Share

บทที่ 6 ค้าขายครั้งแรก

Auteur: sanvittayam
last update Dernière mise à jour: 2025-08-21 18:16:23

บทที่ 6 ค้าขายครั้งแรก

ฟางเจียวเหมย หลังจากเดินออกมาจากบ้านแล้ว หญิงสาวก็เดินตามทางมาเรื่อย ๆ ก่อนจะหลบเข้าข้างทางเพื่อตรวจสอบมิติที่ได้มา

“ในนี้มีร้านอาหาร บ้านพักและห้างสรรพสินค้าจริง ๆ ด้วย แต่ถ้าฉันต้องสำรวจทั้งหมดคงเสียเวลาไม่น้อย เอาแบบนี้ก็แล้วกัน ฉันไปหาอาหารที่ร้านอาหารก่อนดีกว่า” หญิงสาวพูดกับตัวเองในตอนที่สำรวจทุกอย่างคร่าว ๆ แล้ว

จากนั้นหญิงสาวจึงเข้าไปที่ร้านอาหารของตนเองและตรวจสอบว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งในห้องเย็นที่เก็บวัตถุดิบนั้นมีทุกอย่างที่เธอต้องการ ก่อนที่เธอจะเลือกเนื้อหมู และผัก รวมถึงเครื่องปรุงเพื่อจะเอาออกไปประกอบอาหารเย็นนี้ เมื่อได้อาหารมาแล้ว เธอจึงเดินไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อเลือกดูขอใช้ให้ลูกๆ รวมถึงแม่และน้องสามี เนื่องจากเสื้อผ้าที่ใส่นั้นล้วนแต่มี

รอยปะทั้งนั้น ก่อนจะเลือกเสื้อผ้าผู้ชายมาอีกหลายชุด ตามขนาดของพี่ชายและสามีของร่างนี้

“เลือกเสร็จทุกอย่างแล้ว แต่เวลายังเหลือ ลองเข้าไปที่ตลาดมืดดีกว่า ต่อให้มีการเปิดให้ชาวบ้านทำการค้าได้ แต่อาหารก็ยังมีจำกัด ไม่แน่ว่าอาจจะหาลู่ทางหาเงินได้บ้าง”

พูดจบแล้วเธอก็หาจักรยานที่คล้ายกับของยุคนี้มากที่สุด ก่อนจะปิดบังใบหน้าเล็กน้อยแล้วปั่นเข้าเมืองเพื่อสำรวจสถานที่ทันที

“แม่คิดว่าพี่สะใภ้เปลี่ยนไปไหมคะ” หลี่เหว่ยเหลียนเอ่ยขึ้นกับ

แม่ของตนเอง

“ลูกคิดมากไปหรือเปล่า เจียวเหมยก็มีท่าทีเหมือนเดิมนะ” หนิงหงชุนที่นั่งปักผ้าอยู่เงยหน้าขึ้นตอบกลับลูกสาว เพราะเธอเห็นฟางเจียวเหมยก็ทำตัวแบบนี้ตั้งแต่แต่งเข้ามาแล้ว เลยไม่คิดว่าการกระทำของลูกสะใภ้ในวันนี้ผิดแปลกไปจากเดิมตรงไหน

‘เคยร้ายกาจยังไงก็ยังร้ายกาจเหมือนเดิม หรืออาจจะร้ายกาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำไป’ นี่คือความคิดของหนิงหงชุนที่มีต่อสะใภ้ตนเอง

“แม่คิดอย่างนั้นเหรอคะ แต่ฉันว่าพี่สะใภ้แปลกไปจริงๆ นะ” เด็กสาวกลับคิดต่างกับแม่ตนเอง แม้ว่าพี่สะใภ้จะร้ายกาจแค่ไหน แต่ไม่เคยลุกขึ้นมาหาเรื่องเล่นงานบ้านใหญ่แบบนี้ ถ้าเป็นพี่สะใภ้คนเดิม คงมีแต่จะใช้กำลังหาเรื่องตบตีล่ะไม่ว่า ดีไม่ดีด่าเธออีกว่าโง่อีก ที่ยอมให้บ้านใหญ่เอาเงินค่า

