Accueil / รักโบราณ / ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี / บทที่ 2 สวรรค์ชดใช้....หรือสวรรค์ลิขิตกันแน่!

Share

บทที่ 2 สวรรค์ชดใช้....หรือสวรรค์ลิขิตกันแน่!

last update Dernière mise à jour: 2025-08-03 23:37:22

ท่ามกลางม่านหมอกที่ปกคลุมเชิงเขาอย่างแน่นหนา ยากนักที่จะมีใครมาพานพบหมู่บ้านแห่งนี้เข้า

ทว่าตั้งแต่มีผู้บริสุทธิ์ร่วงลงมาจากการผลักไสของคนชั่ว ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

เหล่าองครักษ์ผู้รอดชีวิตจากการต่อสู้เบื้องบน พากันไต่ลงจากหน้าผาอย่างไม่หวาดหวั่น

แม้เชือกที่ใช้โรยตัวอาจขาดลงได้ทุกเมื่อ.. แต่หามีใครถอดใจในการตามหาผู้เป็นนายไม่

ตู้อี้จ๋ายเดินนำหน้า แม้สีหน้ามุ่งมั่นแต่แววตากลับฉายความหวั่นไหว

“พวกเราต้องหาองค์รัชทายาทให้เจอ ไม่ว่าจะเป็นหรือ...”

คำพูดบางคำจมหาย 

เขาไม่กล้าเอ่ยมันออกมา 

แต่... ท่ามกลางความหวังริบหรี่นั้น

“หัวหน้าขอรับ ทางนั้น”

เสียงร้องตะโกนของหยวนอี้ รองหัวหน้าองครักษ์ปลุกความหวังที่ใกล้มอดดับ

ตู้อี้จ๋ายหันขวับทันที

เพ่งมองผ่านพุ่มไม้แน่นที่แหวกออกก่อนเห็นร่างสูงใหญ่ปะทะแสงแดดยามเย็น...

“องค์รัชทายาท!!”

เขาร้องเรียกสุดเสียง ก่อนออกวิ่งเต็มแรงตรงไปหาพระองค์

หัวใจเต้นโครมคราม

ดวงตาร้อนผ่าว เมื่อเห็นเงาของผู้เป็นนายอยู่ไม่ไกล...

เหล่าองครักษ์ผู้อาจหาญและภักดี ไม่มีใครไม่หลั่งน้ำตาออกมาขณะที่วิ่งกรูกันไปยังพุ่มไม้นั้น

ตู้อี้จ๋ายที่วิ่งไปก่อนใคร

ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นในสิ่งที่ทำให้เขาอดฉงนใจไม่ได้.... เพราะเบื้องหน้าเขามิได้มีแค่พระองค์เท่านั้น

            แม้ทั่วพระวรกายจะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและบาดแผล

ทว่ายังคงทรง ‘อุ้มเด็กน้อย’ ไว้แนบอกอย่างหวงแหน

และยังทรงแบกสตรีนางหนึ่งไว้บนบ่า

ตลอดชั่วพระชนม์ชีพ... ทรงแบกไว้เพียงแค่พระยศและพระเกียรติในฐานะโอรสสวรรค์เท่านั้น

ทว่าบัดนี้

กลับใช้เพื่อโอบอุ้มสองชีวิตเอาไว้ ราวกับเป็นสิ่งล้ำค่าที่ต้องปกป้องเหนือสิ่งอื่นใด

แววพระเนตรคู่นั้นบอกชัดเจนว่า

คนในอ้อมแขนมีความหมายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าแผ่นดิน

ตู้อี้จ๋ายละทิ้งความสงสัยก่อนเร่งฝีเท้าไปประคองเจ้านายที่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงเต็มที

“องค์รัชทายาท ทรงปล่อยเด็กและสตรีให้พวกกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

เขาพูดพลางหันไปพยักหน้าให้องครักษ์เข้าไปเพื่อรับตัวเด็กน้อยกับสตรีคนนั้นออกมา

ทว่ารับสั่งของนายเหนือหัวดังขึ้นเสียก่อน...

“ต้องช่วยพวกนางแม่ลูกไว้ เข้าใจไหม?”

“รับปากข้า... ห้ามทิ้งพวกนางไว้เด็ดขาด!”

