“ไม่เป็นไรหรอกเพราะยังไงผมก็ต้องเข้ามาในเมืองอยู่แล้ว”
“คุณฐาจะไปทานอาหารเย็นที่ร้านไหนคะ”
“ส่วนใหญ่ถ้าไม่ทานที่ร้านของคุณก็ไปนั่งดื่มเหล้ากับเพื่อนน่ะ”
“แล้ววันนี้คุณฐานัดเพื่อนไว้หรือเปล่าคะ”
“วันนี้ไม่ได้นัดใครหรอกเพราะพรุ่งนี้ยังมีงานที่ไร่ต้องจัดการอีกเยอะ ไม่อยากจะกลับดึก” เขาหันมามองเธอเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองถนนต่อ ช่วงหัวค่ำแบบนี้เขาจะขับรถไม่ค่อยเร็วเท่าไหร่เพราะสองข้างทางก็มีรถจักรยานยนต์ของชาวบ้านที่เพิ่งจะเลิกงานขับสวนทางอยู่เกือบตลอด
“ถ้างั้นไปทานข้าวที่ร้านเนสนะคะวันนี้เนสจะโชว์ฝีมือทำให้เองเลยค่ะ”
“ทำอาหารเป็นด้วยเหรอคะ”
“พอได้ค่ะแต่ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ อยู่ที่ว่าคุณฐาจะกล้าทานหรือเปล่า”
“มีเมนูอะไรที่ทำเก่งๆ บ้างล่ะ”
“ถ้าที่ทำเป็นประจำก็พวกสปาเก็ตตี้พาสต้าค่ะ อาหารไทยก็ทำเป็นนะคะ แต่ไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่ แล้ววันนี้คุณฐาอยากทานอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“เรื่องทานอาหารฝีมือคุณเอาไว้วันหลังดีกว่านะ วันนี้คุณเองก็น่าจะเหนื่อยมาก”
“ที่คุณฐาพูดแบบนี้เพราะคิดว่าเนสจะเหนื่อยที่ตามคุณฐาเข้าไปในไร่ตลอดทั้งวันหรือเพราะกลัวอาหารฝีมือของเนสมันจะไม่อร่อยกันแน่คะ”
“ผมไม่กล้าตัดสินหรอกตราบใดที่ผมยังไม่ได้ทานแต่วันนี้ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวนะ”
ฐากูรเปลี่ยนจากคำว่าทานเป็นคำว่ากินเพราะคิดว่าการคุยกับ เนสิตาไม่ใช่การคุยแบบเป็นทางการเท่าไหร่
“ก๋วยเตี๋ยวเหรอคะ ปกติคุณฐาจะกินก๋วยเตี๋ยวที่ร้านไหน” เมื่อเขาใช้คำพูดที่ดูเหมือนสนิทสนมมากขึ้นเนสิตาก็ยิ้ม
“ผมไม่มีร้านประจำหรอกขับรถไปเจอร้านก๋วยเตี๋ยวที่ไหนมีที่จอดรถก็กินเลย คุณล่ะเคยกินไหม”
“มีใครบ้างไม่เคยกินล่ะคะ เนสมีร้านประจำอยู่สองร้านอยู่ที่ว่าคุณฐาจะกินก๋วยเตี๋ยวแบบไหนเนสจะได้แนะนำถูกค่ะ”
“ผมอยากกินก๋วยเตี๋ยวน้ำตกคุณกินได้ไหมล่ะ”
“ได้สิคะ”
“โทรบอกแม่หรือยังว่าจะไปกินข้าวกับผมเดี๋ยวท่านก็ชะเง้อคอรอหรอกแล้วก็บอกน้าชายคุณด้วยนะว่าถึงไหนแล้ว”
“นั่นสิลืมไปเลยเนสขอโทรศัพท์หาแม่กับน้าพลก่อนนะคะ คุณฐาขับตรงไปก่อนเลยค่ะ”
หญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์ในเป้ออกมาแล้วโทรศัพท์ไปบอกมารดาว่าเธอจะพาเธอไปกินก๋วยเตี๋ยวซึ่งร้านที่เธอพาไปนั้นอยู่ไม่ไกลจากร้านอาหารของเธอเท่าไหร่จากนั้นก็โทรไปบอกน้าชายด้วยประโยคเดียวกัน
“แม่ไม่ว่าอะไรใช่ไหม”
“แม่ไม่ว่าอะไรค่ะ แม่เกรงใจคุณฐาด้วยซ้ำที่มารับแล้วยังมาส่งอีก”
