Share

บทที่ 3 ทะลุมิติแล้วสินะ

Auteur: sanvittayam
last update Dernière mise à jour: 2025-08-21 18:26:15

บทที่ 3

ทะลุมิติแล้วสินะ

ฟ้ายังไม่ทันสาง กุ้ยจื่อหลงรีบไปยืมจักรยานของบ้านหม่าเพื่อไปส่งลูกสาวที่สถานีรถไฟ ไม่นานกุ้ยจื่อหลงก็มาถึงบ้าน

“เรียบร้อยหรือยังอันอัน”

“เรียบร้อยแล้วค่ะพ่อ” กุ้ยหนิงอันหันมาตอบพ่อของตนก่อนจะกล่าวลาแม่และน้องทั้งสองคน

“แม่ต้องดูแลตัวเองนะ ฉันไปถึงปักกิ่งแล้วจะรีบหางานทำ ฉันจะส่งเงินกลับมาให้ทุกเดือน เราสองคนก็เหมือนกัน พี่ไม่อยู่ต้องช่วยกันดูแลพ่อกับแม่ ขยันเรียนและอย่าเกเรรู้ไหม”

กุ้ยหนิงอันเอ่ยกับแม่จบจึงหันกลับมาคุยกับน้องชายทั้งสองคน

“ครับพี่ใหญ่ เราสองคนสัญญาครับ และจะไม่ทำตัวเกเร จะตั้งใจเรียนไม่ให้พี่ใหญ่ต้องผิดหวัง” กุ้ยหมิงเล่อให้สัญญากับพี่สาวคนโตที่ยอมเสียสละเพื่อเขากับน้องชายฝาแฝด

“ผมก็เช่นกัน จะช่วยงานและดูแลพ่อแม่ รวมถึงจะไม่เกเรและจะขยันเรียน พี่ใหญ่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ หากไม่ไหวก็กลับมา”

น้องเล็กของบ้านอย่างกุ้ยหมิงเฮ่อกล่าวตบท้าย แฝดน้องคนนี้เป็นคนเงียบขรึม แต่ทุกประโยคที่หลุดออกมานั้นล้วนมาจากใจทั้งสิ้น

หลังจากที่ร่ำลากันแล้ว กุ้ยจื่อหลงจึงรีบพาลูกสาวอย่างกุ้ยหนิงอันออกมาจากหมู่บ้าน เพราะไม่ต้องการให้บ้านใหญ่เห็น หลังจากนี้เกิดอะไรขึ้นเขาจะรับหน้าเอง ขอเพียงอันอันของเขาปลอดภัยและไม่ต้องแต่งงานกับชายที่ไม่ได้รักก็พอ

“เดินทางปลอดภัยนะอันอัน เมื่อไหร่ที่ลูกเหนื่อยและไม่ไหว ให้นึกถึงบ้านและครอบครัวแล้วรีบกลับมา ต่อให้บ้านเราจะจนสักแค่ไหน พ่อไม่เคยคิดจะส่งลูกไปทำงานไกลบ้านเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ทว่าครั้งนี้พ่อต้องส่งลูกไป อันอันเข้าใจพ่อใช่หรือไม่”

น้ำเสียงของผู้เป็นพ่อนั้นสั่นเครือ เขาไม่อยากให้ลูกสาวที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงตั้งแต่เด็กต้องจากบ้านไปยังที่ห่างไกล เมืองปักกิ่งนั้นไม่ใกล้เลย อีกทั้งที่นั่นความเจริญรุ่งเรืองนั้นมีมากกว่าที่นี่นัก เขากลัวว่าอันอันที่อ่อนต่อโลกของเขาจะโดนหลอกเอาได้

ทว่าครั้งนี้มันจำเป็นนัก หากบ้านใหญ่ไม่ก่อเรื่อง เขาคงไม่มีทางยอมให้อันอันไปทำงานไกลเช่นนี้

