หน้าหลัก / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

แชร์

บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-21 18:16:02

บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

ส่วนทางด้านฟางเจียวเหมยก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก และพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “นี่ยังน้อยไปค่ะย่า ป้าสะใภ้ใหญ่ ฉันจะปั่นป่วนบ้านใหญ่จนกว่าจะทนไม่ได้แล้วไล่บ้านสามและตัดขาดกับบ้านสาม เมื่อถึงเวลานั้นความสงบสุขก็จะกลับมาเยือนอีกครั้ง”

หลี่เหว่ยเหลียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอดรู้สึกขนลุกกับท่าทีและรอยยิ้มของพี่สะใภ้ ก่อนหน้านี้ความร้ายกาจของพี่สะใภ้นั้นเธอและทุกคนล้วนรู้ดี แต่ความรู้สึกหลังจากนี้บอกว่ามันจะเป็นอย่างที่พี่สะใภ้ของเธอพูดจริง ๆ

เมื่อมาส่งน้องสามีที่ห้อง ฟางเจียวเหมยก็กำชับว่าห้ามเปิดประตูห้องจนกว่าเธอจะกลับมา

“อย่าเปิดประตูห้องต้อนรับใครเด็ดขาดจนกว่าฉันจะกลับมาเข้าใจไหม บอกแม่ด้วย แม่ยิ่งหัวอ่อนอยู่” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

“ค่ะ พี่สะใภ้” เด็กสาวตอบรับด้วยความหวาดกลัว และก็ยังก้มหน้าก้มตาเหมือนเดิม

“โอ๊ย!! ฉันจะบ้าตาย ทั้งแม่ ทั้งน้องสามี ทำไมขี้กลัวอย่างนี้

เลิกก้มหน้าก้มตาเสียทีเถอะ ถ้าอยากหลุดออกจากขุมนรกของบ้านหลังนี้ เราต้องสู้ เข้าใจไหม” หญิงสาวพูดออกมาอย่างขัดใจและอยากจะบ้าตายเมื่อเจอท่าทางของน้องสามี

“เอ่อ...เข้าใจค่ะ ฉันจะพยายามนะคะพี่สะใภ้ แต่ฉันต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากบ้านใหญ่” เด็กสาวตอบรับ และพยายามเงยหน้าขึ้นมา เธอเองก็อยากจะพาแม่และทุกคนหลุดพ้นจากบ้านใหญ่เหมือนกัน

“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะสอนเอง ตอนนี้ทำตามที่ฉันบอกก็พอ

ห้ามเปิดประตูให้ใคร ฉันจะไปซื้อของมาทำอาหาร สองแฝดเองก็ขาดของใช้เหมือน กัน ถ้าแม่ถามก็บอกฉันเข้าไปในเมืองก็แล้วกัน” พูดจบ ฟางเจียวเหมยก็เดินออกมาทันที เธอเองคงต้องหาข้ออ้างเพื่อจะเอาอาหารและของใช้มาให้ลูกน้อยทั้งสองคน!!

กลับมาทางด้านหลี่อี้ข่าย เวลานี้ชายหนุ่มยังทำงานที่ร้านข้าวสาร ทว่ากลับมีเรื่องกับลูกชายของเถ้าแก่ร้าน เมื่อเขาไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายเอาเงินในลิ้นชักไป

“เรื่องนี้พวกแกเป็นเพียงคนงานอย่ามายุ่ง” เฉินลู่หยาง ลูกชายเถ้าแก่เฉินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับชี้หน้าไปยังพนักงานของร้านที่รวมถึง

หลี่อี้ข่ายด้วย

“แต่เรื่องนี้หากเถ้าแก่รู้ว่าเงินหายไป พวกเรานะครับที่จะเดือดร้อน หากนายน้อยจะเอาเงินร้านไป ช่วยลงชื่อกับหลงจู๊หมิ่นคังด้วยเถอะครับ”

หลี่อี้ข่ายพูดขึ้นมาด้วยเหตุผล หากนายน้อยจะเอาเงินไปเขาก็ไม่ห้าม แต่ช่วยลงชื่อด้วยรับเงินด้วย เพราะถ้าเงินหายไปแบบไม่มีที่ไปที่มา เถ้าแก่เฉินคงมาหักเงินเดือนของพนักงานอีกแน่ 

“ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น เงินหนึ่งร้อยหยวนนี่ฉันจะเอาไปต่อทุน”

พูดจบเฉินลู่หยางก็ยิ้มกริ่มออกจากร้านทันทีพร้อมเงินในมือ และเดินไปยังทิศทางที่บ่อนประจำของตนเอง

“หลงจู๊ เรื่องนี้ทำไมไม่ห้ามครับ พอเงินขาดขึ้นมา พวกเราต้องถูกหักเงิน จนตอนนี้แทบจะไม่พอส่งกลับบ้านแล้วนะครับ” หลี่อี้ข่ายพูดขึ้นกับหลงจู๊ของร้าน ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้หนังสือมากนัก พอหลงจู๊ให้ลงชื่ออะไรเขาก็ยินยอม ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่รวมถึงพนักงานร้านคนอื่น ๆ ด้วย

จนตอนนี้เขาต้องหางานเงินตอนเลิกงาน เพื่อจะส่งเงินกลับบ้านให้ครอบครัว

“ไม่ใช่แค่พวกเธอหรอกนะที่เดือดร้อน ฉันเองก็ถูกหักเงินเหมือนกัน คิดดูนะว่าระหว่างเรากับลูกชาย เถ้าแก่เฉินจะฟังใคร นายน้อยปากหวานเสียอย่างนั้น” หลงจู๊เองก็จนปัญญาเหมือนกัน

“แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไร ของเก่าก็ยังถูกหักเงินไม่หมด แล้วนี่จะต้องเป็นหนี้เพิ่มอีกเหรอครับ” เผิงหยู่บ่นขึ้นมา เพราะเขาเองก็แทบไม่มีเงินเหลือส่งกลับบ้านแล้วเหมือนกัน

“ครั้งนี้พวกเธอไม่ต้องห่วง ฉันจะลงรายการเป็นอย่างอื่น”

หลงจู๊หมิ่นคังบอกเหล่าคนงาน เขาเองก็เห็นใจทุกคนและตัวเขาก็ยังถูกหักเงินไปด้วย แต่จะให้เขาชดใช้คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่นายน้อยมาเอาเงินนั้นมันจำนวนมากเสียเหลือเกิน

“เฮ้อ...อย่างนั้นพวกเราไปกินมื้อเที่ยงกันก่อนนะหลงจู๊” เผิงหยู่เดินมากอดคอหลี่อี้ข่ายแล้วลากออกมาจากร้านเพื่อไปกินมื้อเที่ยง เพราะคนใช้แรงงานแบบพวกเขาต้องใช้แรงยกข้าวสารอย่างไรล่ะ ส่วนพนักงานขายอีกสองคนก็รอรอบต่อไป

ร้านข้าวสารของเถ้าแก่เฉินเหมือนจะมีสัมปทานคนเดียวในเมืองนี้ ร้านเล็กยังต้องมาซื้อเพื่อไปขายตามหมู่บ้าน การที่จะลาออกแล้วไปหางานใหม่กันก็คงยากสำหรับคนที่ไม่มีความรู้อย่างพวกเขา พวกเขาถึงต้องทนอยู่แบบนี้เพราะไม่มีทางเลือก

หลังจากเดินออกมาจากร้าน ทั้งสองก็กลับมาที่พักเนื่องจาก

ร้านข้าวสารของเถ้าแก่เฉินนั้นมีที่พักให้

เมื่อมาถึงหลี่อี้ข่ายก็รีบไปเด็ดผักหลังบ้านที่ปลูกไว้ เอามาผัดกินกับหมั่นโถวที่ทำไว้เมื่อเช้า แม้ว่าจะทำงานร้านข้าวสาร แต่ก็ใช่ว่าจะได้กินข้าวทุกมื้อ ต่อให้ที่ร้านจะมีราคาที่ขายพนักงานก็ตาม

“นี่นายทำกับข้าวอร่อยนะ ขนาดแค่ผัดผักกินกับหมั่นโถวยังอร่อยเลย” เผิงหยู่พูดขึ้นในตอนที่กินผัดผัก

