอำนาจ ไม่มีอะไรเลย อีกอย่างวันนี้ได้เห็นการวางมาดของเฟิ่งหลิงหลง ต่อให้ตนแต่งงานออกไปแล้ว คิดว่าแม่ลูกคู่นั้นยังจะต้องมาหาเรื่องนางอีกแน่

ในยุคสมัยโบราณนี้ สถานะถือเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับในตอนนี้ สถานะของพระชายาองค์ชายหก ก็พอจะคุ้มกะลาหัวนางได้อยู่บ้าง อย่างน้อยบางครั้งก็ยังสามารถยืมใช้อำนาจของผู้ชายชาติชั่วคนนี้ได้

เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน ส่วนบัญชีแค้นกับตงฟางจิ่ง วันหลังมีโอกาสก็ค่อยแก้แค้น

เมื่อตงฟางจิ่งเห็นสีหน้าที่อดกลั้นจนจะขาดใจตายของนางแต่จำต้องอดกลั้น ทั้งสองคนก็กลับมาที่จวนอ๋องด้วยอารมณ์ที่มีความสุขอย่างน่าประหลาด ตงฟางจิ่งถูกพ่อบ้านเรียกตัวไป นางนั่งอยู่ในห้องคนคนเดียว ส่งสาวใช้ทั้งหมดออกไป แล้วปิดประตูห้อง

ทันทีที่นางครุ่นคิด ก็มีห้องทดลองทางการแพทย์ที่คุ้นหน้าคุ้นตามากปรากฏขึ้นตรงหน้าทันที มีแค่ตัวนางเท่านั้นที่มองเห็นได้

ตอนที่ผลิตชิปของห้องทดลอง นางได้เข้าร่วมการวิจัยและพัฒนากับผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ชั้นนำหลายสิบคน โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างกระเป๋าทางการแพทย์แบบพกพา

ดังนั้น ห้องทดลองนี้มีขนาดใหญ่มาก ด้านในครอบคลุมไปด้วยอุปกรณ์ทางการแพทย์ชั้นยอดมากมาย มีทั้งยาจีนและยาตะวันหลากหลายชนิด ครบถ้วนสมบูรณ์ แบบนี้สำหรับคนที่ประกอบอาชีพทางการแพทย์แล้ว เรียกได้ว่าเป็นคลังสมบัติแบบพกพาอันหนึ่งเลยทีเดียว

เฟิ่งเชียนอวี่จ้องมองของสิ่งนี้ ก็มีความรู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย

ตอนกลางคืน เฟิ่งเชียนอวี่ยังคงนอนอยู่ในห้องรับแขก นางไม่ได้ใส่ใจ หากให้นางไปนอนที่ห้องนอนใหญ่ ต้องนอนกับไอ้ผู้ชายชาติชั่วคนนั้นจริง ๆ อย่างนั้นนางก็คงจะต้องเป็นบ้า

ตอนกลางคืน นางลืมตาขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ ทันใดนั้นก็เห็นตงฟางจิ่งมายืนอยู่ที่หัวเตียงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ เหงื่อเต็มหน้าผาก สีหน้าซีดขาว ขมับมีเส้นเลือดเต้นตุบ ๆ ห้อมล้อมไปด้วยแสงอันมืดสลัว เรียกได้ว่าเหมือนกับผีไม่มีผิด นางเกือบจะตกใจจนเป็นลมไป

เฟิ่งเชียนอวี่เบิกตากว้าง รีบกระเด้งตัวขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวเสียงสั่นเครือ “ทะ ท่านจะทำอะไร?”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 212