ลั่วอี้เสียนที่สายตาพร่าเลือนและปวดหัวจนแทบจะอาเจียน

แม้สติสัมปชัญญะกำลังจะหลุดลอย

แต่จิตใต้สำนึกทำให้เขายังคงประคองให้หยัดยืนอยู่ได้...

น้ำเสียงแห้งผากสั่งออกไปอีกครั้ง

“รับปากข้า... ห้ามทอดทิ้งพวกนาง!!”

ตู้อี้จ๋ายแม้จะเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ แต่ก็รีบพยักหน้ารับคำอย่างไม่ลังเล

“พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท กระหม่อมจะไม่ทอดทิ้งพวกนางแม่ลูกเป็นอันขาด”

สิ้นเสียงรับปาก

ลั่วอี้เสียนก็ล้มพับลงในอ้อมแขนขององครักษ์ผู้ภักดีทันที

ปัง! ปัง!

เสียงเคาะประตูไม้ดังขึ้นอย่างเร่งร้อน ฝ่าเสียงหวีดร้องของลมยามค่ำคืนเพราะอาการของทั้งสามไม่สู้ดีเลย

“เปิดประตูหน่อย! พวกเรามีคนตกเขาบาดเจ็บสาหัส!”

ตู้อี้จ๋ายยืนอยู่เบื้องหน้า คิ้วขมวดแน่น ดวงตาแดงก่ำ

มือหนึ่งโอบพยุงเจ้านายผู้หมดสติ

ขณะที่องครักษ์อีกนายแบกสตรีนางหนึ่งไว้แนบอก และอีกผู้หนึ่งอุ้มเด็กน้อยที่ยังหายใจรวยริน

เสียงไม้ไผ่ไหวลู่ยามลมเย็นพัดผ่าน กลิ่นยาสมุนไพรจาง ๆ ลอยอบอวลอยู่ทั่วห้อง

เปลวตะเกียงริบหรี่คล้ายใกล้ดับ

แต่แสงนั้นยังเพียงพอให้มองเห็นเงาร่างที่นอนแนบกันบนฟูกผืนเดียว

บ้านไม้ขนาดย่อมหลังนี้ คือที่พักของ ‘เฒ่าเหลียนกง’หมอยาชราและผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านลึกลับแห่งนี้

“ไข้ลดแล้ว ขอบใจเจ้ามากเสี่ยวจิน”

ผู้อาวุโสกล่าวกับหลานสาว พลางหยิบผ้าชุบน้ำหมาด ๆ วางบนหน้าผากของหนูน้อย

รอยย่นบนใบหน้าของผู้ชราแฝงไว้ด้วยความสงบเย็นที่ฝ่าลมฝนมาทั้งชีวิต

เด็กชายตัวจ้ำม่ำนอนแนบอยู่ข้างมารดา

ผิวแก้มขึ้นริ้วแดงจาง ๆ ทำให้คนรักษาใจชื้นนัก

“เจ้าตัวน้อยแข็งแรงดีกว่าที่คิดเสียอีก”

เสียงผู้เฒ่าเอ่ยเบา ๆ พร้อมรอยยิ้มบางขณะมองเด็กน้อยด้วยสายตาเอ็นดู

“แม้จะยังไม่ตื่น...แต่ชีพจรก็แล่นสมดุลดี”

แต่เมื่อหันไปยังสองร่างที่นอนอยู่อีกฟากหนึ่งของห้อง

แววตาอ่อนโยนกลับเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที

“ทั้งสองยังไม่รู้สึกตัวเลยหรือเจ้าคะท่านปู่?” เสียงของเสี่ยวจินเอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ

เฒ่าเหลียนกงเพียงพยักหน้าเบา ๆ

“สามวันแล้ว... ไม่มีเสียงครางหรือลืมตาขึ้นเลยสักครั้ง ”

เขาสบตากับหลานสาว ก่อนใช้ปลายนิ้วแตะที่ข้อมือซ่งเม่ยหลินและลั่วอี้เสียน

“ชีพจรอ่อนเกินไป”

“พรุ่งนี้ต้องให้คนไปรับหมอจากหมู่บ้านข้าง ๆ มาเสียแล้ว หากปล่อยไว้ไม่ดีแน่”

ผู้อาวุโสถอนหายใจด้วยความกังวล

เพราะหมู่บ้านนี้อยู่ท่ามกลางป่าเขา จึงไม่ง่ายนักที่จะรักษาคนที่บาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ได้