เล่าเรียนไป แต่นี่พี่สะใภ้กลับไม่ทำอะไรเธอเลย

“ทำไมต้องคิดมากให้ปวดหัว เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ มาช่วยแม่เย็บผ้าดีกว่านะ” หนิงหงชุนบอกกับลูกสาวก่อนจะก้มหน้าเย็บผ้าต่อ

สองแม่ลูกนั่งช่วยกันปะเย็บผ้าที่ขาดต่อจวบจนสองแฝดตื่นขึ้นมา

ส่วนทางด้านฟางเจียวเหมย เธอปั่นจักรยานไปทั่วเพื่อดูว่าสถานการณ์ของเมืองนี้เป็นอย่างไร และมองว่าพอจะมีลู่ทางอะไรให้เธอทำการค้าได้บ้าง เพราะต่อให้มีมิติ แต่เมื่อไหร่ที่เธอตายก็ไม่สามารถเอาของออกมาได้แล้ว และเธออยากสร้างการค้าและธุรกิจเพื่อเป็นมรดกให้กับลูกหลานมากกว่า ที่สำคัญเธอมีวัตถุดิบเต็มมิติจะกลัวอะไร

แต่ตอนนี้ต้องหาทุนก่อนเพราะเธอนั้นไม่มีเงิน!!

เมื่อสำรวจพื้นที่โดยรอบหมดแล้ว ฟางเจียวเหมยจึงมุ่งหน้าไปตลาดมืดตามความทรงจำที่มีของร่างเดิม เพื่อจำหน่ายสินค้าและหาเงินเข้ากระเป๋า!!

หลังจากที่เข้ามาในตลาดมืดแล้ว หญิงสาวเดินและมองสำรวจไปรอบ ๆ ในตลาดมืดแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากตลาดนัดทั่วไป ทว่าก็ไม่เหมือนไปเสียทีเดียว เธอมองการขายของในนี้ มีทั้งแบบยืนเร่ขายและวางแผงขาย ดูแล้วเจ้าของตลาดแห่งนี้น่าจะเส้นใหญ่พอสมควรเลยล่ะ แต่แล้วอยู่ ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่ดูแล้วน่าจะเป็นแม่บ้านของคนมีเงิน

เมื่อเห็นการค้าของที่นี่และคิดว่าไม่ยาก จึงตัดสินใจเดินเข้าไปถามเผื่อว่าจะขายของได้อย่างคนอื่นบ้าง

“สวัสดีค่ะคุณป้า ไม่ทราบว่ากำลังมองหาอะไรอยู่หรือคะ พอจะบอกได้ไหมเผื่อว่าฉันจะช่วยได้” หญิงสาวถามออกไปอย่างอ่อนโยน

“เธอเป็นแม่ค้าหรือเปล่า พอดีฉันมองหาคนขายเนื้อน่ะ นี่ก็เลยเวลาที่เขามาขายมากแล้ว แต่ไม่มีวี่แววเลย ไม่รู้ว่าเขาจะมาหรือเปล่า” หญิงวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล เนื่องจากวันนี้เจ้านายของเธอจัดงานเลี้ยงสังสรรค์กับสหายทั้งหลาย หากไม่มีวัตถุดิบกลับไปทำอาหารในวันนี้ มีหวังเธอคงจะถูกตัดเงินเดือนหรือถูกไล่ออกแน่เลย

“ฉันพอจะหาให้ได้นะคะ ไม่ทราบว่าคุณป้าต้องการเนื้อส่วนไหนและต้องการจำนวนเท่าไรคะ” เมื่อสบโอกาสและคิดว่านี่คือการหาเงินครั้งแรก ฟางเจียวเหมยจึงถามความต้องการของอีกฝ่ายทันที

“จริงๆ เหรอที่เธอบอกว่าสามารถหาเนื้อให้ได้น่ะ แล้วของอย่างอื่นล่ะเธอมีอะไรมาขายบ้าง” พอได้ยินว่าหญิงสาวตรงหน้าบอกว่ามีเนื้อมาเสนอขาย หญิงวัยกลางคนจึงยิ้มแก้มปริและถามว่าอีกฝ่ายมีอะไรมาขายอีกบ้าง