“อันที่จริงมันก็ไม่เรียกว่ามาส่งหรอกใช่ไหมล่ะเพราะยังไงผมก็ต้องเข้ามาในเมืองอยู่”
“ใช่ค่ะเนสนั่งรถมาอีกคนหนึ่งคงไม่เปลืองน้ำมันไปเท่าไหร่หรอกใช่ไหมคะ”
“ก็คงงั้น” เขาพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก
“งั้นถ้าเนสติดรถไปบ่อยๆ ก็คงไม่เป็นไรนะคะ” หญิงสาวคิดว่าถ้าเขาไม่ว่าอะไรก็ควงติดรถเขาไปที่ไร่บ่อยๆ
“อย่าลืมบอกทางผมด้วยนะเนส” เขาชะลอความเร็วลงเมื่อรถเข้ามาในตัวเมือง
“คุณฐาขับตรงไปพอให้ถึงแยกไฟแดงข้างหน้าแล้วก็เลี้ยวซ้ายไปอีกไม่กี่เมตรก็ถึงร้านแล้วค่ะ”
ชายหนุ่มขับรถไปตามที่หญิงสาวบอกไม่นานเขาก็มาจอดอยู่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่งเป็นร้านเล็กๆ ที่มีโต๊ะอีกเพียงไม่กี่โต๊ะ
ฐากูรไม่คิดว่าลูกสาวเจ้าของร้านอาหารอิตาเลี่ยนอย่างเนสิตาจะรู้จักร้านแบบนี้ด้วย
“แน่ใจนะว่าเคยมากินร้านนี้”
“แน่ใจสิคะ เนสขี่มอเตอร์ไซค์มาซื้อกับพี่มาลีอยู่หลายครั้งหรือบางวันเนสกับแม่ก็แวะซื้อไปกินกันที่บ้านค่ะเจ้านี้เขาอร่อยมาก คุณฐาะล่ะคะเคยมากินร้านนี้ไหม”
“ผมยังไม่เคยมานะ”
“กินแบบไหนคะเดี๋ยวเนสเดินไปสั่งให้”
“ให้ผมเอาหมี่ขาวน้ำตกรวมเนื้อพิเศษก็แล้วกันนะครับ”
หญิงสาวเดินไปสั่งก๋วยเตี๋ยวสำหรับตนเองและฐากูรก่อนจะกลับมานั่งซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มตักน้ำแข็งเตรียมไว้รอแล้วสองแก้ว
“เอาน้ำอะไรน้ำอัดลมหรือน้ำเปล่าล่ะ”
“เมื่อตอนกลางวันเนสกินชาเขียวไปแล้วหมดโควต้ากินน้ำตาลแล้วค่ะ ขอน้ำเปล่าดีกว่า”
“กลัวอ้วนขนาดต้องนับปริมาณน้ำตาลเลยเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะเนสก็แค่กลัวว่าตามใจปากมากเกินไปแล้วพอเปิดเทอมจะใส่ชุดนักศึกษาไม่ได้”
“ตอนนี้เรียนอยู่ปีไหนแล้ว”
“ปีหนึ่งค่ะเปิดเทอมนี้ก็จะขึ้นปีสอง”
“เรียนคณะอะไรล่ะ”
“บริหารธุรกิจและการบัญชีค่ะตอนที่เลือกเรียนคณะนี้ก็ไม่ได้คิดอะไรมากแต่ตอนนี้เริ่มอยากจะเปลี่ยนคณะแล้วค่ะ”
“ทำไมเหรอหรือเรียนหนัก”
“ไม่ใช่หรอกค่ะแต่เนสไม่รู้ว่าจะเรียนบริหารธุรกิจไปทำไมในเมื่อเราไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจใหญ่โต”
“แต่มันก็นำมาใช้ในการบริหารร้านอาหารได้นะ”
“ไม่รู้สิคะบางทีเนสก็อยากจะเลิกเรียนแล้วมาช่วยแม่ที่ร้านมากกว่าไม่อยากเห็นแม่เหนื่อยค่ะ” เธอระบายความรู้สึกที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนให้เขาฟัง
“ถ้ามองในมุมมองผู้ใหญ่ผมว่าคุณเรียนต่อให้จบที่นี่ประเทศไทยอย่างน้อยการเรียนจบปริญญาตรีมันก็เป็นเหมือนใบเบิกทางให้เราสมัครทำงานที่บริษัทไหนก็ได้ ผมว่าแม่คุณก็คงอยากให้คุณเรียนมากกว่าออกมาช่วยทำงาน”