“ดูเหมือนอาการของบุรุษผู้นี้แย่ลงใช่หรือไม่เจ้าคะ ศีรษะของเขาบวมขึ้นเล็กน้อยจากเมื่อวานนี้”

เสี่ยวจินถามผู้เป็นปู่เมื่อพิจารณาใบหน้าลั่วอี้เสียน

เพียงแค่คิดว่าเด็กน้อยคนนี้จะสูญสิ้นทั้งบิดาและมารดา หัวใจของนางก็หดหู่อย่างบอกไม่ถูก

“นั่นคือสิ่งที่ข้ากังวล”

“แอ๊ดด”

เสียงเปิดประตูของผู้เข้ามาใหม่ทำให้สองปู่หลานชะงักครู่หนึ่ง

“ข้าจะเป็นคนไปหาหมอจากในเมืองมาเอง”

“แต่...ได้โปรดให้คนของท่านนำทางข้าไปยังทางลัดของหมู่บ้านได้หรือไม่”

            เสียงนี้เป็นของใครไปมิได้นอกจากตู้อี้จ๋าย

            เขาเฝ้าดูอาการผู้เป็นนายด้วยความร้อนรน ไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาสามวันเต็ม ๆ

            ขณะเดียวกันเขาลองสำรวจเส้นทางเข้าเมืองแล้ว แต่กลับไม่พบมันแม้แต่น้อย

            ทางเดียวที่เขารู้คือการย้อนกลับไปทางเดิมที่พวกเขาปีนลงมาอย่างทุลักทุเลจากหน้าผาสูงชันนั่น

เขาจึงมั่นใจว่าที่นี่ต้องมีทางลับเข้าออกหมู่บ้าน

            “ได้สิ หากได้หมอจากในเมืองมา ชีวิตเจ้านายทั้งสามของท่านคงมีหวัง”

            ผู้เฒ่าเหลียนกงเห็นด้วยแทบจะทันที ด้วยเพราะอยากช่วยคนเจ็บ

และเขามิใช่คนโง่นัก

‘แม้ข้าจะไม่รู้ว่าพวกเจ้าจะมียศศักดิ์เป็นราชนิกุลสูงส่ง หรือเป็นขุนนางใหญ่แค่ไหน’

‘แต่หากทุ่มเทขนาดยอมเสี่ยงไต่หน้าผาสูงชันเพื่อตามหาร่างผู้ร่วงหล่น’

‘แสดงว่าคนพวกนี้มิใช่คนธรรมดาสามัญเป็นแน่’

            “ขอบคุณท่านมาก”

ตู้อี้จ๋ายประสานมือทำความเคารพอีกฝ่ายด้วยความซาบซึ้งใจ

หากไม่ได้หมอชาวบ้านผู้นี้

เกรงว่าเจ้านายของเขา มิอาจรักษาพระชนม์ชีพมาได้จนถึงตอนนี้เป็นแน่

วันเวลาเคลื่อนไปโดยไม่รอใครเหมือนเช่นทุกวัน

ยามค่ำคืนของหมู่บ้านฮวาโหวเริ่มเย็นเยียบลง เสียงแมลงป่าขับกล่อมแว่วมาแต่ไกล

สองร่างที่นอนเคียงกันประหนึ่งไร้ชีวิต

โดยเฉพาะซ่งเม่ยหลินที่ยิ่งผ่านไปสิบกว่าวัน นางกลับดูเหมือนกำลังหลับพักผ่อนเท่านั้น

แม้แต่หมอที่ตู้อี้จ๋ายพามายังได้แต่ฉงนว่าเหตุใดนางยังไม่ฟื้นเสียที

แต่ใครจะรู้ว่าภายในของซ่งเม่ยหลินนั้น...

มิได้สงบนิ่งเฉกเช่นภายนอกเลยแม้แต่น้อย

จิตสำนึกของนางกำลังต่อสู้กับอะไรบางอย่าง

“นี่มันที่ใด...เจ้าเป็นใคร”

เสียงในใจของนางถามซ้ำแล้วซ้ำเล่า

"หรือว่าข้าตายแล้ว..."

ทุกสิ่งรอบตัวมืดมิด...