“นายก็พูดเกินไป เพราะเราสองคนทั้งเหนื่อยทั้งหิวต่างหากล่ะ

ถึงกินอะไรก็บอกว่าอร่อย” หลี่อี้ข่ายตอบกลับสหายพร้อมกับส่ายหัวน้อย ๆ กับความช่างยอของอีกฝ่าย

“ว่าแต่นายเถอะ เดี๋ยวเลิกงานแล้ว ไปหางานยกของในตลาดมืดอีกหรือเปล่า ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแล้วนะ”

คำว่าตลาดมืดในความหมายของเผิงหยู่นั้นมีทั้งดีและไม่ดี ก่อนที่ฟ้าจะมืดก็แบกสินค้าที่ลูกค้าต่างไปจับจ่ายซื้อของไปส่งให้ที่บ้าน ทว่าเมื่อค่ำหน่อยก็จะมีสินค้าต้องห้ามและหนีภาษีที่ต้องขนเหมือนกัน

เอาง่าย ๆ วัน ๆ หนึ่งหลี่อี้ข่ายได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อรองานที่ไม่ได้มีทุกวัน

“อืม ยังไปเหมือนเดิม นายนั่นแหละถ้าเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องตามฉันไปทุกวันหรอกนะ” ชายหนุ่มบอกกับสหายของตนเอง

“ฉันรู้ว่านายมีภาระเยอะนะอาข่าย แต่นายก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย เกิดเหนื่อยมาก ๆแล้วร่างกายล้มขึ้นมาจะทำอย่างไร” เผิงหยู่ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความขยันของสหาย

แม้ว่าเผิงหยู่จะอยู่กันคนละหมู่บ้าน แต่เพราะเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก เลยรู้จักบ้านหลี่ดี เขารู้ดีว่าบ้านหลี่เป็นอย่างไร แถมเวลานี้สหายคนนี้ยังมีลูกน้อยอีกสองคน รวมแล้วต้องเลี้ยงคนในบ้านถึงห้าชีวิต ผู้ใหญ่สามคนเด็กสองคน ยังไม่รวมตัวของหลี่อี้ข่าย และยังไม่รวมเหลือบไรจากบ้านใหญ่ที่ต้องส่งเงินเข้ากองกลางทุกเดือน แถมยังมีภรรยาที่ร้ายกาจ

อีกด้วย

“ตัวฉันมันไม่เท่าไหร่หรอกนะอาเผิง แต่ฉันยังมีแม่และน้องที่ต้องดูแล รวมถึงภรรยาและลูกน้อยอีกสองคน ต่อให้ฉันเหนื่อยแค่ไหนฉันก็ต้องสู้เพื่อทุกคน ฉันเป็นผู้ชาย อดได้ เหนื่อยได้ แต่บ้านฉันมีแต่ผู้หญิงและ

ลูกน้อย คนที่บ้านฉันต้องไม่อด”

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่น ต่อให้เขาเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่เพราะคิดถึงครอบครัวที่รออยู่ เขาก็ท้อและถอยไม่ได้!!

เผิงหยู่ได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเร่งมือกินอาหาร เพื่อที่เวลาเหลือนั้นจะได้นอนเอาแรงสักหน่อย

หลี่อี้ข่ายเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว เขาเหม่อมองออกไปนอกห้องพัก แล้วคิดถึงครอบครัวที่อยู่ต่างเมือง ในใจนั้นหวังว่าทุกคนจะกินอิ่มนอนหลับ ส่วนตัวเขานั้นไม่เป็นไร แม้อยากจะหางานที่ดีและได้เงินเยอะ ๆ แต่คน