“คุณป้าอยากได้อะไรบ้างคะ ฉันสามารถหาให้ได้ทุกอย่าง เพราะฉันพอจะมีเส้นสายอยู่บ้าง” ฟางเจียวเหมยรีบตอบกลับด้วยความดีใจ

หญิงสาวไม่ได้โกหกเลยสักนิด เนื่องจากเธอมีสินค้าทุกอย่างให้เลือก สรรจริง ๆ เพียงแต่เอาออกมาทั้งหมดไม่ได้ในครั้งเดียว เลยถามอีกฝ่ายว่าต้องการอะไร เธอจะได้เอามาให้ถูกกับความต้องการของลูกค้า

“ถ้าอย่างนั้น ฉันขอขาหมูสี่ขา เนื้ออย่างดีห้าชั่ง ไม่ดีกว่าแปดชั่งก็แล้วกัน แล้วก็...” หญิงวัยกลางคนยังคงบอกรายการที่ต้องการอีกหลายอย่าง ซึ่งฟางเจียวเหมยทำทีเป็นล้วงกระเป๋าผ้าที่สะพายมาและหยิบกระดาษกับปากกาออกมาจดรายการที่คุณป้าตรงหน้าต้องการ

“แค่นี้แหละที่ฉันต้องการ เธอมีขายให้ฉันไหมล่ะ” เมื่อไล่รายชื่อสิ่งที่ต้องการจบแล้ว หญิงคนนั้นก็ถามฟางเจียวเหมยกลับมาทันที

“สินค้าจำนวนไม่น้อยเลยนะคะ แต่คุณป้าไม่ต้องห่วง ฉันมีให้ครบทุกอย่างแน่นอน อย่างไรคุณป้ารบกวนรอสักหน่อยได้ไหม ฉันจะไปเอาของมาก่อน” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แล้วบอกให้อีกฝ่ายรอสักหน่อย เนื่องจากเธอต้องไปเอาของออกมาจากมิติในอีกที่หนึ่งที่ลับสายตาคน เพราะถ้าเกิดเอาออกมาตรงนี้ คุณป้าตรงหน้าคงได้ตื่นตกใจตายแน่ๆ

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะรอเธออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน ว่าแต่เธอยังไม่แจ้งราคาฉันเลยนะว่าขายเท่าไหร่ หากว่าแพงไปฉันก็คงไม่เอาหรอก เนื่องจากฉันมีเงินจำกัดน่ะ” หญิงวัยกลางคนไม่ลืมถามเรื่องสำคัญในการซื้อขาย นั่นคือเรื่องราคา

“คุณป้าเคยซื้อกับอีกร้านอื่นเท่าไหร่คะ เนื่องจากคุณป้าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของฉันในวันนี้ ฉันเลยตั้งใจว่าจะขายให้ในราคาที่คุณป้าเคยซื้อ

น่ะค่ะ แต่รับรองว่าสินค้าของฉันเป็นสินค้าชั้นดีแน่นอน” ฟางเจียวเหมยพูดขึ้นอย่างใจกว้าง

 เนื่องจากเธอลืมเรื่องราคาไปเสียสนิทเลย จากความทรงจำเดิมก็ไม่แน่ใจว่าเคยซื้อขายกันเท่าไร แต่ถึงยังไงเธอจะขายราคาตามท้องตลาด

นี่แหละ

หญิงวัยกลางคนบอกราคาที่เธอซื้อมาจริง ๆ ให้หญิงสาวรับรู้ ซึ่งฟางเจียวเหมยพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินไปทางที่มีซอกตึกลับตาคน จากนั้นจึงหยิบสินค้าตามที่ลูกค้าสั่งซื้อออกมา

ไม่นานฟางเจียวเหมยก็กลับมาที่ลูกค้ารายแรกยืนรอ พร้อมถุงที่ใส่สินค้า

“สินค้าที่สั่งได้ครบแล้วละคะ คุณป้าลองตรวจดูก่อนจ่ายเงินได้เลยค่ะ” พูดจบเธอก็ยื่นถุงให้ลูกค้า เพื่อให้อีกฝ่ายตรวจนับสินค้าว่าได้ครบไหม