เว้นเพียงแสงสีทองบางเบาที่แล่นวาบขึ้นมาในหัวไม่หยุด

แสงนั้นไม่ได้สว่างจ้า

ทว่าอ่อนโยนดั่งสุริยาแรกยามอรุณ คล้ายจะไหลรินมาจากที่ใดสักแห่งบนฟากฟ้า

ท่ามกลางความเงียบ

เสียงหนึ่งดังก้องกังวานไม่เคยหยุด

เหมือนอาจารย์ผู้กรุณาสั่งสอนศิษย์

“ดินประสิว...ถ่านไม้...กำมะถัน...”

“อัตราส่วนสามต่อสองต่อหนึ่ง...จุดระเบิดด้วยประกายไฟ...”

ยิ่งเสียงนั้นดังเท่ามากขึ้นเท่าไร

ยิ่งทำให้เห็นภาพผุดวูบวาบ ราวกับมีคนวาดภาพกลางความคิดของนาง

“ต่อเรือด้วยไม้สัก...อุดรอยต่อด้วยยางไม้...เสริมโครงลำตัวด้วยหินถ่วง...”

แต่ละถ้อยคำหาได้เพียงล่องลอยผ่าน หากกลับฝังลงในจิตใจ

ไม่ใช่เพียงความจำ

แต่เป็นความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ราวกับเรียนรู้มานับร้อยพันชาติ

ศาสตร์การแปรรูปอาหาร เครื่องสำอาง ตำรับน้ำอบ

ตำราอาวุธ กลไกน้ำ ระบบถ่วงเรือ…แม้แต่เคล็ดลับประดิษฐ์เข็มกลัดให้ไร้เสียงยามเปิดปิดก็มีครบถ้วน

ทุกสิ่งหลั่งไหลอย่างไม่หยุดยั้ง

“ขุมทรัพย์แห่งปัญญาอย่างนั้นหรือ?”

“ทำไมท่านเงียบไป ไปไหน”

            เสียงในใจของนางดังอีกครั้ง

เมื่อเสียงนั้นเงียบลงราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

           

สิ่งที่เกิดขึ้น... ไม่มีผู้ใดรู้ว่า

มันคือการชดใช้สำหรับเรื่องร้าย ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวที่น่าสงสารนี้

หรือแท้จริงแล้วสวรรค์ลิขิต

ให้มันเป็นอาวุธ...

เพื่อเป็นทางรอดให้กับนางและครอบครัว

          จากสามัญ... สู่ชนชั้นสูงส่ง

         

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   ตอนพิเศษ 4 อยู่ในใจตลอดไป

    “ซื่อหมิง จงทำหน้าที่แทนพี่ชายคนนี้ด้วย” “เจ้าต้องคืนรอยยิ้มให้ไท่จื่อเฟยให้ได้” “ท่านอย่าทำอะไรบ้า ๆ นะหวังหลุน” “พวกเราต้องรอดไปด้วยกัน” “เจ้าได้ยินไหม” “ถ้าเจ้ากล้าทิ้งข้า ข้าจะฆ่าท่าน” ฉึบ “ล่าก่อนซื่อหมิง” “อย่าให้พระองค์ร้องไห้เพราะข้า” ตูมมมม “พี่หวังหลุนนนน” นั่นคือเหตุการณ์เพียงชั่วลมหายใจ ที่เกิดขึ้นหลังจากกระโดดจากหน้าผา เขาคิดว่า....พวกเขารอดแล้ว แต่เปล่าเลย เพราะเชือกที่คว้าเอาไว้ได้... มันรับน้ำหนักไม่ไหว มีคนหนึ่งที่ต้องเสียสละ และเจ้านั่น...มันใช้มีดสั้นที่มันพกเอาไว้ ตัดช่องน้อยแต่พอตัวและทิ้งร่างลงทะเลไป ทั้งที่รู้สึกผิด หัวใจปวดร้าวจนแทบจะแตกสลาย แต่ทุกคนเชื่อไหม.... เขาไม่กล้าโดดลงไปเพื่อให้ตายตามอีกคนไป ยอมรับตามตรง... ว่าเขาอยากรอดชีวิตมากกว่า สิ่งที่ตอบตัวเองได้ในยามนั้นมิใช่เพราะเจ

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   ตอนพิเศษ 3 ครอบครัวของเรา

