Share

บทที่ 7 ลักพาตัว

last update Dernière mise à jour: 2025-02-04 15:31:52

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตาม หญิงสาวทั้งหลายและชายหนุ่มทั้งปวงก็ได้แต่มองกันห่าง ๆ จนกระทั่งเสนาบดีกรมคลังกล่าวเชิญแขกทุกท่านร่วมสนุกแข่งขันยิงธนู โดยไม่แบ่งแยกหญิงชาย ทุกคนจึงไปรวมตัวกันที่ลานกว้างซึ่งเป็นสถานที่จัดแข่งขัน สุ่ยเฉินเฟิงซึ่งแทรกกลุ่มหญิงสาวเข้ามาใกล้พี่ชายกล่าวเสียงใส

“พี่ใหญ่ ท่านก็ลองสักหน่อย ของรางวัลก็น่าสนใจมิใช่น้อย”

ทันใดนั้น บุรุษในเครื่องแต่งกายสีเขียวเข้ม ปักลวดลายสวยงามก็ก้าวเข้ามา

“หากคุณหนูสุ่ยต้องการของรางวัล ข้าจะนำมาให้”

พลันสายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เจ้าของเสียง บุตรชายคนเล็กแห่งจวนเสนาบดีกรมโยธานั่นเอง เขามีชื่อเสียงในฝีมือธนูอยู่พอสมควร สุ่ยเฉินเฟิงแย้มปาก

“ขอบคุณคุณชายมาก แต่พี่ชายของข้าก็จะนำมาให้ข้าอยู่แล้ว ไม่รบกวนคุณชาย”

จงเฝิ่นลู่สีหน้ามืดครึ้มแล้ว นางเม้มปาก พยายามกลืนความขุ่นเคืองใจลงท้อง งานนี้จวนเสนาบดีกรมคลังเป็นเจ้าภาพ คนที่โดดเด่นที่สุดก็ควรเป็นนาง แต่นี่อะไร บุตรีของแม่ทัพใหญ่แย่งความสนใจมากเกินไปแล้ว

บุตรชายเสนาบดีกรมโยธายังคงมียิ้มที่มุมปากก่อนเดินไปประจำจุดแข่งขัน สุ่ยฝานหรงก็เช่นกัน แน่นอนว่าสุ่ยฝานหรง รองผู้บัญชาการทหารม้าซึ่งเชี่ยวชาญทั้งอาวุธดาบและธนูย่อมสามารถคว้ารางวัลมาได้อย่างง่ายดาย กระแสความชื่นชมในตัวพุ่งสูงขึ้นอีก แม้ผู้ที่ได้รับของรางวัลอย่างแท้จริงคือ สุ่ยเฉินเฟิง แต่ผู้ที่ชื่นชมในตัวสุ่ยฝานหรงก็มิได้ใส่ใจ เพราะสุ่ยเฉินเฟิงเป็นน้องสาวแท้ ๆ นั่นเอง

เมื่องานเลี้ยงสิ้นสุดแขกผู้มีเกียรติต่างก็ทยอยเดินทางกลับ ฝูซิงลูกน้องคนสนิทมาแจ้งข่าวเรื่องที่สุ่ยฝานหรงสั่งงานไว้ รองผู้บัญชาการทหารม้าจึงส่งน้องสาวขึ้นรถม้ากลับจวน ส่วนตัวเองไปทำงานต่อด้วยอาชาคู่ใจ เหมยกุ้ยก็ขึ้นรถม้ากลับจวนตนเอง

รถม้าจวนแม่ทัพใหญ่ผ่านตลาด อะไรบางอย่างกระทบรถ สุ่ยเฉินเฟิงเปิดม่านหน้าต่างออกดู พลันมองเห็นชายกระโปรงสีเหลืองปักดอกไม้สีขาวพริ้วไหวกำลังลับสายตาไปทางด้านหลังเหลาเฉียน