“พ่อไม่ต้องกังวลนะ ฉันเข้าใจ อีกทั้งตัวฉันเองเลือกที่จะไปทำงานที่ปักกิ่ง เอาเป็นว่าเมื่อไหร่ที่ลูกสาวของพ่อคนนี้ไม่ไหวกับเมืองหลวง ฉันจะกลับมานะคะ พ่อกับแม่ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะ อย่าทำงานหนัก หากได้งานและได้เงินเดือนแล้วฉันจะรีบส่งกลับมาให้”

เธอไม่ต้องการให้พ่อคิดมากกับเรื่องที่เธอเดินทางไปหางานทำที่ปักกิ่ง เรื่องนี้เธอเลือกและตัดสินใจเอง ประจวบกับบ้านใหญ่ก่อเรื่อง ทำให้เธอได้รับอนุญาตจากครอบครัว

สองพ่อลูกร่ำลากันไม่นาน สัญญาณของรถไฟเตือนว่ากำลังจะออก กุ้ยหนิงอันจึงเอ่ยลาผู้เป็นพ่ออีกครั้ง ก่อนจะหิ้วสัมภาระเดินไปขึ้นรถไฟ

กุ้ยจื่อหลงมองแผ่นหลังของบุตรสาวจนลับสายตา ก่อนจะรอจนรถไฟเคลื่อนขบวนออกไปจากนั้นจึงหมุนตัวกลับหมู่บ้านเพื่อนำจักรยานไปคือหัวหน้าหมู่บ้าน และเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสุดท้ายแล้วเมื่อบุตรสาวไปต่างมณฑลเธอจะมีความสุขมากกว่าอยู่ที่นี่ โดยที่กุ้ยจื่อหลงไม่รู้เลยว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้พบกับกุ้ยหนิงอันตัวจริง

แต่แล้วในระหว่างเดินทาง กุ้ยหนิงอันเกิดอาการกำเริบ ทว่าดีหน่อยที่รถไฟนั้นจอดสถานีหนึ่งเพื่อรับผู้โดยสายพอดี

“ช่วยด้วย มีคนเป็นลม”

ชาวบ้านที่นั่งอยู่กับกุ้ยหนิงอัน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวอ่อนวัยคนนี้เป็นลมและหมดสติไป จึงได้ร้องเรียกให้คนในขบวนนี้มาช่วยกัน

เจ้าหน้าที่ที่อยู่ไม่ไกลจึงรีบมาอุ้มเธอไปโรงพยาบาลพร้อมกับให้ชาวบ้านที่ลงสถานีนี้ช่วยเอาสัมภาระเธอลงมา เพราะรถไฟขบวนนี้ยังคงต้องออกเดินทางต่อ

ทันทีที่ร่างของกุ้ยหนิงอันถูกนำส่งโรงพยาบาลก็โดนพาเข้าห้องฉุกเฉิน หมอและพยาบาลต่างก็ช่วยกันจนสุดความสามารถ แต่ทว่าทุกคนได้แต่ส่ายหน้าเมื่อชีพจรของเธอกลับไม่เต้นอีกแล้ว

“ผู้ป่วยชีพจรไม่เต้นแล้วค่ะคุณหมอ” พยาบาลเอ่ยแจ้งคุณหมอเพื่อให้รู้ว่าคนไข้รายนี้เสียชีวิตแล้ว

เมื่อได้ยินเช่นนั้นทั้งหมดและพยาบาลต่างก็หยุดมือ และเสียใจที่ช่วยคนไข้รายนี้ไว้ไม่ได้

“ลองดูสิว่าคนไข้รายนี้มีเอกสารอะไรมาบ้าง จะได้แจ้งให้ทางบ้านทราบเรื่อง ร่างกายของคนไข้รายนี้อ่อนแอและมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว ทางบ้านคงจะเข้าใจ”

คุณหมอวัยกลางคนเอ่ยขึ้น เขาเองก็ทำเต็มที่แล้วเช่นกัน แต่แล้วอยู่ ๆ ชีพจรของกุ้ยหนิงอันกลับเต้นขึ้นอีกครั้ง จนพยาบาลที่อยู่ตรงนั้นได้แต่ร้องเรียกคุณหมออีกครั้ง