“ครบถ้วนทุกอย่าง นี่เงินร้อยเจ็ดสิบสี่หยวน ถูกต้องไหม” ป้าคนนั้นยื่นเงินมาให้ฟางเจียวเหมยเมื่อตรวจสินค้าครบแล้ว

“ถูกต้องค่ะ นี่ใบรายการและราคานะคะ ขอบคุณที่อุดหนุนค่ะ” ฟางเจียวเหมยยื่นใบรายการสินค้าคืนไปให้พร้อมกับใส่ราคาให้เรียบร้อย เพราะรู้ว่านางจะต้องนำไปเบิกกับเจ้านายแน่นอน

เมื่อลูกค้ารายแรกเดินจากไปแล้ว ฟางเจียวเหมยก็เดินหาลูกค้ารายต่อ ๆ ไป เนื่องจากวันนี้เธอไม่ได้ตั้งใจมาขายของจริง ๆ เลยไม่อยาก

ปูผ้าตั้งแผงเหมือนคนอื่น และที่สำคัญ หากไม่ใช่สินค้าที่จำกัดของภาครัฐ เธอสามารถวางขายตามตลาดนัดหรือสถานที่ที่รัฐจัดสรรให้ได้

เท่าที่เดินดูมา ขายอาหารน่าจะขายดีที่สุดแล้ว เพราะเธอไม่ได้เดือดร้อนเรื่องวัตถุดิบ แต่จะให้ขายอย่างโจ่งแจ้งตอนนี้คงไม่ไหว เพราะยังมีเหลือบไรจากบ้านใหญ่อยู่ ถ้าหากพวกนั้นรู้ว่าเธอมีเงินจากการค้าขาย จะต้องมาแย่งชิงไปแน่ ตอนนี้เธอคงต้องหาทางแยกบ้านและตัดขาดจากบ้านใหญ่ให้เร็วที่สุดก็พอ

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่น

    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่นหลี่อี้ข่ายเมื่อรู้เรื่องว่าภรรยาเหมือนจะคลอดแล้วจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที พอมาถึงก็รู้ว่าภรรยาได้เข้าไปในห้องคลอดแล้ว เขาได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้องคลอด จนทุกคนเวียนหัวไปหมดแล้วในตอนนี้“อาข่ายหยุดเดินแล้วมานั่งก่อนเถอะ ตาเวียนหัวไปหมดแล้ว” นายท่านผู้เฒ่ากงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพราะเขาเวียนหัวไปหมดแล้วจากการเดินของหลานเขย“ครับ คุณตา”แต่ถึงแม้จะบอกอย่างนั้น หลี่อี้ข่ายก็ไม่ยอมนั่ง เขาเดินไปยืนเอาหน้าแนบประตูห้องคลอด เหมือนกับว่าจะมองให้ทะลุเข้าไปในห้องให้ได้ นั่นจึงทำให้ทุกคนส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของเขา ทั้ง ๆ ที่เคยมีลูกมาก่อนแล้วสองคนไม่นานประตูก็เปิดออกและมีคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า“ยินดีด้วยนะคะ คุณเจียวเหมยคลอดลูกแฝดชายหญิงค่ะ”“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” ชายหนุ่มรีบถามถึงอาการของภรรยาก่อนจนคุณหมอต้องอมยิ้ม เพราะเขาไม่ถามเลยว่าแฝดกี่คน‘ดูท่าว่าคนนี้จะรักภรรยามากจริง ๆ’ หมอคิดในใจ“ภรรยาคุณหลังจากที่คลอดลูกก็เพลียจนตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ อาการปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ว่าแต่คุณพ่อไม่ถามเหรอคะ ว่าคราวนี้ลูกแฝ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย

    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย“ฮือ ๆ ๆ ตาแก่นั่นตอนนี้ป่วยหนัก แต่ย่าไม่มีเงินพาไปหาหมอเพราะสะใภ้ใหญ่แอบเอาเงินที่มีไปให้บ้านเดิมยืม จนตอนนี้บ้านซ่งก็ยังไม่คืน แถมเมียอาจงพอเห็นสามีติดคุกก็หอบเงินที่มีหนีไปอีก ตอนนี้บ้านหลี่เราลำบากมาก แทบไม่มีอะไรกิน ตาแก่ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวสะดุดล้มหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกและนอนป่วยอยู่ที่บ้าน กินน้ำต้มข้าวประทังชีวิตไปวัน ๆ ”ย่าหลี่พูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ นางเคยบากหน้าไปขอจากลูกคนรอง แต่บ้านนั้นแทบจะไม่เปิดประตูต้อนรับนางเช่นกันหลี่อี้ข่ายได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปสบสายตากับฟางเจียวเหมย เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็ออกคำสั่งกับคนที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องคนสนิทของตนเองทันที“เผิงหยู่ นายเอารถฉันพาย่าไปรับปู่แล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล ค่ารักษาฉันจะจ่ายเองทั้งหมด อ้อ เอาอาหารแล้วก็ของใช้ไปให้เพียงพอสำหรับปู่กับย่าด้วยนะ คนอื่นไม่เกี่ยว” ชายหนุ่มไม่อยากคิดถึงความร้ายกาจที่บ้านใหญ่มีต่อบ้านสามของเขา ครั้งนี้เขาขอทำเพื่อพ่อที่จากไป อย่างน้อยก็ได้กตัญญูแทนท่าน และเขาทำให้ปู่กับย่าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์“ครับเถ้าแก่” เผิงหยู่ขานรับทันที เขารู้สิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปัน

    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปันข่าวเรื่องที่ร้านหลี่ฟางจะตั้งโรงทานเพื่อแจกอาหารและของใช้ให้ชาวบ้าน ต่างกระจายไปทั่ว ไม่ว่าหมู่บ้านนั้นจะอยู่ลึกและกันดารแค่ไหน สามล้อพุ่มพวงก็เดินทางไปส่งข่าวหลังจากขายของหมดแล้ว ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทุกคนได้แต่อวยพรให้ร้านหลี่ฟางขายดีและร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม พอนายท่านกงและนายท่านผู้เฒ่ากงทราบเรื่อง ทั้งสองก็มาช่วยลงขันด้วย โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากไร้ ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียนต่อเบื้องต้นจำนวน 50 ทุนและจะพิจารณาทุนให้เป็นการเฉพาะรายที่อยากเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยจะคัดเลือกจากคนเรียนดีแต่ยากจนจริงๆ อีกครั้งในภายหลัง พอเรื่องนี้เข้าหูชาวบ้าน ทุกคนก็ยิ่งดีใจมาก เพราะหลายครอบครัวที่อยากส่งลูกหลานเรียนแต่ไม่มีเงิน“ขอบคุณตระกูลหลี่ ตระกูลฟาง และตระกูลกง นอกจากฉันจะไม่อดตายในหน้าหนาวปีนี้แล้ว หลานของฉันมีโอกาสได้เรียนต่อตามที่เขาตั้งใจไว้อีกด้วยขอบคุณจริงๆ”ยายเฒ่าคนหนึ่งหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้ยินประกาศจากรถสามล้อพุ่มพวง เนื่องจากเธออาศัยอยู่กับหลานชายและลูกชาย ซึ่งตอนนี้หลานชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากบ้านพวกเธอต่างยอม

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน

    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน“เป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่คิดไหม” นายท่านผู้เฒ่ากงสอบถามทันทีด้วยสีหน้าร้อนรนปนตื่นเต้น เมื่อหลานทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน“เป็นอย่างที่คิดครับคุณตา เจียวเหมยตั้งท้องแล้วครับ แปดสัปดาห์แล้วครับคุณตา” หลี่อี้ข่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลานี้เขากำลังดีใจที่จะมีลูกเพิ่ม“จริงหรือ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้ตั้งท้องอีกครั้งก็รีบวางหลานสาวเข้าคอกกั้น ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจส่วนนายท่านผู้เฒ่ากงปรากฏรอยยิ้มดีใจบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่“จริงครับแม่”หลี่อี้ข่ายตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขากำลังดีใจกว่าทุกคนในเรื่องนี้ ส่วนฟางเจียวเหมยนั้นไม่ต้องห่วง เธอนั้นมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นหัวใจและดีใจก่อนจะเดินไปหาลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอก“อาหมิง หนิงหนิง เราสองคนกำลังมีน้องแล้วนะ ดีใจไหม” ความดีใจนี้เธออยากจะบอกให้ลูกทั้งสองคนรับรู้“น้อนเหยอ” หลี่ลี่หนิงละทิ้งของเล่นในมือพร้อมกับเอียงคอถามด้วยท่าทีที่น่ารัก“ค่ะลูก หนูกำลังจะมีน้องรู้ไหม” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความอ่อนโยน ส่วนหลี่ชุน