“แม่ก็เคยพูดแบบนั้น ถ้างั้นเนสเรียนจบแล้วมาสมัครงานที่ไร่คุณฐาได้ไหมจะได้ทำงานใกล้บ้าน”
“ถ้าถามตอนนี้คงตอบว่าไม่ แต่ถ้าถึงเวลาที่เรียนจบแล้วที่ไร่มีตำแหน่งว่างก็ไปสมัครได้ผมไม่กีดกันหรอก”
“คุณถ้ารับปากไว้แล้วนะคะ ว่าจะรับเนสเข้าทำงาน”
“ใจเย็นนะเนสผมยังไม่ได้รับปากเลยว่าจะรับเข้าทำงานผมแค่บอกว่าถ้าถึงตอนนั้นแล้วมีตำแหน่งว่างอย่าเพิ่งทึกทักเอาเองสิ” เขารู้สึกขำกับสิ่งที่เธอพูด
“ไม่รู้สิคะถึงตอนนั้นแล้วเนสจะให้น้าพลไล่ใครสักคนออกแล้วเนสจะไปทำงานแทน”
“ผมคิดว่าคุณคงไม่กล้าทำแบบนั้นหรอกจริงไหมล่ะ” เขาพูดแล้วหัวเราะในลำคอ
ทั้งสองหยุดคุยเมื่อก๋วยเตี๋ยวสองชามมาวางตรงหน้า
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยนะไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวรสชาติแบบนี้นานแล้ว สงสัยคงต้องกินบ่อยขึ้น”
“ไม่ได้นะคะ” เนสิตารีบห้าม
“ก็ถ้าคุณมากินร้านนี้บ่อยๆ แล้วร้านเนสล่ะคะ”
“มันเหมือนกันสักที่ไหนล่ะคงไม่มีใครกินก๋วยเตี๋ยวไปตลอดหรอกนะ”
ทั้งสองนั่งทานก๋วยเตี๋ยวจนอิ่มแล้วเนสิตาก็อาสาจะเป็นคนจ่ายเงินเขาพยายามปฏิเสธแต่สุดท้ายก็แพ้จึงยอมให้เธอเป็นคนเลี้ยงก๋วยเตี๋ยว
“คุณฐาคะตรงโน้นมีร้านน้ำเต้าหู้ด้วยค่ะ เราไปกินกันไหม”
“ยังไม่อิ่มเหรอ”
“ก็นี่มันของคาวนี่คะ เนสอยากกินของหวานร้านนั้นมีขนมปังสังขยาค่ะ ไปกินเป็นเพื่อนเนสหน่อยนะคะ”
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วเดินตามหญิงสาวไปอย่างร้านน้ำเต้าหู้ที่อยู่ถัดออกไป
หญิงสาวสั่งขนมปังสังขยาสำหรับเธอและฐากูรมาหนึ่งชุดจากนั้นก็สั่งใส่ถุงกลับบ้านอีกสี่ชุดรวมถึงน้ำเต้าหู้อีกหลายถุง
“คุณฐาจะเอากลับไปกินที่ไร่ไหม”
“ไม่เป็นไรครับ”
หลังจากทานขนมปังสังขยาแล้วฐากูรก็ขับรถมาส่งเธอที่ร้านซึ่งตอนนี้ลูกค้าค่อนข้างเยอะเขาจึงไม่ได้เข้าไปด้านใน
“ขอบคุณมากนะคะคุณฐาเอาไว้ถ้าคุณฐามาที่ร้านอีกเมื่อไหร่เนสจะทำอาหารให้ทานนะคะ หวังว่าคุณจะมาเร็วๆ”
“ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ วันนี้ขอกลับก่อน”
“ขับรถดีๆ นะคะบ๊ายบายค่ะ” หญิงสาวโบกมือให้เขาแล้วยิ้มกว้าง
ฐากูรขับรถออกมาด้วยความรู้สึกแปลกใจกับการกระทำของตนเองวันนี้มากปกติเขาไม่เคยคุยกับใครมากเท่ากับเนสิตามาก่อนเลย