“คุณหมอคะ ชีพจรคนไข้กลับมาเต้นแล้วค่ะ”

ทันทีที่รู้ว่าชีพจรคนป่วยกลับมาเต้นอีกครั้ง ทั้งคุณหมอและพยาบาลต่างช่วยกันสุดความสามารถจนในที่สุดกุ้ยหนิงอันพ้นขีดอันตราย ก่อนที่จะพากุ้ยหนิงอันไปพักที่ห้องพักฟื้นของผู้ป่วย

ร่างของกุ้ยหนิงอันค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีผู้ป่วยคนอื่นอยู่ด้วย

“เอ๊ะ นี่ฉันยังไม่ตายเหรอ แต่โดนยิงขนาดนั้นทำไมไม่เจ็บล่ะ”

ในขณะที่กำลังคิดออกมานั้นกลับต้องตกใจสุดขีดเมื่อเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงของเธออีกทั้งยังไม่ใช่ภาษาที่เธอใช้อยู่ทุกวัน

“โอ๊ย! ปวดหัวเหลือเกิน”

นภัสสรที่อยู่ในร่างของกุ้ยหนิงอันใช้มือทั้งสองข้างกุมหัว เนื่องจากอยู่ ๆ เธอกลับปวดหัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้พยาบาลที่อยู่แถวนั้นต้องรีบเข้ามาดูอาการ ก่อนจะรีบออกไปเรียกคุณหมอให้มาดูผู้ป่วยคนนี้

ในระหว่างที่ปวดหัวกลับมาภาพความทรงจำบางอย่างฉายชัดขึ้นมา ทำให้นภัสสรรู้ว่าเธอนั้นตายจากครอบครัวแล้ว และดันเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กสาวที่ชื่อกุ้ยหนิงอัน แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่า เธอกลับย้อนอดีตกลับมานี่สิ

“คุณกุ้ยไม่ทราบว่าปวดตรงไหนหรือครับ”

คุณหมอเดินเข้ามาเร่งรีบเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีอาการปกติ จึงได้แต่ขมวดคิ้วแปลกใจและเอ่ยถามว่ายังเจ็บปวดที่ใดอีกหรือไม่

“ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะคุณหมอ ไม่ทราบว่าฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่คะ”

ในเมื่อเธอคือกุ้ยหนิงอัน นภัสสรคิดว่าควรจะทำตามความประสงค์ร่างเดิม นั่นคือเดินทางไปปักกิ่งเพื่อหางานทำ อย่างน้อยเธอเคยลำบากมาก่อนงานอะไรเธอก็ไม่เกี่ยง

“เช่นนั้นหมอต้องขอตรวจร่างกายอีกครั้ง ถึงจะตอบได้ว่าคุณสามารถออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่”

“ขอบคุณค่ะ”

จากนั้นคุณหมอท่านนี้จึงให้พยาบาลพากุ้ยหนิงอันไปที่ห้องตรวจเพื่อตรวจร่างกายอีกครั้ง อย่าลืมว่าร่างนี้มีโรคประจำตัว หากให้ออกจากโรงพยาบาลโดยที่ร่างกายยังไม่หายดี คุณหมอกลัวว่าอาการของคนไข้จะทรุดหนักอีก

หลังจากที่ตรวจร่างกายแล้ว กลับทำให้คุณหมอท่านนี้แปลกใจเนื่องจากว่าร่างของกุ้ยหนิงอันกลับไม่มีอาการป่วยหลงเหลืออีกเลย นั่นจึงทำให้กุ้ยหนิงอันได้รับอนุญาตออกจากโรงพยาบาลได้ทันที

หลังจากที่ได้รับอนุญาต กุ้ยหนิงอันจึงตัดสินใจเดินทางเข้าปักกิ่งเพื่อหางานทำ แม้อยากจะกลับไปหาครอบครัวของร่างนี้แค่ไหน แต่ปัญหาที่บ้านใหญ่กุ้ยก่อไว้ป่านนี้น่าจะยังไม่จบสิ้น

