Accueil / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80) / บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

Share

บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

Auteur: sanvittayam
last update Dernière mise à jour: 2025-08-21 18:16:02

บทที่ 5 แม้จะลำบากก็ต้องสู้เพื่อครอบครัว

ส่วนทางด้านฟางเจียวเหมยก็เดินออกมาพร้อมกับรอยยิ้มมุมปาก และพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “นี่ยังน้อยไปค่ะย่า ป้าสะใภ้ใหญ่ ฉันจะปั่นป่วนบ้านใหญ่จนกว่าจะทนไม่ได้แล้วไล่บ้านสามและตัดขาดกับบ้านสาม เมื่อถึงเวลานั้นความสงบสุขก็จะกลับมาเยือนอีกครั้ง”

หลี่เหว่ยเหลียนที่อยู่ในเหตุการณ์มาตลอดรู้สึกขนลุกกับท่าทีและรอยยิ้มของพี่สะใภ้ ก่อนหน้านี้ความร้ายกาจของพี่สะใภ้นั้นเธอและทุกคนล้วนรู้ดี แต่ความรู้สึกหลังจากนี้บอกว่ามันจะเป็นอย่างที่พี่สะใภ้ของเธอพูดจริง ๆ

เมื่อมาส่งน้องสามีที่ห้อง ฟางเจียวเหมยก็กำชับว่าห้ามเปิดประตูห้องจนกว่าเธอจะกลับมา

“อย่าเปิดประตูห้องต้อนรับใครเด็ดขาดจนกว่าฉันจะกลับมาเข้าใจไหม บอกแม่ด้วย แม่ยิ่งหัวอ่อนอยู่” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงเข้มงวด

“ค่ะ พี่สะใภ้” เด็กสาวตอบรับด้วยความหวาดกลัว และก็ยังก้มหน้าก้มตาเหมือนเดิม

“โอ๊ย!! ฉันจะบ้าตาย ทั้งแม่ ทั้งน้องสามี ทำไมขี้กลัวอย่างนี้

เลิกก้มหน้าก้มตาเสียทีเถอะ ถ้าอยากหลุดออกจากขุมนรกของบ้านหลังนี้ เราต้องสู้ เข้าใจไหม” หญิงสาวพูดออกมาอย่างขัดใจและอยากจะบ้าตายเมื่อเจอท่าทางของน้องสามี

“เอ่อ...เข้าใจค่ะ ฉันจะพยายามนะคะพี่สะใภ้ แต่ฉันต้องทำอย่างไรถึงจะหลุดพ้นจากบ้านใหญ่” เด็กสาวตอบรับ และพยายามเงยหน้าขึ้นมา เธอเองก็อยากจะพาแม่และทุกคนหลุดพ้นจากบ้านใหญ่เหมือนกัน

“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะสอนเอง ตอนนี้ทำตามที่ฉันบอกก็พอ

ห้ามเปิดประตูให้ใคร ฉันจะไปซื้อของมาทำอาหาร สองแฝดเองก็ขาดของใช้เหมือน กัน ถ้าแม่ถามก็บอกฉันเข้าไปในเมืองก็แล้วกัน” พูดจบ ฟางเจียวเหมยก็เดินออกมาทันที เธอเองคงต้องหาข้ออ้างเพื่อจะเอาอาหารและของใช้มาให้ลูกน้อยทั้งสองคน!!

กลับมาทางด้านหลี่อี้ข่าย เวลานี้ชายหนุ่มยังทำงานที่ร้านข้าวสาร ทว่ากลับมีเรื่องกับลูกชายของเถ้าแก่ร้าน เมื่อเขาไม่ยินยอมให้อีกฝ่ายเอาเงินในลิ้นชักไป

“เรื่องนี้พวกแกเป็นเพียงคนงานอย่ามายุ่ง” เฉินลู่หยาง ลูกชายเถ้าแก่เฉินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับชี้หน้าไปยังพนักงานของร้านที่รวมถึง

หลี่อี้ข่ายด้วย

“แต่เรื่องนี้หากเถ้าแก่รู้ว่าเงินหายไป พวกเรานะครับที่จะเดือดร้อน หากนายน้อยจะเอาเงินร้านไป ช่วยลงชื่อกับหลงจู๊หมิ่นคังด้วยเถอะครับ”