สงสัยว่าเหมยกุ้ยจะแอบมาชิมหมูหมักพุทราอีกแล้ว อาหารที่จวนเสนาบดีกรมคลังก็อร่อยแต่เหมยกุ้ยมัวแต่พูดคุย อย่างไรก็ตามหมูหมักพุทราทำให้เหมยกุ้ยน้ำหนักเพิ่ม เอวขยายถึงสองชุ่น ไม่นับว่าน้อยเลย ไหนว่าจะลดน้ำหนัก ต้องไปดูหน้าคนอดใจไม่ไหวซะหน่อยแล้ว สุ่ยเฉินเฟิงคิดขำ ๆ แล้วบอกให้หยุดรถม้า

นางลงจากรถม้าอย่างรวดเร็ว แอบเดินตามหลังเพื่อน เมื่อผ่านด้านหลังของเหลาเฉียนก็เลี้ยวขวาออกไปทางซอยแคบค่อนข้างเปลี่ยว สุ่ยเฉินเฟิงหยุดชะงักส่งเสียงเรียกเพื่อน "กุ้ยเอ๋อร์"   

หญิงนางนั้นหันกลับมา ไม่คาดคิดมิใช่เหมยกุ้ย อย่างรวดเร็วกลิ่นยาฉุนเข้าสู่จมูก แขนขาอ่อนแรง สติพลันดับวูบลง ความรู้สึกสุดท้ายคือมีวงแขนแข็งแรงช้อนตัวนางไว้จึงมิได้ร่วงหล่นลงบนพื้น

ผู้ติดตามซึ่งสุ่ยเฉินเฟิงสั่งให้รอที่รถม้ารู้สึกแปลกใจที่คุณหนูยังไม่กลับมา เขาจึงไปที่ด้านหลังเหลาเฉียน ตามเส้นทางที่สุ่ยเฉินเฟิงเดินไป มีหญิงสาวสวมชุดสีเหลืองสดคนหนึ่งเดินสวนมา เขาจำได้ว่าเมื่อคุณหนูเห็นหญิงชุดเหลืองก็รีบร้อนเดินตามไป แล้วเหตุใดนางจึงเดินกลับเพียงลำพัง

“แม่นาง สตรีแต่งกายในชุดสีครีมที่เดินตามหลังท่าน ไปไหนเสียแล้ว”

หญิงสาวนางนั้นสีหน้าซีดขาวในฉับพลัน ท่าทีลุกลี้ลุกลน หลบสายตาลงมองพื้น ไม่ตอบแต่เดินหนีอย่างรวดเร็วแทบจะเป็นวิ่ง ผู้ติดตามเห็นมีพิรุธจึงสกัดนางไว้ หญิงสาวส่งมีดสั้นออกมาอย่างรวดเร็ว หวังจะสังหารผู้ขวางทาง แต่ไม่เกินความสามารถของผู้ติดตาม พริบตาเดียวนางก็สลบตัวอ่อนลงกองกับพื้น

ผู้ติดตามลากหญิงสาวผู้นั้นกลับเข้าไปด้านหลังเหลาเฉียนก็พบแต่ความสงัด เมื่อเดินผ่านไปเล็กน้อยก็พบทางแยกเลี้ยวซ้ายและขวา ทางด้านซ้ายเป็นซอยตื้น ๆ มองจากปากซอยเข้าไปก็เห็นว่าสุดซอยเป็นซอยตัน เขาจึงเลี้ยวขวา สองข้างทางเป็นกำแพงสูงไม่มีที่ให้ผู้คนหลบซ่อน จนกระทั่งสุดซอยก็ไม่พบคนแม้แต่คนเดียว

เขาจึงนำหญิงสาวมามัดแน่นหนาไว้บนรถม้า ให้สารถีเฝ้าไว้แล้วตนเองก็เข้าไปในเหลาเฉียน เดินหาจนทั่ว เถ้าแก่เหลาเฉียนก็แจ้งว่าวันนี้คุณหนูสุ่ยไม่ได้มา