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้ว

    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้วหลังจากเปิดใจกันวันนั้นฟางหลู่เฉินและหลี่เหว่ยเหลียนก็ได้เปิดตัวกับทุกคน ซึ่งทั้งสองครอบครัวต่างก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วย รวมถึงนายท่านผู้เฒ่ากงด้วย วันเวลาล่วงเลยจนอี้เสี่ยวม่านใกล้คลอดแล้ว ส่วนกงเฉิงเสวียนก็เดินทางไปกลับระหว่างสองเมืองเพื่อดูแลงานเองทุกที่ รวมถึงร้านรับซื้อหยกของเขาด้วย มีบางครั้งที่ฟางเจียวเหมยและสามีตามไปด้วยเพื่อหาซื้อหยกแล้วขายต่อให้พี่ชายอีกทั้งเวลานี้โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ก็คืบหน้าไปมาก เพราะฟางเจียวเหมยทุ่มเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อย แม้การก่อสร้างจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพและความคงทนแข็งแรงนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะทรัพย์สินพวกนี้เป็นอะไรที่สามารถเก็บกินระยะยาวหลายสิบปีและเธอตั้งใจจะทำเพื่อมอบไว้ให้ลูก ๆฟางเจียวเหมยและหลี่อี้ข่าย ตอนนี้ทั้งสองคนมีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้และเมืองใกล้ ๆ ไม่น้อย เพราะกิจการที่เจริญรุ่งเรืองไม่หยุดของทั้งคู่ ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาของกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวบ้านธรรมดา จะกลายเป็นผู้มีเงินได้มากขนาดนี้อีกทั้งคุณนายหลี่อย่างฟางเจียวเหมย ยังมีฐานะเป็นหลานสาวของตระกูลกงที่มั่งคั่งและร่ำรวยระ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉิน

    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉินหลังจากส่งนายท่านกงขึ้นรถแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงกงเฉิงเสวียนที่เปิดกิจการใหม่ที่นี่ด้วยนั่นก็คือโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ตามคำแนะนำของน้องสาวอย่างฟางเจียวเหมย ซึ่งเธอก็สร้างด้วยเหมือนกัน เพราะกิจกรรมพวกนี้ มันไม่ได้แย่งชิงลูกค้ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคนที่อยากมีบ้านแต่ทุนน้อยและไม่มีที่ดินของตนเอง ซึ่งการที่ฟางเจียวเหมยให้พี่ชายคนนี้มาทำกิจการนี้ นั่นก็เพราะว่ากงเฉิงเสวียนมีเส้นสายในการขออนุญาตกับภาครัฐอย่างไรล่ะ หากเป็นตาสีตาสาเช่นเธอ ทุกอย่างคงจะยากน่าดูพอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากงก็หันมาเล่นกับสองแฝดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของชายชราปรากฏให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งเด็กน้อยแม้จะพูดไม่ค่อยชัดเพราะเริ่มหัดพูด แต่ก็พยายามโต้ตอบสื่อสารกับผู้เป็นทวดของทั้งสองคนอย่างร่าเริง“ฉันฝากสองแฝดหน่อยนะคะนายท่านผู้เฒ่า เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารไว้สำหรับมื้อเที่ยงของเด็กๆ วันนี้นายท่านต้องการรับประทานอาหารชนิดไหนคะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้” หนิงหงชุนพอเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว เลยฝากหลานทั้งสองไว้ให้นายท่านผู้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status