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝัน ตอนนี้เนสิตาเรียนจบแล้ว หลังจากผ่านงานรับปริญญามาเมื่อเดือนก่อน วันนี้ก็เป็นวันสำคัญของเธออีกหนึ่งวันเนสิตา“เสร็จแล้วค่ะคุณเนส สวยที่สุดเลยค่ะ” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชม“ขอบคุณนะคะ เนสเกือบจำตัวเองไม่ได้เลย” หญิงสาวพูดกับช่างแต่งหน้าและช่างทำผมที่มาช่วยแต่งตัวอยู่นานนับชั่วโมงเนสิตายืนนิ่งอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่วันนี้เธอสวมแต่งงานขาวตัดเย็บอย่างประณีตด้วยช่างฝีมือดีที่ฐากูรเป็นคนติดต่อให้ เธอใช้มือลูบไล้ไปตามเส้นผมที่ถูกเกล้าขึ้นอย่างบรรจง เผยให้เห็นลำคอระหงที่เคยเป็นที่ปรารถนาของว่าที่เจ้าบ่าว เนสิตาจำได้ดีถึงสัมผัสร้อนแรงและคำกระซิบหวานๆ ที่ฐากูรมอบให้ในค่ำคืนเหล่านั้นและวันนี้คือวันที่ทุกความปรารถนาระหว่างเธอกับเขาจะถูกเติมเต็มอย่างถูกต้องทั้งนิตินัยและพฤตินัย“นี่ฉันจริงๆ เหรอเนี่ย...” เธอพึมพำกับตัวเอง เสียงหวานแผ่วเบาแทบไม่ได้ยิน ภาพเจ้าสาวในกระจกนั้นงดงามเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้หลายเท่าและในอีกไม่กี่ชั่วโมงเธอกำลังจะก้าวเข้าสู่บทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ บทบาทของภรรยาฐากูรชายหนุ่มที่เธอรักหมดหัวใจความตื่นเต้นปนความประหม่าแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง เ
เมื่อคนรักขอมีหรือเขาจะไม่ทำตาม ฐากูรก้มลงมาจูบเธออีกครั้ง จูบนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งหวานและเร่าร้อนขึ้นทุกขณะ ยิ่งจูบก็ยิ่งกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาให้ลุกโชนเนสิตาก็ตอบสนองเขาได้ไม่ต่างกัน ลิ้นเล็กของหญิงสาวสอดแทรกเข้ามาหยอกล้อกับลิ้นของเขา ทำให้ชายหนุ่มครางในลำคออย่างพอใจฐากูรผละจูบออกเมื่อเธอเริ่มขาดอากาศ เขาไล้ปลายลิ้นจูบซับลงมาจากปลายคางมน ขบเม้มซอกคอขาวจนขึ้นรอยสีกุหลาบตีตราแสดงความเป็นเจ้าของไปทั่วผิวเนียนลิ้นร้อนลากไล้ผ่านฐานสีชมพูสวย ก่อนจะงับยอดทับทิมเข้าอุ้งปากร้อน เนสิตาได้แต่นอนดิ้นพล่านให้เขาได้ดูดกินอย่างที่ต้องการ“ผมชอบกินนมจากเต้าที่สุด”เขากระซิบก่อนจะลากไล้ลิ้นร้อนต่ำลงมายังกึ่งกลางลำตัว ขบเม้มท้องที่เรียบเนียนนิ้วร้ายลากต่ำสอดนิ้วเข้าไปยังจุดอ่อนไหวที่ตอดรัดทันทีเมื่อเขาเข้าไปได้เพียงนิดเดียว“อ๊ะ!...” เนสิตาสะดุ้งเฮือก“เจ็บเหรอ” ฐากูรถามอย่างอ่อนโยน“ไม่เจ็บ...แต่เนสเสียว”คำตอบของเธอทำให้เขายิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะขยับปลายนิ้วเข้าลึกไปจนสุดความยาว แล้วคว้านหมุน กดย้ำลงตรงจุดกระสันทางด้านในจนหญิงสาวร้องครางด้วยความเสียวซ่าน เธอขยับสะโพกไปตามจังหวะน