หลี่อี้ข่ายพูดขึ้นมาด้วยเหตุผล หากนายน้อยจะเอาเงินไปเขาก็ไม่ห้าม แต่ช่วยลงชื่อด้วยรับเงินด้วย เพราะถ้าเงินหายไปแบบไม่มีที่ไปที่มา เถ้าแก่เฉินคงมาหักเงินเดือนของพนักงานอีกแน่ 

“ฉันไม่ทำอะไรทั้งนั้น เงินหนึ่งร้อยหยวนนี่ฉันจะเอาไปต่อทุน”

พูดจบเฉินลู่หยางก็ยิ้มกริ่มออกจากร้านทันทีพร้อมเงินในมือ และเดินไปยังทิศทางที่บ่อนประจำของตนเอง

“หลงจู๊ เรื่องนี้ทำไมไม่ห้ามครับ พอเงินขาดขึ้นมา พวกเราต้องถูกหักเงิน จนตอนนี้แทบจะไม่พอส่งกลับบ้านแล้วนะครับ” หลี่อี้ข่ายพูดขึ้นกับหลงจู๊ของร้าน ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้หนังสือมากนัก พอหลงจู๊ให้ลงชื่ออะไรเขาก็ยินยอม ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้นแต่รวมถึงพนักงานร้านคนอื่น ๆ ด้วย

จนตอนนี้เขาต้องหางานเงินตอนเลิกงาน เพื่อจะส่งเงินกลับบ้านให้ครอบครัว

“ไม่ใช่แค่พวกเธอหรอกนะที่เดือดร้อน ฉันเองก็ถูกหักเงินเหมือนกัน คิดดูนะว่าระหว่างเรากับลูกชาย เถ้าแก่เฉินจะฟังใคร นายน้อยปากหวานเสียอย่างนั้น” หลงจู๊เองก็จนปัญญาเหมือนกัน

“แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไร ของเก่าก็ยังถูกหักเงินไม่หมด แล้วนี่จะต้องเป็นหนี้เพิ่มอีกเหรอครับ” เผิงหยู่บ่นขึ้นมา เพราะเขาเองก็แทบไม่มีเงินเหลือส่งกลับบ้านแล้วเหมือนกัน

“ครั้งนี้พวกเธอไม่ต้องห่วง ฉันจะลงรายการเป็นอย่างอื่น”

หลงจู๊หมิ่นคังบอกเหล่าคนงาน เขาเองก็เห็นใจทุกคนและตัวเขาก็ยังถูกหักเงินไปด้วย แต่จะให้เขาชดใช้คนเดียวก็ไม่ได้ เพราะแต่ละครั้งที่นายน้อยมาเอาเงินนั้นมันจำนวนมากเสียเหลือเกิน

“เฮ้อ...อย่างนั้นพวกเราไปกินมื้อเที่ยงกันก่อนนะหลงจู๊” เผิงหยู่เดินมากอดคอหลี่อี้ข่ายแล้วลากออกมาจากร้านเพื่อไปกินมื้อเที่ยง เพราะคนใช้แรงงานแบบพวกเขาต้องใช้แรงยกข้าวสารอย่างไรล่ะ ส่วนพนักงานขายอีกสองคนก็รอรอบต่อไป

ร้านข้าวสารของเถ้าแก่เฉินเหมือนจะมีสัมปทานคนเดียวในเมืองนี้ ร้านเล็กยังต้องมาซื้อเพื่อไปขายตามหมู่บ้าน การที่จะลาออกแล้วไปหางานใหม่กันก็คงยากสำหรับคนที่ไม่มีความรู้อย่างพวกเขา พวกเขาถึงต้องทนอยู่แบบนี้เพราะไม่มีทางเลือก

หลังจากเดินออกมาจากร้าน ทั้งสองก็กลับมาที่พักเนื่องจาก

ร้านข้าวสารของเถ้าแก่เฉินนั้นมีที่พักให้

เมื่อมาถึงหลี่อี้ข่ายก็รีบไปเด็ดผักหลังบ้านที่ปลูกไว้ เอามาผัดกินกับหมั่นโถวที่ทำไว้เมื่อเช้า แม้ว่าจะทำงานร้านข้าวสาร แต่ก็ใช่ว่าจะได้กินข้าวทุกมื้อ ต่อให้ที่ร้านจะมีราคาที่ขายพนักงานก็ตาม