หากกลับไปเท่ากับหาเรื่องใส่ตัว ดังนั้นเธอจึงตั้งใจว่าหาเงินให้ได้สักก้อนก่อนจะกลับบ้านไปใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว แล้วค่อยหางานทำแถวบ้านเอา อย่างไรน้องชายฝาแฝดทั้งสองคนยังต้องเรียนหนังสือ เธอตั้งใจว่าจะสานฝันต่อจากร่างเดิม เพื่อขอบคุณที่ทำให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อีกครั้ง แม้ว่าจะไม่มีครอบครัวเดิมของเธอก็ตาม

การเดินทางของเธอผ่านไปร่วมสามวัน ในที่สุดเธอก็มาถึงปักกิ่งเมืองหลวงของประเทศนี้

“เอายังไงดีล่ะ เงินมีไม่กี่สิบหยวน หากต้องเช่าห้องเพื่อหางานทำ จะมีเงินเหลือกินไหมล่ะนี่”

กุ้ยหนิงอันมองเงินที่เหลืออยู่ด้วยความจนใจ ไหนจะต้องจ่ายค่ารถไฟสองต่อ จ่ายค่าโรงพยาบาลเธอแทบจะไม่เหลือเงินแล้ว หากยังหางานไม่ได้แทนที่จะได้ส่งเงินกลับบ้านเธอได้นอนข้างถนนแน่

แต่อย่างไรก็ต้องหาที่พักกุ้ยหนิงอันจึงเดินหาห้องเช่าราคาไม่แพงมากจนมาเจออะพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่ง จากนั้นจึงทำการเช่าห้องเป็นรายเดือน

“เรามาจากต่างมณฑลเหรอ มาทำอะไรล่ะ”

จิงซือคนดูแลอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ส่วนมากอะพาร์ตเมนต์แห่งนี้ถ้าไม่ใช่นักศึกษาที่พักนอกมหาวิทยาลัยก็จะเป็นคนทำงานทั้งสิ้น

และเจ้านายของเธอก็ให้เช่าราคาไม่แพงเหมือนอะพาร์ตเมนต์ทั่วไป ดีที่วันนี้มีห้องว่างเพียงหนึ่งห้องเพราะคนเก่าแต่งงานและย้ายไปอยู่กับสามี เลยทำให้กุ้ยหนิงอันมีห้องเช่าที่ดูดีและราคาถูกอยู่

“ฉันมาหางานทำค่ะป้า ป้าพอจะทราบไหมว่ามีที่ไหนรับสมัครงานบ้าง”

“มีนะพอมีอยู่ เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่นี่แหละ แต่โรงแรมรับเพียงแม่บ้าน เราจะทำได้ไหม”

ป้าจิงเอ่ยถามและมองกุ้ยหนิงอันอย่างสงสาร แต่ส่วนมากเด็กสาวอายุเท่านี้ไม่ค่อยชอบทำงานบ้านสักเท่าไร

“จริงเหรอคะป้า งานอะไรฉันทำได้หมด ขอเพียงมีงานทำเท่านั้น”

กุ้ยหนิงอันส่งเสียงขึ้นอย่างดีใจ สำหรับเธองานแม่บ้านก็ดีแล้ว ร่างนี้พอจะมีความรู้ แค่แม่บ้านก็พอแล้ว

“เช่นนั้นพรุ่งนี้มารอป้าที่ด้านล่าง ป้าจะพาไปสมัครงาน หลานสาวป้าทำงานอยู่ที่นั่น แต่จะได้หรือไม่ป้าไม่รับปากนะ วันนี้เราขึ้นไปพักก่อนเถอะ ป้าชื่อจิงซือ เรียกว่าป้าจิงเถอะ”

จิงซือรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวตรงหน้า จึงเอ่ยว่าพรุ่งนี้จะพาไปสมัครงาน อย่างน้อยเธอก็คนต่างถิ่นเหมือนกันช่วยกันไว้ไม่เสียหายอะไร