    “กรี๊ดดด พี่สาวทางนั้นมีขนมหนวดมังกรด้วย” “หานเอ๋อร์หยุดวิ่งเดี๋ยวนี้นะ” ซ่งเม่ยหลินห้ามพลางส่ายหน้ายิ้ม ๆ มองเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่วิ่งหลุน ๆ ไปยังร้านขนม โดยไม่สนใจว่านี่... มิใช่วังหลวง เด็กทั้งคู่ชอบนักยามได้ออกมาข้างนอกเช่นนี้ แต่คนที่ปวดหัวหนัก คงหนีไม่พ้นองครักษ์ทั้งหลายที่ต้องทำหน้าที่ป้องกันอันตรายให้เจ้านาย “ไม่เป็นไรหรอกเม่ยเม่ย อี้จ๋ายกับซื่อหมิงเองก็อยู่ด้วย” ลั่วอี้เสียนจับมือภรรยาเอาไว้ก่อนบอกนางให้เบาใจ แต่สิ่งที่ได้ยินกลับมาทำเอาอีกสองคนถึงกับสะดุ้ง “สองคนนั้นน่าเป็นห่วงไม่ต่างกับหานเอ๋อร์และลู่ลู่เลยนะเจ้าคะ” “คราวก่อนเด็กแสบหายไปอยู่หลังโรงงิ้ว” “เพราะผู้ใหญ่ต่างหลงเสน่ห์นางเอกผู้งดงามเข้าให้” “โธ่นายหญิงขอรับ” “ข้าน้อยบอกท่านเป็นร้อยครั้งพันครั้งแล้ว...” “พวกเรามิได้หยุดดูนางจนทำให้นายน้อยหานเอ๋อร์ กับคุณหนูน้อยลู่ลู่หายไป” เฟิ่งซื่อหมิงแกล้งโอดครวญ “กระหม่

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   ตอนพิเศษ 2 ครอบครัวเล็ก ๆ

    “พี่สาว...นี่ตัวอะไรเอ่ย” “คิก ๆ เอาไปเลย” “ว้ายยย หานเอ๋อร์ไม่นะ” “ทิ้งมันเดี๋ยวนี้” องค์หญิงน้อยลู่ลู่วัยหกชันษา ถูกองค์รัชทายาทตัวน้อยแกล้งเข้าให้อีกแล้ว “พี่สาวกลัวอะไรน่ะ มันแค่ไส้เดือนเองนะ” เจ้าตัวอ้วนหานเอ๋อร์ ยืนมือเท้าสะเอวข้างหนึ่งหัวเราะพี่สาวขณะที่มีเจ้าไส้เดือนตัวอ้วนอยู่ในมือ แม้รู้ความว่าเป็นน้องแต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าแสบจะเป็นน้องที่ดีเหมือนพี่น้องคู่อื่น แค่คนพี่ก็ใช่ว่าจะยอมเสียเมื่อไร “หึ หานเอ๋อร์” “ดูนี่สิ” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ผิดกับหน้าตาน่ารักดังขึ้น บ่าวไพร่รู้ดี... มันคือช่วงเวลาเอาคืน “อื้ออยยย พี่สาว” “เอามันออกไป “อย่าเอามาใกล้ข้านะ” “เสด็จแม่” “แง้งงง” ในที่สุดชัยชนะก็เป็นขององค์หญิงน้อยผู้กล้าหาญ นางกล้าจับกบตัวเป็น ๆ มาเอาคืนน้องชายตัวแสบ “...” “พอได้แล้วเด็ก ๆ” “มากินของว่างได้แล้ว ประเดี๋ยวเย็น

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   ตอนพิเศษ 1 อิ่มเอมในหัวใจ

    สำนักศึกษาภายในตำหนักตงกง ยามสายของวันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เสียงไล่จับ และเสียงท่องบทเรียนที่เจือปนเสียงหัวเราะ ตรงลานกว้างใต้ร่มไม้ เด็ก ๆ จากตระกูลขุนนางหมุนเวียนกันเข้ามาเรียนรู้ร่วมกับองค์รัชทายาท เหล่าอาจารย์พากันอมยิ้มบ้าง ดุด่าบ้าง ขณะมองเหล่าศิษย์ตัวเล็ก ๆ ที่บางครั้งตั้งใจ บางครั้งก็แกล้งหลับในห้องเรียน แม้ทุกอย่างจะดูวุ่นวายไปบ้างในสายตาผู้ใหญ่ แต่ความวุ่นวายนั้นกลับอบอุ่นนัก การได้เห็นว่าเด็กเหล่านี้มีเสียงหัวเราะ มีอิสระให้วิ่งเล่นและเรียนรู้ นั่นย่อมหมายความว่า… แผ่นดินในยามนี้สงบสุข และรุ่งเรืองอย่างแท้จริง “องค์รัชทายาททรงพระปรีชายิ่งนักพ่ะย่ะค่ะ” “ไม่เห็นจะเก่งเลย เสด็จแม่เก่งกว่าข้าตั้งเยอะ” “ฮ้าววว ท่านอาจารย์” “วันนี้ข้าเรียนจบแล้วใช่ไหม” องค์รัชทายาทตัวน้อยของทุกคนหาวหวอด เด็กคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือเจ้าอ้วนน้อยหานเอ๋อร์ของซ่งเม่ยหลิน ทันทีที่อายุสี่ขวบเต็ม เจ