ไร้ความรู้เช่นเขาก็ยากที่จะมีงานดี ๆ นอกจากงานใช้แรงงานนี่แหละ

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม

    บทที่ 31 รับเป็นน้องบุญธรรม“แล้วถ้าเป็นหยกล่ะ เธอมีราคาในใจหรือเปล่า” กงเฉินเสวียนพูดสวนขึ้นมา ‘ในเมื่อสิบสองก้อนล้วนแต่ผ่าออกมาเป็นหยกทั้งนั้น แล้วก้อนใหญ่จะไม่ใช่หยกได้อย่างไร และถ้าเป็นหยกจักรพรรดิขึ้นมา ราคาของมันจะอยู่ที่หลายสิบล้านหยวน ซึ่งถ้าเขาสามารถขอซื้อมาได้ นั่นก็หมายความว่า หญิงสาวคนนี้จะสร้างเม็ดเงินให้เขาได้อย่างมหาศาลเลยทีเดียว’ เขาคิดคำนวณในใจพร้อมกับรอคำตอบฟางเจียวเหมยนั้นยังไม่ตอบ แต่หันมาสบตากับสามีอีกครั้งเพื่อขอปรึกษา เนื่องจากเธอเองก็ไม่รู้ค่าของเงินในยุคนี้เท่าไรนัก ถ้าถามว่าเธออยากได้เงินมากหรือไม่นั้น ก็ตอบได้เลยว่าอยากได้ เนื่องจากเธอคิดจะทำธุรกิจมากมาย แต่สิ่งที่เธอขาดอย่างเดียวก็คือเงิน ต่อให้จะขายหยกก่อนหน้านี้ไปแล้ว มันก็ได้แค่ไม่กี่แสนหยวนเท่านั้น มันยังไม่เพียงพอตามที่เธอต้องการ“ราคาในใจฉันมีอยู่แล้วค่ะ อยู่ที่ว่านายท่านกงจะสู้ราคาฉันไว้หรือเปล่า” ฟางเจียวเหมยมองสบตากับสามีครู่หนึ่ง เมื่อเขายิ้มให้เธอจึงหันกลับมาตอบ นั่นจึงทำให้นายท่านกงอมยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจ“ถ้าอย่างนั้นเธอให้เขาผ่าหินก้อนนี้เลยดีหรือไม่ เราจะได้มาดูกันว่าด้านในเป็นอะไร เมื่อ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาล

    บทที่ 30 สร้างเม็ดเงินมหาศาลเจ้าของร้านมองก้อนหินที่หญิงสาวชี้แล้วได้แต่แปลกใจเนื่องจากหินก้อนนี้วางอยู่ที่ร้านมานานแล้วแต่ไม่เคยมีใครสนใจเลย ซึ่งเขาเองก็คิดว่าหินก้อนนี้มันเป็นเพียงหินธรรมดาเท่านั้น อีกทั้งมันยังดูเกะกะอีกด้วย แต่ก็ยังโก่งราคาตามแบบพ่อค่า“ฉันขายให้หนึ่งพันหยวน” พ่อค้าบอกราคาขึ้นมา“ตกลงฉันซื้อในราคาหนึ่งพันหยวน และเอาหินก้อนนี้ นี่ด้วย” ฟางเจียวเหมยตอบกลับอย่างไม่ลังเล ก่อนจะเลือกหินที่เธอต้องการ ซึ่งในก้อนเล็กพวกนี้มีหยกจักรพรรดิถึงสามก้อน ยังไม่รวมก้อนใหญ่ก้อนนั้น ส่วนก้อนอื่น ๆ เป็นหยกสีเขียวซึ่งราคาก็แพงอยู่พอสมควรนี่จึงทำให้เจ้าของร้านและคนที่ยืนอยู่บริเวณนี้ต่างก็หน้าเปลี่ยนสี ไม่คิดว่าหญิงสาวคนนี้จะบ้าถึงขนาดซื้อก้อนหินก้อนโตที่ดูอย่างไรก็ไม่น่าจะมีหยกอยู่ด้านใน แถมราคาที่เธอซื้อนั้นก็แพงมากด้วยเวลานี้ทั้งพ่อค้าและคนที่มาเสี่ยงโชคหาซื้อหยกต่างก็มารุมล้อมร้านนี้ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีคนของนายท่านกงอยู่ด้วย เพราะต้องการมาดูสินค้าให้กับเจ้านาย ขนาดชายคนนี้อยู่วงการค้าหยกมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นใครตัดสินใจแบบนี้มาก่อน เขาจึงยืนมองดูสถานการณ์อย่างสนใจ“ทั้งหมดสองพันสอง