“ฉันชื่อหนิงอัน หรือป้าจะเรียกฉันว่าอันอันก็ได้ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักและขอบคุณมากที่ป้าช่วยเหลือเรื่องงาน”

“ไม่เป็นไรหรอก อันอันขึ้นไปพักก่อนเถอะ พรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าลงมาหาป้าที่นี่ ขาดเหลืออะไรก็มาบอกป้า”

จิงซือเอ่ยย้ำอีกครั้ง หากเด็กสาวตรงหน้าได้งานที่โรงแรมของตระกูลหลันจะเป็นเรื่องดีมาก เจ้านายทุกคนไม่ถือตัวและยังใจดีแถมสวัสดิการของพนักงานดีมากอีกด้วย

กุ้ยหนิงอันเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะเดินขึ้นตึกไปด้วยความหวัง เธอหวังว่าพรุ่งนี้เมื่อสมัครงานแล้วเธออาจจะได้งานทำที่นี่เลย อย่างน้อยเงินเดือนออกเธอจะได้มีเงินส่งให้ครอบครัว

          ทันทีที่เข้ามาในห้องพัก กุ้ยหนิงอันได้แต่แปลกใจเพราะเฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างล้วนเป็นของดีทั้งหมด ซึ่งไม่น่าจะให้เช่าเพียงเดือนละห้าหยวน และบางอย่างไม่น่าจะเป็นของในยุคนี้ต่อให้ยุคนี้มีเครื่องใช้ไฟฟ้าแต่ไม่น่าจะทันสมัยเช่นนี้

แต่อย่างไรไม่ใช่เรื่องของเธอ ตัวเธอเองยังทะลุมิติมาที่นี่ได้ ไม่แน่ว่าเจ้าของโรงแรมแห่งนี้อาจจะทะลุมิติมาเหมือนกับเธอ

หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว กุ้ยหนิงอันจึงล้มตัวนอนเพื่อเอาแรง วันนี้เธอเหนื่อยกับการเดินทางมามากพอแล้ว อีกทั้งก่อนจะมาที่นี่เธอกินอาหารที่ขายข้างทางแล้วเช่นกัน จึงไม่กังวลว่าจะหิวขึ้นมาอีก

Continuez à lire ce livre gratuitement
Scanner le code pour télécharger l'application

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทส่งท้าย ครอบครัวที่มีความสุข

    บทส่งท้ายครอบครัวที่มีความสุขจิ้งเจี้ยนซาพาลูก ๆ มาที่เซียงไฮ้ และแวะมาเยี่ยมเยียนซีซวนด้วย ซ่งซีซวนนำลูก ๆ ออกมาต้อนรับเพื่อนสนิทด้วยความคิดถึง พอเจอหน้ากันก็รีบโผกอดอย่างเร็ว“ซวนซวนเป็นยังไงบ้าง” กุ้ยหนิงอันผละออกและเปิดปากถามก่อน“ก็เรื่อย ๆ ตอนนี้งานฉันเริ่มจะเข้าที่เข้าทางแล้ว”ซีซวนก็กลอกตามองบน ตอบคำถามไปอย่างเหนื่อยหน่าย เพราะตั้งแต่แต่งงานมา เธอยังไม่มีเวลาส่วนตัวเลย เนื่องจากถูกนายท่านสามลากไปเรียนรู้งาน พอกลับมาบ้าน ก็ต้องรับมือกับลูก ๆ ตกดึกยังมีสามีที่นอนรออยู่บนเตียงอีก“เธอกับสามีล่ะ” จากนั้นก็ถามกุ้ยหนิงอันกลับไป พร้อมกับเหลือบไปมองสามีของเธอ และเพื่อนสนิทที่กำลังดูแลลูก ๆ อยู่“ก็กำลังปรับตัวกันอยู่ พี่เจี้ยนซาเขาไม่ค่อยถนัดงานบริหาร ฉันเองก็ต้องเรียนรู้ไปกับเขาด้วย” กุ้ยหนิงอันจึงตอบกลับไป เธอเองก็ไม่ต่างจากเพื่อนนัก“พอเธอมา ฉันเลยหาข้ออ้างที่จะหยุดกับอาสามได้”ซีซวนบ่นอุบให้เพื่อนสนิทฟังอย่างอดไม่ได้ จากนั้นก็พรั่งพรูความลำบากที่ถูกนายท่านสามซ่งใช้งานอย่างหนัก โดยมีกุ้ยหนิงอันนั่งฟังไปด้วย หัวเราะไปด้วยส่วนจิ้งเจี้ยนซาและหลันอี้ข่าย ก็รับหน้าที่ดูแลเด็กทั้งสี่ค