เขาตัดสินใจตรงไปยังที่ทำการของรองผู้บัญชาการทหารม้า ความตกใจปรากฏขึ้นในแววตาของคุณชายใหญ่ตระกูลสุ่ย เขาให้ทหารไปสอบถามเหมยกุ้ยก็ได้คำตอบว่า กลับจากงานเลี้ยงนางก็ตรงกลับจวนแล้วมิได้ออกไปไหนอีกเลย ชุดสีเหลืองก็ยังอยู่ที่จวนของนาง และสุ่ยเฉินเฟิงก็บอกกล่าวเหมยกุ้ยว่าจะกลับจวนแม่ทัพใหญ่เลยโดยไม่แวะที่ใด

ผู้ติดตามนำตัวหญิงสาวชุดเหลืองเข้ามาในสภาพถูกมัดมือไพล่หลัง นางฟื้นแล้ว หน้าซีด ปากสั่น เหงื่อเปียกชื้นไปทั้งตัว เมื่อถูกเค้นถามก็เข่าอ่อนทรุดไปกองกับพื้น แต่ก็ยังยืนกรานว่าไม่เกี่ยวข้องกับการที่สุ่ยเฉินเฟิงหายตัวไป

“บ่าวไม่รู้เรื่องจริง ๆ เจ้าค่ะ ไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่าคนที่ท่านถามหาหน้าตาเป็นเช่นใด”

“เสื้อชุดนี้ เจ้าได้มาอย่างไร” รองผู้บัญชาการทหารม้าถามเสียงเครียด มองแล้วคล้ายชุดของเหมยกุ้ยมาก ไม่แปลกที่สุ่ยเฉินเฟิงจะเดินตามหญิงชุดเหลืองไป มองด้านหลังนางก็คล้ายเหมยกุ้ยหลายส่วน

“บ่าวซื้อมาจากร้านเสื้อในตลาดเจ้าค่ะ”

เมื่อมองชัด ๆ แล้ว จะเห็นว่าเนื้อผ้า ความละเอียดของลวดลายแตกต่างกัน แต่หากมองไกล ๆ ก็จะคล้ายกัน สุ่ยฝานหรงสงสัยว่าการหายตัวของน้องสาวในครั้งนี้ จะมีคนของจวนเสนาบดีกรมคลังหรือคนที่ไปร่วมงานมีส่วนรู้เห็นด้วย เพราะทุกคนรู้ว่าเหมยกุ้ยแต่งกายด้วยชุดสีเหลืองแบบนี้ การจะให้สุ่ยเฉินเฟิงสำคัญผิดคิดว่าเป็นเพื่อนของนาง ต้องมีคนส่งข่าวเรื่องเครื่องแต่งกายให้คนร้ายแน่นอน

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 114 ใต้หล้าล้วนสงบสุข

    สิบปีผ่านไป ณ ตำหนักคุนหนิง ฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง นั่งดื่มชาในสวนดอกไม้ อากาศอบอุ่น มีลมพัดผ่านเบา ๆ นึกถึงชะตาชีวิตที่แปลกประหลาด ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่มีชีวิตสงบสุขเหมือนคุณหนูสูงศักดิ์ทั่วไป แต่เมื่อถึงวัยมีคู่ครองก็มีเรื่องเดือดร้อนไม่จบไม่สิ้น ชีวิตเหมือนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิง กว่าจะฝ่าฟันมาถึงวันนี้ก็ได้รับประคับประคองจากพระสวามีผู้สง่างามและครอบครัวเดิม สุ่ยเฉินเฟิงสัญญากับตนเองว่าจะทะนุถนอมความรักของพวกเขาไว้อย่างดีฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง และฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิง มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวมห้าองค์ องค์ชายหย่งเฉิงคล้ายเสด็จพ่อมากที่สุดทั้งรูปร่างหน้าตา อุปนิสัย และความรู้ความสามารถ องค์ชายหย่งเฉิงชื่นชอบการฝึกซ้อมอาวุธทุกประเภท อีกทั้งยังชำนาญหมากล้อมและการฝึกเชาว์ปัญญาต่าง ๆ เรียกว่าเก่งทั้งบู๊และบุ๋นองค์หญิงเฟิงซินหน้าตาคล้ายเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ ทำให้นางเป็นที่โปรดปรานของเสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือยิ่งนัก บางครั้งฮ่องเต้ยังจำใจต้องอนุญาตให้องค์หญิงเฟิงซินไปพักค้างที่ตำหนักนอกวังบ้างเพราะทนการรบเร้าของผู้เป็นมารดาไม่ไหว แรก ๆ ก็ไปพักค้างครั้งละหนึ่งคืน พอนานเข้าเสด็จย่าไทเฮา