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   บทที่ 54 ซ่งเม่ยหลิน... ข้าไม่ใช่คนดี (ตอนจบ)

    “แม่จ๋าอุ้มลูก” “แม่จ๋า” “เจ้าตัวแสบ อายุสามขวบกว่าแล้วยังจะอ้อนให้แม่อุ้มอยู่อีกหรือ” คำพูดเหมือนจะดุ แต่สิ่งที่ทำคือคว้าตัวเจ้าก้อนกลม ๆ ที่วิ่งหลุน ๆ มาหาทันทีที่พวกนางเปิดประตูเข้ามา ซ่งเม่ยหลินที่ดวงตายังคงแดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา นางอ้าแขนรับเจ้าตัวกลมขึ้นมาอุ้ม วันนี้นางกอดลูกรักไว้แน่นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ การที่มีเขาอยู่ในอ้อมกอด และการที่เขากอดนางตอบอย่างออดอ้อน คือคำตอบ....ว่านางทำทุกสิ่งทุกอย่างไปทำไม ร้ายกับคนทั้งโลก เพื่อรักษารอยยิ้มบริสุทธิ์ของแกเอาไว้ เพื่อให้ครอบครัวเล็ก ๆ ของนางยังคงอยู่ เพื่อรักษารอยยิ้มของผู้คนที่ไม่เคยได้ลืมตาอ้าปาก “ได้โปรดอย่ากรรแสงอีกเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” “พระองค์เป็นคนดีที่สุดเท่าที่กระหม่อมเคยพบเจอมา” เฟิ่งซื่อหมิงปาดน้ำตายามปลอบเจ้านาย เขาหมายความตามนั้น หากการเป็นคนดี...คือการปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้าย ปล่อยให้ตัวเองถูกย่ำยีอยู่ร่ำไป

  • ซ่งเม่ยหลิน ข้ามิใช่คนดี   บทที่ 53 ไร้หัวใจอย่างสิ้นเชิง

    เงามืดที่คืบคลาน “พวกเราควรทำเช่นไรดี” “วาจาของมันศักดิ์สิทธิ์เทียบเท่าเทพเซียน” “ไม่ว่ามันจะเยื้องย่างไปที่ไหน...แม่น้ำก็กลับไปเป็นปกติทุกที่ไป” “และยิ่งมันเป็นฮ่องเต้ของแคว้นซ่างหยุน” “ยิ่งทำให้ความเชื่อของชาวบ้านยิ่งหนักแน่น” “มันคือคนที่สวรรค์เลือก ฮ่องเต้หย่งหลงเริ่มต้นปรึกษากับฮ่องเต้อีกสามแคว้น ชื่อของซ่างหวงตี้กำลังหลอกหลอนพวกเขา ทั้งเรื่องมันสังหารพี่ชายเมื่อเดือนก่อน พร้อมกับที่คนของมันก่อกบฏ แย่งชิงบัลลังก์มอบให้ผู้เป็นนายโดยเสียเลือดเนื้อเพียงน้อยนิด แม้ไรพิธีปราบดาภิเษกอย่างเป็นทางการ แต่...มันคือฮ่องเต้แห่งซ่างหยุนโดยชอบธรรม และอีกเรื่องที่ทำให้พวกเขานั่งไม่ติดไปตาม ๆ กัน ก็คือเรื่องที่มันเป็นคนที่สวรรค์เลือก หนึ่งเดือนที่ผ่านมา ดูผิวเผินเหมือนว่าพวกมันตกอยู่กับความเศร้าโศกที่ คณะทูตของพวกมันถูกไฟไหม้จนวอด เหลือผู้รอดชีวิตแค่ไม่กี่คน แต่ความรู้สึกบอกว่า... พวกมัน

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status