เช้ามืดวันรุ่งขึ้นฐากูรขับรถจากไร่มายังกรุงเทพฯ ทันที เขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่าในเวลาเดียวกัน ชายหนุ่มกลัวว่าเนสิตาจะไม่ยกโทษให้และถ้ามันเป็นแบบนั้นเขาคงทนไม่ได้อย่างแน่นอน แต่เขาก็จะทำอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้เธอกลับมาเป็นคนรักของเขาอีกครั้งเขาไปดักรอเนสิตาที่ด้านล่างหอพัก เมื่อเห็นร่างเล็กๆ ที่คุ้นเคยเดินออกมาจากประตูฐากูรก็รีบก้าวลงจากรถไปหาเธอทันที“เนส” ฐากูรดีใจมากที่ได้เจอกับอีกครั้งหลังจากไม่เจอกันนานเกือบสองสัปดาห์เนสิตาชะงักเธอหันมามองฐากูรด้วยความตกใจและดีเป็นอย่างมากดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นเขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอคิดถึงเขาจนใจจะขาด“คุณฐา!” เนสิตาเอ่ยเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสั่นเครือ น้ำตาเอ่อคลอขึ้นในดวงตาอย่างห้ามไม่ได้ฐากูรเดินเข้าไปหาเธออย่างรวดเร็ว เขากุมมือเนสิตาไว้แน่นเหมือนกลัวว่าเธอจะหนีไปไหน“ไปคุยกันในรถนะ”เนสิตาเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายในใจมีเรื่องราวมากมายที่อยากพูดคุยกับเขา“มีอะไรคะ” เธอถามออกไปแต่ไม่กล้ามองหน้าเขาเพราะกลัวฐากูรจะเห็นว่าตอนเธอคิดถึงเขามากแค่ไหน เรื่องที่เกิดขึ้นเธอเองก็มีส่วนผิดที่ไปบอกเลิกเขาทั้งที่ควรจะคุยกันด้วยเหตุผล“ผมขอโทษนะเนส
การคบกันอย่างเปิดเผยทำให้ฐากูรและเนสิตามีความสุขมาก เนสิตากลับบ้านบ่อยมากขึ้นโดยมีฐากูรเป็นคนรับส่ง และจะช่วยงานที่ร้านหนึ่งวัน ส่วนอีกหนึ่งวันก็ไปที่ไร่กับฐากูร พอช่วงปิดเทอมเธอก็ช่วยงานทั้งสองที่อย่างเต็มที่ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูจะดำเนินไปอย่างราบรื่นและงดงาม จวบจนกระทั่งเนสิตาขึ้นปีสี่และต้องไปฝึกงานเนสิตาได้เข้าฝึกงานที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เธอตั้งใจทำงานและเข้ากับเพื่อนร่วมงานได้เป็นอย่างดี เธอมีรุ่นพี่คนหนึ่งที่สนิทสนมด้วยและคอยช่วยเหลือเธอทุกอย่าง ซึ่งนั่นทำให้ฐากูรเริ่มไม่พอใจ เขามาหาเนสิตาที่กรุงเทพฯ บ่อยขึ้น และทุกครั้งที่มาเขามักจะเห็นเนสิตาสนิทสนมกับรุ่นพี่คนนั้น ซึ่งทำให้เขาหึงหวงอย่างรุนแรงและเริ่มแสดงอาการไม่พอใจออกมาให้เห็นในเย็นวันหนึ่งหลังจากที่ฐากูรมารับเนสิตาที่บริษัทใบหน้าของเขาดูบึ้งตึงผิดปกติต่างจากทุกครั้งที่มารับเธอ“คุณฐา คิดถึงจังค่ะ ขับรถมาเหนื่อยไหม” เนสิตายิ้มอย่างดีใจที่คนรักมารอรับ“ไม่หรอก เนสล่ะเหนื่อยไหม” เขาถามอย่างห่วงใย“เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ ฝึกงานที่นี่เนสได้อะไรหลายอย่างเลยค่ะ เหนื่อยบ้างแต่ก็สนุกด้วยค่ะ” เธอตอบด้วยท่าทางสดใส“แล้วทำไมวั