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 113 ราษฎรกินอิ่มนอนอุ่น

    ราษฎรต้อนรับการประสูติขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงอย่างเอิกเกริก ร้านค้าในตลาดและบ้านเรือนราษฎรปักธงถวายพระพร เหลาเฉียนจัดทำอาหารพิเศษแจกจ่ายให้ลูกค้าโดยไม่คิดเงิน ร้านขายผลไม้ก็นำส้มมงคลมาแจกจ่ายให้ผู้คนที่สัญจรไปมาเมื่อครั้งเทียนตี้หย่งยังดำรงตำแหน่งฉินอ๋อง ราษฎรก็รักใคร่ชื่นชม แม้ในจวนอ๋องจะไม่มีพระชายา พระชายารอง หรืออนุ ก็ไม่มีผู้ใดใส่ใจ ต่อมาขึ้นครองราชย์ ราษฎรก็ปลื้มปิติ แต่ก็กังวลเพราะฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ลั่นวาจาไว้ว่าจะมีฮองเฮาสุ่ยเฉินเฟิงเพียงพระองค์เดียวแม้ในขณะที่แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฮองเฮา พระนางจะตั้งครรภ์แล้วก็ตาม หากเป็นพระราชธิดาพวกเขาก็ยังไม่วางใจ ดังนั้นเมื่อองค์ชายน้อยหย่งเฉิงประสูติ จึงเป็นทั้งความยินดีและความโล่งใจของราษฎรทั้งหลาย อย่างน้อยก็สบายใจได้ว่า แคว้นต้าเจียมีผู้สืบทอดบัลลังก์มังกรแล้วในแต่ละวันขององค์ชายน้อยหย่งเฉิงมีเสด็จย่าทั้งสองและท่านยายผลัดกันมาดูแล คือเสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้ เสด็จย่าไทเฮากู้ชุนฉือ และท่านยายเจียงจือไฉ แต่เสด็จย่าไทเฮาสือจินอวี้จะได้เปรียบมากกว่าเพราะประทับในวังเช่นเดียวกัน จึงมาดูแลเกือบทุกวัน เว้นแต่วันที่เสด็จย่าไทเฮ

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 112 เจ้าก้อนแป้งตัวน้อยน่ารัก