    “ฮือ ฮือ...”ตงฟางหล่างหน้าซีดด้วยความหวาดผวา พร้อมส่ายหน้าอย่างแรง ไม่ใช่นะเสด็จพ่อ ไม่ได้เป็นเช่นนั้นทว่าฮ่องเต้เทียนหยวนกลับเชื่อไปเจ็ดแปดส่วนแล้วเพราะมือสังหารพูดอย่างมีเหตุมีผล หากตงฟางจิ่งลอบสังหารเขาจริง เหตุผลล่ะ?ตงฟางจิ่งร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่เด็ก น้อยมากที่จะออกจากจวนอ๋อง ไม่มีเหตุผลในการลอบปลงพระชนม์แม้แต่น้อย เพราะต่อให้ทำสำเร็จ แล้วเขาจะทำอะไรได้?ทว่ารัชทายาทไม่เหมือนกันหากฮ่องเต้เทียนหยวนตาย รัชทายาทจะเป็นฮ่องเต้ตงเยว่คนต่อไป ถือเป็นผลประโยชน์มหาศาลสำหรับเขา จึงค่อนข้างเข้าใจได้ ฮ่องเต้เทียนหยวนเป็นฮ่องเต้ที่เห็นแก่ตัวและรักอำนาจ คำพูดของมือสังหารแต่ละคำกระแทกเข้าไปในใจเขา ราวกับรุกล้ำขีดจำกัดของเขา ทำให้เขาโกรธจนถึงขีดสุด“ทหาร มาลากตัวมือสังหารผู้นี้ลงไปประหารซะ”“ยังมีรัชทายาท คนที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เนรคุณอกตัญญู ช่างน่าโมโหยิ่งนัก มาลากตัวไปรอรับโทษที่คุกหลวง”ฮ่องเต้เทียนหยวนโมโหมาก หลังจากสั่งเสร็จจึงจากไปทันทีเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้ว ตงฟางจิ่งถูกปล่อยออกจากวังอย่างปลอดภัย ส่วนรัชทายาทถูกนำไปคุมขังที่คุกหลวงรัชทายาทคงไม่นึกไม่ฝัน เมื

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 211

    “รัชทายาท...”น้ำเสียงเย็นเยือกของฮ่องเต้เทียนหยวนทำให้ใจของตงฟางหล่างบีบรัด“เสด็จพ่อ ลูกถูกปรักปรำพ่ะย่ะค่ะ ไม่รู้ว่ามือสังหารผู้นี้ได้รับคำสั่งจากใคร ถึงได้ใส่ความลูกเช่นนี้”“ก่อนหน้านี้เขาซัดทอดน้องหกก่อน ตอนนี้ซัดทอดลูก เห็นได้ชัดว่ามีเงื่อนงำ ความภักดีที่ลูกมีต่อเสด็จพ่อ ฟ้าดินเป็นพยานได้ ไม่กล้าลบหลู่พระองค์แม้แต่น้อย”“เสด็จพ่อ นี่เป็นแผนการ ขอจงทรงตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนบรรยายไม่ถูก แต่ไม่ดีแน่นอน สายตาของพระองค์หันมองตงฟางจิ่ง“เจ้าหก เรื่องนี้เจ้าคิดเห็นอย่างไร?”ตงฟางจิ่งเอ่ยเสียงเรียบ “ลูกไม่มีความเห็น มีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ลูกเป็นผู้บริสุทธิ์พ่ะย่ะค่ะ”ตงฟางหล่างกัดฟันกรอด แล้วถลึงตาใส่เขา เจ้าบริสุทธิ์หรือ? ดังนั้นคนที่มีปัญหาคือเขางั้นหรือ?เขาอดแค่นหัวเราะไม่ได้ “น้องหกพูดอย่างไม่เดือดร้อน ครั้งที่แล้วมือสังหารซัดทอดเจ้า คราวนี้กลับเปลี่ยนคำให้การกะทันหัน ช่างบังเอิญเสียจริง”ตงฟางจิ่งส่ายหน้าเชื่องช้า “มือสังหารชี้แจงสาเหตุแล้วไม่ใช่หรือ”“ท่านสังหารน้องสาวเพียงคนเดียวของเขา คนเป็นพี่ชายอย่างเขาไม่ยินดีถวายชีวิตให้ท่านอีกแล้ว เรื่