วันจันทร์มาถึงเร็วกว่าที่เนสิตาคิดไว้ วันนี้ฐากูรจะไปคุยกับมารดาของเธอที่ร้านอาหารหลังจากทานอาหารเช้าฝีมือเนสิตาแล้วฐากูรก็ขับรถมาส่งหญิงสาวที่มหาวิทยาลัยตามปกติ แต่บรรยากาศบนรถกลับแตกต่างออกไปจากทุกครั้ง เนสิตารู้สึกประหม่าและกังวลอย่างเห็นได้ชัด เธอจับมือของฐากูรแน่นตลอดทาง“ไม่ต้องกังวลนะครับเนส ผมจะทำให้ดีที่สุด” ฐากูรบีบมือเธอเบาๆ เพื่อปลอบโยน สายตาของเขาอ่อนโยน แต่แฝงไปด้วยความมุ่งมั่น“เนสรู้ค่ะ แต่เนสก็ยังกลัวอยู่ดี” เนสิตาตอบเสียงแผ่ว ใบหน้าสวยเต็มไปด้วยความกังวล“อย่าคิดมากทุกอย่างจะเรียบร้อย” เขาบอกให้เธอคลายความกังวลเมื่อรถจอดสนิทหน้าตึกคณะฐากูรกดจูบลงบนหลังมืออย่างรักใครj“ตั้งใจเรียนนะครับ แล้วเดี๋ยวผมจะโทรหา”“ขับรถดีๆ นะคะ” หญิงสาวมองด้วยสายตาห่วงใย“ครับผมไปนะ”เนสิตาพยักหน้าก่อนจะดึงมือออกอย่างแล้วเดินลงจากรถไปอย่างช้าๆ ฐากูรมองตามหลังเธอจนกระทั่งร่างเล็กหายลับไปในอาคารเรียน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ปรับเปลี่ยนสีหน้าให้จริงจัง ก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านอาหารอิตาเลียนที่คุณนีรนุชมารดาของเนสิตาฐากูรเข้าไปจัดการธุระในไร่ก่อนจะขับรถมายังร้านอาหารอาหารอิตาเลี่ยน
สายของวันใหม่ร่างเปลือยเปล่าของเนสิตาและฐากูรที่ยังคงกอดเกี่ยวกันอยู่บนเตียง ฐากูรตื่นขึ้นมาก่อนเขาก้มมองใบหน้าสวยหวานที่ซบอยู่บนแผงอกอย่างหลงใหล ลมหายใจแผ่วเบาสม่ำเสมอแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังหลับอย่างสบาย ชายหนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน นิ้วเรียวเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าผากของเนสิตาออกอย่างแผ่วเบา เพราะไม่อยากให้คนรักตื่นแต่ไม่นานนักเนสิตาก็รู้สึกตัวเธอลืมตาขึ้นช้าๆ ก่อนจะพบว่าดวงตาคมกริบของฐากูรกำลังจ้องมองเธออยู่ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอทันที“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณฐา” เธอเอ่ยเสียงหวานดวงตาเป็นประกายระยับรู้สึกดีมากที่ตื่นมาแล้วเจอคนรักนอนอยู่ข้างๆ“อรุณสวัสดิ์หลับครับสบายไหมครับ” ฐากูรตอบแล้วก้มลงจูบบนหน้าผากเนียนของเธออย่างอ่อนโยน“สบายที่สุดเลยค่ะ เนสไม่อยากตื่นเลย” เธอซบใบหน้าลงกับแผงอกของเขาอีกครั้ง การอยู่ในอ้อมกอดของฐากูรทำให้หญิงสาวรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นไปถึงหัวใจ“เมื่อคืนเนสคงเหนื่อยมาก” เขาเอ่ยแซวพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม“ก็คุณฐานั่นแหละค่ะที่ทำให้เนสเหนื่อย” เนสิตาหน้าแดงระเรื่อค้อนเขาอย่างน่ารักและตีแผงอกของเขาเบาๆ ในแววตากลับเต็มไปด้วยความสุข“ผมแค่อยากชดเชยให้เนสเท่านั้นเองค