“นี่นายทำกับข้าวอร่อยนะ ขนาดแค่ผัดผักกินกับหมั่นโถวยังอร่อยเลย” เผิงหยู่พูดขึ้นในตอนที่กินผัดผัก

“นายก็พูดเกินไป เพราะเราสองคนทั้งเหนื่อยทั้งหิวต่างหากล่ะ

ถึงกินอะไรก็บอกว่าอร่อย” หลี่อี้ข่ายตอบกลับสหายพร้อมกับส่ายหัวน้อย ๆ กับความช่างยอของอีกฝ่าย

“ว่าแต่นายเถอะ เดี๋ยวเลิกงานแล้ว ไปหางานยกของในตลาดมืดอีกหรือเปล่า ทำงานหนักจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อนแล้วนะ”

คำว่าตลาดมืดในความหมายของเผิงหยู่นั้นมีทั้งดีและไม่ดี ก่อนที่ฟ้าจะมืดก็แบกสินค้าที่ลูกค้าต่างไปจับจ่ายซื้อของไปส่งให้ที่บ้าน ทว่าเมื่อค่ำหน่อยก็จะมีสินค้าต้องห้ามและหนีภาษีที่ต้องขนเหมือนกัน

เอาง่าย ๆ วัน ๆ หนึ่งหลี่อี้ข่ายได้นอนไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเพื่อรองานที่ไม่ได้มีทุกวัน

“อืม ยังไปเหมือนเดิม นายนั่นแหละถ้าเหนื่อยก็พัก ไม่ต้องตามฉันไปทุกวันหรอกนะ” ชายหนุ่มบอกกับสหายของตนเอง

“ฉันรู้ว่านายมีภาระเยอะนะอาข่าย แต่นายก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย เกิดเหนื่อยมาก ๆแล้วร่างกายล้มขึ้นมาจะทำอย่างไร” เผิงหยู่ส่ายหน้าเล็กน้อยให้กับความขยันของสหาย

แม้ว่าเผิงหยู่จะอยู่กันคนละหมู่บ้าน แต่เพราะเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก เลยรู้จักบ้านหลี่ดี เขารู้ดีว่าบ้านหลี่เป็นอย่างไร แถมเวลานี้สหายคนนี้ยังมีลูกน้อยอีกสองคน รวมแล้วต้องเลี้ยงคนในบ้านถึงห้าชีวิต ผู้ใหญ่สามคนเด็กสองคน ยังไม่รวมตัวของหลี่อี้ข่าย และยังไม่รวมเหลือบไรจากบ้านใหญ่ที่ต้องส่งเงินเข้ากองกลางทุกเดือน แถมยังมีภรรยาที่ร้ายกาจ

อีกด้วย

“ตัวฉันมันไม่เท่าไหร่หรอกนะอาเผิง แต่ฉันยังมีแม่และน้องที่ต้องดูแล รวมถึงภรรยาและลูกน้อยอีกสองคน ต่อให้ฉันเหนื่อยแค่ไหนฉันก็ต้องสู้เพื่อทุกคน ฉันเป็นผู้ชาย อดได้ เหนื่อยได้ แต่บ้านฉันมีแต่ผู้หญิงและ

ลูกน้อย คนที่บ้านฉันต้องไม่อด”

ชายหนุ่มตอบกลับด้วยเสียงหนักแน่น ต่อให้เขาเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด แต่เพราะคิดถึงครอบครัวที่รออยู่ เขาก็ท้อและถอยไม่ได้!!

เผิงหยู่ได้ยินคำตอบแบบนั้นก็ได้แต่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะเร่งมือกินอาหาร เพื่อที่เวลาเหลือนั้นจะได้นอนเอาแรงสักหน่อย

หลี่อี้ข่ายเมื่อกินอาหารเสร็จแล้ว เขาเหม่อมองออกไปนอกห้องพัก แล้วคิดถึงครอบครัวที่อยู่ต่างเมือง ในใจนั้นหวังว่าทุกคนจะกินอิ่มนอนหลับ ส่วนตัวเขานั้นไม่เป็นไร แม้อยากจะหางานที่ดีและได้เงินเยอะ ๆ แต่คน