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 210

    “เมื่อครู่เจ้าบอกว่ารัชทายาทสั่งการเจ้าหรือ?”“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่กล้าโป้ปด ทุกอย่างเป็นคำสั่งขององค์รัชทายาท”ตงฟางหล่างที่อยู่อีกด้านกำหมัดแน่น มองดูมือสังหารด้วยแววตาอำมหิต แทบอยากจะเข้าไปแทงอีกฝ่ายให้ตายคามือเขากล้าได้อย่างไร...“ฮึ เจ้านึกว่าเราจะเชื่อเจ้าหรือ?”“ครั้งที่แล้วเจ้าซัดทอดอ๋องหก ครั้งนี้ซัดทอดรัชทายาท เจ้ากำลังปั่นหัวเราเหมือนคนโง่หรือ?”มือสังหารรีบกล่าว “กระหม่อมไม่กล้า”“เราว่าเจ้าใจกล้ามาก ในเมื่อเจ้าซัดทอดรัชทายาท เราจะถามเจ้าอีกครั้ง เหตุใดครั้งแรกเจ้าซัดทอดอ๋องหก แล้วตอนนี้ถึงเปลี่ยนคำให้การอีกครั้ง?”“หากเจ้าไม่มีเหตุผล เราจะให้เจ้าได้ลิ้มรสสุดยอดของเครื่องทรมาน” ฮ่องเต้เทียนหยวนทรงพลังดูน่าเกรงขามมือสังหารกัดฟันกรอก แล้วจ้องไปที่รัชทายาท ในดวงตามีความโกรธแค้นที่รุนแรงความโกรธแค้นนั้นเสมือนจริงมากตงฟางหล่างถูกเขาจ้องจนชะงักไป“กระหม่อมเป็นข้ารับใช้ขององค์รัชทายาทมาตลอด ทำงานให้องค์รัชทายาทด้วยความจงรักภักดี”“การลอบปลงพระชนม์ในครั้งนี้ เดิมทีกระหม่อมตั้งใจแน่วแน่ว่าจะตาย เพราะองค์รัชทายาทเคยบอกว่าหากกระหม่อมเกิดเรื่อง จะช่วยดูแลน้องสาวเพียง

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 209

    ถูกต้อง หากไม่มีตราประทับนั่น แค่คำให้การของมือสังหาร คงไม่มีน้ำหนักมากพออ๋องทุกคนล้วนมีตราประทับเฉพาะของทุกคน เพื่อแสดงสถานะของตน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ไม่ว่าจะเป็นวัสดุหรือฝีมือแกะสลักล้วนเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งยากจะเลียนแบบทว่าตราประทับนั่นกลับอยู่บนตัวมือสังหาร หนำซ้ำหลังผ่านการพิสูจน์ มันเป็นของจริงนี่จึงเป็นสาเหตุให้ฮ่องเต้เทียนหยวนสงสัยตงฟางจิ่งสีหน้าฮ่องเต้เทียนหยวนไม่สู้ดีนัก เขาหันมองตงฟางจิ่ง “เจ้าหก เจ้าเป็นลูกที่เรารักและเอ็นดูมาโดยตลอด หากเจ้ายอมรับตอนนี้ เราจะลงโทษสถานเบา”“ไม่อย่างนั้น อย่าหาว่าเราไม่ให้โอกาสเจ้า”เมื่อรัชทายาทได้ยิน แววตามีความไม่สบอารมณ์แวบผ่านตงฟางจิ่งสีหน้าเรียบเฉย “ลูกไม่มีความผิดพ่ะย่ะค่ะ”“ดี นำตัวเข้ามาเดี๋ยวนี้” ฮ่องเต้เทียนหยวนเอ่ยเสียงฮึดฮัดในไม่ช้า มือสังหารที่ถูกขังอยู่ในเรือนจำกรมราชทัณฑ์ถูกคุมตัวเข้ามามือสังหารหมอบกราบอยู่บนพื้น ไม่มีปฏิกิริยาใดทั้งสิ้นฮ่องเต้เทียนหยวนมองเขาเยือกเย็น “เจ้าลองบอกเราอีกครั้งสิ คืนนั้นที่เจ้าลอบสังหารเรา ได้รับคำสั่งจากใครกันแน่?”“ทางที่ดีจงพูดความจริง หากกล้าโป้ปดแม้แต่น้อย เราจะเฉือนเจ้าท