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทที่ 73 ช่วยกันทำงาน

    บทที่ 73ช่วยกันทำงานหลังจากที่นายท่านจิ้งเริ่มวางมือ งานของจิ้งเจี้ยนซาก็มากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้แผนงานของเขานั้นแทบไม่มีเวลาที่จะได้อยู่กับภรรยา กุ้ยหนิงอันก็มาช่วยงานสามีเช่นกัน ในฐานะผู้ช่วย“สวัสดีครับคุณชายจิ้ง”นายท่านไช่ คู่ค้าของธุรกิจตระกูลจิ้ง ตั้งแต่รุ่นพ่อที่มีนัดกับจิ้งเจี้ยนซาในวันนี้มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว เมื่อชายหนุ่มที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กเดินเข้ามา เขาก็ลุกขึ้นและเอ่ยทักทาย“สวัสดีครับท่าน” จิ้งเจี้ยนซาก็คุ้นเคยกับชายวัยกลางคนตรงหน้าไม่น้อย เนื่องจากนายท่านไช่นั้นเป็นรุ่นน้องของพ่อเขาอีกที“ไม่เจอกันเสียนาน งานแต่งงานต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ไป”นายท่านไช่เอ่ยขอโทษ เพราะงานแต่งงานของจิ้งเจี้ยนซานั้นเขาไม่ได้ไปร่วม เนื่องจากมีงานด่วนที่ต่างประเทศ ทำได้เพียงส่งของขวัญไปแสดงความยินดีเท่านั้น“ไม่เป็นไรเลยครับ ผมเข้าใจว่าท่านไปต่างประเทศ” ซึ่งจิ้งเจี้ยนซาก็เข้าใจ“ยังไงก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะ” นายท่านไช่จึงแสดงความยินดีด้วยอีกครั้ง“ขอบคุณครับ นี่กุ้ยหนิงอัน ภรรยาของผมครับ” จิ้งเจี้ยนซาตอบรับ และแนะนำภรรยาที่มาด้วยกันให้ผู้ใหญ่รู้จัก“สวัสดีค่ะนายท่านไช่” กุ้ยหนิงอันค้อมก

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทที่ 72 ค่าสินสอดที่ถูกกล่าวขาน 

    บทที่ 72ค่าสินสอดที่ถูกกล่าวขาน จิ้งเจี้ยนซาพาครอบครัวภรรยา และลูก ๆ เดินทางมาที่ปักกิ่ง เพื่อจัดเตรียมงานแต่งงานของเขาที่นี่ ถ้าว่ากันตามความจริงแล้ว ก็ไม่เชิงว่ามาจัดเตรียมงานเท่าไรนัก เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ และอาสาทำเองทุกอย่างคือนายท่านจิ้งที่เดินทางมาจัดเตรียมงานก่อนพวกเขาเสียอีกครอบครัวกุ้ยได้เชิญคนในหมู่บ้านที่มีความสัมพันธ์อันดีมาด้วย แต่เว้นแต่บ้านใหญ่ ที่ตอนนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแล้ว และคนที่ถูกเชิญก็จะตามมาเมื่อใกล้ถึงวันงาน โดยมีบ้านสามกุ้ยเป็นคนพามานั่นเองพอจิ้งเจี้ยนซา และคนบ้านกุ้ยมาถึงปักกิ่งก็เข้าพักที่คฤหาสน์ของตระกูลจิ้งกันวันแรกถือเป็นการพักผ่อน และทำตัวให้ชินในเมืองหลวง ซึ่งคนบ้านกุ้ยก็ไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้วแต่วันที่สองนั้นกุ้ยหนิงอันก็ถูกสามีลากมาลองชุดแต่งงานที่ห้องเสื้อแห่งหนึ่ง หญิงสาวก็ให้ความร่วมมือด้วยความเต็มใจ“ชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ” เธอลองชุดออกมาให้สามีดูเป็นชุดที่ห้า ซึ่งเขาก็ดูพอใจกับทุกชุด เพียงแต่แค่เขาเห็นส่วนไหนที่วาบหวิวเพียงนิดเดียว ก็แสดงความไม่พอใจออกมาทันที“ชุดนี้ดีครับ” จิ้งเจี้ยนซาพยักหน้าพอใจเมื่อเห็นภรรยาในชุดแต่งงาน เขาอยากใ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทที่ 71 งานมงคลของซ่งซีซวน