ไร้ความรู้เช่นเขาก็ยากที่จะมีงานดี ๆ นอกจากงานใช้แรงงานนี่แหละ

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่น

    บทส่งท้าย ครอบครัวอบอุ่นหลี่อี้ข่ายเมื่อรู้เรื่องว่าภรรยาเหมือนจะคลอดแล้วจึงรีบตามไปที่โรงพยาบาลทันที พอมาถึงก็รู้ว่าภรรยาได้เข้าไปในห้องคลอดแล้ว เขาได้แต่เดินไปเดินมาที่หน้าห้องคลอด จนทุกคนเวียนหัวไปหมดแล้วในตอนนี้“อาข่ายหยุดเดินแล้วมานั่งก่อนเถอะ ตาเวียนหัวไปหมดแล้ว” นายท่านผู้เฒ่ากงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นเพราะเขาเวียนหัวไปหมดแล้วจากการเดินของหลานเขย“ครับ คุณตา”แต่ถึงแม้จะบอกอย่างนั้น หลี่อี้ข่ายก็ไม่ยอมนั่ง เขาเดินไปยืนเอาหน้าแนบประตูห้องคลอด เหมือนกับว่าจะมองให้ทะลุเข้าไปในห้องให้ได้ นั่นจึงทำให้ทุกคนส่ายหัวให้กับความตื่นเต้นของเขา ทั้ง ๆ ที่เคยมีลูกมาก่อนแล้วสองคนไม่นานประตูก็เปิดออกและมีคุณหมอก็ออกมาแจ้งข่าวด้วยใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มว่า“ยินดีด้วยนะคะ คุณเจียวเหมยคลอดลูกแฝดชายหญิงค่ะ”“ภรรยาผมเป็นอย่างไรบ้างครับคุณหมอ” ชายหนุ่มรีบถามถึงอาการของภรรยาก่อนจนคุณหมอต้องอมยิ้ม เพราะเขาไม่ถามเลยว่าแฝดกี่คน‘ดูท่าว่าคนนี้จะรักภรรยามากจริง ๆ’ หมอคิดในใจ“ภรรยาคุณหลังจากที่คลอดลูกก็เพลียจนตอนนี้หลับไปแล้วค่ะ อาการปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกเลยค่ะ ว่าแต่คุณพ่อไม่ถามเหรอคะ ว่าคราวนี้ลูกแฝ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย

    บทที่ 74 รับปู่กับย่ามาอยู่ด้วย“ฮือ ๆ ๆ ตาแก่นั่นตอนนี้ป่วยหนัก แต่ย่าไม่มีเงินพาไปหาหมอเพราะสะใภ้ใหญ่แอบเอาเงินที่มีไปให้บ้านเดิมยืม จนตอนนี้บ้านซ่งก็ยังไม่คืน แถมเมียอาจงพอเห็นสามีติดคุกก็หอบเงินที่มีหนีไปอีก ตอนนี้บ้านหลี่เราลำบากมาก แทบไม่มีอะไรกิน ตาแก่ทำงานหนักจนร่างกายไม่ไหวสะดุดล้มหน้าบ้าน จากนั้นก็เดินไม่ได้อีกและนอนป่วยอยู่ที่บ้าน กินน้ำต้มข้าวประทังชีวิตไปวัน ๆ ”ย่าหลี่พูดออกมาอย่างอัดอั้นตันใจ นางเคยบากหน้าไปขอจากลูกคนรอง แต่บ้านนั้นแทบจะไม่เปิดประตูต้อนรับนางเช่นกันหลี่อี้ข่ายได้ฟังอย่างนั้นก็หันไปสบสายตากับฟางเจียวเหมย เมื่อเธอพยักหน้าให้ เขาก็ออกคำสั่งกับคนที่เป็นทั้งสหายและลูกน้องคนสนิทของตนเองทันที“เผิงหยู่ นายเอารถฉันพาย่าไปรับปู่แล้วรีบไปส่งโรงพยาบาล ค่ารักษาฉันจะจ่ายเองทั้งหมด อ้อ เอาอาหารแล้วก็ของใช้ไปให้เพียงพอสำหรับปู่กับย่าด้วยนะ คนอื่นไม่เกี่ยว” ชายหนุ่มไม่อยากคิดถึงความร้ายกาจที่บ้านใหญ่มีต่อบ้านสามของเขา ครั้งนี้เขาขอทำเพื่อพ่อที่จากไป อย่างน้อยก็ได้กตัญญูแทนท่าน และเขาทำให้ปู่กับย่าเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์“ครับเถ้าแก่” เผิงหยู่ขานรับทันที เขารู้สิ่