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 208

    “พระชายา ตกลงท่านทำอะไรลงไป?”เฟิ่งเชียนอวี่เท้าคางพร้อมโบกมือ “บอกไปพวกเจ้าก็ไม่เข้าใจอยู่ดี”นางหันมองเว่ยเซิงกับเว่ยชิว “พวกเจ้าสองคนมีวิธีทำให้ฮ่องเต้ไต่สวนคดีของตงฟางจิ่งอีกครั้งหรือไม่?”“จำไว้ ทางที่ดีต้องไต่สวนต่อหน้าเหล่าขุนนาง โดยเฉพาะสามารถไต่สวนในท้องพระโรง สอบสวนมือสังหารคนนั้นต่อหน้าทุกคน”“ไม่ได้นะขอรับพระชายา หากมือสังหารคนนั้นซัดทอดท่านอ๋องอีกครั้ง เช่นนั้นข้อหานี้ จะไม่มีวันรอดไปได้อีกเลย”สีหน้าเว่ยเซิงเคร่งเครียดมากเฟิ่งเชียนอวี่กลอกตามองเขา “เรื่องนี้ข้าจะไม่รู้ได้อย่างไร? วางใจเถอะ หากอยากให้ท่านอ๋องของพวกเจ้าออกมาจากคุกหลวงอย่างปลอดภัย ต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ”“นี่มัน...”เว่ยเซิงเอ่ยอย่างลังเล “พระชายา ท่านมั่นใจหรือ?”“มั่นใจแน่นอน”“งั้น...ก็ดี ข้าน้อยเข้าใจแล้ว” เว่ยเซิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วทำความเคารพคดีลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้เทียนหยวน แม้จะถูกมือสังหารซัดทอด แต่ในทางความผิด ตงฟางจิ่งยังไม่ยอมรับแม้ภายนอกตงฟางจิ่งจะเป็นอ๋องที่อ่อนแอขี้โรค ไม่สนใจเรื่องภายนอก ทว่าหลายปีมานี้ แอบวางแผนอยู่เบื้องหลังไม่น้อยเรื่องลอบปลงพระชนม์ เป็นความผิดที่ใส่ร้

  • ชายาแพทย์เสด็จ : ท่านอ๋องควรดื่มยาแล้ว   บทที่ 207

    บ่าวทางซ้ายมือเข้าใจทันที จึงก้าวไปหนึ่งก้าวแล้วทำให้เหยียนความสลบเขาวางเหยียนควานไว้บนพื้น แล้วหันไปมองอีกคน “พระชายา ท่านเก่งกาจเหลือเกินขอรับ”นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะเข้ามาอย่างง่ายดาย หนำซ้ำยังไม่มีใครขัดขวางที่แท้บ่าวรับใช้ทั้งสองคน คือเฟิ่งเชียนอวี่และเว่ยเซิงส่วนเหลิ่งหานและเว่ยชิว ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอก“เจ้าเฝ้าเขาให้ดี ข้าจะไปพบมือสังหารคนนั้น”“ไม่ได้ขอรับพระชายา ให้ข้าน้อยไปเป็นเพื่อนเถอะ ท่านเข้าไปคนเดียวอันตรายมาก”“วางใจเถอะ ข้ารู้จักประมาณตน ไม่ต้องพูดมาก”หลังจากเฟิ่งเชียนอวี่เอากุญแจมาจากมือเหยียนควาน ในไม่ช้าก็หาห้องขังของมือสังหารคนนั้นเจอพื้นที่บริเวณนี้เป็นส่วนที่ลึกมาก ห้องขังรอบด้านล้วนว่างเปล่า มีเพียงหนึ่งห้องที่คุมขังคนเอาไว้ จึงหาได้ง่ายมากนางเปิดประตูห้องขัง แล้วเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้ามือสังหารที่เดิมทีนอนพักสายตาอยู่บนเตียงลืมตาโพลง แล้วระมัดระวังตัวมาก “เจ้าคือใคร? เข้ามาได้อย่างไร?”เฟิ่งเชียนอวี่มองสำรวจอีกฝ่ายสักครู่ ใบหน้าดำคล้ำ หน้าตาธรรมดา เป็นคนที่หน้าตากลืนหายเข้าไปในฝูงชนนางเลิกคิ้ว เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า จากนั้นนั่งลงบนเก้าอี

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status