    บทที่ 71 งานมงคลของซ่งซีซวนหลังจากที่กุ้ยจื่อหลงจัดการปัญหากับบ้านใหญ่แล้ว คนบ้านกุ้ยก็มาทุ่มเทให้กับสวนผลไม้ โดยมีจิ้งเจี้ยนซาคอยช่วยเหลือทุกอย่าง เนื่องจากเขาลาออกจากราชการแล้วจึงมีเวลาช่วยงานภรรยากุ้ยหนิงอันเองก็ช่วยสามีทำงานเช่นกัน เพราะตอนนี้นายท่านจิ้งนั้นได้เริ่มวางมือให้ลูกชายไปช่วยดูแลธุรกิจให้แล้ว ทำให้สองสามีภรรยาไม่ค่อยมีเวลาว่างกันเลยจนใกล้วันที่เป็นงานแต่งงานของซ่งซีซวนและหลันอี้ข่ายแล้ว บ้านกุ้ยจึงขนกันไปที่เซียงไฮ้ เพื่อร่วมงานแต่งงานของทั้งสองคนในส่วนงานแต่งงานของกุ้ยหนิงอันและจิ้งเจี้ยนซานั้น ตกลงกันไม่ได้ เพราะนายท่านจิ้งก็อยากจะจัดงานที่ปักกิ่งด้วย จึงทำให้จะมีงานแต่งงานถึงสองที่ด้วยกัน งานแต่งงานของซีซวนในครั้งนี้ จิ้งเจี้ยนซาก็ถือโอกาสมาแจกการ์ดงานแต่งงานของเขาด้วยเช่นกันงานแต่งงานของซ่งซีซวนรอบบ่ายจัดขึ้นที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนายหญิงหลันที่เป็นคนจัดเตรียมทุกอย่าง ทำให้งานออกมาอลังการเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเข้างานก็รับรู้ได้ถึงความหรูหรา ส่วนตอนเช้าได้ทำพิธียกน้ำชาตามธรรมเนียมเรียบร้อยแล้วกุ้ยหนิงอันนั้นถือว่าเป็นญาติทางซีซวน จึงมีคนมาพาเธอและลูก ๆ ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทที่ 70 รบเร้าอยากแต่งงาน