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปัน

    บทที่ 73 ความสุขที่ได้แบ่งปันข่าวเรื่องที่ร้านหลี่ฟางจะตั้งโรงทานเพื่อแจกอาหารและของใช้ให้ชาวบ้าน ต่างกระจายไปทั่ว ไม่ว่าหมู่บ้านนั้นจะอยู่ลึกและกันดารแค่ไหน สามล้อพุ่มพวงก็เดินทางไปส่งข่าวหลังจากขายของหมดแล้ว ชาวบ้านที่ได้ยินต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทุกคนได้แต่อวยพรให้ร้านหลี่ฟางขายดีและร่ำรวยยิ่งกว่าเดิม พอนายท่านกงและนายท่านผู้เฒ่ากงทราบเรื่อง ทั้งสองก็มาช่วยลงขันด้วย โดยการมอบทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่ยากไร้ ไม่มีทุนทรัพย์ในการเรียนต่อเบื้องต้นจำนวน 50 ทุนและจะพิจารณาทุนให้เป็นการเฉพาะรายที่อยากเรียนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยจะคัดเลือกจากคนเรียนดีแต่ยากจนจริงๆ อีกครั้งในภายหลัง พอเรื่องนี้เข้าหูชาวบ้าน ทุกคนก็ยิ่งดีใจมาก เพราะหลายครอบครัวที่อยากส่งลูกหลานเรียนแต่ไม่มีเงิน“ขอบคุณตระกูลหลี่ ตระกูลฟาง และตระกูลกง นอกจากฉันจะไม่อดตายในหน้าหนาวปีนี้แล้ว หลานของฉันมีโอกาสได้เรียนต่อตามที่เขาตั้งใจไว้อีกด้วยขอบคุณจริงๆ”ยายเฒ่าคนหนึ่งหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อได้ยินประกาศจากรถสามล้อพุ่มพวง เนื่องจากเธออาศัยอยู่กับหลานชายและลูกชาย ซึ่งตอนนี้หลานชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เนื่องจากบ้านพวกเธอต่างยอม

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน

    บทที่ 72 คืนกำไรให้ชาวบ้าน“เป็นอย่างไรบ้าง อย่างที่คิดไหม” นายท่านผู้เฒ่ากงสอบถามทันทีด้วยสีหน้าร้อนรนปนตื่นเต้น เมื่อหลานทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน“เป็นอย่างที่คิดครับคุณตา เจียวเหมยตั้งท้องแล้วครับ แปดสัปดาห์แล้วครับคุณตา” หลี่อี้ข่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เพราะเวลานี้เขากำลังดีใจที่จะมีลูกเพิ่ม“จริงหรือ” หนิงหงชุนพอได้ยินว่าลูกสะใภ้ตั้งท้องอีกครั้งก็รีบวางหลานสาวเข้าคอกกั้น ก่อนจะวิ่งออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจส่วนนายท่านผู้เฒ่ากงปรากฏรอยยิ้มดีใจบนใบหน้าอย่างห้ามไม่อยู่“จริงครับแม่”หลี่อี้ข่ายตอบกลับผู้เป็นแม่ด้วยรอยยิ้มเช่นกัน เนื่องจากเวลานี้เขากำลังดีใจกว่าทุกคนในเรื่องนี้ ส่วนฟางเจียวเหมยนั้นไม่ต้องห่วง เธอนั้นมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งอบอุ่นหัวใจและดีใจก่อนจะเดินไปหาลูกน้อยทั้งสองคนที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในคอก“อาหมิง หนิงหนิง เราสองคนกำลังมีน้องแล้วนะ ดีใจไหม” ความดีใจนี้เธออยากจะบอกให้ลูกทั้งสองคนรับรู้“น้อนเหยอ” หลี่ลี่หนิงละทิ้งของเล่นในมือพร้อมกับเอียงคอถามด้วยท่าทีที่น่ารัก“ค่ะลูก หนูกำลังจะมีน้องรู้ไหม” หญิงสาวตอบกลับพร้อมกับลูบหัวลูกสาวตัวน้อยด้วยความอ่อนโยน ส่วนหลี่ชุน