    พระราชพิธีแต่งตั้งฮองเฮาเป็นไปอย่างเรียบง่ายตามความประสงค์ของสุ่ยเฉินเฟิง ตำหนักคุนหนิงของฮองเฮาได้รับการปรับปรุงใหม่ มีห้องสำหรับทารกติดกับห้องบรรทมของฮองเฮา สำหรับฮ่องเต้เทียนคงอิงฉงนั้นแม้จะมีตำหนักเฉียนชิง แต่พระองค์ก็จะมาบรรทมที่ตำหนักคุนหนิงเป็นประจำ เว้นแต่ช่วงที่ทรงงานดึกจึงจะพักผ่อนที่ตำหนักเฉียนชิงเพื่อให้ฮองเฮาพักผ่อนเต็มที่ ไม่ต้องตื่นกลางดึกสุ่ยฝานหรงซึ่งบัดนี้ได้รับการแต่งตั้งดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีนั้น บางวันจะพาเหมยกุ้ยเข้าวังมาส่งที่ตำหนักคุนหนิงในช่วงเช้า และมารับกลับหลังจากประชุมขุนนางเสร็จ ชีวิตของสุ่ยเฉินเฟิงจึงไม่เงียบเหงาเกินไป ส่วนถิงถิงซึ่งบัดนี้เป็นนางกำนัลคนสนิทของฮองเฮาก็ช่างมีเรื่องซุบซิบมาเล่าให้ฟัง แม้กระทั่งองค์หญิงนาราที่เสวยผลไป่เซียงกั่วเพื่อให้เกิดผื่นจะได้ยืดเวลาการอยู่ในวังหลวงเพื่อมีเวลาขอถวายตัวเป็นสนมก็มาเล่าให้ฟัง เรียกได้ว่าทั้งเรื่องเก่าเรื่องใหม่ถิงถิงไม่ค่อยจะพลาดข่าว ถิงถิงมีความเห็นว่ารู้มากหน่อยดีกว่ารู้น้อยไปเมื่อสุ่ยฝานหรงเข้ารับตำแหน่งอัครมหาเสนาบดีแล้ว ฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ก็ต้องวางกำลังคนที่ไว้ใจให้ควบคุมหน่วยกำลัง

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 111 เข้าวัง

    ไทเฮาสือจินอวี้ลุกขึ้นจากที่ประทับ ตรงไปยังองค์หญิงนาราที่นั่งคุกเข่า ใช้สองพระหัตถ์แตะไหล่ประคองให้องค์หญิงน้อยลุกขึ้นยืน แล้วตรัสว่า “องค์หญิงนารามีหน้าตาสวยงามและเพียบพร้อมด้วยความรู้ ไม่ควรจะมาเป็นสนม ความหวังดีนี้ไม่อาจรับไว้ได้ ขอให้แคว้นต้าเจียและเผ่าตู้ผูกพันเป็นมิตรที่ดีต่อกันเถิด”ภายนอกมีเสียงดังขึ้นว่า “ฮ่องเต้เสด็จ”เมื่อร่างสูงสง่าของฮ่องเต้ก้าวเข้ามาในโถงกลางของวังหลัง พระองค์ทำความเคารพไทเฮาก่อน แล้วจึงหันไปตรัสแก่ผู้อื่นที่ทำความเคารพว่า “ไม่ต้องมากพิธี” องค์หญิงน้อยมองด้วยสายตาหลงใหลเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยแล้วตรัสด้วยสุรเสียงจริงจังว่า “เจิ้นขอบใจในน้ำใจของถู่ซือและองค์หญิง แต่ไม่อาจรับไว้ได้ ต้าเจียและเผ่าตู้ไม่จำเป็นต้องผูกพันกันด้วยการอภิเษกหรือการเป็นสนม แต่ยังเป็นพันธมิตรกันต่อไปได้”องค์หญิงน้อยทำได้เพียงกล่าวเสียงเบาว่า “เพคะ” รู้สึกอับอายแทบแทรกแผ่นดิน ไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกปฏิเสธแม้แต่การเป็นสนม เทียนตี้หย่งหันไปทางทูตเผ่าตู้แล้วตรัสว่า “เผ่าตู้มีสินค้าหายากหลายอย่างที่ต้าเจียไม่มี เจิ้นจะให้ทูตการค้าต้าเจียหารือเรื่องการพัฒนาการค้าขายระหว่างกันดีห

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 110 ใคร ๆ ก็หลงรักฮ่องเต้ผู้สง่างาม

    พระราชพิธีบรมราชาภิเษกเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่อลังการ เทียนตี้หย่ง ขึ้นครองราชย์สถาปนาเป็นฮ่องเต้เทียนคงอิงฉง ราษฎรทั่วแคว้นต้าเจียเฉลิมฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน พวกเขาล้วนมีความหวังที่ยิ่งใหญ่กว่าครั้งใดที่เคยหวัง ต่างแคว้นล้วนส่งทูตมาแสดงความยินดี ไม่มีแคว้นใดหาญกล้าทดสอบความแข็งแกร่งของฮ่องเต้พระองค์ใหม่เผ่าตู้เป็นชนเผ่าที่เคยถูกแคว้นต้าเลี่ยงรุกรานและสร้างความอัปยศให้แก่องค์หญิงหลายองค์จนปลิดชีพตนเอง เมื่อแคว้นต้าเจียปราบปรามแคว้นต้าเลี่ยงทำให้เผ่าตู้ได้รับอิสระอีกครั้ง เมื่อมาแสดงความยินดีในครั้งนี้ มีองค์หญิงน้อยเผ่าตู้ร่วมเดินทางมาด้วย องค์หญิงนาราเป็นองค์หญิงองค์เดียวที่ปลอดภัยจากการรุกราน เนื่องจากช่วงเวลานั้นไม่ได้อยู่ในดินแดนเผ่าตู้ ในท้องพระโรง พระเจ้าเทียนคงอิงฉง เทียนตี้หย่ง ประทับอยู่บนบัลลังก์มังกร พระพักตร์ขาวใส ดวงตาดำขลับยาวรีปลายชี้ฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน ช่างสง่างามเหลือเกิน องค์หญิงน้อยมองดูด้วยความตะลึง หลงรักบุรุษผู้สง่างามนี้ทันทีเทียนตี้หย่งแย้มพระโอษฐ์ขอบคุณแคว้นต่าง ๆ ที่มาร่วมแสดงความยินดี และเชิญทูตทุกแคว้นทุกชนเผ่าเข้าร่วมงานเลี้ยงในตอนเย็น เนื่องจากยังไม่มีการแต่งตั

  • ดอกไม้ในเปลวเพลิง   บทที่ 109 เทพสงครามครองบัลลังก์มังกร

    หลังจากพระเจ้าเต๋อหมิงได้รับบาดเจ็บ คณะหมอหลวงก็พยายามทุกวิธีในการรักษา เพราะฤทธิ์ยาระงับความเจ็บปวดที่หมอหลวงปรุงขึ้น แม้พระพักตร์จะขาวซีดแต่ก็ไม่แสดงถึงความเจ็บปวด เวลาผ่านไปสิบกว่าวัน ลมหายใจที่แผ่วเบานั้นก็หยุดนิ่ง หัวหน้าหมอหลวงตรวจชีพจรอีกครั้งก่อนจะหันมาทูลต่อไทเฮาสือจินอวี้ว่า“พระองค์กลับคืนสู่สวรรค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”ไทเฮาสือจินอวี้ตัวอ่อน เป็นลมล้มพับ ฉินอ๋อง เทียนตี้หย่ง ที่ยืนอยู่ใกล้กันรับตัวเสด็จป้าสะใภ้ไว้ทันก่อนพระวรกายกระทบพื้น หมอหลวงแบ่งคนมาปฐมพยาบาลไทเฮา ความเศร้าโศกเสียใจล้นห้องบรรทมออกไปครอบคลุมวังหลวงและกระจายออกไปทั่วแคว้น พระเจ้าเต๋อหมิงเป็นผู้ปกครองใต้หล้าด้วยความเมตตา จึงเป็นที่รักใคร่ของราษฎร ในช่วงเวลาอันเศร้าหมอง ฉินอ๋องเป็นกำลังหลักในการสั่งการเรื่องต่าง ๆ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยหลังจากพิธีการต่าง ๆ ผ่านพ้นไป ไทเฮาสือจินอวี้ก็เรียกฉินอ๋องเข้าเฝ้า สุ่ยเฉินเฟิงดูแลเครื่องแต่งกายให้พระสวามี ฉินอ๋องใช้นิ้วดันคางของนางให้เงยหน้าขึ้น“เฟิงเอ๋อร์ เจ้ากังวลอะไรหรือ”สุ่ยเฉินเฟิงถอนหายใจ “ไม่แน่ว่าการเรียกตัวเข้าเฝ้าในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับบัลลังก์ที่ว่างอยู่เพ

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status