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 29 ตลาดค้าหยก

    บทที่ 29 ตลาดค้าหยกเมื่อได้รับคำที่สนับสนุนตนเองจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงมีความมั่นใจมากขึ้นและจะตั้งใจทำทุกอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้ภรรยาผิดหวัง“เรื่องราวเกิดขึ้นได้อย่างไรครับ แล้วเถ้าแก่เฉาเป็นหนี้คนพวกนั้นเท่าไร” ชายหนุ่มเอ่ยถามทันที“ฉันกู้ยืมเงินคนพวกนั้นหลายเดือนแล้ว ฉันเองก็จ่ายดอกเบี้ยตรงมาทุกเดือนแต่ไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกนั้นถึงมาทวงโดยบอกว่าฉันไม่เคยจ่ายดอกเบี้ยเลย พอฉันโต้แย้งไปเขาก็ไม่พอใจและพังร้านจนเละไปหมด แล้วบอกว่าฉันต้องคืนเงินทั้งหมดภายในสามวัน ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัยของคนในบ้าน เงินตั้งสี่หมื่นหยวน ฉันจะเอามาจากไหนมาคืนในเวลาแค่สามวัน ต่อให้ขายร้านก็ไม่พออยู่ดี” เถ้าแก่เฉาพูดขึ้นมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะมองหลี่อี้ข่ายกับสหายอีกสามคนด้วยสายตาที่สงสัย ว่าทำไมอยู่ดี ๆ คนงานของร้านเถ้าแก่เฉินต่างก็ดูเปลี่ยนไป แถมยังใส่เสื้อผ้าใหม่ดูจะมีราคาอีกด้วยหลี่อี้ข่ายได้ฟังก็แปลกใจเหมือนกันว่า ทำไมเจ้าหนี้ของเถ้าแก่เฉาถึงได้มาทวงเงินเอาวันนี้ ซึ่งทุกคนก็คิดเหมือนกัน“หรือว่า...” ฉีฮุ่ยพูดขึ้น ก่อนจะหันมามองหน้าสหายอีกสามคน “ฉันคิดว่าใช่นะ อย่าลืมสิว่าฉันประกา

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่

    บทที่ 28 ช่วยเหลือร้านค้าที่ถูกกดขี่หลังจากฟังเรื่องราวทุกอย่างจากภรรยา หลี่อี้ข่ายจึงโน้มตัวคว้าร่างของภรรยาเข้ามากอดไว้แน่น เหมือนเขากลัวจะสูญเสียเธอไปจริงๆ ภายในใจนั้นรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่อาจปกป้องเธอและทุกคนในครอบครัวได้“พี่ขอโทษนะเจียวเหมย ที่ไม่อาจปกป้องน้องและทุกคนได้ เลยทำให้น้องและทุกคนต้องเจอกับความลำบากมากมายกับบ้านใหญ่ และขอบคุณน้องมากที่ดูแลแม่และทุกคนจนหลุดพ้นจากที่นั่นออกมาได้ ขอบคุณจริง ๆ”หลี่อี้ข่ายกอดภรรยาไว้แน่นแล้วเอ่ยขอโทษออกมาอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอบคุณแล้วค่ะ แล้วก็อย่าคิดมากเลยนะคะ อย่างไรเราก็คือสามีภรรยาและครอบครัวเดียวกัน ตอนนี้ฉันซื้อบ้านและพาพี่ใหญ่ฉันมาอยู่ด้วยนะ พี่จะว่าอะไรไหม”ฟางเจียวเหมยบอกถึงเรื่องที่เธอซื้อบ้านและให้พี่ชายมาอยู่บ้านเดียวกันให้สามีฟัง“พี่ภรรยาก็คือครอบครัวเรา อย่าคิดมากเลยนะ” ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลฟางเจียวเหมยยิ้มกว้าง ในใจนั้นคิดไม่ผิดที่บอกความลับแก่สามีและสาเหตุหลักที่เธอบอก เพราะหากเธอต้องส่งสินค้าให้คู่ค้าตอนอยู่ที่เมืองนี้ เธอจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างที่ชวนปวดหัวให้กับสามี การที่หลี่อี้ข่ายรับรู้เรื่องมิติของ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด

    บทที่ 27 ความจริงที่เล่าไม่หมด“พี่อี้ข่าย พี่อี้ข่ายฟังฉันอยู่ไหมคะ” ฟางเจียวเหมยขยับตัวมาใกล้ ๆ แล้วเรียกพร้อมกับโบกมือไปตรงหน้าสามีที่ยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่อย่างแปลกใจ“เอ่อ..คะ ครับ พี่จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ครับ” หลี่อี้ข่ายได้เรียกสติตัวเองกลับมาก็ตอบอย่างตะกุกตะกัก ก่อนจะรีบเดินเข้าห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนู มีการผลักประตูห้องน้ำเข้าไปด้วย ทั้งที่หน้าห้องเขียนไว้ว่า ‘โปรดดึง’“น่ารักเหมือนกันแฮะ” ฟางเจียวเหมยมองภาพนั้นแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ในใจนั้นคิดว่าสามีคนนี้น่ารักน่าแกล้งดีเหมือนกัน แต่พอก้มมองชุดนอนที่ตัวเองใส่ก็เข้าใจทันทีว่าทำไมสามีถึงหน้าแดงและยืนตัวแข็งทื่อแบบนั้น จากนั้นก็ยักไหล่อย่างไม่แคร์ พร้อมกับพูดออกมาว่า “โป้แล้วไง ใส่ให้สามีมองนะไม่ใช่ใส่ให้คนอื่นมองสักหน่อย”แต่พอหลี่อี้ข่ายออกมาจากห้องน้ำเท่านั้น เธอถึงกับต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็นเพราะรูปร่างกำยำที่เย้ายวนใจของเขา“เอ่อ...พี่ไม่ใส่เสื้อผ้าหน่อยเหรอ” ฟางเจียวเหมยเอ่ยถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าสามีเดินขึ้นมานอนบนเตียงด้วยร่างกายที่ไม่ต่างกับเปล่าเปลือย เพราะเขามีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวพันรอบเอวไว้เท่านั้น“ใส่ทำไมล่ะ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟาง

    บทที่ 26 เจ้าของร้านหลี่ฟางฟางเจียวเหมยเห็นท่าทางของพนักงานคนหนึ่งก็เข้าใจทันทีว่าต่อให้เธอและสามีแจ้งความก็ไม่สามารถเอาผิดคุณหนูเฉินได้ แต่เธอเป็นแม่ค้าย่อมไม่ยอมเสียเปรียบแน่ อย่างนี้ต้องหาทางเอาคืนอย่างสาสม อย่าลืมสิว่าเธอคือโกดังเคลื่อนที่ การที่จะหาคู่ค้าจากเมืองนี้ไม่ใช่เรื่องยาก ก่อนจะเดินมากระซิบบางอย่างข้างหูสามี ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้าตาม เขาเองก็ไม่อยากทำร้ายสหายในร้านเหมือนกัน เขาเชื่อเต็มร้อยว่าสหายไม่ใช่คนที่เอาพัสดุของเขาไป แต่อาจจะเป็นเพียงแพะรับบาปเท่านั้น“ว่าแต่พี่ลาออกได้เลยใช่ไหม เราจะได้ไปหาโรงแรมที่พักกัน ฉันลงรถไฟมาก็ตรงดิ่งมาที่นี่เลย ตอนนี้ฉันเหนื่อยมาก” ฟางเจียวเหมยพูดกับสามีด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน เรื่องเอาคืนผู้หญิงคนนี้นั้นเธอคิดในใจไว้แล้ว อย่างไรวันนี้ก็พักเอาแรงก่อนดีกว่า“ครับ พี่ลาออกได้เลย เดี๋ยวเราค่อยไปคุยกันนะ พี่ขอไปเก็บของก่อน” ชายหนุ่มตอบกลับภรรยาทันทีและเตรียมหมุนตัวออกไปจากร้านเพื่อจะไปที่พักเก็บของ แต่ทว่าฟางเจียวเหมยกลับห้ามไว้เสียก่อน“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่อี้ข่าย ของที่พี่มีมันคงเก่าหมดแล้ว ฉันได้เตรียมเสื้อผ้ามาให้พี่แล้วล่ะ ของที่มีอยู่ที่นี

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status