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้ว

    บทที่ 71 ตั้งท้องแล้วหลังจากเปิดใจกันวันนั้นฟางหลู่เฉินและหลี่เหว่ยเหลียนก็ได้เปิดตัวกับทุกคน ซึ่งทั้งสองครอบครัวต่างก็ยินดีกับทั้งสองคนด้วย รวมถึงนายท่านผู้เฒ่ากงด้วย วันเวลาล่วงเลยจนอี้เสี่ยวม่านใกล้คลอดแล้ว ส่วนกงเฉิงเสวียนก็เดินทางไปกลับระหว่างสองเมืองเพื่อดูแลงานเองทุกที่ รวมถึงร้านรับซื้อหยกของเขาด้วย มีบางครั้งที่ฟางเจียวเหมยและสามีตามไปด้วยเพื่อหาซื้อหยกแล้วขายต่อให้พี่ชายอีกทั้งเวลานี้โรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ก็คืบหน้าไปมาก เพราะฟางเจียวเหมยทุ่มเงินไปกับส่วนนี้ไม่น้อย แม้การก่อสร้างจะเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ประสิทธิภาพและความคงทนแข็งแรงนั้นไม่ด้อยไปกว่าใคร เพราะทรัพย์สินพวกนี้เป็นอะไรที่สามารถเก็บกินระยะยาวหลายสิบปีและเธอตั้งใจจะทำเพื่อมอบไว้ให้ลูก ๆฟางเจียวเหมยและหลี่อี้ข่าย ตอนนี้ทั้งสองคนมีอิทธิพลในเมืองแห่งนี้และเมืองใกล้ ๆ ไม่น้อย เพราะกิจการที่เจริญรุ่งเรืองไม่หยุดของทั้งคู่ ทำให้เป็นที่นับหน้าถือตาของกลุ่มนักธุรกิจด้วยกัน ไม่มีใครคาดคิดว่าชาวบ้านธรรมดา จะกลายเป็นผู้มีเงินได้มากขนาดนี้อีกทั้งคุณนายหลี่อย่างฟางเจียวเหมย ยังมีฐานะเป็นหลานสาวของตระกูลกงที่มั่งคั่งและร่ำรวยระ

  • ทะลุมิติมาเป็นสะใภ้ร้ายกาจ (ยุค80)    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉิน

    บทที่ 70 คำสารภาพของฟางหลู่เฉินหลังจากส่งนายท่านกงขึ้นรถแล้ว ทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง รวมถึงกงเฉิงเสวียนที่เปิดกิจการใหม่ที่นี่ด้วยนั่นก็คือโรงแรมและอะพาร์ตเมนต์ตามคำแนะนำของน้องสาวอย่างฟางเจียวเหมย ซึ่งเธอก็สร้างด้วยเหมือนกัน เพราะกิจกรรมพวกนี้ มันไม่ได้แย่งชิงลูกค้ากันอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นที่ต้องการของคนที่อยากมีบ้านแต่ทุนน้อยและไม่มีที่ดินของตนเอง ซึ่งการที่ฟางเจียวเหมยให้พี่ชายคนนี้มาทำกิจการนี้ นั่นก็เพราะว่ากงเฉิงเสวียนมีเส้นสายในการขออนุญาตกับภาครัฐอย่างไรล่ะ หากเป็นตาสีตาสาเช่นเธอ ทุกอย่างคงจะยากน่าดูพอทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว นายท่านผู้เฒ่ากงก็หันมาเล่นกับสองแฝดด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าของชายชราปรากฏให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมีความสุขที่จะอยู่ตรงนี้ ซึ่งเด็กน้อยแม้จะพูดไม่ค่อยชัดเพราะเริ่มหัดพูด แต่ก็พยายามโต้ตอบสื่อสารกับผู้เป็นทวดของทั้งสองคนอย่างร่าเริง“ฉันฝากสองแฝดหน่อยนะคะนายท่านผู้เฒ่า เดี๋ยวจะไปเตรียมอาหารไว้สำหรับมื้อเที่ยงของเด็กๆ วันนี้นายท่านต้องการรับประทานอาหารชนิดไหนคะ ฉันจะได้เตรียมไว้ให้” หนิงหงชุนพอเห็นว่าทุกคนไปหมดแล้ว เลยฝากหลานทั้งสองไว้ให้นายท่านผู้

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status