    บทที่ 70 รบเร้าอยากแต่งงานหลังจากงานศพของแม่เฒ่ากุ้ยผ่านพ้นไป กุ้ยจื่อหลงแม้จะมีเศร้าใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ถึงขั้นทุกข์ตรม แต่ว่าพอเสร็จสิ้นงานศพ พี่ใหญ่ หรือลุงใหญ่กุ้ยก็มาคุยกับเขา คือเรื่องที่อีกฝ่ายนั้นใช้เงินไปจนหมดกับการจัดงานแล้ว ไหนจะหลานชายที่ถูกจับตัวไปอีก ทางนั้นต้องการให้เขาบอกกับลูกเขย ใช้เส้นสายพาหลานชายออกมา“พ่อเป็นอะไรไปคะ” กุ้ยหนิงอันเดินผ่านไปแล้วเห็นพ่อนั่งคิดอะไรอยู่จึงเดินเข้าไปถามไถ่“อันอัน”“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” กุ้ยหนิงอันเห็นสีหน้าของคนเป็นพ่อก็รู้สึกไม่ดี เพราะพ่อกุ้ยเหมือนมีเรื่องเครียดอะไรที่เธอไม่รู้“ลุงใหญ่ของลูกขอให้ช่วยลูกชายเขาที่ติดคุกอยู่ตอนนี้”แต่เมื่อกุ้ยจื่อหลงเอ่ยออกมา กุ้ยหนิงอันกลับมีสีหน้าที่เอือมระอา ขนาดตงเฉิงทำเรื่องร้ายแรง จนทำให้ย่ากุ้ยต้องตายไป บ้านใหญ่ยังถือหางอยากจะช่วยเขาอีก เธอไม่แปลกใจเลยที่ลูกชายของลุงใหญ่จะเติบโตมาแบบนี้“เราช่วยไม่ได้หรอกนะคะพ่อ เขาทำผิด ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งไม่ดีเอง” และแน่นอนว่าเธอต้องปฏิเสธที่จะให้ความช่วยเหลือเรื่องนี้“พ่อว่าจะออกค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกี่ยวกับงานศพของย่า อันอันคิดเห็นยังไงลูก”กุ้ยจื่อหลงก็ไม่ได้ค

  • ทะลุมิติมาเป็นแม่หัวใจแกร่ง (ยุค 80 )   บทที่ 69 ตัดสินใจลาออก 

    บทที่ 69 ตัดสินใจลาออก หลังจากผ่านเรื่องราวร้าย ๆ ในที่สุดก็ถึงวันที่ซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนนายท่านซ่ง ไม่ว่าจะเป็นหุ้นส่วนหรือกรรมการต่างก็เห็นด้วย เพราะรู้ดีว่าซีซวนนั้นเป็นสะใภ้รองของตระกูลหลัน และยังมีตระกูลหยางรวมถึงเธอยังเป็นเพื่อนรักกับสะใภ้เพียงหนึ่งเดียวของตระกูลจิ้งอีกด้วยวันนี้ภายในงานจึงมีแขกมากมายมาร่วมยินดี ทว่าสิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจไม่ใช่เพราะซีซวนขึ้นรับตำแหน่งแทนบิดา แต่เป็นคนที่ซีซวนเอ่ยขึ้นเพื่อให้รักษาการในตำแหน่งนี้แทนเธอมากกว่า“วันนี้ต้องขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่านที่มาร่วมงาน วันนี้ฉันจะขอแจ้งรายชื่อรองผู้นำ ซึ่งนั่นก็คือซ่งโหมวช่าย หรือก็คืออาสามของฉันเอง”นายท่านสามซ่งได้แต่นิ่งค้างเมื่อตำแหน่งรองผู้นำตระกูลตกลงมาบนหัว ก่อนจะมองหน้าพี่ชายและหลานสาวด้วยคำถามทันทีที่เห็นพี่ชายพยักหน้าให้ เขาจึงเดินมาหาหลานสาวบนเวที“เพราะอะไรซีซวน”“เพราะอาไม่เคยคิดร้ายฉันและคุณพ่อยังไงล่ะคะ อีกทั้งตัวฉันเองอายุยังน้อย ยังต้องศึกษาอีกหลายเรื่อง เมื่อคุณพ่อวางมืออาสามจึงเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ที่สุดแล้ว อีกทั้งเราคือครอบครัวเดียวกันค่ะ”ต่อให้ที่ผ่านมาเธอใช้ความรู้คำว่าครอบครัวต

Plus de chapitres
Découvrez et lisez de bons romans gratuitement
Accédez gratuitement à un grand nombre de bons romans sur GoodNovel. Téléchargez les livres que vous aimez et lisez où et quand vous voulez.
Lisez des livres gratuitement sur l'APP
Scanner le code pour lire sur l'application
DMCA.com Protection Status